องค์หญิงใหญ่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนส่งสัญญาณให้ทหารองครักษ์หยุดขัดขวาง ฮูหยินเฝิงก็พุ่งเข้ามาทันที เปิดผ้าขาวที่คลุมศพอยู่ขึ้นแต่ก็เป็นอย่างที่พ่อบ้านบอกไว้ ศพเหล่านี้ถูกไฟคลอกจนมองไม่ออกแล้วว่าเป็นใคร หน้าตาแทบไม่เหลือเค้าเดิมฮูหยินเฝิงปวดศีรษะจนเหมือนจะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ นางทรุดฮวบลงนั่งกับพื้น ใบหน้าซีดเซียว “จวิ้นเอ๋อร์ของข้า... หลานชายของข้า... หลานชายของข้ายังดีอยู่แท้ ๆ...”สีหน้าขององค์หญิงใหญ่ก็ไม่สู้ดีเช่นกัน “เรื่องนี้ได้แจ้งทางการไปแล้ว เจ้าหน้าที่ทางการย่อมต้องสืบให้กระจ่างแน่นอน ตัวข้าเองก็ยังสงสัยอยู่ไม่น้อย แขกฝ่ายชายล้วนอยู่ที่เรือนหน้า เหตุใดเฝิงจวิ้นจึงมาปรากฏตัวที่ภูเขาจำลองในเรือนหลังที่เปลี่ยวเช่นนี้ได้?”เฝิงไฉ่เวยพลันนึกถึงคำพูดของเฝิงจวิ้นก่อนออกจากจวนขึ้นมาได้ทันทีช่วงนี้เขามักพยายามทำให้นางพอใจสารพัด ยังพูดอยู่เสมอว่าจะมีเรื่องน่าประหลาดใจจะให้นางดู ให้นางรอดูชีหยวนเสียหน้า...ใช่แล้วชีหยวนชีหยวนแม้ภายนอกนางจะแสร้งทำเป็นไม่ใส่ใจ แต่กลับอดไม่ได้ที่จะคอยดูความเคลื่อนไหวของชีหยวนอยู่ตลอดก่อนจะเริ่มชมงิ้วในวันนี้ ชีหยวนเคยลุกออกไปจากที่นั่งอยู่พักห
พวกนางดูแค่แวบเดียวก็จำได้ทันทีว่า นี่คือพู่หยกประจำตัวของเฝิงจวิ้น เขาไม่เคยถอดออกจากตัวเลย!ฮูหยินเฝิงถึงกับถลาเข้าไป คว้าพู่หยกที่ถูกไฟเผาจนแทบไม่เหลือเค้าเดิมไว้แน่น เอ่ยถามอย่างตื่นตระหนกและหวาดกลัวว่า “พู่หยกนี่มาจากไหน? พวกท่านเอามาได้อย่างไรกัน?”สีหน้าขององค์หญิงใหญ่พลันแย่ลงกว่าเดิมทันตานางกล่าวเสียงขรึม “พู่หยกนี่... พบอยู่บนศพที่ถูกเผาในโพรงเขาจำลองนั่นล่ะ ราชบุตรเขยได้ให้คนตรวจสอบแล้ว แขกฝ่ายบุรุษที่มาร่วมงานวันนี้ทุกคนยังอยู่ ยกเว้นก็เพียงเฝิงจวิ้นกับเว่ยช่างอิ้ง ที่ไม่อยู่ในจวน...”หลังจากนั้นองค์หญิงใหญ่พูดอะไรอีก ฮูหยินเฝิงก็ไม่ได้ยินอีกต่อไปแล้ว เพียงนางได้ยินแค่คำว่าพบพู่หยกอยู่บนศพ ก็ถึงกับทนไม่ไหว ทรุดฮวบล้มไปด้านหลังทันทีโชคดีที่พระชายาอ๋องโจวยืนอยู่ข้าง ๆ พอดี เห็นท่าไม่ดีจึงรีบประคองไว้ ไม่อย่างนั้น หากฮูหยินเฝิงล้มลงไปจริง ๆ คงบาดเจ็บไม่น้อยแต่ถึงอย่างนั้น ฮูหยินเฝิงก็ยังเป็นลมล้มพับไปด้วยความหวาดกลัวและตกใจสุดขีดองค์หญิงใหญ่ถอนหายใจ แล้วสั่งให้คนของตนรีบพาฮูหยินเฝิงเข้าไปพักด้านใน ส่วนตัวนางเองก็มองไปยังเหล่าฮูหยินทั้งหลายแล้วกล่าวว่า “เรื่องในวันนี
สีหน้าขององค์หญิงใหญ่เปลี่ยนไปในทันที ถามด้วยเสียงดุดันว่า “อะไรนะ?!”ฮูหยินเฝิงกำลังสนทนาอยู่กับพระชายาอ๋องโจว พอได้ยินเสียงองค์หญิงใหญ่ตวาดออกมา ก็รีบเงยหน้าขึ้นทันทีไม่ใช่ว่าราชบุตรเขยลู่ส่งคนไปดับไฟแล้วหรอกหรือ?จุดที่ไฟไหม้ก็เป็นเพียงภูเขาจำลอง ข้าง ๆ ก็ไม่มีสิ่งปลูกสร้างอะไรเหตุใดองค์หญิงใหญ่จึงพิโรธถึงเพียงนี้?สายตาขององค์หญิงใหญ่กวาดมองเหล่าแขกสตรีอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็เอ่ยถามด้วยความปวดหัวว่า “แล้วรู้หรือไม่ว่าเป็นผู้ใด?”สีหน้าพ่อบ้านก็ยิ่งแย่ลงไปอีก “ตอนนี้ยังไม่รู้พ่ะย่ะค่ะ คนถูกไฟคลอกจนเสียโฉมไปหมดแล้ว ดูไม่ออกว่าเป็นใครแล้วจริง ๆ...”มีคนถูกไฟคลอกตายหรือ?เหล่าแขกสตรีย่อมได้ยินบทสนทนาระหว่างพ่อบ้านกับองค์หญิงใหญ่กันถ้วนหน้า พลันมองหน้ากันเลิ่กลั่กเมื่อครู่ยังพูดกันอยู่เลยว่าแค่ไม่มีใครตายก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรแล้วนี่ดันเกิดเรื่องขึ้นแล้วหรือ?องค์หญิงใหญ่หันไปมองเหล่าแขกสตรีด้วยสีหน้าเคร่งเครียด แล้วถามเสียงขรึม “แขกที่มาในวันนี้อยู่ที่นี่กันครบใช่หรือไม่? มีใครหายไปหรือไม่?”ใครหายไปงั้นหรือ?พอได้ยินถ้อยคำนั้น เหล่าแขกสตรีต่างก็รู้สึกขนลุกขนพอง รีบหันไ
สาวใช้ถูกชีหยวนทำให้ตกใจจนแทบเสียสติ นางไม่เคยพบคุณหนูผู้สูงศักดิ์อย่างชีหยวนมาก่อนเลยจริง ๆ!นางคิดอยู่ครู่หนึ่งด้วยอาการสั่นเทา มองสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มของชีหยวน ก่อนจะได้สติและรีบพูดขึ้นว่า “เมื่อครู่คุณหนูไปทำธุระส่วนตัว ข้าอยู่กับท่านตลอดเจ้าค่ะ! ข้าอยู่กับท่านตลอด!”ชีหยวนพยักหน้าอย่างพึงพอใจตอนกลับมาถึงสวน การแสดงก็เริ่มตีกลองเปิดฉากแล้ว หัวหน้าคณะงิ้วบนเวทีกำลังนำเหล่านักแสดงทำความเคารพแขกที่อยู่ข้างล่าง ส่วนองค์หญิงใหญ่ก็ถือรายการแสดงงิ้วให้ทุกคนเลือกงิ้วที่จะชมกันหวังฉานเห็นชีหยวนก่อน จึงรีบโบกมือเรียกนาง พอชีหยวนเดินมานั่งลงข้าง ๆ แล้ว นางจึงยิ้มพลางพูดว่า “แม่หนูหรงจะร้องไห้อยู่แล้ว คนที่นางชอบที่สุดก็คือเสี่ยวเถาหงจากคณะเต๋อเซิ่งนี่แหละ”ขณะกำลังพูดคุยกัน บรรดาฮูหยินก็เลือกงิ้วกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว กำลังหันมาถามบรรดาคุณหนูว่ามีใครอยากเลือกบ้างหรือไม่เมื่อมีผู้ใหญ่คอยอยู่ตรงหน้า บรรดาคุณหนูก็ล้วนพากันปฏิเสธไม่ขอเลือกงิ้ว ไม่นานนักการแสดงบนเวทีก็เริ่มต้นขึ้นหวังฉานกระซิบพูดกับชีหยวนเบา ๆ ว่า “งิ้วที่ผู้ใหญ่เลือกน่าเบื่อทั้งนั้นเลย”ล้วนเป็นบทงิ้วที่เสียงดัง
“เจ้าว่าอย่างไรนะ?!” เฝิงจวิ้นสีหน้าเปลี่ยนไปทันที ถามเสียงขุ่นด้วยความโมโห “พวกเจ้าทำงานประสาอะไร เหตุใดถึงปล่อยให้ไฉ่เวยตามไปด้วยแบบนั้น?” ถึงเขาจะด่า แต่กระนั้นก็เดินเลี่ยงออกไปด้านข้างแล้ว “รีบไปเร็วเข้า!” สาวใช้ถอนหายใจออกมา ทว่าไม่กล้าแสดงสีหน้าใดออกมาทั้งสิ้น นางรีบตอบรับคำ และพาเขาไปที่ภูเขาเทียมอย่างเร่งรีบ ภูเขาเทียมมีขนาดใหญ่โต และโพรงด้านในซ่อนห้องที่ตกแต่งอย่างงดงามประณีตไว้หนึ่งห้อง ในหมู่ขุนนางเชื้อพระวงศ์นิยมทำเช่นนี้ในช่วงหนึ่ง เพราะในฤดูร้อนด้านในโพรงของภูเขาเทียมจะเย็นสบายมาก ยามนี้อากาศเริ่มร้อนขึ้นทีละน้อย ภูเขาเทียมในจวนองค์หญิงก็เริ่มได้รับการดูแลทำความสะอาดแล้วเช่นกัน เฝิงจวิ้นมาถึงหน้าภูเขาเทียมแล้วก็ขมวดคิ้วขึ้นอย่างอดไม่ได้ “ไฉ่เวยอยู่ที่ใดรึ?” หรือว่าจะตามเข้าไปด้านในแล้ว? เรื่องนี้มีบางอย่างไม่ชอบมาพากลแล้ว เขาร้อนใจเหมือนไฟเผา รีบหันขวับหมายจะถามเอาความให้กระจ่าง ทันใดนั้นกลับถูกใครบางคนถีบเข้าอย่างแรงจากทางด้านหลัง เขาสูญเสียการทรงตัวเซถลาไปด้านหน้าเต็ม ๆ เพราะประตูของภูเขาเทียมถูกเปิดเอาไว้ เขาพลันถลันเข้าไปในห้องซึ่งซ่อนอยู่ในภูเขาเท
สาวใช้ก้าวเท้าไปด้านหน้าอย่างว่องไว หลังจากเดินออกมาได้ระยะหนึ่งแล้ว ก็หันกลับไปเห็นชีหยวนกำลังเดินตามหลังมาอย่างเนิบนาบ จึงอดไม่ไหวส่งเสียงเร่งเร้าออกไป “คุณหนูใหญ่ชีเจ้าคะ รีบเดินสักหน่อยเถิดเจ้าค่ะ” ชีหยวนก้าวเท้าฉับ ๆ พลางส่งเสียงตอบรับสั้น ๆ กระทั่งเข้ามาในป่ารกครึ้ม นางก็ฉวยจังหวะกระชากสาวใช้คนนั้น จนคนล้มลงไปกับพื้น สาวใช้ตกใจหนักจนคิดจะเปล่งเสียงกรีดร้องออกมา ทว่าเมื่อเห็นสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มของชีหยวนแล้ว เสียงกรีดร้องที่เตรียมจะเปล่งออกมาก็หยุดชะงักลงโดยพลัน ทำได้เพียงมองชีหยวนอย่างตื่นตระหนกและร้องถามว่า “คุณหนูใหญ่ชี ท่านคิดจะทำอะไร?!” ชีหยวนดึงปิ่นปักผมออกมาด้วยสีหน้าเย็นยะเยือก จ่อปลายแหลมไปที่ลำคอของสาวใช้ผู้นั้นอย่างเลือดเย็น “ควรจะเป็นข้ามากกว่าที่ต้องถามพวกเจ้า? แอบวางยาข้า จงใจอ้างชื่อของพระราชนัดดาองค์โตล่อลวงให้ข้าไปที่ภูเขาเทียม พวกเจ้าคิดจะทำอะไร?” สาวใช้คนนั้นตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ ชีหยวนรู้ได้อย่างไร?! นางรู้ได้อย่างไรว่าในน้ำชาถ้วยนั้นมียากระตุ้นกำหนัด รู้ได้อย่างไรว่าตนเองแค่แอบอ้างชื่อของพระราชนัดดาองค์โต? ทว่าไม่เว้นช่วงให้นางได้ตื่นตระหนกตก