“ฮึ! คุณสิบใจร้าย คุณไล่ผิง ทำไมคะ ผิงแค่อยากมาหาคุณสิบ เพราะผิงคิดถึง ผิงผิดด้วยเหรอคะ”
น้ำเสียงเง้างอนกับใบหน้าบูดบึ้งของหญิงสาว ทำเอาสิบทิศจนปัญญา ถอนหายใจอีกครั้งอย่างนึกเซ็งชีวิตตัวเอง
‘เวรกรรมอะไรของเขานักหนาวะเนี่ย’
“เออ อยากจะอยู่ก็อยู่ แต่มีข้อแม้ว่าคุณต้องนั่งเงียบ ๆ ระหว่างที่ผมทำงาน ถ้าคุณป่วนผมเมื่อไหร่ ผมจะให้ลูกน้องของผมมาลากตัวคุณออกจากห้องทันที ตกลงไหม”
สิบทิศจำต้องยอมกับความดื้อรั้นของเธอ เพราะขืนมัวแต่มานั่งทะเลาะกับเธอ วันนี้งานการเขาไม่ต้องได้ทำกันพอดี
“ตกลง ผิงโอเค คุณสิบของผิงน่ารักที่สุดในโลกเลย ผิงจะนั่งเงียบ ๆ ไม่กวนเวลาคุณสิบทำงานแน่นอนค่ะ ถ้าคุณสิบทำงานเสร็จเมื่อไหร่ เราไปทานข้าวเที่ยงกันนะคะคุณสิบขา”
ตรีชฎาลุกขึ้นจากเก้าอี้ กระโดดกอดเขาเหมือนเด็กน้อย มือหนาเลยรีบผลักไสเธอออกเป็นพัลวัน
“ไปนั่งได้แล้ว ผมจะได้ทำงานสักที”
ร่างบางระหงในชุดกระโปรงสั้นระดับหัวเข่า เดินไปนั่งที่โซฟาตัวยาวอย่างว่าง่าย ซึ่งตั้งอยู่ทางด้านขวาของห้อง
มือบางหยิบนิตยสารแฟชั่นที่วางอยู่บนโต๊ะกระจกสีดำตัวเล็กขึ้นมาเปิดดู นึกเอะใจอยู่เหมือนกัน ว่าทำไมในห้องทำงานของเขา ถึงได้มีหนังสือแฟชั่นพวกนี้ด้วย แต่ตรีชฎาไม่รู้หรอกว่า เหตุผลเดียวที่ในห้องทำงานของเขามีหนังสือแฟชั่นพวกนี้ ก็เพราะสิบทิศสั่งให้เลขานุการสาวเอามาไว้ในห้องเอง เผื่อเวลาที่ผู้หญิงของเขามาหา พวกเธอจะได้เอาไว้ดูไปพลาง ๆ รอเวลาที่เขาทำงานเสร็จ
เวลาผ่านไปห้านาที ลินลณีก็เข้ามาในห้องทำงานอันกว้างใหญ่ไพศาลของท่านประธานอีกครั้ง พร้อมด้วยถาดใบเล็กที่มีกาแฟดำไม่ใส่น้ำตาลของเจ้านายหนุ่ม และน้ำส้มคั้นกับของว่างสำหรับสาวสวยที่กำลังนั่งดูนิตยสารอยู่ที่โซฟาตัวยาว
“กาแฟค่ะท่านประธาน”
ลินลณีวางถ้วยกาแฟลงบนโต๊ะทำงานของชายหนุ่มด้วยความระแวดระวัง เดี๋ยวเกิดเผลอไผลทำกาแฟหกรดเอกสารสำคัญบนโต๊ะ มีหวังได้ถูกคุณชายเชือดคอตายเป็นแน่
“อืม ขอบใจ”
เสียงทุ้มกล่าวขอบคุณ ในขณะที่มือหนาก็ยังจรดปลายปากกาเขียนยึกยือลงบนเอกสาร
“น้ำส้มคั้นค่ะคุณผิง ส่วนนี่ก็ของว่างค่ะ ทานเยอะ ๆ นะคะ ถ้าไม่อิ่มก็บอกพี่ได้นะคะ เดี๋ยวพี่จะไปเอามาให้อีก”
ลินลณีคะยั้นคะยอหญิงสาวด้วยรอยยิ้ม พลางยกจานขนมขึ้นจากถาด ตรีชฎารีบวางนิตยสาร รับของว่างจากมือลินลณีแทบจะทันที
“ขอบคุณค่ะพี่ลี ผิงจะทานให้หมดเลยนะคะ”
เสียงหวานเอ่ยคำขอบคุณ ที่ลินลณีอุตส่าห์เอาน้ำส้มกับของว่างมาให้เธอทานในระหว่างที่รอสิบทิศทำงาน
หลังจากที่ออกมาจากห้องทำงานของท่านประธานหนุ่ม ลินลณีก็ชะเง้อชะแง้มองไปรอบตัว แม้บนชั้นที่เธอทำงานอยู่ จะมีเพียงแค่เธอ เจ้านายหนุ่ม และบอดี้การ์ดคนสนิทสองคนซึ่งทำงานอยู่อีกห้อง แต่เธอก็ต้องสอดส่องเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครแอบซ่อนอยู่
และเมื่อเห็นว่าทางสะดวก ลินลณีก็รีบกดโทรศัพท์ไปหาบุคคลที่กำลังรอให้เธอโทร.ไปแจ้งความคืบหน้าทันทีทันใด
“เป็นยังไงบ้าง ได้เรื่องไหมคุณลี”
น้ำเสียงร้อนรนรีบเอ่ยถามเมื่อกดรับโทรศัพท์
“ตอนนี้คุณผิงอยู่ในห้องกับท่านประธานแล้วค่ะคุณหญิง เมื่อกี้ท่านประธานกับคุณผิงดูเหมือนจะทะเลาะกันนิดหน่อยค่ะ แต่ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้วค่ะ ปกติดีทุกอย่าง”
ลินลณีเลขานุการผู้ปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยม รายงานความคืบหน้าให้คุณหญิงสิรินดาฟัง
“อืม ดีแล้วล่ะ”
ได้ยินเช่นนั้น คุณหญิงสิรินดาก็โล่งอก นางคิดว่าลูกชายจะใจร้ายใจดำขับไล่ตรีชฎาออกจากห้องเสียอีก
“แล้วคุณหญิงจะให้ดิฉันทำยังไงต่อไปคะ” ลินลณีถาม
“ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น ปล่อยให้เขาสองคนได้อยู่ด้วยกันตามลำพังก็พอ คอยจับตาดูต่อไปนะคุณลี ถ้ามีอะไรคืบหน้าเมื่อไหร่ ก็รีบโทร.มาบอกฉันด้วยล่ะ ขอบใจมากนะคุณลี”
คุณหญิงสิรินดากล่าว ในใจก็หวังเหลือเกิน ว่าทั้งสองจะไปกันด้วยดีอย่างที่นางคิดเอาไว้
“ยินดีค่ะคุณหญิง เพื่อให้ท่านประธานได้เจอผู้หญิงที่ดี ยิ่งคน ๆ นั้นเป็นคุณผิงด้วยล่ะก็ ดิฉันเต็มใจช่วยสุดชีวิต ดิฉันจะคอยจับตามองไม่ให้คาดสายตาแม้แต่ก้าวเดียวเลยค่ะ”
เลขานุการสาวผู้จงรักภักดีรับคำอย่างหมายมั่น ก่อนจะวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะเมื่อปลายสายวางไปแล้ว
มือหนานุ่มวางปากการาคาแพงลง หลังจากเซ็นเอกสารมากมายก่ายกองบนโต๊ะทำงานเสร็จไปครึ่งหนึ่ง ส่วนเอกสารอีกครึ่งที่เหลือ เขาจะกลับมาเซ็นต่อในช่วงบ่าย
ร่างสูงเอนหลังแนบลงกับเก้าอี้ตัวนุ่ม นิ้วหัวแม่มือถูกยกขึ้นมานวดคลึงขมับทั้งสองข้าง พร้อมกับหลับตาลงเพื่อพักผ่อนสายตา
ใบหน้าสวยเนียนละจากนิตยสารตรงหน้า เงยขึ้นมามองชายหนุ่ม เห็นว่าเขากำลังนั่งพิงเก้าอี้ด้วยท่าทางสบาย หญิงสาวจึงวางนิตยสารลง ยกข้อมือขึ้นดูเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาเพียงนิด ก่อนจะลุกขึ้นไปหาเขา
“ทำงานเสร็จแล้วใช่ไหมคะ ถ้าอย่างนั้นเราไปกันเลยค่ะ”
เปลือกตาที่ปิดสนิทเบิกโพลงขึ้น เมื่อได้ยินเสียงหวานใสเอ่ยชวน คิ้วดกดำแสร้งทำเป็นขมวดมุ่น ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าเธอจะชวนเขาไปไหน
“ไปไหน?” สิบทิศแสร้งถามด้วยใบหน้าเรียบเฉย
“ก็ไปทานข้าวไงคะ” ตรีชฎาตอบพาซื่อ
“ผมบอกเหรอ ว่าจะไปกินข้าวกับคุณ”
เสียงเข้มบอกอย่างไม่ใส่ใจนัก เขาเองก็ไม่ได้อยากจะไปกินข้าวกับเธอเสียหน่อย
“ก็เมื่อกี้...”
เสียงหวานจะท้วง แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเธอเป็นคนพูดเองเออเองคนเดียว เขายังไม่ได้ตอบตกลงเธอเสียด้วยซ้ำ จึงทำให้เธอท้วงไม่ออก
“เมื่อกี้อะไรฮึ ตรีชฎา”
สิบทิศกระเซ้าถามไปอย่างนั้น แต่อันที่จริงเขาแอบลอบยิ้มอยู่ในใจ
'เจอมุขนี้เข้าไป ถึงกับพูดไม่ออกเลยหรือ ยายผู้หญิงหน้าไม่อาย’
จมูกโด่งเป็นสันและริมฝีปากบางเฉียบ ซุกไซ้ซอกคอขาวเนียน สูดดมความหอมละมุนจากกลิ่นกายของภรรยาสาว ยิ่งได้กลิ่นก็ยิ่งคลั่งไคล้ในตัวเธอ ลิ้นอุ่นชื้นไล้เลียละเลียดไปตามผิวเนื้อนวลลออราวกับกำลังกินเค้กหน้านิ่มก็ไม่ปาน“เมียผมหอมจังเลย”เขาค่อย ๆ แทะเล็มขบเม้มทั่วลำคอระหง ใช้ปากร้อนงับติ่งหูของเธอสลับกับไล้ปลายลิ้นไปตามใบหูช้า ๆ จนตรีชฎาต้องหลับตาพริ้ม เบี่ยงหน้าไปอีกทาง เพราะความสยิวลามไปทั่วกลางหลัง ก่อนที่เขาจะจูบพรมไล่ตามซอกคอลงมาถึงเนินอกอวบอิ่มสิบทิศดึงเชือกคล้องคอชุดของขวัญวาบหวิว จับรั้งโบตรงช่วงอกลงมาให้เต้าทรวงหลุดออกจากพันธนาการฝ่ามือหนากอบกุมข้างหนึ่ง เคล้นคลึงเบา ๆ ก่อนใช้ปลายนิ้วสะกิดยอดอก อีกข้างก็ใช้ริมฝีปากครอบครอง ดูดดื่มปทุมถันอย่างหิวกระหาย“นมผิงอร่อยที่สุดเลย”เสียงทุ้มพร่าเอ่ยชม ลิ้นหนาตวัดเลียเม็ดบัวสีหวาน ซึ่งเป็นจุดกระตุ้นอารมณ์ของเมียรักได้เป็นอย่างดี“คุณสิบขา”ดวงตากลมโตหยาดเยิ้มปรือมองดูสามีกำลังดูดเลียปลายถันที่แข่งกันชูชันทั้งสองข้างของเธออย่างเมามัน เขาปลุกเร้าเธอจนเสียวซ่าน เสียงหวานครางเบา ๆ แอ่นอกประเคนตัวเองอยากให้เขาใช้ปากอันร้อนรุ่มสัมผัสปทุมถันของเธอซ้
‘อย่าลืมนะครับ คืนนี้เรามีนัดแกะของขวัญกัน’ตรีชฎานึกถึงประโยคที่สามีย้ำเตือน ก่อนที่เธอจะเข้ามาอาบน้ำ หญิงสาวมองดูตัวเองในกระจกแล้วก็ต้องอมยิ้มให้กับชุดของตัวเองของขวัญที่สิบทิศพูดถึงหมายถึงตัวเธอ เป็นของขวัญวาเลนไทน์ที่เขาควรจะได้เมื่อวานแต่ก็ไม่ได้ เพราะติดที่ลูก ๆ มานอนด้วย เธอเลยต้องเลื่อนวันมาให้เขาในคืนนี้แทน“ผลัวะ” เสียงเปิดประตูห้องน้ำ ทำให้ร่างสูงที่สวมชุดนอนกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงกว้างต้องหันมามองโดยอัตโนมัติภาพที่ปรากฏในดวงตาคมกริบ สิบทิศถึงกับคำรามในลำคอทันที ร่างบางระหงในชุดผูกคอ ช่วงอกแต่งเป็นโบขนาดใหญ่ทำด้วยผ้าสีแดง ปล่อยห้อยชายผ้าลงมาตรงหน้าท้องแบนราบ มีสายเส้นเล็กสองเส้นแนบขนาบลำตัว เชื่อมโยงกับกางเกงชั้นในที่เป็นแค่ผ้าสามเหลี่ยมเล็ก ๆ ปกปิดจุดสงวน กำลังเยื้องกรายมาหาเขาแค่เห็นเลือดในกายก็พุ่งพล่าน ปลุกให้ความเป็นชายแข็งผงาด ทั้งที่ยังไม่ได้สัมผัสร่างกายกันด้วยซ้ำ ให้ตายเถอะนี่เขากำลังจะได้เมียผูกโบของแท้“ชุดอะไรของผิงเนี่ย”สิบทิศดีดตัวลุกนั่งทันทีที่ภรรยาสาวก้าวขึ้นเตียงมานั่งใกล้ ๆ ไล่มองชุดตั้งแต่บนลงล่างไม่วางตา ก่อนจะรั้งตัวเธอให้มานั่งคร่อมตักแกร่ง“ก็
“คุณสิบจะแกะเส้นนี้ออกทำไมคะ” เสียงหวานท้วง“อ้าว ก็นี่มันแค่สร้อยลูกปัดธรรมดา เอาออกเถอะครับ เดี๋ยวผมจะใส่เส้นนี้ให้แทน”“ไม่เอาค่ะ กำไลเส้นนี้เป็นเส้นแรกที่คุณสิบซื้อให้ผิง มันเป็นความประทับใจนะคะ”เขาปลาบปลื้มใจในคำตอบของเธอ จนอยากมอบจูบหวาน ๆ สักจูบสองจูบเพื่อเป็นรางวัล กำไลลูกปัดเส้นนี้ เขาซื้อให้เธอเมื่อครั้งไปฮันนีมูนครั้งแรก แม้เวลาจะผ่านมาหกปีแล้ว เธอก็ยังใส่ติดตัวไว้ตลอด แถมยังรักษาไว้เป็นอย่างดีอีกด้วย“ก็ได้ครับ ไม่ถอดก็ได้ งั้นผมใส่เส้นนี้ให้เลยแล้วกันนะครับที่รัก”ว่าแล้วสิบทิศก็สวมกำไลข้อมือราคาแพงให้ภรรยาคนสวย แล้วยกมือบางขึ้นจูบแผ่วเบา“ขอบคุณค่ะ ผิงก็มีของขวัญให้สามีของผิงเหมือนกันค่ะ เดี๋ยวนะคะ ขอผิงหยิบก่อน”ตรีชฎาวางช่อดอกกุหลาบ เดินไปหยิบของขวัญที่เตรียมไว้ให้สามีสุดที่รัก ซึ่งเป็นปากกาด้ามทอง สลักชื่อเธอกับเขาไว้ด้วยกัน“ปากกาด้ามนี้ คุณสิบต้องเอาติดตัวตลอดนะคะ ผิงรักสามีที่สุดเลยค่ะ”เธอยื่นปากกาสวยหรูให้เขา โถมตัวกอดเขาด้วยความรักสุดหัวใจ แล้วจูบปลายคางอย่างออดอ้อน“ขอบคุณนะครับที่รัก เอ ผมให้ของขวัญผิงตั้งสองอย่าง แต่ผิงให้ผมแค่อย่างเดียวเองนะครับ”“อ้าว ผิงม
“ฮือ ๆ ฮือ ๆ”ไอ้เสือน้อยที่กำลังยื่นลูกโป่งให้น้องสาว หันไปตามเสียงสะอึกสะอื้น นัยน์ตาสุกใสเห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่บนพื้น ร้องไห้งอแงไม่ยอมหยุด แถมที่หัวเข่าก็ถลอกแดงเหมือนหกล้ม เด็กชายสรวิศจึงรีบเดินเข้าไปหา ซึ่งเด็กหญิงสิราวรรณก็เดินตามไปด้วย“น้องหกล้มเหรอครับ เป็นอะไรมากไหม ขอพี่ผลดูหน่อยนะครับ”มือเล็กของไอ้เสือน้อยจับหัวเข่าของเด็กหญิงเพื่อสำรวจดู แต่ร่างเล็กก็สะดุ้งชักขาออกทันที“เจ็บ ฮือ ๆ ฮือ ๆ”เสียงเล็กใสสะอึกสะอื้นไห้ด้วยความเจ็บ “พี่ผล เราจะทำยังไงกันดี น้องหกล้มจนหัวเข่าถลอกเลย อ้อ น้องผักบุ้งนึกออกแล้ว เดี๋ยวน้องผักบุ้งไปตามคุณพ่อคุณแม่มาดูน้องนะคะ”ริมฝีปากจิ้มลิ้มเจื้อยแจ้วบอกพี่ชาย ก่อนจะรีบวิ่งไปตามบิดามารดาที่อยู่ในร้านไอศกรีม“ไม่ร้องนะครับคนเก่ง เดี๋ยวก็หายเจ็บแล้วครับ”เด็กชายสรวิศปลอบประโลมเด็กหญิง เหมือนที่คุณพ่อกับคุณแม่ชอบปลอบเวลาเขาหกล้มเสมอ เมื่อเห็นน้ำตาที่เปรอะเปื้อนใบหน้าเล็ก มือน้อยจึงหยิบผ้าเช็ดหน้าจากกระเป๋าเสื้อนักเรียน มาเช็ดน้ำตาให้เด็กหญิง“พี่ผล คุณพ่อกับคุณแม่มาแล้วค่ะ”น้องผักบุ้งวิ่
“รักเหรอครับ เหมือนที่น้องผลกับน้องผักบุ้ง รักคุณพ่อกับคุณแม่ใช่ไหมครับ”ริมฝีปากสีแดงสดคลี่ยิ้มให้บิดามารดาอย่างน่ารัก มือหนาจึงเอื้อมมาลูบศีรษะทุยของลูกชายเบา ๆ“ไม่ใช่ครับลูก มันไม่เหมือนกัน รักของน้องมินที่มีให้น้องผล ก็เหมือนกับที่พ่อมีให้คุณแม่ไงครับ อืม เอาไว้น้องผลโตขึ้น เดี๋ยวน้องผลก็จะเข้าใจเอง หมดข้อสงสัยหรือยังเจ้าตัวแสบ ไปกินไอศกรีมกันดีกว่านะลูก”สิบทิศอุ้มเจ้าตัวแสบที่ยังคงทำหน้าสงสัยขึ้นรถ ตามด้วยลูกสาวคนสวย ก่อนจะเปิดประตูให้ภรรยาสาว ส่วนตัวเขาก็เดินอ้อมไปขึ้นรถทางฝั่งคนขับ แล้วขับรถออกจากโรงเรียนไปยังห้างสรรพสินค้าทันทีครอบครัวธาราธรณ์พากันมาร้านไอศกรีมที่ตกแต่งด้วยสีสันน่ารัก สิบทิศเลือกที่นั่งด้านใน ซึ่งเป็นโต๊ะโซฟายาว น้องผลนั่งฝั่งเดียวกับคุณพ่อสุดหล่อ ส่วนน้องผักบุ้งก็นั่งฝั่งเดียวกับคุณแม่คนสวย“พี่สาวคนสวยครับ น้องผลเอารสช็อกโกแลตนะครับ เอาแบบรูปนี้เลยครับ”เมื่อพนักงานในร้านมารับออร์เดอร์ เด็กชายสรวิศก็สั่งไอศกรีม พร้อมกับชี้รูปในเมนูให้ดู“น้องผักบุ้งจะทานไอศกรีมรสสตรอว์เบอร์รีค่ะ เอาแบบเดียวกับพี่ผลด้วย”นางฟ้าน้อยบอกพนักงานเสิร์ฟเจื้อยแจ้ว“คุณแม่จะทานรสอ
“พี่ผล”เสียงเล็กใสของใครคนหนึ่งเรียกชื่อไอ้เสือน้อย เจ้าตัวเลยต้องหันไปตามเสียง แล้วส่งยิ้มให้คนที่ยืนเหนียมอายอยู่ตรงประตูห้องเรียน“อ้าว น้องมิน ยังไม่เข้าเรียนอีกเหรอ”เสียงเจื้อยแจ้วเอ่ยถามน้องมินที่เรียนอยู่คนละชั้นปีกับตน ก่อนจะเดินไปหาร่างเล็กในชุดกระโปรงแบบเดียวกับน้องสาว เด็กน้อยหางเปียติดกิ๊บรูปกระต่ายสีชมพู ยื่นดอกกุหลาบให้เด็กชายสรวิศ ก้มหน้าก้มตาไม่กล้ามองหน้าเด็กชาย“น้องมินให้พี่ผลค่ะ”ไอ้เสือน้อยเจ้าเสน่ห์ยื่นมือมารับดอกกุหลาบจากมือเล็ก เพียงเท่านั้นเด็กหญิงตัวเล็กก็รีบวิ่งหนีไปอย่างเขินอาย นัยน์ตาสีนิลมองตามหลังเด็กหญิงด้วยความไม่เข้าใจ ว่าทำไมจะต้องวิ่งหนีเขาด้วยเวลาบ่ายสามโมง สิบทิศกับตรีชฎาก็มารับลูกชายลูกสาวเฉกเช่นทุกวัน ทั้งสองจะมารับลูกด้วยตัวเองเสมอ นอกเสียจากว่าวันไหนติดธุระไม่สามารถมารับลูก ๆ ได้ สิบทิศถึงจะส่งบอดี้การ์ดของเขามารับลูก ๆ แทนเจ้าหนูน้อยทั้งสองวิ่งมาหาคุณพ่อคุณแม่พร้อมด้วยของพะรุงพะรัง ไอ้เสือน้อยกับนางฟ้าน้อยหอมแก้มผู้เป็นบิดามารดา ก่อนจะถูกคุณพ่อยังหนุ่มกับคุณแม่ยังสาวหอมแก้มนุ่มนิ่มกลับคืน“น้องผล ของอะไรน่ะลูก ทำไมถือมาเต็มมือไปหมดอย่างนี