วันนี้ยังคงเป็นหยุดอีกหนึ่งวันแพรรดาเลยมีเวลาสร้างความมั่นใจให้กับตนเองก่อนจะไปเผชิญหน้ากับทิวัตถ์ท่านรองประธานที่มีใบหน้าเย็น หญิงสาวขับรถมาจอดที่หน้าร้านกาแฟแห่งหนึ่ง สายตาคู่สวยมองไปในร้าน ซึ่งในขณะนี้ตอนนี้มีลูกค้าอยู่ไม่กี่คน เธอมองเป้าหมายตรงหน้า อยากรู้เหมือนกันว่าสิ่งที่เรียนมาจากเพื่อนเมื่อวานจะได้ผลจริงหรือเปล่า
เธอเดินเข้าไปร้าน สั่งกาแฟเสร็จก็ไปนั่งรอ จากที่เป็นคนไม่สนใจมองสิ่งรอบข้างแต่วันนี้เธอเลือกที่จะมองไปรอบๆ ร้าน แล้วมันก็ได้ผลเพราะเมื่อมองไปยังโต๊ะตรงกันข้ามก็เห็นว่ามีสายตาคู่หนึ่งจ้องมองมาทางตัวเอง หญิงสาวยิ้มเล็กน้อย จากนั้นก็หันมาสนใจกับสมาร์ทโฟนของตัวเองต่อ ในใจก็คิดว่าที่ยิ้มให้เขาแบบนั้นคงไม่น่าเกลียดจนเกินไป ก็ใครใช้ให้เขามองมาทางเธอล่ะ แต่แล้วมันก็ได้ผล เพราะตอนนี้เขามายืนอยู่ตรงหน้าเธอแล้ว
“ผมขอนั่งด้วยคนได้ไหมครับ” ชายหนุ่มตัวสูงผิวขาวแต่ไม่ถึงกับซีดอายุไม่น่าจะเกิน 30 ปี เขาแต่งตัวสุภาพเสื้อเชิ้ตผ้าเนื้อดีกับกางเกงสแล็กส์สีเข้มดูโดยรวมแล้วถือว่าใช้ได้เลยทีเดียว
“ค่ะ” เธอขยับกระเป๋าที่วางบนโต๊ะเล็กน้อยเพื่อให้เขาได้มีพื้นที่วางแก้วที่ถือติดมือมาด้วย
“คุณคงพึ่งมาที่นี่ใช่ไหมครับ”
“ค่ะ คุณคงมาบ่อยถึงรู้ว่าฉันไม่เคยมา” ร้านกาแฟแห่งนี้อยู่ไม่ไกลจากคอนโดมิเนียมของเธอก็จริงแต่ก็จริงแต่แพรรดาก็เพิ่งจะมาที่นี่ครั้งแรก เพราะส่วนใหญ่แล้วถ้าเป็นวันหยุดหญิงสาวก็เลือกที่จะนอนพักผ่อนหรือไปเดินห้างมากกว่า
“ครับ ผมมาที่นี่ประจำ แล้วปกติคุณ...”
“รดาค่ะ” เธอไม่ได้ใส่ซื่อจนไม่รู้ว่ากำลังถามชื่อ
“ผมกวินทร์ครับ เรียกวินก็ได้ แล้วปกติคุณรดาชอบไปดื่มกาแฟร้านไหนครับ”
“ไม่แน่นอนหรอกค่ะ แต่ถ้าไหนถูกใจก็จะแวะมาบ่อยหน่อยค่ะ”
“ผมหวังว่าคุณจะถูกใจร้านนี้นะครับ เราจะได้เจอกันบ่อยๆ” ชายหนุ่มอยากรู้จักกับเธอให้มากขึ้นเพราะนอกจากเธอจะสวยแล้วยังดูฉลาดทันคนอย่างที่เขาชอบ
“รดาก็หวังอย่างนั้นค่ะ”เธอยิ้มเล็กน้อยอย่างที่ชาช่าสอน
‘เวลาจะยิ้มให้ใครก็ไม่ต้องแหกปากจนเห็นฟันครบอย่างจูเลีย โรเบิร์ตหรอกนะ ยิ้มแบบนั้นหล่อนทำได้คนเดียว คนธรรมดาอย่างเราต้องยิ้มน้อยๆ ยิ้มทั้งใบหน้าและสายตา ถ้าจะให้ดีก็มองไปที่เขาแค่เพียงนิดเดียวพอ แล้วก็หลบสายตาประมาณว่าเขินอาย แม้ในใจแกกำลังคิดว่าจะอยากจะลากเขาเข้าห้องก็ตาม’
‘แค่ยิ้มทำไมมันยากจัง’
‘มันไม่ได้ยากอะไรเลย แค่ใส่จริตลงไปนิดหน่อย ไอ้ที่เห็นแล้วฉีกยิ้มจนตาหยีน่ะ เขาเอาไว้ใช้กับพวกวัยรุ่นย่ะ คนทำงานอย่างแก ต้องรู้จักใช้มารยา’ นี่คือสิ่งที่ชาช่าสอนเธอเมื่อวาน แล้วก็เหมือนว่าการยิ้มของเธอจะได้ผล
กวินทร์มองผู้หญิงตรงหน้าด้วยท่าทีสนใจเธออย่างเปิดเผย แม้จะเจอผู้หญิงมามากแต่ก็ไม่เคยมีใครที่มองแล้วไม่รู้สึกเบื่อเหมือนคนตรงหน้ามาก่อน หญิงสาวมีใบหน้าที่สวย เฉี่ยวดูเปรี้ยวหากแต่ดวงตานั้นกลับสวยหวาน ผิวของเธอขาวดูสุขภาพดีไม่ขาวซีดเหมือนสาวๆ ที่เขาเคยคบหามาก่อนหน้านี้ จมูกเชิดเล็กน้อยรับกับปากสีสวยมองทีเดียวก็รู้ว่าเธอไม่ได้ผ่านมีดหมอมาเลยสักนิด ความงามตามธรรมชาติที่ดูช่างลงตัวจนอดชื่นชมไม่ได้
“จะรังเกียจไหมถ้าผมจะขอช่องทางติดต่อไว้ เผื่อครั้งหน้าเราจะได้นัดมาดื่มกาแฟกันอีก”ผู้ชายอย่างเขาไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดลอยไปง่ายๆ
แพรรดานิ่งไปครู่ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นให้เขาสแกน QR Code จากนั้นเธอก็นั่งคุยกับเขาอีกพักใหญ่ก่อนจะขอตัวกลับ เธอยังไม่รู้รายละเอียดเกี่ยวกับตัวชายหนุ่มมากนักรู้แต่เพียงว่าเป็นหมอด้านศัลยกรรมความงามที่มาเปิดคลินิกอยู่ถัดจากร้านกาแฟไปอีกสองช่วงตึก เธอหวังว่าที่เขามาทำความรู้จักนั้นคงไม่ใช่ว่ากำลังหาลูกค้าอยู่หรอกนะ
เมื่อกลับถึงคอนโดมิเนียมก็รีบโทรศัพท์ไปเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ให้กับกุนซืออย่างชาช่าฟัง ดูฝ่ายนั้นจะดีใจไม่น้อย เสียงชื่นชมของเพื่อนทำให้แพรรดามีกำลังใจที่จะไปทำงานในวันพรุ่งนี้
เช้าวันนี้คงมีหลายคนที่ไม่อยากจะตื่นไปทำงานเพราะหยุดยาวติดกันถึงสี่วันแต่ แต่ผิดกับแพรรดาเพราะวันนี้นอกจากจะตื่นมาอาบน้ำแต่งตัวตั้งแต่เช้าแล้วเธอยังไปถึงที่ทำงานก่อนเวลาเกือบครึ่งชั่วโมง
“คุณรดา วันนี้แต่งตัวสวยจังเลยนะคะ” พนักงานต้อนรับเป็นคนแรกที่เธอเจอแล้วคำทักทายก็เสริมให้หญิงสาวยิ่งมั่นใจในตัวเองมากขึ้น เธอก้มมองตัวเองแล้วยิ้ม ชุดเดรสเข้ารูปสีดำความยาวเหนือเข่าเล็กน้อย สวมทับด้วยสูทสีครีมขลิบดำขนาดพอดีตัว ต่างจากวันทุกวันที่ใส่กระโปรงทรงเอยาวคลุมเขากับเสื้อเชิ้ตแขนยาวตามอย่างรุ่นพี่อย่างอรดี
“ขอบใจจ้ะน้องฟ้า” น้องฟ้าเป็นพนักงานต้อนรับของตึกสูงกว่า 30 ชั้นซึ่งบริษัทของเธอเช่าอยู่ที่ชั้น 18
พอมาถึงชั้น 18 เธอก็พบกับภาพที่คุ้นตาคือพี่อรดีเลขาของท่านประธานซึ่งทำงานที่นี่มาตั้งแต่เรียนจบ พี่อรดีเป็นหญิงวัยกลางคนที่รูปร่างค่อนข้างอวบอิ่ม ใบหน้ายิ้มแย้มอยู่เสมอ แม้กระทั่งเวลาที่เจ้านายหงุดหงิดจนใครเข้าหน้าไม่ติดก็มีพี่อรดีคนเดียวเท่านั้นที่ยังยิ้มอยู่ตลอดเวลา และพี่อรดียังช่วยสอนงานเธออย่างใจเย็นจนตอนนี้เธอเรียนรู้ได้มากกว่าที่คิดไว้
“สวัสดีค่ะพี่อร” เธอยกมือไหว้รุ่นพี่อย่างทุกครั้ง
“สวัสดีจ้ะ เอ๊ะ! วันนี้ทำไมรดาดูสวยเป็นเศษคะ” อีกคนที่เอ่ยชมทำให้แพรรดามั่นใจมากขึ้นว่ายังไงเสียวันนี้ทิวัตถ์ก็คงจะเห็นความเปลี่ยนแปลงของเธอบ้าง
“ขอบคุณค่ะพี่อร รดาอยากเปลี่ยนตัวเอง พี่ว่ามันน่าเกลียดไหมคะ” เธอหมุนไปรอบตัวให้กับรุ่นพี่ดู
“ไม่น่าเกลียดเลยค่ะ พี่ว่าดูสดใสดีออก วัยอย่างน้องรดาต้องแต่งแบบนี้แหละ”
“พี่พูดจริงใช่ไหมคะ”
“พี่จะโกหกทำไมคะ แต่งแบบนี้รับรองว่าท่านได้หันมามองเลขาก็คราวนี้แหละ” คนไม่รู้ก็พูดไปตามที่คิด ส่วนคนที่ตั้งใจแต่งตัวมาอวดก็เอาแต่ยิ้ม สายตาก็ชะเง้อว่าเมื่อไหร่คนที่รอคอยจะมาทำงานสักที
ปกติแล้วทิวัตถ์จะไม่เคยเข้ามาทำงานสายเลยสักวัน แม้ว่ากลางคืนเขาจะเที่ยวดึกดื่นแค่ไหนแต่ก็ไม่เคยเสียงานเลยสักครั้ง
เสียงทักทายพนักงานทำให้คนที่กำลังนั่งทำงานอยู่รู้สึกใจเต้น เพราะนั่นหมายถึงเป้าหมายของเธอกำลังจะมาถึงห้องทำงานในอีกไม่ช้า
“คุณรดา ตามผมมาที่ห้องด้วย” เขาหันมาบอกผู้ช่วยแล้วเดินเข้าห้องไปโดยไม่สนในเลยสักนิดว่าวันนี้เธอแต่งตัวสวยแค่ไหน ทำเอาคนที่มั่นใจเมื่อครู่รู้สึกห่อเหี่ยวขึ้นมาทันที
วันนี้ก็ครบสิบวันแล้วที่แพรรดากลับมาอยู่ที่บ้านและมันก็ตรงกับวันหยุดภีมวัชช์เลยชวนภัทรานิษฐ์มาค้างที่บ้านตั้งแต่เมื่อวานเพราะอยากให้น้องสาวได้มีเพื่อนคุยบ้าง“เราจะไปไหนกันเหรอพัด ทำไมพัดต้องให้แพรใส่ชุดนี้ด้วยล่ะ” แพรรดามองชุดกระโปรงสีหวานที่ดูเรียบร้อยขัดกับตัวเธออย่างมาก“พัดอยากไปไหว้พระ”“อ๋อ แล้วก็ไม่บอกกันตั้งแต่แรก ว่าแต่ชุดนี้แพงน่าดูเลยนะ ขอถามหน่อยว่าใครจ่าย”“ที่ถามนี่ไม่รู้นิสัยพัดเหรอ เรื่องอะไรพัดจะยอมซื้อของแพงๆ ละ”“นั่นสินะ พี่ภีมเป็นคนจ่ายใช่ไหม” เพราะภัทรานิษฐ์เป็นคนประหยัดมากเสื้อผ้าราคาแพงแบบนี้ไม่มีทางที่เพื่อนจะยอมซื้อ“อือ เขาเป็นคนจ่าย”“พี่ชายแพรนี่ก็น่ารักดีนะ แต่ชุดนี้สวยถูกใจแพรมากเลยนะ”“พัดก็ว่าสวยนะเหมาะกับแพรมากแล้วถ้าจะให้ดีกว่านี้พัดว่าแพรแต่งหน้าสักหน่อยดีไหม”“ต้องแต่งด้วยเหรอเราแค่ไปวัดเองนะ”“ก็ชุดสวยแล้วหน้าก็ต้องเป๊ะสิ”ช่วยแต่งให้หน่อยสิ แต่อย่าเข้มมากนะ พัดแต่งหน้าเก่งกว่าแพรเยอะเลย แพรอยากให้พัดย้ายมาอยู่ที่นี่จังแพรจะได้ไม่เหงา”“แล้วพัดจะมาหาแพรบ่อยๆ”“สัญญาแล้วนะ”“ก็ก็ถ้าพี่ภีมไปรับนะ เพราะให้พัดมาเองพัดขี้เกียจขับรถ”“พี่ภีมเต็มใจไปรับ
เกือบหนึ่งสัปดาห์แล้วที่ทิวัตถ์มาทำงานโดยไม่มีเลขาหน้าห้องต้องเดือดร้อนคุณอรดีอีกอย่างเคย เพราะครั้งนี้เขายืนยันแล้วว่าจะไม่หาเลขาคนใหม่ เพราะยังรอให้แพรรดากลับมาทำงานด้วยทุกครั้งที่ประตูห้องทำงานเปิดออกเขาก็รีบเงยหน้าขึ้นมองด้วยความเคยชิน แต่พอเห็นว่าคนที่เดินเข้ามาไม่ใช่แพรดาใบหน้าก็กลับมานิ่งอย่างเดิมพอไม่มีแพรรดาเขาก็รู้สึกเหมือนชีวิตไร้สีสัน มันเหมือนขาดอะไรไปบางอย่าง เพราะสองเดือนมานี้เขามีแพรรดาข้างกายตลอดเวลา เขาไม่กลับไปนอนที่คอนโดมิเนียมของคนเองอย่างเคยเพราะไม่ว่าจะมองไปมุมไหนก็เอาแต่คิดถึงแพรรดาจนนอนไม่หลับบ้านของมารดาจึงเป็นที่แห่งเดียวที่ทำให้เขาผ่อนคลาย“แม่ว่าวัตถ์ดูเครียดไปนะ หาเวลาพักหน่อยไหม”“ผมยังไหวครับแม่รอพักทีเดียวดีกว่า”“แล้วได้ติดต่อน้องไปบ้างไหม น้องว่ายังไงบ้าง”“ผมว่าโทรไปน้องแพรก็คงไม่รับโทรศัพท์ผมเหรอครับแม่ อย่างโทรให้เสียเวลาเลย”“ไม่คุยกันแล้วจะเข้าใจกันไหมล่ะ ป่านนี้น้องอาจจะกำลังรอให้วัตถ์โทรไปหาก็ได้นะ”“แม่คุยกับอาณีมาใช่ไหม”“ใช่ อาณีบอกแม่ว่าน้องเอาแต่ซึมไม่สดใสเหมือนก่อน แม่อยากให้วัตถ์โทรไปหาน้องบ้างไปคุยกันให้รู้เรื่อง”“แพรดื้อครับแม่ผมไ
แพรรดานอนมองเพดานห้องหลังจากที่ตื่นขึ้นมาในสายของอีกวันโดยที่ข้างกายว่างเปล่า ทิวัตถ์คงไปจากเธอแล้วอย่างที่เธอต้องการ หญิงสาวรู้สึกถึงชัยชนะของตัวเองที่ทำทุกอย่างได้ตามแผน ทำให้เขาหลงรักแล้วปฏิเสธเขาอย่างที่ไร้เยื่อใย แต่ชัยชนะนั้นก็แลกมาด้วยความเจ็บปวดอย่างที่สุดหญิงสาวยืนมองตัวเองในกระจกแล้วยิ้มเมื่อนึกถึงชัยชนะ แต่รอยยิ้มนั้นกลับเปื้อนไปด้วยน้ำตาแห่งความเสียใจ ยิ่งเห็นร่องรอยที่เขาฝากไว้ก็ยิ่งคิดถึงเขามากขึ้นไปอีกเวลาที่ได้ใกล้ชิดเขาไม่ถึงสองเดือนแต่มันกลับเต็มไปด้วยความทรงจำที่แสนหวาน ท่านรองที่ดูเย็นชาของเธอนั้นกลายเป็นชายอีกคนที่ช่างอ้อนและเร่าร้อนอย่างที่สุดเวลาที่ด้วยกันอยู่บนเตียง แพรรดาไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหนเธอถึงจะลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้หลังจากอาบน้ำและทานอาหารแช่แข็งที่ซื้อมาเมื่อวานแล้วแพรรดาก็เก็บกวาดห้องอีกครั้ง เธอคิดว่าจากนี้จะปล่อยที่นี่ให้คนอื่นเช่าเพราะตัวเองคงจะกลับไปอยู่ที่บ้านกับครอบครัวและคงไม่กลับมาทำงานที่กรุงเทพอีกแล้วหญิงสาวโทรไปบอกบิดามารดาว่าขอเวลาเก็บของและขอไปเจอเพื่อนอีกหนึ่งวันก่อนจะกลับไปที่บ้านในวันพรุ่งนี้จากนั้นก็โทรนัดเพื่อนๆ ออกมาฉ
“อ่า..ของเมียแน่นจังอย่าเพิ่งตอดแรงนะ พี่จะทนไม่ไหวเอา”“แพรก็จะทนไม่ไหว มันเสียว อื้อออ...”แพรรดาผวาขึ้นมากอดเขาแน่นเมื่อเขาดันความใหญ่ยาวเข้าไปในตัวเธอทีเดียวจนสุดโคน“โอ้วว..แพรจ๋า ทั้งแน่นทั้งตอดกะจะฆ่ากันหรือไง”ทิวัตถ์กัดฟันกรอดเพราะโพรงอ่อนนุ่มตอดรัดอย่างแรงจนต้องรีบถอนตัวออกแล้วขยับเข้าไปใหม่ เขาโน้มตัวเข้าหาประกบจูบบดเบียดแลกลิ้นเป็นพัลวัน มือนวดคลึงเต้าอวบบีบขยี้ปลายยอดจนเธอเสียวไปถึงท้องน้อยสะโพกขยับเข้าออกไปตามแรงปรารถนา แพรรดาปล่อยกายปล่อยใจให้เป็นไปตามความรู้สึกส่วนลึก ร่างกายตอบสนองเขาไปตามสัญชาตญาณไม่ว่าเขาจะจับจูงไปทิศทางไหนหญิงสาวก็พร้อมจะตามเขาไปทุกที่ ทุกจังหวะที่ท่อนเอ็นร้อนครูดกับโพรงอ่อนนุ่มนั้นร้อนแรงจนหญิงสาวครางแทบไม่เป็นภาษา “สะเสียว พี่วัตถ์แพรเสียว ดูดแรงๆ นะคะ” หญิงสาวเสียวซ่านกับปากร้อนที่กำลังดูดกินยอดอก ยิ่งเขาดูดแรงเธอก็ยิ่งตอดรัดทำให้ชายหนุ่มรู้สึกเสียวซ่านไปทั่วทั้งตัว แรงบีบเพิ่มขึ้นอย่างไม่ปรานี สะโพกก็ยังคงทำงานอย่างไม่มีพัก“แพรจะไม่ไหว”“คนเก่งของพี่ ให้พี่แรงอีกใช่ไหม”เขาถามอย่างรู้ใจ พอเห็นใบหน้าหวานที่แดงก่ำพยักขึ้นลง
แพรรดาเดินกลับมาอย่างไม่เร็วนักเพราะดื่มไปค่อนข้างเยอะ แต่ก็ไม่ถึงกับเมาจนเดินกลับห้องของตัวเองไม่ถูก หญิงสาวกดรหัสเปิดยังไม่ทันได้ปิดลงมือของใครบางคนก็ดึงประตูแล้วแทรกตัวเขามาในห้องโดยที่หญิงสาวไม่ทันได้ระวัง พอกันหลับไปมองก็ต้องตกใจ ใบหน้าสวยโกรธขึ้นมาทันที“คุณวัตถ์”“เมื่อวานยังเรียกพี่วัตถ์อยู่เลยทำไมวันนี้เรียกคุณวัตถ์ล่ะ”“ฉันจะเรียกยังไงมันก็เรื่องของฉัน”“ผัวเมียที่ไหนเขาพูดกันแบบนี้นะ” เขาเดินเข้ามาใกล้แพรรดาถอยหนีจนแผ่นหลังชนกับผนังห้อง“อย่ามาพูดแบบนี้ในห้องฉันนะ และก็กลับออกไปได้แล้วก่อนที่ฉันจะตะโกนให้คนมาช่วย” แพรรดาขู่เพราะเห็นท่าทางของเขาแล้วมันไม่น่าไว้ใจเลย“เรื่องผัวเมียมีใครที่ไหนเขาอยากจะยุ่งล่ะ พี่ว่าเรามาคุยกันดีๆ นะ”“ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับคุณแล้ว เชิญกลับไปได้แล้วค่ะ”“ถ้าไม่อยากจะคุยงั้นเปลี่ยนมาเป็นครางแทนดีไหมล่ะ” เขาก้าวเขามาประชิดตัวสองมือกับเธอไว้ ใบหน้าหล่อก้มลงต่ำจนแพรรดารู้สึกถึงลมหายใจอุ่นที่รดแก้ม“อย่านะคุณวัถต์” แพรรดาเอามือดันใบหน้าของเขาไว้ แต่แทนที่เขาจะสะทกสะท้านเขากลับดึงมือนั้นขึ้นจูบไปที่นิ้วพลางส่งสายตามองราวกับกำลังจะกลืนกินเธอลงไปทั้งตัว
ถึงแม้วันนี้จะไม่ต้องออกไปทำงานแต่เช้าแพรรดาก็ตื่นตามเวลาปกติเพราะความเคยชิน หญิงสาวเริ่มเก็บของใช้ที่จำเป็นลงกระเป๋า เพราะคิดจะย้ายกลับไปอยู่ที่บ้าน “เฮ้อ” แพรรดาถอนหายใจเพราะยิ่งจัดของใจก็ยิ่งว้าวุ่นขึ้นเรื่อยๆ เธอไม่คิดว่าวันที่จะต้องลาออกจากงานและกลับไปช่วยงานที่บ้านจะมาถึงเร็วขนาดนี้ ถ้าเมื่อคืนไม่คุยกับพี่ชายจนเพลินความลับที่เก็บไว้ก็น่าจะยังคงเป็นความลับอยู่ แต่ในเมื่อทิวัตถ์รู้ความจริงแล้วแพรรดาก็คงไม่กล้าไปทำงานกับเขาอีก เรื่องระหว่างเธอกับเขามันเกิดขึ้นเร็วและก็จบเร็วจนน่าใจหาย แพรรดายอมรับว่ายังรักเขาอยู่และความรักก็มากขึ้นเมื่อได้ใกล้ชิด มันคงต้องใช้เวลาอีกมากกว่าที่เธอจะเลิกรักเขาได้ แต่ก็ต้องยอมรับความจริงว่าเธอกับเขาไม่มีทางกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ เธอดีใจที่เขาบอกว่าอยากจะหมั้นแต่ถ้าเธอยอมก็เท่ากับว่าแผนการที่เธอวางไว้มันก็จะพังไม่เป็นท่าแล้วคนชอบเอาชนะอย่างเธอก็ไม่มีทางยอม แพรรดายอมเจ็บดีกว่าจะหมั้นกับเขาเพราะถ้าเป็นแบบนั้นก็เท่ากับเธอเป็นคนแพ้หญิงสาวนอนกลิ้งไปมาอยู่บนเตียงหลังจากจัดของได้แค่เพียงนิด เพราะพี่ชายบอกเธอว