ตอนที่6. ความลับที่ถูกเปิดเผย
รถยนต์ของเซียวเล่ห์จอดที่บริเวณหน้าคอนโดของฮานะ ชายหนุ่มมองหญิงสาวที่นั่งนิ่งอยู่อย่างนั้นก่อนจะเอ่ยขึ้น
“ไม่ลงไปล่ะ หรือว่ามีอะไร”
“ฉันแค่อยากให้เราคงสถานะอาจารย์กับลูกศิษย์ในตอนที่อยู่ในมหาลัย ฉันไม่อยากให้ใครรู้เรื่องนี้ ได้ไหมคะ? ”
“อืมเข้าใจแล้ว” เมื่อได้คำตอบที่ต้องการแล้วนั้น ฮานะเปิดประตูรถและก้าวออกไปทันที
ทันทีที่เข้ามาภายในคอนโด ก็ต้องทำให้เธอตกใจเป็นอย่างมากเพราะว่าเมื่อเข้าไปในห้องนั้นเธอก็ได้พบกับ
โคจิโร่ พ่อของฮานะนั่งรออยู่ที่โต๊ะ พร้อมกับน้ำชาเย็นและเอกสารบางอย่าง
“ลูกไปที่คฤหาสน์มังกรดำมาใช่ไหม?” ฮานะเงียบ รู้ตัวว่าโกหกไม่ได้
“พ่อขอเตือนนะฮานะ…อย่าหวั่นไหวกับคนแบบนั้น พวกเขาเกิดมาเพื่อเป็นศัตรู ไม่ใช่คู่ชีวิตของเรา”
ฮานะกำหมัดแน่น
“แล้วถ้าหนูไม่อยากเป็นคนที่อยู่ในเกมของพวกเขาล่ะคะ?”
โคจิโร่ชะงัก…แต่น้ำเสียงยังนิ่ง
“ถ้าหนูออกจากเกม หนูจะไม่มีอะไรปกป้องตัวเองอีกเลย…แม้แต่หัวใจ”
“พ่อให้คนตามหนู แต่ไม่ให้คนช่วยหนูในตอนที่หนูตกอยู่ในอันตรายอย่างนั้นเหรอคะ?”
“ใช่ แต่พ่อรู้ว่าหมอนั่นจะไม่ทำอะไรลูกของพ่อเป็นแน่ เพราะมันเสี่ยงเกินไป”
“แล้วถ้ามันกลับกัน ถ้าเขาฆ่าหนูเสียแต่ตอนนั้นพ่อจะเสียใจไหมคะ หรือว่าพ่อเองก็ต้องการส่งหนูไปตาย เหมือนพี่ !!”
เพี๊ยะ !! เสียงฝ่ามือกระทบบนใบหน้าของฮานะอย่างดัง ทันทีที่ผู้เป็นพ่อลุกขึ้นยืนเต็มความสูง
“แกเป็นลูกหน้าที่ของแกคือทำตามคำสั่งพ่อแม่ อย่าริอาจมาก้าวร้าวและกำเริบกับพ่อจำไว้ ไปนอนได้แล้ว จากนี้จะมีบอดีการ์ดเฝ้าแกตลอด 24 ชั่วโมง ส่วนโซระจะถูกทำโทษ โทษฐานที่ปิดบังข้อมูล”
“พ่อคะ อย่าทำอะไรโซระ หนูขอโทษต่อไปนี้หนูจะทำตามที่พ่อบอกทุกอย่าง นะคะหนูขอร้อง”
ไม่มีคำตอบรับ หรือว่าคำปฎิเสธจากผู้เป็นพ่อ ทุกอย่างเงียบกริบ ก่อนที่ฮานะจะถูกบอดีการ์ดดันตัวให้เข้าไปในห้องของเธอในที่สุด
เสียงปลายนิ้วกดแป้นพิมพ์ดังเป็นจังหวะ ในยามดึกภายในห้องพักส่วนตัวของเซียวเล่ห์ แสงจากจอมอนิเตอร์สะท้อนบนใบหน้าเรียบนิ่งของเขา ขณะข้อมูลของฮานะไหลขึ้นมาบนหน้าจอ
“มิยูกิ ฮานะ อายุ 19 ปี
เกิดที่เกียวโต แต่ย้ายมาไทยตั้งแต่อายุ 6 ขวบแม่เสียชีวิตตอนเธออายุ 4 ขวบ
เป็นบุตรบุญธรรมของ มิยูกิ โคจิโร่…” นิ้วของเซียวเล่ห์หยุดกึก“บุตรบุญธรรม?” ดวงตาคมหรี่ลงทันที…หัวใจเต้นหนักขึ้นไม่ใช่เพราะความประหลาดใจ แต่เพราะอะไรบางอย่างที่ลึกซึ้งกว่าสัญชาตญาณของนักล่าที่ได้กลิ่นของความลับ
เสียงเคาะประตูดังขึ้นหนึ่งครั้ง
“เข้ามา”
อาตง ลูกน้องคนสนิทเดินเข้ามาพร้อมแฟ้มเอกสาร
“ผมได้เอกสารต้นฉบับจากทางญี่ปุ่นมาครับ.. บังเอิญคนที่เคยดูแลเรื่องทะเบียนของเด็กหญิงฮานะตอนอยู่เกียวโตเป็นคนของเราสมัยก่อน...เขายังติดหนี้บุญคุณท่านพ่ออยู่”
เซียวเล่ห์รับแฟ้มมาเปิดดู แผ่นกระดาษสีซีดเผยให้เห็นชื่อจริงของฮานะในทะเบียนเก่า
“เซโตะ ฮานาโกะ?”
แววตาเซียวเล่ห์เปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวในเสี้ยววินาที
“ชื่อเดิมของเธอไม่ใช่มิยูกิ สินะ”
“ใช่ครับ และเธอก็มีพี่ชายแท้ ๆ คนหนึ่ง...ชื่อ......เซโตะ ฮารุโตะ !!”
แต่เขาหายตัวไปในปีเดียวกับที่น้องชายของคุณเซียวหานเสียชีวิต” อาตงรายงานตามความเป็นจริงที่เขาไปสืบมา
ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ เซียวเล่ห์วางแฟ้มลงช้า ๆ ราวกับกลัวว่ามันจะระเบิดอารมณ์ในอกให้พังครืน
“ให้ใครก็ได้…ไปค้นสุสานเงาที่ญี่ปุ่น
ฉันอยากรู้ว่าศพของเซโตะ ฮารุโตะ ถูกฝังไว้จริงหรือแค่หายตัวไปอย่างที่บอกกัน”อาตงพยักหน้าแล้วเดินออกไป ปล่อยให้เซียวเล่ห์นั่งอยู่ท่ามกลางความเงียบ และก้อนอะไรบางอย่างในอกที่เขาไม่ยอมตั้งชื่อมันว่า ความรู้สึก
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันแน่เนี่ย ทำไมสับสนไปหมด แทนที่มันจะสืบได้ตั้งแต่หลายปีก่อน แต่ทำไมเพิ่งมาสืบได้เมื่อตอนที่เจอเธอ ฮานะ ไม่สิ ฮานะโกะ !!”
เช้าวันใหม่ ในคาเฟ่หลังมหาวิทยาลัย
ฮานะนั่งมองมือถือ ที่มีข้อความจากพ่อขึ้นว่า
“ระวังตัวไว้ให้มาก อย่าปล่อยให้อารมณ์พาไป
เพราะบางครั้ง หัวใจก็คือจุดอ่อนของนักฆ่า”เธอถอนหายใจ หันไปเจอเซียวเล่ห์เดินเข้ามาในร้านอย่างไม่เกรงใจใคร คนในร้านพากันเงียบกริบราวกับเวลาหยุดเดิน เขานั่งลงฝั่งตรงข้ามเธอโดยไม่ต้องขออนุญาตอะไรทั้งสิ้น
“คุณมา...” ยังไม่ทันที่ฮานะจะพูดอะไรออกมาเขาก็เอ่ยถามขึ้น
“เธอมีพี่ชายอีกคนหรือเปล่า ที่ไม่ใช่เคียว ?” ฮานะชะงักไปทันที ดวงตาสั่นไหวเพียงเสี้ยววินาที
“ฉัน…จำเขาไม่ได้หรอกค่ะ เขาหายไปตอนฉันยังเด็กมาก”
เซียวเล่ห์จ้องเธอราวกับมองทะลุเข้าไปในกระดูก
“แล้วถ้าฉันบอกว่า...เขาอาจจะยังไม่ตาย?” เซียวเล่ห์ถามและจ้องมองมาที่นัยตาหวานฉ่ำของฮานะ หญิงสาวไม่กล้าหลบสายตา ก่อนจะยื่นมือมาจับมือของเซียวเล่ห์เอาไว้ ชายหนุ่มมองเธอแปลกไปในทันที
“คุณพูดแบบนั้นทำไม? ที่นี่มีบอดีการ์ดเป็นจำนวนมากแฝงตัวในนี้ คุณอยากให้ฉันตกอยู่ในที่นั่งลำบากหรือยังไง” ฮานะบอกกับเชียวเล่ห์ก่อนที่เขาจะหันไปมองรอบๆ ร้าน
“เอาเป็นว่าเธออย่าลืมส่งงานตามที่บอกไว้ในคลาสก็แล้วกัน แล้วก็ถ้าไม่อยากมีปัญหาก็ซื้อกาแฟมามาจ่ายค่าผ่านทาง” เขาพูดดังพอให้คนที่อยู่บริเวณนั้นได้ยิน ก่อนที่จะลุกขึ้นแล้วพูดให้ได้ยินแค่สองคน
“เพราะบางที…ฉันก็รู้สึกว่าเธอไม่ใช่ศัตรูของฉัน
แต่เป็นกุญแจที่เปิดความจริงในอดีตของฉันแทน”+++++