“มันคือมารร้ายที่สังหารองค์ชายชุนเทียน ฆ่ามันเสีย”
ชื่อซิ่นยกมือชี้ผู้ที่กำลังย่างสามขุมมาหาตนอย่างเชื่องช้า
“พวกเจ้าก็เห็นว่าเวลานี้องค์ชายไม่เหมือนเดิมแม้แต่น้อย นั่นเพราะมันผู้นี้ไม่ใช่พระองค์ จะชักช้าอยู่ไย เราต้องแก้แค้นให้องค์ชายเดี๋ยวนี้”
พร้อมกับพูดก็พยายามลุกขึ้น ทว่าไม่อาจทำได้ สุดท้ายเหล่าทหารที่ต่างก็ลอบมองกันจึงตัดสินใจช่วยหัวหน้าตน เพราะลำบากมาด้วยกันในฐานะองครักษ์และอีกฝ่ายเป็นผู้ที่จริงจังต่อหน้าที่ ทั้งยังดูแลองค์ชายรองมาเนิ่นนาน รักและเทิดทูนยิ่งกว่าผู้ใด ที่สำคัญความเปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังมือขององค์ชายรองในช่วงสามเดือนมานี้ก็ชัดแจ้งต่อบรรดาองครักษ์ทุกนาย
เยี่ยนเฉินมองเหล่าทหารที่ต่างก็ยกดาบขึ้นและค่อยๆ ขยับล้อมเข้ามาพลางยิ้มมุมปาก
“ในเมื่อเจ้าและคนของเจ้าเลือกเช่นนี้ ก็อย่าหาว่าข้าใจร้ายก็แล้วกัน”
เขาเอ่ยเสียงเหี้ยมก่อนจะตะโกนเสียงดัง
“เข้ามาเลย เจ้าพวกทหารหน้าโง่ทั้งหลาย”
ทหารหลายนายพุ่งเข้าหาร่างสูงโปร่งตามคำท้า ด้วยต่างก็มั่นใจแล้วว่าคนผู้นี้ไม่ใช่นายของตน ขณะที่มีคนช่วยพยุงเหลียงชื่อซิ่นจนลุกขึ้นมาได้ แต่เขาไม่ได้อยู่นิ่ง ยังหาดาบเข้าฟาดฟันร่วมกับบรรดาลูกน้องของตน
แน่นอนว่าไม่มีผู้ใดเข้าถึงตัวเยี่ยนเฉินได้ แม้ปลายดาบก็ไม่อาจแตะต้องผิวเนื้อ ร่างสูงโปร่งหลบหลีกรวดเร็ว ทั้งยังซัดฝ่ามือใส่ผู้ที่ประชิดจนกระเด็นกระดอนออกไปตามกันหลายนาย ต่างคนต่างก็ได้รับบาดเจ็บหนักจนลุกไม่ขึ้น แม้กระทั่งผู้ที่ลอบเข้ามาทางด้านหลังก็ยังไม่สามารถทำร้ายเขาได้
“พวกเจ้ามีความสามารถเพียงแค่นี้หรือ”
เยี่ยนเฉินเยาะหยัน
ปลายดาบของชื่อซิ่นทิ่มลงพื้นเพื่อประคองตนเองหลังถูกหมัดหนักเข้าที่หน้าท้องเต็มๆ ทหารของตนนอนเจ็บระนาวรายรอบทำให้เขายิ่งไม่ยอมจำนนในเมื่อตนเป็นหัวหน้า ต่อให้จะมีเพียงตนสู้เป็นคนสุดท้ายก็จะยืนหยัดต่อให้ได้แม้จะแทบไม่เหลือเรี่ยวแรงก็ตาม
“ข้าจะทำให้เจ้ารู้ว่า ทหารแคว้นจ้าว จะไม่ยอมล้มโดยง่าย แม้ศัตรูจะแข็งแกร่งเพียงใดก็ตาม ย้ากกก!”
ร่างสูงกำยำของชื่อซิ่นยกดาบขึ้นวิ่งเข้าหาชายผู้ปลอมแปลงเป็นองค์ชายอย่างไม่หวั่นเกรง
“หึ น่านับถือ แต่ข้าขี้เกียจเล่นกับพวกเจ้าแล้ว”
เยี่ยนเฉินเปล่งเสียงเหี้ยมออกมา ทว่ากลับยืนนิ่ง แต่ก่อนที่ชื่อซิ่นจะถึงตนเพียงไม่กี่ก้าว ร่างสูงโปร่งก็ขยับวูบเร็วในชั่วพริบตาแทบมองไม่ทัน แล้วก็เห็นว่ายืนชิดติดร่างของหัวหน้าองครักษ์ขณะที่มือทะลุเข้าไปในอกหนาของชื่อซิ่นที่ยังยกดาบชูค้าง ตาเหลือกถลน จากนั้นก็ดึงมือออกมาโดยร่างของหัวหน้าองครักษ์ค่อยๆ โอนเอนล้มลง และเห็นว่าในมือเขานั้นมีหัวใจสีแดงเข้มเต้นตุบอยู่
“ข้าชอบในความซื่อสัตย์ของเจ้า น่าเสียดายจริงๆ”
พร้อมกับพึมพำมือก็บีบหัวใจในมือจนมันปลิ้นเลือดไหลเยิ้มล้นมือหนา
เหล่าทหารที่เห็นเหตุการณ์ตรงหน้าต่างก็อึ้ง ตาเหลือกลานด้วยความหวาดกลัว ก่อนที่จะพยายามตะเกียกตะกายลุกหนีเอาตัวรอด
เยี่ยนเฉินมองทหารที่ใครลุกได้ก็วิ่งหนี ใครที่ไม่อาจลุกขึ้นก็พยายามคลานเพื่อจะไปใหไกลจากตรงนี้แล้วส่ายหน้าระอา
“ไม่มีประโยชน์หรอก ในเมื่อพวกเจ้าคิดร้ายต่อข้า เป็นองครักษ์แต่กลับคิดร้ายต่อองค์ชายเช่นนี้ จะปล่อยให้มีชีวิตรอดไปได้อย่างไร”
หัวใจที่แหลกเหลวของหัวหน้าองครักษ์ถูกปล่อยทิ้ง ก่อนมือหนาสองข้างจะยกขึ้นแล้วพลังเวทสีแดงก็ปรากฏขึ้นเหนือฝ่ามือ เขาวาดมือเป็นวงกลมก่อนจะดันสองมือออกด้านข้าง แล้วพลังสีแดงราวเพลิงนรกโลกันต์ก็แผ่กระจายออกเป็นวงกว้าง เผาผลาญทุกร่างจนสลายเป็นผุยผง
ร่างสูงโปร่งยืนนิ่งมองสิ่งที่ตนทำแล้วก็กระตุกยิ้มมุมปาก วิชาเพลิงสลายวิญญาณของเขาที่ฝึกฝนเองบรรลุขั้นสองแล้ว หากไปถึงขั้นสูงสุดเขาจะทำลายวิญญาณอมตะได้
“ฮึก...”
เสียงเบาๆ ด้านหลังทำให้ผู้ที่กำลังลำพองใจหันกลับไปมอง ดวงตาคู่คมเข้มฉาบแววดุวาบ ร่างเล็กนั่งแอบอยู่หลังม่านหน้ากระโจมทั้งยังปิดปากตัวเองพร้อมน้ำตาไหลอาบแก้มทำให้เขารู้ว่าเด็กสาวเห็นเหตุการณ์เมื่อครู่ หากไม่รู้ว่าเห็นตั้งแต่เมื่อไร
“ข้าบอกเจ้าว่าห้ามลงจากเตียงไม่ใช่หรือ”
เยี่ยนเฉินก้าวเข้าไปหาอีกฝ่ายพร้อมถามเสียงเรียบ ขณะที่ร่างเล็กค่อยๆ กระถดถอยหลังพร้อมสะอึกสะอื้น
“ฝืนคำสั่งข้ามีความผิดรู้หรือไม่”
ร่างสูงโปร่งมาหยุดค้ำเหนืออีกฝ่ายขณะที่เจ้าตัวปิดปากด้วยสองมือ ตัวสั่นสะท้าน เห็นชัดว่ากลัวเขาอย่างมาก
“เจ้าเห็นสิ่งใดบ้าง”
ดวงหน้าเล็กส่ายไปมาแต่มีหรือเยี่ยนเฉินจะเชื่อ
“เด็กที่พูดโกหก เป็นเด็กไม่ดี ปีศาจจะจับตัวไปไว้ในแดนปีศาจนะ”
เจ้าตัวยิ่งหลุดสะอื้นหนักเมื่อเขาเอ่ยอย่างรู้ทัน
“ฮึก...ข้า...อึก...ไม่รู้...ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น”
เยี่ยนเฉินจ้องดวงตาคู่เรียวงามที่เต็มไปด้วยน้ำตาไหลพรากไม่หยุดแล้วก็ยิ้มเหี้ยมก่อนจะย่อตัวลงนั่ง ร่างเล็กถอยหนีทว่าเขาวางมือบนบ่าเล็กทำเอาเด็กสาวสะดุ้งเฮือก พอเขาโน้มตัวไปใกล้เจ้าตัวก็เอนหนีแต่ได้ไม่ไกลนัก
“ผู้ที่รู้ความลับผู้อื่นแล้วไม่อาจเก็บไว้เป็นความลับได้ชั่วชีวิต ยากจะรักษาชีวิตตัวเองเอาไว้ได้นาน”
ใบหน้าคมเข้มอยู่ใกล้จนรู้สึกได้ถึงลมหายใจร้อนราวจะเผาไหม้หน้าตน เสี่ยวเม่ยกัดริมฝีปาก พี่ชายผู้น่ากลัวรู้ว่าตนรู้เห็นความลับของเขา แต่นางเลือกจะยืนกรานปฏิเสธและให้สัญญา
“ข้าไม่มีวันพูด เพราะข้าไม่รู้ความลับใดทั้งนั้น”
คิ้วเข้มของเยี่ยนเฉินขยับสูง นับว่าเด็กสาวตรงหน้าฉลาดไม่น้อยเลย
“สัญญาหรือไม่”
“อื้อ สัญญา”
มือหนาเลื่อนจากบ่าเล็กขึ้นไปวางบนศีรษะที่เกือบเท่ามือของเขาพร้อมย้ำ
“ดี จงรู้ไว้ว่าเจ้าทำสัญญากับปีศาจแล้ว ต่อจากนี้ไม่ว่าอยู่ที่ใด หากเจ้าพูดเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ ปีศาจจะเอาตัวเจ้าไปอยู่แดนปีศาจ”
ดวงตาคู่เรียวงามสั่นไหวหากก็ยังมองเขาไม่หลบเลี่ยง ในแววหวาดกลัวที่ฉายออกมาเห็นความจริงใจในนั้นเต็มเปี่ยมพร้อมกับเจ้าตัวเอ่ยเสียงสั่นเครือ
“ข้าจะอยู่ในที่ที่มีท่าน พี่ชาย”
=========
พี่เฉินโหดมากกก ขอให้ละเว้นเสี่ยวเม่ยจริงๆ เถอะนะ ^-^"
อย่างที่แจ้งไว้ว่า เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับ ‘สวรรค์ไร้ใจฯ’ และ ‘สวรรค์เย็นชาฯ’ ทั้งสองเรื่องนะคะ แม้เปิดเรื่องจะยังไม่เห็นชัดเจนก็ตาม แต่ทุกอย่างจะค่อยๆ เปิดเผยจ้า
แอบใบ้ว่า นางเอกของเรื่องนี้ ปรากฏตัวในทั้งสองเรื่องที่แล้วนะจ๊ะ เป็นคนที่ไรต์คิดว่าผู้อ่านน่าจะอยากรู้เรื่องของนาง หรืออยากให้มีเรื่องเป็นของตัวเอง เดาถูกกันไหมเอ่ยว่าเป็นใคร^^
ฝากติดตามกันต่อเรื่อยๆ นะจ๊ะ
“ได้โปรดเถิด ข้าเหนื่อยเหลือเกิน”ดวงหน้างดงามสะบัดอย่างทุรนทุราย เหงื่อซึมเต็มหน้าผาก จนเมื่อร่างสูงใหญ่กระตุกสั่นรุนแรงพร้อมโถมกายมาเต็มตัว อวี้หลันก็ผวาอีกครั้งทั้งกรีดร้องแหบพร่าอย่างสุดกลั้น ขณะหูแว่วเสียงเข้มคำรามดังไม่ต่างจากตนก่อนร่างหนาหนักจะทิ้งลงมาซุกซบนาง แขนเรียวโอบกอดเรือนกายใหญ่โตไว้อย่างเต็มอกเต็มใจพลางยิ้มบางทั้งที่น้ำตาซึมเป็นครั้งแรกที่ได้รับบทรักในฐานะอวี้หลัน หากก็สุขล้นหัวใจเหมือนได้กลับมาโอบกอดคนที่ตนรักดังเช่นเมื่อครั้งเป็นเสี่ยวเม่ย“ข้ารักท่าน พี่เยี่ยนเฉิน”นางเอ่ยกับอีกฝ่ายเสียงเบา“ข้าก็รักเจ้ามากอวี้หลัน”เยี่ยนเฉินเอ่ยตอบแล้วจูบหน้าผากชื้นเหงื่อ หัวใจชุ่มฉ่ำกับคำรักของผู้เป็นดั่งดวงใจเพียงนางเดียวของตนอวี้หวันยิ้มปลาบปลื้มกับคำรักจากอีกฝ่ายมือบางลูบไหล่กับแผ่นหลังกว้างแล้วก็รู้สึกได้ถึงรอยแผลหลายรอยที่ดูคล้ายแซ่ ทำให้ยิ่งขอบตาร้อนผ่าวชายหนุ่มต้องเจ็บปวดทรมานเพียงไหนหนอเมื่อรับทัณฑ์สายฟ้า และผู้ที่ไม่เคยยอมอยู่ภายใต้ผู้ใดกลับต้องเป็นทหารยามในวังสวรรค์ หัวใจแกร่งหยิ่งทระนงของบุรุษที่นางชื่นชมต้องทุกข์ทนเพียงใด“พี่เยี่ยนเฉิน ข้าขอบคุณท่านนักที่ไม่ละทิ้ง
“อื้ม หอมชื่นใจ”ร่างสูงใหญ่ที่โอบกอดจากด้านหลังพร้อมกับหอมลงมาบนแก้มตนทำให้อวี้หลันที่กำลังจะเข้านอนสะดุ้ง ส่วนม่านม่านซึ่งจัดเตรียมที่นอนอยู่ก็ตาโตรีบเลี่ยงหลบหนีทันใด เพราะกลัวว่าจะถูกทำให้หายไปอีก“อ้าว ม่านม่าน ไปไหนล่ะ”“คงกลัวจะหายไปน่ะสิ”เยี่ยนเฉินบอกพร้อมยิ้มมุมปากแล้วก็ต้องร้องเบาๆ“โอ๊ย นิ้วเล็กแค่นี้พิษร้ายแรงจริงเชียว”พร้อมพูดชายหนุ่มก็จับมือบางมาจุมพิตส่งสายตาคมกริบวาววามให้เจ้าของร่างนุ่มนิ่ม“ยังยิ้มอีก ปีศาจนิสัยไม่ดี”อวี้หลันเสียงขุ่น ไม่ชอบใจนักที่อีกฝ่ายนึกสนุกเมื่อทำให้ม่านม่านกลัวเยี่ยนเฉินเพียงหัวเราะในลำคอแล้วจูบแก้มนุ่มซ้ำอีกครั้งก่อนไต่ลงซอกคอหอม ขณะที่หญิงสาวย่นคอหลบเลี่ยง“อื้อ อย่า...”“โธ่...อวี้หลันคนดี ท่านพ่อเจ้าให้ข้าปลูกดอกไม้แทบจะทั้งภูเขากว่าจะเสร็จก็หลายเดือน มีอย่างที่ไหนให้องครักษ์ไปปลูกต้นไม้ดอกไม้ เจ้าจะทรมานข้าอีกคนหรืออย่างไร”เยี่ยนเฉินบ่นอุบ นับแต่มาถึงเผ่าบุปผา บิดาของนางก็เอาแต่มองเขาตาขวางแต่ไม่อาจไล่ได้เพราะเป็นราชโองการ แล้วเขาก็ถูกสั่งให้ปลูกต้นดอกอวี้หลันด้วยมือตนเอง จากด้านหลังกระท่อมริมเขาที่ตนอาศัยไปตามเส้นทางขึ้นเขา เหมือนเ
“เขาปกป้องข้า ไม่ผิดอันใด”หญิงสาวเอ่ยสวนพร้อมทั้งรีบขยับไปคุกเข่าต่อหน้าท่านปู่ของตนพลางส่งสายตาขอร้องให้เห็นใจ“ทูลฝ่าบาท ทหารผู้นี้เป็นทหารองครักษ์ที่ฮองเฮารับสั่งแต่งตั้งที่มีความชอบเมื่อวานนี้เพคะ เขาทำหน้าที่ระมัดระวังช่วยเหลืออวี้หลัน นับว่าเหมาะสมแล้วเพคะ”องค์จักรพรรดิรับรู้ในข้อนี้จากหัวหน้าองครักษ์แล้ว ราชินีสวรรค์ไม่ได้รู้เห็นว่าเยี่ยนเฉินผู้นี้คือปีศาจผู้มีดาวชะตามาร ทั้งกายยังมีปราณเทพเซียนกลบไอปีศาจ หากมีความชอบจะได้รับการแต่งตั้งก็คงไม่ผิดนัก พระองค์เองก็ได้รับรายงานถึงพฤติกรรมที่ตรงเผงและอยู่ในรูปในรอยไม่เคยผิดวินัยของอีกฝ่ายเสมอ ทั้งฝีมือยังเก่งกาจหาตัวจับยาก หากจะแต่งตั้งเป็นองครักษ์ก็ย่อมได้“เทพธิดา ท่านเอ่ยราวรู้จักทหารยามผู้นี้เป็นอย่างดี น่าแปลกนัก”ชิงหลุนมองด้วยสายตาสงสัยอวี้หลันเม้มปาก รู้ว่ากำลังถูกหยั่งเชิง หากยอมรับว่ารู้จักคุ้นเคยทหารยามเป็นอย่างดี ก็จะทำให้ตำแหน่งเทพธิดาบุปผาเสียหาย นางสูดหายใจเข้าจนเต็มปอดก่อนจะเอ่ยขึ้น“ไม่รู้จักได้อย่างไร ในเมื่อฮองเฮาแต่งตั้งทหารผู้นี้เป็นทหารองครักษ์ แล้วรับสั่งให้ดูแลคุ้มกันข้ากลับเผ่าบุปผา”นางพยายามส่งสายตาขอกั
“เยี่ยนเฉินหรือ?”ราชินีสวรรค์มองทหารยามอย่างพินิจ ท่าทางองอาจดูไม่หวั่นเกรงต่อผู้ใด สายตามั่นคงไม่วอกแวก ทั้งยังปราดเข้ามาสยบสัตว์เวทที่แม้แต่เทพเซียนผู้เป็นเจ้าของยังไม่อาจปราบได้ในชั่วพริบตา ทำให้รู้สึกว่าชายหนุ่มผู้นี้ไม่ธรรมดาเลย“ความชอบของเจ้าครั้งนี้ ข้าคงต้องมีรางวัลเสียแล้ว”“เป็นหน้าที่กระหม่อมอยู่แล้วพ่ะย่ะค่ะ”เยี่ยนเฉินเอ่ยเสียงเรียบอวี้หลันจ้องมองชายหนุ่มอย่างไม่ละสายตา พยายามจะสบตาอีกฝ่ายเพื่อความแน่ใจ ทว่าเขากลับมองต่ำเพียงอย่างเดียว ทำให้นึกขัดใจนัก“ถึงอย่างไรข้าก็อยากตอบแทนน้ำใจเจ้า”“กระหม่อมไม่...”“เอาอย่างนี้ไหมเพคะ ในเมื่อเขาบอกว่าเป็นหน้าที่ ฮองเฮาก็แต่งตั้งเขาเป็นองครักษ์ให้เป็นรางวัลแทนสิ่งของ”อวี้หลันถือโอกาสเสนอ กระนั้นชายหนุ่มก็ยังไม่มองตนหญิงสาวเคืองจนแอบถอนหายใจ“อืม นั่นสินะ เช่นนั้นข้าจะบอกกับหัวหน้าองครักษ์ให้แต่งตั้งเจ้าเป็นองครักษ์สวรรค์ก็แล้วกัน”“เป็นพระมหากรุณาพ่ะย่ะค่ะ”เยี่ยนเฉินจำต้องรับไว้ แต่ก็ยังก้มหน้าราวเจียมตนเช่นเดิมผู้เป็นเทพธิดาบุปผาเม้มริมฝีปาก กรุ่นโกรธคนที่หมางเมินต่อตนราวไม่สนใจไยดีเมื่อมีโอกาสอยู่ในที่พักของตนยังตำหนักราชิ
“ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังคิดหนี”ไท่จื่อซึ่งเป็นผู้คุมตัวตนมาเอ่ยขึ้น ทำให้เยี่ยนเฉินเหลือบมองอย่างหงุดหงิด หากก็ไม่เอ่ยสิ่งใด“แต่เจ้าอาจหลงลืมไปว่าเทพธิดาบุปผาก็มักจะขึ้นมาบนสวรรค์อยู่เนืองๆ ในโอกาสต่างๆ”คำบอกนี้ทำให้เยี่ยนเฉินหยุดเดิน ขณะที่ผู้เป็นไท่จื่อเพียงก้าวเดินต่อไปไม่หันกลับ“อะแฮ่ม”ผู้ที่กระแอมคือหวังหย่งผู้ติดตามไท่จื่อแล้วผายมือให้ปีศาจหนุ่มเดินต่อเยี่ยนเฉินจำต้องก้าวต่อเพื่อไปยังแท่นรับสายฟ้า หากก็ครุ่นคิดไปด้วย แม้แปลกใจที่ไท่จื่อสวรรค์เอ่ยกับตนเช่นนี้ แต่ก็เป็นความจริงที่ว่าถ้าหนีเขาอาจไม่ได้พบเจอกับอวี้หลันอีก สวรรค์คงต้องหาทางคุ้มกันเทพธิดาเผ่าบุปผาเข้มงวดกว่าก่อนหน้านี้ ทว่าหากอยู่บนสวรรค์ก็ยังมีโอกาสได้เห็นคนที่ตนรักเมื่อมาถึงยังแท่นรับสายฟ้า ไท่จื่อก็เอ่ยขึ้นอีกครั้ง“หญิงสาวที่เจ้ารักอยู่ไกลเกินเอื้อม หากเจ้าจริงใจต่อนาง ย่อมรู้ว่าควรทำอย่างไร ความรักอาจไม่จำเป็นต้องครอบครอง เพียงได้เห็นผู้ที่ตนรักใช้ชีวิตอย่างเป็นสุขก็เพียงพอ ทุกสิ่งอย่างขึ้นอยู่กับการกระทำของตัวเจ้า”จิ่นลี่นั้นไม่ได้ต้องการให้หลานสาวตนลงเอยกับปีศาจตนนี้ แต่ก็รู้ดีว่าหัวใจไม่อาจบังคับได้ ทั้งยัง
ร่างสูงใหญ่ก้าวตามผู้เป็นอาเข้าประตูสวรรค์มาด้วยใบหน้านิ่งขรึม แม้ไม่เต็มใจและมีแผนในหัว หากก็พยายามตีสีหน้าเฉยเข้าไว้เพื่อที่ราชาปีศาจจะได้อ่านความในใจตนไม่ออก พลางสายตาก็กวาดมองสวรรค์ชั้นฟ้าที่งดงามด้วยสายตาดูแคลน ไม่มีความชื่นชมหรือตื่นตาตื่นใจแต่อย่างใด กระทั่งมาถึงยังท้องพระโรงที่มีร่างขององค์จักรพรรดินั่งอยู่บนบัลลังก์และไท่จื่อยืนอยู่ด้านหนึ่ง“องค์จักรพรรดิ”ราชาปีศาจเอ่ยขึ้นพร้อมก้มหัวคำนับเล็กน้อยขณะที่เยี่ยนเฉินยืนเฉย ผู้เป็นอาจึงเอ่ย“เยี่ยนเฉิน”ผู้ถูกเรียกถอนหายใจ ก่อนจะจำใจเอ่ยเสียงดังทั้งที่ยืนนิ่ง“เยี่ยนเฉินคำนับองค์จักรพรรดิ”“เจ้ายอมมาถึงที่นี่ คงเตรียมใจไว้แล้วสินะ”จักรพรรดิจินหวงเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ หากสายตาที่มองชายหนุ่มรูปร่างองอาจทว่าหน้าตางามล้ำโดดเด่นนั้นบอกชัดว่าไม่ชอบใจ เพราะอีกฝ่ายทำให้หลานสาวสุดรักต้องเสียศักดิ์ศรี“จะทำอย่างไรก็เชิญ”เยี่ยนเฉินเชิดหน้ามองตรงไม่หลบเลี่ยง“ความผิดเจ้าใหญ่หลวงนัก ทั้งยึดสำนักชิงเชิง ปลุกระดมบังคับศิษย์ในสำนักให้แข็งข้อก่อกบฏต่อขุนเขากลางเวหา แล้วยัง...”“ลอบเข้าไปอุ้มเทพธิดาบุปผา...”“บังอาจ!”ร่างสูงขององค์จักพรรดิลุกขึ้นห