อภินิหารหมูน้อยตกสวรรค์

อภินิหารหมูน้อยตกสวรรค์

last updateLast Updated : 2025-07-07
By:  橙花Updated just now
Language: Thai
goodnovel4goodnovel
10
3 ratings. 3 reviews
55Chapters
596views
Read
Add to library

Share:  

Report
Overview
Catalog
SCAN CODE TO READ ON APP

เสี่ยวจู้ หมูเทพที่ยังไม่ฟักออกจากไข่ ถูกสร้างขึ้นจากพลังเทพขององค์หญิงแห่งวังมังกรเพื่อช่วยนางหาสมุนไพรและปรุงยาเทพ วันหนึ่งขณะที่องค์หญิงออกไปหาสมุนไพรในป่าสวรรค์ชั้นใน หลานชายจอมซนเห็นไข่กลม ๆ ก็นึกว่าเป็นของเล่นอาหญิงที่น่าจะสร้างมาให้เขา เขาจึงนำไข่ไปเล่นที่ลานกลางวังมังกร เล่นไปเล่นมาสักพัก องค์ชายน้อยก็เบื่อเลยเขวี้ยงไข่ทิ้งไปโดยไม่สนทิศทาง ทำให้ไข่บินออกไปจากวังแล้วชนเข้ากับบ่อน้ำซึ่งเป็นทางลงไปสู่โลกมนุษย์จนเปลือกไข่แตกออก เสี่ยวจู้ที่อยู่ในไข่ตกใจที่ตนเองฟักออกมาก่อนเวลาแถมยังกำลังลอยละลิ่วลงมาจากฟากฟ้าพร้อมเปลือกไข่อีกส่วนหนึ่ง หมูน้อยตกใจมากที่ตนเองกำลังลงไปที่โลกมนุษย์และหวาดกลัวว่าตนเองจะกลับสวรรค์ไม่ได้ กระทั่งเสี่ยวจู้ตกลงไปยังป่าสัตว์อสูรแห่งหนึ่งในโลกมนุษย์ เสี่ยวจู้จึงคิดได้ว่าจะต้องหาคนมาทำพันธะสัญญาจนกว่าคนผู้นั้นจะเป็นเทพเซียน ตนเองจึงจะกลับไปยังสวรรค์ได้ ภารกิจตามหาและช่วยเหลือนายคนใหม่จึงเริ่มต้นขึ้น

View More

Chapter 1

1

สำนักพรตหนานหนิง

แคว้นหนานมีสำนักฝึกฝนพลังเพื่อการเป็นเซียนมากมาย หนึ่งในนั้นคือสำนักพรตหนานหนิงที่มีชื่อเสียงในด้านสัตว์อสูร การปรุงยาและวิชากระบี่ มีนักพรตกวงข่ายเป็นเจ้าสำนักที่มีขั้นพลังไปถึงครึ่งเซียนแล้ว งานส่วนใหญ่ในสำนักจึงมอบหมายให้ศิษย์ทั้งสามดูแลแทน ตำหนักสัตว์อสูรมีผางเซิงดูแล ตำหนักปรุงยามีเยี่ยหว่านซิงเป็นเจ้าตำหนัก และตำหนักกระบี่มีจุนซีเหวินเป็นเจ้าตำหนัก ทั้งสามคนเป็นเด็กกำพร้าที่กวงข่ายรับมาเลี้ยงดูจนกระทั่งมีพลังถึงขั้นสวรรค์และคอยดูแลงานแทนกวงข่ายมาตลอดหลายปี

ศิษย์ในสำนักเป็นลูกหลานขุนนางในเมืองหลวงแคว้นหนานหลายคน เด็กจากตระกูลเฟินก็เป็นหนึ่งในนั้น เฟินเสี่ยวหยางและเฟินเสี่ยวเซี่ยเป็นพี่น้องพ่อแม่เดียวกัน ส่วนเจิ้งหลินเคยเป็นพี่สาวของทั้งสองคน แต่นางออกจากตระกูลเฟินเมื่อสองปีก่อนแล้วกลับมาใช้แซ่เจิ้งตามท่านตาซึ่งเป็นถึงเจิ้งกั๋วกง

เจิ้งหลินในอดีตเคยอยู่ในตระกูลเฟินอย่างยากลำบากหลังจากเกิดมาแล้วทำให้แม่ของนางตายไป พ่อของนางเฟินหลางจึงรังเกียจนางที่ทำให้คนที่เขารักตาย เฟินหลางยังแต่งงานใหม่ตามคำสั่งแม่ของเขาจนมีเฟินเสี่ยวหยางและเฟินเสี่ยวเซี่ยออกมาในเวลาห่างกันเพียงหนึ่งปีหลังจากเจิ้งหลินเกิดเท่านั้น

ชีวิตของเฟินหลินในตระกูลเฟินถูกฮูหยินคนใหม่และลูก ๆ รังแกมาจนกระทั่งอายุ 7 วบ หากว่าเจิ้งกั๋วกงไม่ส่งคนแอบเข้าไปตรวจสอบหลานสาวคนเดียวของเขา ป่านนี้เฟินหลินคงตายไปแล้ว เจิ้งกั๋วกงโกรธมากจนเข้าไปขอพระราชโองการจากฮ่องเต้เพื่อให้หลานสาวตัดขาดจากตระกูลเฟินแล้วกลับมาใช้แซ่เจิ้งและเป็นทายาทเพียงคนเดียวของจวนเจิ้งกั๋วกง

เจิ้งกั๋วกงดูแลหลานสาวดุจไข่มุกบนฝ่ามือ เขายังหาอาจารย์มาสอนหลานสาวอย่างดีจนสามารถสอบเข้าเรียนที่สำนักพรตหนานหนิง แต่ไม่นึกเลยว่าสองพี่น้องตระกูลเฟินเองก็ถูกรับเข้าเรียนมาเช่นเดียวกัน ทำให้เจิ้งหลินยังคงถูกทั้งสองรวมหัวกับเพื่อนรังแกอยู่บ่อย ๆ แต่เจิ้งหลินที่ได้รับความรักจากเจิ้งกั๋วกงก็ยังคงมีจิตใจเข้มแข็งและไม่ยอมให้พวกเขารังแกได้ง่าย ๆ เจิ้งหลินยังมีเพื่อนสนิทในสำนักที่ไม่ชอบสองพี่น้องคู่นี้ซึ่งมักจะวางอำนาจบาตรใหญ่ในสำนักตั้งแต่เข้ามาช่วยเหลืออยู่ไม่น้อย กลุ่มของทั้งสองคนจึงมักปะทะคารมกันอยู่บ่อย ๆ

เฟินเสี่ยวหยางเข้าเรียนในตำหนักกระบี่ ส่วนเฟินเสี่ยวเซี่ยนั้นเรียนในตำหนักปรุงยา ทั้งสองมีพรสวรรค์ปานกลางในการฝึกฝนเท่านั้น แตกต่างจากเจิ้งหลินที่มีพรสวรรค์อันสูงส่งไม่ต่างจากเจิ้งกั๋วกงเลยแม้แต่น้อย ถึงแม้เจิ้งหลินจะอยากเรียนการปรุงยา แต่พอรู้ว่ามีเฟินเสี่ยวเซี่ยเรียนอยู่ นางจึงเลือกที่จะเรียนในตำหนักสัตว์อสูรแทน และอีกสามวันข้างหน้าก็จะถึงกำหนดการให้ศิษย์ในสำนักเข้าป่าสัตว์อสูรที่อยู่ทางเหนือของสำนัก ซึ่งการตามหาสัตว์อสูรประจำตัวนั้นทุกตำหนักจำเป็นจะต้องออกตามหาด้วยตนเอง และทุกคนใช่ว่าจะได้รับสัตว์อสูรประจำตัวได้ง่าย ๆ การทำพันธะสัญญากับสัตว์อสูรนั้นต้องได้รับความยินยอมจากสัตว์อสูรตัวนั้นเสียก่อน นอกจากจะมีคนใช้กำลังบังคับให้สัตว์อสูรมาเป็นของตน แต่การทำเช่นนั้นไม่ใช่วิธีที่ดีในการมีสัตว์อสูรประจำตัว ศิษย์ทุกคนจึงต้องพยายามใช้วิธีการตามที่ได้เรียนรู้มาแทนการบีบบังคับเพื่อให้สัตว์อสูรยอมรับตนเอง

ก่อนวันออกเดินทางหนึ่งวัน กลุ่มของเฟินเสี่ยวหยางกับเฟินเสี่ยวเซี่ยเดินไปพบกลุ่มของเจิ้งหลินที่กำลังจะกลับตำหนักสัตว์อสูรหลังกินอาหารมื้อเที่ยง

เฮอะ นึกว่าใคร ที่แท้ก็พวกสวะนี่เอง พรุ่งนี้ข้าคิดว่ากลุ่มขยะคงไม่มีใครได้รับสัตว์อสูรดี ๆ สักตัวหรอก” เฟินเสี่ยวหยางกล่าวเสียงดัง

เฮ้อ เจ้าก็พูดเกินไปคุณชายเฟิน ถึงขยะกลุ่มนี้จะฝีมืออ่อนด้อย แต่อย่างน้อยน่าจะได้รับกระต่ายอสูรมาสักตัวสองตัวนะ ฮ่า ฮ่า” เพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มกล่าวขึ้น

เสียงหมูหมากาไก่ที่ไหนน่ะชิงเอ๋อ? น่ารำคาญจริง ๆ” เจิ้งหลินถามหานชิงเพื่อนตน

ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันหลินเอ๋อ แทนที่จะเอาเวลามาพูดเรื่องน่ารำคาญเช่นนี้ไปเตรียมตัวเดินทาง กลับมาเห่าหอนแถมยังขวางทางคนเดินอีก”

รี๊ด!! นังตัวดี แกว่าใครเป็นหมา อยากตายนักใช่หรือไม่” เฟินเสี่ยวเซี่ยกรีดร้องออกมาอย่างโมโหที่ถูกด่าว่าเป็นหมา

หุบปาก!!! แล้วก็หลีกทางด้วย หมาดีไม่ขวางทางคน” เจิ้งหลินตวาดกลับ

ข้าจะฆ่าเจ้านังสวะ!” เฟินเสี่ยวเซี่ยรวบรวมพลังปราณที่ฝ่ามือเตรียมโจมตี

หยุดนะ!!! พวกเจ้ากำลังทำอะไร?” อาจารย์หวังที่ผ่านมาเห็นกลุ่มเด็กตรงหน้าก็รีบเข้ามาหยุดการต่อสู้ทันที

ฮื...ท่านอาจารย์ นังเจิ้งหลินกับพวก มันหาว่าพวกข้าเป็นหมาเจ้าค่ะ” เฟินเสี่ยวเซี่ยรีบเข้าไปฟ้องอาจารย์ประจำตำหนักปรุงยาที่ตนเรียนอยู่

นี่เรื่องจริงหรือเจิ้งหลิน?” อาจารย์หวังหันไปถาม

จริงเจ้าค่ะ แต่พวกเขาเป็นคนด่าว่าพวกข้าเป็นสวะกับขยะก่อนเจ้าค่ะ”

ฮึ่ม! เฟินเสี่ยวเซี่ย เจ้าไปด่าเพื่อนร่วมสำนักเช่นนี้ได้อย่างไร ตำหนักเราไม่เคยสอนให้พวกเจ้ามีนิสัยเหยียดหยามเพื่อนร่วมสำนักมาก่อน เจ้ากับเพื่อนกลับไปคุกเข่าที่หน้าตำหนักสามชั่วยามเสีย รวมทั้งพวกเจ้าด้วยเฟินเสี่ยวหยาง ข้ารู้นะว่าพวกเจ้าพี่น้องมักจะก่อเรื่องเช่นนี้อยู่เป็นประจำ ข้าจะรายงานให้เจ้าตำหนักกระบี่ทราบ

ฟินเสี่ยวเซี่ยที่บีบน้ำตาให้อาจารย์แต่ไม่ได้ผลก็ยิ่งโกรธแค้นกลุ่มของเจิ้งหลินมากขึ้นทุกที นางไม่รู้ว่าเหตุใดอาจารย์ในสำนักต่างเข้าข้างกลุ่มของเจิ้งหลินมาโดยตลอด ไม่ว่าพวกนางจะมีการปะทะคารมกันกี่ครั้ง ต้องเป็นกลุ่มของนางกับพี่ชายที่ถูกลงโทษอยู่แทบทุกครั้ง มีเพียงครั้งที่มีการลงไม้ลงมือเท่านั้นที่ทุกคนถูกลงโทษทั้งหมด

ยังไม่รีบกลับตำหนักของพวกเจ้าไปอีก! ข้าต้องขอโทษแทนเด็กพวกนั้นด้วยนะเจิ้งหลิน ครอบครัวพวกเขาน่าจะตามใจจนเสียคน จึงได้ทำเช่นนี้”

าจารย์หวังรู้ดีว่าเจิ้งหลินเป็นถึงทายาทคนเดียวของจวนกั๋วกง พวกเขาเหล่าอาจารย์ได้รับการไหว้วานจากคนของเจิ้งกั๋วกงให้ดูแลเจิ้งหลินเป็นอย่างดีด้วยเงินจำนวนมาก ทำให้ท่านเจ้าตำหนักทั้งสามสามารถนำเงินเหล่านั้นมาปรับปรุงสำนักได้ไม่น้อย อาจารย์ทุกคนจึงถูกกำชับให้คอยดูแลนางอย่างลับ ๆ มาโดยตลอดตั้งแต่เจิ้งหลินเริ่มเข้าเรีย

ท่านอาจารย์ไม่ต้องขอโทษแทนคนพวกนั้นหรอกเจ้าค่ะ ข้ารู้นิสัยของพวกเขาดี”

ช่นนั้นก็ดี พวกเจ้ารีบกลับไปเตรียมตัวเถอะ พรุ่งนี้จะต้องออกเดินทางไปยังป่าอสูรกันแต่เช้า เราจะอยู่ที่ป่าอสูรเป็นเวลาสามวัน พวกเจ้าเตรียมตัวให้ดี

ขอบคุณท่านอาจารย์ที่เป็นห่วง พวกข้าขอตัวก่อนเจ้าค่ะ”

จิ้งหลินกับเพื่อนคำนับลาอาจารย์หวังแล้วเดินจากไป กลุ่มของนางมีกันอยู่เพียงแค่ 4 คนเท่านั้น เพื่อนอีกสามคนของนางคือหานชิง อู๋อิง และเซียวเหมย ทั้งสี่คนเรียนในตำหนักอสูรและมีนิสัยร่าเริงเหมือนกัน พวกนางจึงเข้ากันได้ดีจนกลายเพื่อนสนิทกันในเวลาต่อมา ส่วนเพื่อนคนอื่น ๆ ในตำหนักส่วนมากก็จะแบ่งแยกกันออกเป็นหลายกลุ่ม พวกเขามีทั้งกลุ่มชายหญิงแยกย่อยออกไปอีก 8 กลุ่ม ถึงแม้ว่าพวกเขาจะอยู่คนละกลุ่ม แต่ก็สามัคคีกันมากในห้องเรียนสัตว์อสู

เช้าวันต่อมา

าจารย์แต่ละตำหนักทั้ง 9 คนต่างเรียกศิษย์ที่ยังไม่มีสัตว์อสูรมารวมตัวกันที่ลานหน้าสำนัก โดยมีเจ้าตำหนักทั้งสามกล่าวให้โอวาทก่อนจะปล่อยศิษย์นับร้อยคนออกเดินทางไปพร้อมอาจารย์ทั้ง 9

าจารย์ประจำตำหนักสัตว์อสูรที่ไปคราวนี้มีอาจารย์อ้าย อาจารย์ตู้และอาจารย์โยว คอยควบคุมศิษย์จากตำหนักสัตว์อสูรที่ออกเดินทางในครั้งนี้ทั้ง 30 คน กลุ่มของเจิ้งหลินแน่นอนว่าพวกนางเกาะกลุ่มกันใกล้ ๆ ไม่ห่าง เพราะหลังจากที่เข้าสู่เขตป่าสัตว์อสูรแล้ว ศิษย์ทุกคนจะต้องแยกออกเป็นกลุ่ม ๆ และแยกย้ายกันตามหาสัตว์อสูรประจำตัวตามวาสนาของตนเอ

หนึ่งเดือนก่อนหน้า

สี่ยวจู้ที่ตอนนี้กลายเป็นผู้นำของเหล่าสัตว์อสูรหลอมยาจำนวนมากให้กับสัตว์อสูรจนพวกมันบางตัวก็สามารถเลื่อนระดับขั้นขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว ยิ่งทำให้สัตว์อสูรทุกตัวต่างยอมรับนับถือหมูน้อยสีชมพูตัวนี้มากขึ้นไปอีก พวกมันไม่อยากให้นางจากไปเลย หากนางยังคงอยู่ที่นี่แล้วล่ะก็ พวกมันคงสามารถพัฒนาระดับขั้นขึ้นมาได้อีกมากเป็นแน่ แต่อย่างไรพวกมันก็ไม่สามารถห้ามนางได้เช่นกัน พวกมันคงทำได้เพียงใช้เวลาที่นางยังไม่พบเจ้านายคนใหม่ หาสมุนไพรมาให้นางช่วยหลอมให้ได้มากที่สุดเท่านั้

เสี่ยวจู้ในระหว่างที่อยู่กับเหล่าสัตว์อสูรในป่าแห่งนี้มีความสุขมากเช่นกัน นี่เป็นครั้งแรกที่เสี่ยวจู้ซึ่งเพิ่งออกจากไข่มีปฏิสัมพันธ์กับเหล่าสัตว์อสูรทั้งหลาย พวกเขาทำให้เสี่ยวจู้รู้ว่าการมีเพื่อนมาก ๆ แบบนี้ไม่เหงาเหมือนตอนอยู่ในไข่เลยสักนิด ในโลกมนุษย์ไม่ได้แย่อย่างที่เสี่ยวจู้คิดกลัวในตอนแรกเลย

ตอนนี้เสี่ยวจู้สามารถปกปิดพลังสัตว์เทพเอาไว้ได้แล้ว หลังจากที่ฝึกฝนมาตลอดตั้งแต่เดือนที่ผ่านมา ทำให้เสี่ยวจู้ดูเหมือนหมูน้อยน่ารักสีชมพูตัวหนึ่งเท่านั้น ยกเว้นพวกสัตว์อสูรทั้งหมดในป่าแห่งนี้ที่รู้ว่าเสี่ยวจู้ไม่ใช่หมูน้อยธรรมดา ไม่ว่าจะพลังหรือความสามารถในการหลอมยา เสี่ยวจู้ล้วนเก่งกาจกว่าสัตว์ทุกตัว

ท่านเสี่ยวจู้ เราได้รับข่าวว่าอีกสามวันจะมีสำนักพรตหนานหนิงมาตามหาสัตว์อสูรประจำตัวขอรับ” กระต่ายขาวตัวหนึ่งรีบรายงานข่าวให้เสี่ยวจู้ทราบ

จริงหรือ? ถ้าอย่างนั้นพวกเจ้ารีบนำสมุนไพรมาให้ข้าเยอะ ๆ เลยนะ ข้าจะรีบหลอมยาเอาไว้ให้พวกเจ้าให้มากที่สุด” เสี่ยวจู้ตอบพร้อมรอยยิ้

ขอบคุณท่านเสี่ยวจู้” สัตว์อสูรทั้งหลายรีบขอบคุณและกระจายตัวไปเก็บสมุนไพรตามคำสั่งของเสี่ยวจู้ทันที พวกเขารู้ดีว่าอีกไม่นานท่านเสี่ยวจู้ก็จะจากไปแล้ว ยาทั้งหมดที่ท่านเสี่ยวจู้จะหลอมเอาไว้ให้นับเป็นสมบัติล้ำค่าของพวกเขา

เสี่ยวจู้เห็นสัตว์ทุกตัวต่างกระตือรือร้นในการหาสมุนไพรก็ยิ้มดีใจและหลอมยาต่อด้วยพลังสัตว์เทพที่ได้รับมาจากองค์หญิงมังกรอย่างสบาย ๆ ไม่ว่ายาระดับใด เสี่ยวจู้ก็สามารถหลอมออกมาได้

Expand
Next Chapter
Download

Latest chapter

More Chapters

Comments

default avatar
Nina Fahsai
ขอบคุณมากนะคะที่ลงยาวใหอ่านอย่างจุใจวันนี้ สนุกมากๆ และเขียนได้น่ารักที่สุด ไม่ค่อยได้เจอเรื่องคู่รักวัยกะเตาะที่เขียนสะท้อนวัยได้ดีอย่างนี้มาก่อน
2025-06-27 08:00:35
0
default avatar
Nina Fahsai
เรื่องน่าอ่าน และน่ารักมาก เสียอย่างเดียวอัพวันละตอนเท่านั้น เกิดอาการลงแดงทุกวันเลย ฮืออๆ
2025-06-23 07:39:31
0
user avatar
pfishoil
น่ารัก ...️...️...️...️...️...️
2025-06-16 03:16:06
0
55 Chapters
1
สำนักพรตหนานหนิง แคว้นหนานมีสำนักฝึกฝนพลังเพื่อการเป็นเซียนมากมาย หนึ่งในนั้นคือสำนักพรตหนานหนิงที่มีชื่อเสียงในด้านสัตว์อสูร การปรุงยาและวิชากระบี่ มีนักพรตกวงข่ายเป็นเจ้าสำนักที่มีขั้นพลังไปถึงครึ่งเซียนแล้ว งานส่วนใหญ่ในสำนักจึงมอบหมายให้ศิษย์ทั้งสามดูแลแทน ตำหนักสัตว์อสูรมีผางเซิงดูแล ตำหนักปรุงยามีเยี่ยหว่านซิงเป็นเจ้าตำหนัก และตำหนักกระบี่มีจุนซีเหวินเป็นเจ้าตำหนัก ทั้งสามคนเป็นเด็กกำพร้าที่กวงข่ายรับมาเลี้ยงดูจนกระทั่งมีพลังถึงขั้นสวรรค์และคอยดูแลงานแทนกวงข่ายมาตลอดหลายปี ศิษย์ในสำนักเป็นลูกหลานขุนนางในเมืองหลวงแคว้นหนานหลายคน เด็กจากตระกูลเฟินก็เป็นหนึ่งในนั้น เฟินเสี่ยวหยางและเฟินเสี่ยวเซี่ยเป็นพี่น้องพ่อแม่เดียวกัน ส่วนเจิ้งหลินเคยเป็นพี่สาวของทั้งสองคน แต่นางออกจากตระกูลเฟินเมื่อสองปีก่อนแล้วกลับมาใช้แซ่เจิ้งตามท่านตาซึ่งเป็นถึงเจิ้งกั๋วกง เจิ้งหลินในอดีตเคยอยู่ในตระกูลเฟินอย่างยากลำบากหลังจากเกิดมาแล้วทำให้แม่ของนางตายไป พ่อของนางเฟินหลางจึงรังเกียจนางที่ทำให้คนที่เขารักตาย เฟินหลางยังแต่งงานใหม่ตามคำสั่งแม่ของเขาจนมีเฟินเสี่ยวหยางและเฟินเสี่ยวเซี่ยออกมาในเวลาห่างกันเพีย
last updateLast Updated : 2025-05-21
Read more
2
สองวันต่อมา อาจารย์แต่ละตำหนักแบ่งกลุ่มศิษย์ของตนออกไปแล้วแยกกันไปคนละทางเพื่อไม่ให้การตามหาสัตว์อสูรไปกระจุกตัวอยู่บริเวณเดียวกัน อาจารย์ทั้งสามคนของแต่ละตำหนักมีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยของศิษย์ที่อาจจะพลัดหลงเข้าไปในป่าชั้นใน ศิษย์ทุกคนได้รับคำสั่งให้ตามหาสัตว์อสูรขั้นปฐพีและนภาเท่านั้น เพราะฝีมือของพวกเขาคงไม่สามารถกำหราบสัตว์อสูรขั้นฟ้ากระจ่างได้ เพื่อความปลอดภัยเหล่าอาจารย์จึงกำชับให้พวกเขาตามหาสัตว์อสูรเพียงรอบนอกของป่าสัตว์อสูร หากมีศิษย์คนใดขัดคำสั่งและบาดเจ็บขึ้นมา ศิษย์เหล่านั้นจะถูกลงโทษหลังกลับไปถึงสำนัก กลุ่มของเจิ้งหลินพอได้รับคำแนะนำจากอาจารย์ประจำตำหนัก พวกนางจึงแยกย้ายกันไปตามทิศทางที่ตนเองต้องการ ถึงอย่างไรศิษย์จากตำหนักสัตว์อสูรก็มีความได้เปรียบเรื่องการจับสัตว์อสูรมากกว่าศิษย์จากตำหนักอื่น อีกทั้งพวกเขายังมีฝีมือไม่ธรรมดากันสักคน เพียงแต่ทุกคนในตำหนักต่างเก็บงำฝีมือเอาไว้โดยไม่ให้ตำหนักอื่นระแคะระคายได้แม้แต่น้อย นี่เป็นการสั่งสอนของเจ้าตำหนักที่ไม่อยากให้เด็ก ๆ ในตำหนักโอ้อวดความเก่งกาจจนมีภัยมาถึงตนใจกลางป่าสัตว์อสูร“ท่านเสี่ยวจู้ขอรับ คนจากสำนักพรตหนานหนิงมากัน
last updateLast Updated : 2025-05-21
Read more
3
หลังจากเจิ้งหลินทำความสะอาดเสี่ยวจู้ดีแล้ว นางก็หันมองไปรอบ ๆ ก่อนที่จะเห็นว่าไม่มีใครอยู่แถวนี้เลย เจิ้งหลินไม่รู้ว่าตัวเองเดินลึกเข้ามามากแค่ไหนแถมตอนนี้นางยังมีหมูน้อยหนึ่งตัวให้ดูแลอยู่“อืม.. ทำอย่างไรดีนะ หากปล่อยให้เจ้าอยู่ในป่าที่อันตรายเช่นนี้ข้าก็กลัวว่าเจ้าจะถูกสัตว์ป่าตัวอื่นทำร้าย เอาอย่างนี้ดีหรือไม่ ในเมื่อข้าไม่พบสัตว์อสูรตัวอื่นที่พอจะทำพันธะสัญญาได้ เจ้าก็มาเป็นสัตว์ในพันธะสัญญาของข้าดีหรือไม่” เสี่ยวจู้ไม่คิดว่าเด็กหญิงตรงหน้าจะกล้าทำพันธะสัญญากับนางที่ภายนอกเป็นเพียงหมูน้อยอ่อนแอจริง ๆ แต่ในเมื่อเจิ้งหลินพูดออกมาด้วยตนเองแล้ว เสี่ยวจู้จึงพยักหน้ายิ้มรับก่อนจะกัดไปที่นิ้วของเจิ้งหลินและทำพันธะสัญญาแบบเท่าเทียมแทนสัญญาทาสที่มนุษย์มักจะเป็นผู้กำหนด เจิ้งหลินขมวดคิ้วอย่างสงสัยใจ ที่นางเรียนมาจากตำหนัก หากไม่ใช่สัตว์ระดับสูงกว่านางแล้ว สัตว์นั้นจะไม่สามารถทำสัญญาแบบเท่าเทียมได้ เจิ้งหลินไม่คาดคิดเลยว่าหมูน้อยตรงหน้ากลับมีพลังสูงส่งกว่านางเสียอีก แสงสว่างจากการทำพันธะสัญญากับสัตว์เทพนั้นส่องสว่างขึ้นไปบนฟ้าอย่างรุนแรงก่อนจะหายวับไปในพริบตา เหล่าสัตว์ในป่าสัตว์อสูรได้รั
last updateLast Updated : 2025-05-22
Read more
4
“นี่..นี่มันอะไรกันเนี่ย? เหตุใดจึงมีสัตว์อสูรมากมายเช่นนี้ แถมยัง..ไม่มีท่าทางก้าวร้าวเลยสักนิดอ่ะ” อู๋อิงหันไปถามเพื่อน ๆ อย่างอดไม่ได้“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน” หานชิงส่ายหน้าอย่างประหลาดใจ“เสี่ยวจู้ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” เจิ้งหลินหันไปถามเสี่ยวจู้ที่นอนเล่นรออยู่ข้าง ๆ“หืม? เพื่อนของท่านไม่ได้ต้องการสัตว์อสูรประจำตัวหรือ? ข้าเพียงแค่เรียกพวกเขามาให้เพื่อนของท่านเลือกเท่านั้นเอง” เสี่ยวจู้เงยหน้าตอบตาปริบ ๆ เจิ้งหลินพอฟังแล้วเห็นหน้าตาน่ารักของหมูน้อยตรงหน้าก็อดไม่ได้ที่จะไปอุ้มเสี่ยวจู้ขึ้นมาหอมแก้มเสียหลายฟอด“ขอบคุณเจ้ามากเสี่ยวจู้ เจ้าน่ารักจริง ๆ ฟอด”“ฮิ ฮิ ท่านทำอะไร ข้าจั๊กจี้นะ ฮิ ฮิ” เสี่ยวจู้หัวเราะคิกคัก“พวกเจ้าได้ยินเสี่ยวจู้พูดแล้วนะ ลองเลือกดูว่ามีสัตว์อสูรตนใดที่พวกเจ้าอยากทำพันธะสัญญาบ้าง อ้อ อย่าลืมขอบคุณเสี่ยวจู้ของข้าด้วยเล่า ฮิ ฮิ” เจิ้งหลินพูดอย่างภาคภูมิใจกับสัตว์อสูรสุดน่ารักของนาง“ตกลง ๆ ขอบคุณมากนะเสี่ยวจู้ เจ้าน่ารักมากจริง ๆ” เซียวเหมยรีบหันไปหาเสี่ยวจู้“ใช่ ๆ ขอบคุณมากนะเสี่ยวจู้” อู๋อิงหันไปขอบคุณเช่นกัน“ข้าเองก็ต้องขอบคุณเจ้านะเสี่ยวจู้ หากไม่
last updateLast Updated : 2025-05-23
Read more
5
เจิ้งหลินพาเสี่ยวจู้ไปยังกระท่อมที่พักในตำหนักสัตว์อสูรพร้อมเพื่อนทั้งสามคนที่พาสัตว์อสูรของตนเองกลับไปพักผ่อนด้วย“นี่เจิ้งหลิน เจ้าจะออกไปซื้ออาหารกลับมากินด้วยกันหรือไม่” อู๋อิงถาม“พวกเจ้าหิวแล้วหรือ?”“ยังหรอก แต่พวกเราไม่อยากเจอพวกแซ่เฟินนั่นน่ะ เลยอยากไปซื้อมาไว้ก่อน”“เช่นนั้นก็ไปด้วยกันเถอะ เสี่ยวจู้ เจ้ารออยู่ที่นี่ก่อนนะ พวกเราไปไม่นาน”“อื้อ… ข้าจะรอพวกเจ้า” เสี่ยวจู้ส่งเสียงเล็ก ๆ ตอบกลับ“รีบไปกันเถอะ” เซียวเหมยกล่าว ทั้งสี่ปล่อยให้สัตว์อสูรพักอยู่ด้วยกันที่กระท่อมของพวกนาง โดยไม่รู้เลยว่าสัตว์อสูรอีกสามตัวพากันไปหมอบอยู่ตรงหน้าเสี่ยวจู้พร้อมรอคำสั่ง“พวกเจ้ามียาติดตัวมาหรือไม่” เสี่ยวจู้ถาม“มียาเหลืออีกมากขอรับ ท่านเสี่ยวจู้ไม่ต้องเป็นห่วง” เสี่ยวเหวินตอบ“เช่นนั้นก็ดีแล้ว ว่าแต่พวกเจ้ากินอะไรเป็นอาหารกันหรือ?”“พวกข้าส่วนใหญ่กินสัตว์เล็กเป็นอาหารขอรับ” เสี่ยวเฮยกล่าว“อั้ยย่ะ แล้วในสำนักนี้จะมีสัตว์เล็ก ๆ ให้พวกเจ้ากินกันหรือไม่”“ท่านเสี่ยวจู้ไม่ต้องเป็นห่วงขอรับ พวกเราจะออกไปล่าด้านนอกตอนดึก” เสี่ยวเหิงกล่าวแผนการของตนที่คุยกับเพื่อนทั้งสองทางกระแสจิตก่อนหน้านี้“อื
last updateLast Updated : 2025-05-24
Read more
6
คืนนั้นเสี่ยวจู้ทดลองหลอมยาเพิ่มปราณระดับปฐพีให้เจิ้งหลินดูเป็นตัวอย่าง แต่เจิ้งหลินที่พลังปราณยังอยู่แค่ระดับฟ้ากระจ่างไม่สามารถหลอมได้อย่างที่เสี่ยวจู้ทำ นางได้แต่ทอดถอนใจอย่างเหนื่อยล้า ด้วยไม่คิดว่าการหลอมยานั้นจะยากลำบากมากเช่นนี้“เจ้าอย่าเพิ่งท้อแท้ไปเจิ้งหลิน ข้าคิดว่าเจ้าคงต้องใช้เตาหลอมยาช่วยจึงจะหลอมได้”“เฮ้อ ข้าเข้าใจเสี่ยวจู้ เพียงแต่เตาหลอมยาใช่ว่าจะหาซื้อได้ง่าย ๆ อีกอย่างยังมีราคาแพงด้วยนะ ข้าไม่อยากใช้เงินเกินตัว”“ข้าได้ยินว่าเจ้าเป็นถึงหลานสาวของกั๋วกงมิใช่หรือ? เหตุใดเจ้าไม่เขียนจดหมายไปหาตาของเจ้าให้เขาหาให้เล่า แบบนี้ข้าคิดว่าน่าจะดีกว่านะ” เสี่ยวจู้ออกความเห็น“ข้าไม่อยากรบกวนท่านตามากนักน่ะสิ จวนกั๋วกงของข้าใช่ว่าจะสามารถใช้จ่ายฟุ่มเฟือยได้ ข้าจึงประหยัดกินประหยัดใช้มาตลอดตั้งแต่เข้าสำนัก”“ข้าว่าเจ้าคิดมากเกินไปแล้ว หากตาของเจ้ารู้ว่าเจ้ากำลังหัดหลอมยาอย่างลับ ๆ อยู่ ข้ารับรองว่าเขาจะต้องส่งเสริมเจ้าเป็นแน่ ในเมื่อเจ้าเป็นหลานสาวคนเดียวของท่าน”“ในเมื่อเจ้ากล่าวเช่นนี้ ข้าจะลองเขียนจดหมายไปหาท่านตาดู ส่วนพรุ่งนี้หลังเลิกเรียนเราค่อยไปดูที่ร้านค้าในสำนักว่าจะพอ
last updateLast Updated : 2025-05-25
Read more
8
“ศิษย์พี่เจ้าคะ ไม่ทราบว่าเตาหลอมนี้ราคาเท่าไหร่” เจิ้งหลินลงมาจากชั้นสอง“อ้อ เตานี้ราคา 100 ตำลึง มันเก่าแล้วราคาจึงไม่แพงนัก”“นี่ตั๋วแลกเงินเจ้าค่ะ ขอบคุณท่านที่ช่วยขายให้ข้า” เจิ้งหลินยื่นตั๋วแลกเงินส่งให้ศิษย์พี่ผู้ขายสินค้าในร้านค้าพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะนำเตาหลอมใส่ไว้ในแหวนเก็บของ“นี่เป็นหน้าที่ของข้า ขอบใจเจ้ามากที่มาอุดหนุน” ศิษย์พี่ยิ้มตอบ เจิ้งหลินพาเสี่ยวจู้เดินกลับไปยังที่พักเพื่อร่วมทานมื้อค่ำกับเพื่อน ๆ ที่น่าจะเตรียมอาหารเอาไว้ให้นางแล้ว นางไม่คิดว่าเตาหลอมเก่า ๆ นี่ยังมีราคาถึง 100 ตำลึง ตอนนี้เงินติดตัวที่นางเก็บไว้เหลือเพียง 100 ตำลึงเท่านั้น คืนนั้นหลังจากได้เตาหลอมยามา เสี่ยวจู้นำสมุนไพรออกมาให้เจิ้งหลินหัดหลอมยาเพิ่มปราณขั้นปฐพี โดยเสี่ยวจู้ค่อย ๆ สอนวิธีเตรียมสมุนไพรและขั้นตอนการนำสมุนไพรใส่เตาหลอมอย่างช้า ๆ เพื่อให้เจิ้งหลินจดจำได้ ด้วยพรสวรรค์ของเจิ้งหลิน ทำให้นางสามารถหลอมยาออกมาได้ทีเดียวถึง 10 เม็ด และคุณภาพยายังดีมากอีกด้วย“เจ้าเก่งมากเจิ้งหลิน หายากนักที่ผู้หลอมจะสามารถหลอมได้ตั้งแต่ครั้งแรก หากเจ้าใช้พลังปราณควบคุมความร้อนของเตาหลอมให้ดีกว่านี้ ข้าคิดว่
last updateLast Updated : 2025-05-26
Read more
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status