ตอนที่5. คืนที่ทุกอย่างเปลี่ยนไป
ห้องใต้ดินของตึกเรียนร้าง
มือปริศนากำลังกดปุ่มส่งข้อความลับ ข้อความถูกส่งไปยังเบอร์ของฮานะ…พร้อมภาพถ่ายเก่า
“ถ้าอยากรู้ความจริงเรื่องพี่ชายเธอ…มาพบฉัน คืนนี้ 2 ทุ่ม ที่ตึกเรียนร้าง” ภาพถ่ายที่แนบมา คือภาพของพี่เคียว…ยืนอยู่ข้างเซียวเล่ห์
ในวันที่เขายังไม่ใช่อาจารย์…แต่คือ มือขวาของมังกรดำเสียงฝีเท้าเบา ๆ ดังสะท้อนในทางเดินอันมืดสนิทของตึกเรียนร้างที่เงียบสงบ แสงจากโทรศัพท์มือถือเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ส่องทางให้เธอ ค่อย ๆ เดินไปตามทางอย่างช้า ๆ ฮานะมองซ้ายมองขวาตลอดทางเดินอย่างระวัง เพราะเธอไม่อาจจะรู้ได้เลยว่าใครกันที่เป็นคนนัดเธอมาที่นี่ เขารู้เบอร์ติดต่อของเธอได้อย่างไรกัน
2 ทุ่มตรง
ฮานะมาหยุดอยู่หน้าห้องเรียนเก่าเบอร์ 313 ประตูแง้มไว้อย่างน่าประหลาด“กล้ามาดีหนิ มิยูกิ ฮานะ”
เสียงชายหนุ่มแหบต่ำดังจากมุมมืด ฮานะเบิกตากว้างเมื่อเห็นชายร่างสูงในชุดหนังดำ สวมหน้ากากครึ่งหน้า
“คุณเป็นใคร?” ฮานะเอ่ยถามและมองไปรอบ ๆ ห้องอย่างระมัดระวังเป็นอย่างมาก
“คนที่รอดจากนรกมาเพราะการหักหลังของพี่ชายเธอ…” เขาขว้างแฟ้มหนึ่งมาให้ ฮานะก้มลงเก็บ
ข้างในคือหลักฐานเก่า ภาพถ่าย พยานลับ เอกสารที่เขียนด้วยภาษาจีนโบราณ“รู้ไว้แค่นี้ พี่ชายเธอไม่ได้ตายฟรี…และมังกรดำไม่ได้ฆ่าเขา”
ฮานะกำลังจะถามอะไรต่อ แต่จู่ ๆ ก็มีเสียงระเบิดเล็ก ๆ ดังขึ้นจากอีกฝั่งตึก ควันสีขาวพวยพุ่งเข้ามาทางห้อง
“แกวางกับดักฉันเหรอ!?”
“เปล่า...แต่มีใครบางคนไม่อยากให้เธอรู้ความจริง” เสียงปืนดังขึ้น! ชายลึกลับกระชากฮานะหลบเข้ามุม
ก่อนจะผลักเธอออกทางประตูหลัง“หนีไป! ไปหา ‘เขา’ ซะ…ก่อนที่มันจะสายเกินไป” เสียงตะโกนร้องดังกึกก้อง เพราะเป็นช่วงกลางคืนจึงทำให้ได้ยินทุกคำพูดได้อย่างชัดเจน
ฮานะวิ่งหนีสุดกำลัง เสียงฝีเท้าอีกคู่ดังไล่หลังเธอมาเรื่อย ๆ เธอหันกลับไปจะสู้ แต่แล้ว…
ปึ่ก!
แขนแกร่งกระชากตัวเธอเข้ากำแพง รวบไว้แน่น
“บอกแล้วไงว่าอย่ามาคนเดียว…” เสียงทุ้มต่ำกระซิบข้างหู กลิ่นน้ำหอมคุ้นเคยทำให้เธอเบิกตากว้าง
เซียวเล่ห์!?
“เธอกำลังถูกล่า…โดยคนเดียวกับที่ฆ่าน้องชายฉัน”
ฮานะชะงัก “น้องชายคุณ?” ฮานะมองคนที่อยู่ข้างหน้าของเธอ แต่ทว่ามองเท่าไหร่ก็มองไม่ถนัด ด้วยเพราะว่าเขาใส่หมวกใส่แว่น และปิดแมสไว้อย่างมิดชิด
เมื่อเขาเงยหน้าขึ้น ดวงตาเปล่งประกายความเจ็บปวดและความแค้น
“สิบปีก่อน พี่ชายเธอทรยศแก๊งของเรา…แต่คนที่จบเรื่องด้วยเลือด ไม่ใช่เขา…แต่คือน้องชายฉัน ”
“น้องชายคุณ น้องชายคุณคือใคร และคุณเป็นใครคะอาจารย์เซียวเล่ห์ ” ฮานะถามด้วยความสงสัยเป็นอย่างมาก
“เธอรู้สินะว่าเป็นฉัน แต่อย่ารู้เลย สิ่งที่เธอรู้ก็คือฉัน...คือคนที่ตามหาความจริงมาตลอดสิบปีนี้”
สายลมเย็นพัดผ่านดาดฟ้าของตึก เซียวเล่ห์ยืนพิงราวมองลงไปยังกรุงเทพฯ ยามค่ำคืน ข้างกายเขาคือฮานะที่ยังไม่หายช็อก
“เธอเชื่อฉันมั้ย…ว่าเรื่องนี้ยังไม่จบ?”
ฮานะไม่ตอบทันทีเธอเพียงแค่หันมาสบตาเขา…ก่อนจะพูดเบา ๆ
“ฉันไม่รู้จะเชื่อใครอีกแล้ว…แต่ถ้าความจริงมันจะเปลี่ยนอดีตได้…ฉันพร้อมจะฟัง”
“ดี !! ” เซียวเล่ห์ตอบแค่นั้นก่อนจะจับฮานะอุ้มฟาดไหล่แล้วเดินออกไปจากตรงนั้นในที่สุด
“จะทำบ้าอะไรปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ ปล่อย ฉันบอกให้ปล่อยยังไงล่ะ ไอ้อาจารย์บ้า ”
“ถ้าไม่หยุดโวยวายจะทำให้เธอหยุดด้วยการจูบ”
“ไม่มีทางปล่อยเดี๋ยวนี้นะ”
ฮานะยังคงร้องเสียงหลง เซียวเล่ห์หยุดชะงัก ก่อนจะปล่อยเธอยืนแล้วตามด้วยสองมือที่ประคองท้ายทอยของฮานะเอาไว้ และริมฝีปากหนาก็ประกบกับริมฝีปากบางของเธอในทันที
ไม่ได้มีความอ่อนหวาน หากแต่มีแต่ความดุดัน ชายหนุ่มกวาดลิ้นเข้าไปในริมฝีปากอย่ารุนแรง ฮานะทั้งที่พยายามจะพูดแต่กลับถูกเขาฉกลิ้นของเธอไปดู และตวัดไปมาอย่างเอาแต่ใจ
“อือ..” ฮานะร้องออกมาจนกระทั่งเซียวเล่ห์ถอนริมฝีปาก หญิงสาวยืนนิ่งด้วยความตกใจเป็นอย่างมาก ก่อนที่เซียวเล่ห์จะอุ้มเธอออกไปในที่สุด
ห้องลับของเซียวเล่ห์ ที่ก่อนเข้ามานั้นเขาปิดตาเธอเอาไว้ เพื่อไม่ให้เธอรู้ว่าสถานที่นี้คือที่ไหนกันแน่
“ฮานะ...เธอรู้ใช่ไหมว่ากำลังเล่นอยู่กับไฟ”
เสียงทุ้มต่ำของเซียวเล่ห์ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบของห้องลับในคฤหาสน์มังกรดำ เขายืนพิงโต๊ะไม้ โครงร่างสูงใหญ่ในเงาสลัวยิ่งดูน่าเกรงขาม ก่อนจะเปิดผ้าปิดตาให้กับฮานะ
ฮานะนั่งกอดอกบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม แววตาแข็งกร้าวไม่แพ้กัน
“แล้วคุณล่ะอาจารย์...รู้ไหมว่ากำลังเล่นอยู่กับลูกสาวของยากูซ่า?”
เซียวเล่ห์หัวเราะในลำคอเบา ๆ แววตาเฉียบคมจับจ้องเธอราวกับจะทะลุผ่านหัวใจ
“ฉันไม่ได้เล่น…แต่ถ้าจะให้ตายเพราะผู้หญิงคนนี้ ก็ขอให้คุ้มค่าหน่อยก็แล้วกัน”
ฮานะเม้มปากแน่น ใจเต้นแรงแบบที่เธอไม่อยากยอมรับ เขาเป็นศัตรู…เขาคือชายที่ตระกูลเธอห้ามข้องเกี่ยว แต่สายตาแบบนั้น…ทำไมมันถึงทำให้เธอหายใจไม่ทั่วท้อง?
“คุณจะพูดอะไร ให้มันได้ใจผู้หญิงทุกคนไปถึงโซนปลอดภัยเลยหรือไงคะ?”
“เปล่า…พูดเฉพาะกับผู้หญิงที่กล้าบุกเข้ามาหาข้อมูลลับมาโดยไม่ขออนุญาต” เซียวเล่ห์ขยับเข้าใกล้
เสียงฝีเท้าเขาดัง“ตึก…ตึก…” จนใจฮานะสะท้อนตาม
เขาหยุดห่างจากเธอแค่คืบ มือหนาวางลงบนพนักเก้าอี้ด้านหลังเธอ ล็อกเธอไว้โดยไม่ต้องแตะตัว
“แล้วผู้หญิงคนนั้น...กำลังจะรู้มากเกินไป”
“หรือคุณแค่กลัว...ว่าฉันจะหาความจริงเจอ ก่อนที่คุณจะควบคุมมันได้” สายตาท้าทายของฮานะทำให้ริมฝีปากเซียวเล่ห์กระตุกยิ้ม
“เธอนี่...เหมือนเขาไม่มีผิดเลย”
“เขาไหน?” เซียวเล่ห์นิ่งไปชั่วขณะ แววตาแปรเปลี่ยนเป็นเจ็บลึก “น้องชายฉัน…เซียวหาน
เขาก็เคยเชื่อใจในคน ๆๆหนึ่ง…แล้วก็โดนหักหลังโดยคนที่เขารักที่สุด”“แล้วคุณคิดว่าฉันจะทำแบบนั้นเหรอ?”
“ฉันไม่คิด…แต่ฉันจะไม่เสี่ยงอีกแล้ว”
ตอนพิเศษ แสงอาทิตย์ในทุกเช้าที่มีเธอเช้านี้ต่างจากเช้าทุกวัน…เพราะมันเป็นเช้าวันแรกหลังจากที่ทั้งสี่คนใช้คำว่า “ครอบครัว” ได้อย่างเต็มปาก ฮานะตื่นขึ้นมาพร้อมกลิ่นหอมของขนมปังที่อบในครัว ดวงตายังปรือ ๆ อยู่แต่กลับมีรอยยิ้มประดับมุมปากโดยอัตโนมัติ เมื่อเห็นว่าเตียงข้าง ๆ ว่างเปล่า แต่พอเธอก้าวลงจากเตียง เดินตามเสียงในครัวไป ก็พบว่าคนที่หายตัวไปคือสามีสุดหล่อ…ที่กำลังใส่ผ้ากันเปื้อนรูปเป็ดแสนน่ารัก ก้มหน้าก้มตาเจียวไข่และจัดจานอย่างตั้งใจ “จะทำอาหารเช้าทุกวันเลยเหรอ?” ฮานะถามเสียงงัวเงียเซียวเล่ห์เงยหน้าขึ้นมา ยิ้มกว้างแบบที่ทำให้ใจเธอสั่นทุกที “ไม่ทุกวัน…แต่จะทำทุกเช้าที่เธอยังอยู่ข้าง ๆ ฉัน”เธอหัวเราะเบา ๆ เดินเข้าไปกอดเขาจากด้านหลัง “พูดแบบนี้…ใครจะไปไหนได้คะที่รัก” เสียงหัวเราะทุ้มต่ำดังขึ้น ก่อนที่เขาจะหมุนตัวกลับมากอดเธอไว้ทั้งตัว แล้วโน้มลงมาจูบหน้าผากเธอหนึ่งที “ยอมให้หอมหมดทั้งตัวเลยด้วยซ้ำ”ขณะเดียวกัน… ในอีกฝั่งของบ้าน เคียวกับโซระก็ไม่แพ้กัน โซระที่ห่มผ้านอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนโซฟาหนังสุดหร
ตอนที่ 52. แต่งงาน “ชุดนี้ใช่เลย...หรือหัวใจฉันใช่เธอ”ร้านชุดแต่งงานกลางเมืองที่ถูกจองไว้ล่วงหน้าสำหรับวันนี้โดยเฉพาะฮานะกับโซระยืนอยู่หน้าแร็กชุดแต่งงานยาวเหยียด สายตาสำรวจแต่ละแบบด้วยความจริงจัง“อันนี้ดูหวานไปไหม?” ฮานะชี้ไปที่ชุดลูกไม้สีขาวแบบเจ้าหญิง“แล้วอันนี้ดูเหมือนชุดขึ้นเวทีรำบวงสรวงเลย” โซระพูดถึงชุดทรงบานอีกตัว จนฮานะหลุดหัวเราะด้านนอกห้องลองชุด เคียวนั่งไขว่ห้างรอพลางเปิดมือถือเช็กอีเมล ส่วนเซียวเล่ห์นั่งพิงกำแพงอย่างอดทน ใบหน้าคมหล่อเหลามองประตูห้องลองชุดไม่ละสายตาพนักงานเดินนำทางก่อนจะเปิดม่านออก...ฮานะก้าวออกมาในชุดเดรสเข้ารูปสีขาวสะอาด ท่อนบนมีลูกไม้ปักอย่างประณีต ผ้าทิ้งตัวแนบเรือนร่างพอดิบพอดีอย่างพอดี...จนเซียวเล่ห์เผลอลืมหายใจเขาลุกขึ้นยืนช้า ๆ เหมือนโดนสะกด“...สวย” เสียงของเขาเบาแต่ชัดฮานะหลบตาเล็กน้อย “ไม่เยอะไปใช่ไหม...?”“ไม่น้อยไปด้วย” เขาเดินเข้ามาหยุดตรงหน้าเธอ ก่อนจะเอื้อมมือแตะแขนเบา ๆ “มันพอดีมาก…พอดีกับเธอ…แล้วก็พอดีกับใจฉัน”ฮานะกลั้นยิ้มจนแก้มขึ้นสี ส่วนโซระที่เดินออกมาจากอีกห้องในชุดลูกไม้สีงาช้าง ก็ยักไหล่แล้วพูดเรียบ ๆ“งั้นฉันไม่ใส่ละ เด
ตอนที่ 51. ทะเลาะกันก่อนแต่งงานหลังจากอาหารเช้าอิ่มท้อง กลิ่นชาขิงอุ่น ๆ เริ่มลอยคลุ้งไปทั่วห้องนั่งเล่น ทั้งสี่คนฮานะ, เซียวเล่ห์, เคียว และโซระนั่งรวมตัวกันตรงโซฟาแบบไม่มีใครรีบจะลุกไปไหนบทสนทนาไหลเรื่อยไปเรื่อย ๆ ทั้งเรื่องละครเมื่อคืน เกมที่เคียวเล่นแพ้ไม่เป็นท่า หรือแม้แต่เรื่องชวนหัวเราะอย่างท่าทางตอนหลับของโซระที่เจ้าตัวยืนยันว่า “ไม่ได้กรน!”บรรยากาศดีจนกระทั่ง…“ฉันตั้งใจจะขอฮานะแต่งงาน”เสียงของเซียวเล่ห์นิ่ง สุขุม แต่ออกมาชัดเจนราวกับค้อนกระแทกกลางโต๊ะทุกคนหันขวับฮานะชะงักไปนิด ก่อนจะหันไปจ้องเขาตาโต “เมื่อไหร่นายจะ…บอกฉันก่อนได้ไหม?!”เซียวเล่ห์หันมายิ้มบาง ๆ ให้เธอ “ก็บอกอยู่ตอนนี้ไง”โซระอ้าปากพะงาบ กำถ้วยชาขิงแน่น ส่วนเคียวถึงกับชะงักมือที่กำลังจะหยิบคุกกี้เข้าปาก“แต่งงาน?!” เคียวทวนคำ “น้องจะแต่งก่อนพี่ได้ยังไงวะเนี่ย?!”“เกี่ยวอะไรกับนาย?” เซียวเล่ห์เลิกคิ้ว“โถ่ ไอ้เล่ห์! ถ้านายแต่งก่อน ฉันก็โดนล้อแน่ดิ!” เคียวโอดครวญ “แถมโซระยังอยู่ข้าง ๆ ด้วย ฉันไม่สามารถแพ้ได้!”โซระหันขวับมามอง “เอ๊ะ?! เรื่องนี้ฉันไปเกี่ยวอะไรด้วย?”เคียวชี้นิ้วทันที “ถ้าเซียวเล่ห์จะขอแต่ง ฉ
ตอนที่ 50. เอาคืนแสงไฟในห้องสลัวลงจนแทบมืดสนิท เสียงลมหายใจที่แผ่วเบาและเสียงกระซิบอ่อนโยนกลมกลืนไปกับความเงียบงันของค่ำคืนเซียวเล่ห์ค่อย ๆ ขยับตัวเหนือร่างของฮานะ ราวกับกลัวว่าจะทำให้เธอหวาดกลัวหรือเจ็บปวดมือใหญ่ลูบไล้เรียวแขนที่โอบกอดเขาอย่างมั่นคง ก่อนจะค่อย ๆ ไต่ขึ้นไปสัมผัสบริเวณต้นคอที่บอบบางฮานะหลับตาพริ้มพร้อมกับปล่อยใจให้ความรู้สึกนั้นซึมลึกเข้าไปในทุกเส้นใยของร่างกายริมฝีปากของเซียวเล่ห์โอบอุ้มริมฝีปากของเธออย่างนุ่มนวล ก่อนจะเริ่มจูบคลอเคล้าอย่างช้า ๆเหมือนต้องการบอกทุกความรู้สึกผ่านสัมผัสนี้ทั้งคู่ผ่อนคลายลง ร่างกายและหัวใจเคลื่อนเข้าหากันอย่างเป็นธรรมชาติเซียวเล่ห์ถอดเสื้อผ้าชิ้นสุดท้ายของตัวเองออก เผยให้เห็นกล้ามเนื้อที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างดีฮานะสายตากล้าหาญแต่แฝงไปด้วยความอ่อนโยน ส่งเสียงกระซิบ “ฉันไว้ใจคุณ...เต็มที่”มือทั้งสองจับกันแน่นเป็นสัญญาแห่งความรักและความมั่นคงเขาค่อย ๆ ก้าวเข้าหาเธออีกครั้ง ร่างกายสัมผัสกันอย่างแผ่วเบาแต่หนักแน่นทุกจังหวะทุกสัมผัสล้วนบอกเล่าความต้องการและความรักที่ไม่มีวันลดน้อยลงในคืนนั้น เวลาหยุดเดิน ความรู้สึกทั้งหมดถ่ายทอดผ่านก
ตอนที่ 49. ร่วมรักทั้งสองนั่งเคียงข้างกันบนระเบียงขนาดกะทัดรัด ใบหน้าของฮานะยังคงเปี่ยมไปด้วยความสงบ ริมฝีปากยิ้มบาง ๆ ขณะที่แสงสีส้มทองของพระอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้าไปช้า ๆสายลมเย็นพัดเบา ๆ ปะทะใบหน้า เหมือนเป็นบทเพลงธรรมชาติที่บรรเลงไว้เพียงเพื่อพวกเขาสองคนเสียงนกร้องไกล ๆ กับกลิ่นหญ้าระเบียงชั้นบน ทำให้เวลาที่หยุดนิ่งไปเหมือนจะเป็นช่วงเวลาที่สมบูรณ์แบบที่สุดในชีวิตเขาหยิบกล่องอาหารเย็นเล็ก ๆ ออกมา ท่ามกลางรอยยิ้มที่ซ่อนความสุขเงียบ ๆ“กินด้วยกันไหม?” น้ำเสียงนุ่มลึกถามอย่างอ่อนโยนเธอพยักหน้าอย่างอ่อนแรง แต่สายตาเต็มไปด้วยความอบอุ่นพวกเขาแบ่งอาหารจากกล่องนั้นอย่างตั้งใจ อาหารมื้อนี้ไม่มีความรีบร้อน มีเพียงความรู้สึกที่ค่อย ๆ เติมเต็มใจทั้งสองคนหลังอาหารเย็น พวกเขายังนั่งกันต่อไม่ลุกไปไหน ท้องฟ้ากลายเป็นสีครามเข้ม และดาวดวงเล็ก ๆ เริ่มผุดขึ้นทีละดวงเซียวเล่ห์ลูบมือของฮานะอย่างช้า ๆ “คืนนี้ดาวสวยมากนะ”“เหมือนชีวิตที่เราจะเริ่มต้นใหม่...ด้วยกัน”สองมือประสานกันแน่นขึ้น ก่อนที่ทั้งคู่จะนอนราบลงบนเก้าอี้เลานจ์ที่เตรียมไว้เงาจันทร์สาดส่องลงมาเป็นประกายเงินบนผิวหน้าทั้งสองราวกับมีเว
ตอนที่48. ฮานะเซียวเล่ห์ห้องพักฟื้นถูกแสงแดดอ่อนส่องลอดผ่านม่านสีครีมเข้ามา เสียงเครื่องวัดชีพจรยังคงดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอ กลิ่นยาสะอาดลอยแตะจมูกตลอดเวลาเซียวเล่ห์นั่งเงียบอยู่ข้างเตียงคนไข้ ร่างสูงนั่งหลังตรง ดวงตาคมสบหน้าคนที่นอนหลับสนิทบนเตียงสีขาว — ฮานะยังคงซีดเซียวจากบาดแผลที่ได้รับจากการปะทะเมื่อคืน แม้หมอจะบอกว่าอาการพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่เขาก็ยังไม่กล้าหลับเลยสักวินาทีมือเรียวของฮานะวางนิ่งอยู่ข้างลำตัว นิ้วก้อยของเธอถูกเขาเกี่ยวเอาไว้เบา ๆ คล้ายคำสัญญาเงียบ ๆ ว่าเขาจะไม่ไปไหนดวงตาของเธอกระพริบขึ้นช้า ๆ เหมือนพยายามฝืนลืมตามองหาใครบางคน“เซียว…เล่ห์…”“อยู่ตรงนี้” เขาขานรับแทบจะทันที พร้อมกับโน้มตัวลงใกล้ แล้วใช้นิ้วแตะไรผมที่ปรกหน้าผากเธอออกให้“ไม่ต้องฝืนนะฮานะ หลับต่อก็ได้”“เจ็บ…จังเลย…”น้ำเสียงแผ่วเบานั้นทำให้เขานิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะใช้ปลายนิ้วแตะมือเธอเบา ๆ อย่างอ่อนโยนที่สุด“ฉันรู้…เธอเจ็บ แต่เธอปลอดภัยแล้ว ฉันจะดูแลเธอเอง ไม่ต้องห่วงอะไรทั้งนั้น”เมื่อเธอหลับไปอีกครั้ง เขาจึงลุกขึ้น เดินไปหยิบผ้าขนหนูผืนใหม่กับกะละมังน้ำอุ่น เขานั่งลงข้างเตียงอีกครั้ง ค่อย ๆ เช็ด