"ยัยมาย"
"คอนเทนต์ที่แล้วที่แกช่วยฉันถ่าย ยอดวิวพุ่งมาก" "มีแต่หนุ่มๆ มาเมนต์ขอเปิดว๊าบแกทั้งนั้นเลย" "แกดูสิ" "ก็ฉันสวยจริงๆ" "มั่นมาก / มั่นมาก" เสียงเพื่อนสาวของฉันดังขึ้นพร้อมเพียงกันทันทีที่ได้ยินคำตอบของฉัน หลังจากจบคลาสฉันก็หนีตามยัยลลินกับยัยมินมาหลบภัยที่คาเฟ่มินิมินนี่ทันที เรานั่งคุยเล่นกันบ้าง ช่วยยัยมินเสิร์ฟเครื่องดื่มช่วงที่มีลูกค้าเยอะบ้าง หรือฉันจะมาสมัครเป็นพนักงานพาสไทม์คาเฟ่ยัยมินดี ให้นางจ่ายค่าจ้างเป็นชาเย็นวันละแก้วก็พอ กำลังนั่งคิดอะไรเพลินยัยสองคนก็เรียกให้ฉันดูข่าวซุบซิบหน้าเพจมหาวิทยาลัยฯ มิหน่าละวันนี้สมาร์ทโฟนเครื่องหรูของฉันถึงได้เงียบกริบ "หรือว่าพี่นายจะไม่โสดแล้ว" "ดาวคณะนิเทศน์ฯ นี่ฉันจำได้" "เหมือน ฉันเคยได้ยินเตอร์พูดว่า เป็นเพื่อนๆกันนะ" "ยัยมาย แกว่าจริง หรือจ้อจี้" "คอมเมนต์เดียวที่ฉันมี คือฉันสวยกว่า" "จ้า / แม่คนสวย" "คิกคิก" ฉันต้องรีบทำเป็นเนียนไม่รู้ไม่ชี้ไม่แสดงความคิดเห็นทันที เมื่อเห็นภาพข่าวในเพจ ภาพหมอนั่นกำลังเปิดประตูรถให้สาวเข้าไปนั่งมีรอยยิ้มบางเบาให้แก่กัน ฉันถึงกับต้องแอบหลบสายตาเพื่อนที่กำลังเม้าท์มอยเบะปากกลอกตามองบนอย่างนึกหมันไส้ ทีเวลาฉันที่เป็นว่าที่คู่หมั้นเขายังไม่เคยทำแบบนี้ให้เลยสักครั้ง แถมคอยว่าฉันต่างต่างนานา แค่พูดกันดีดียังนับคำได้เลย มีก็แค่มาทำอาหารให้ฉันกินบ้างบางวัน เวลาที่ฉันอยู่ห้องต้องค้างสายไว้ แล้วก็ทิ้งข้อความไว้ว่าจะไปไหน แค่นั้น หรือฉันจะเอาข่าวนี้เป็นข้ออ้างไม่หมั้นกับเขาแล้วดี เพราะถือว่าเขาทำผิดหนึ่งในข้อตกลงที่เราคุยกันเอาไว้ แต่บนความโชคร้ายของฉันก็ยังมีความโชคดีให้ฉันอยู่บ้างดีที่ฉันปิดเรื่องหมั้นเป็นความลับ ไม่อย่างนั้นวันนี้ฉันคงโดยเม้าท์มอยต่อจากข่าวของเขาและเพราะเขาแน่นอน หล่อตายแหละ ชิ โบราณเขาว่าถ้านึกถึงใครแล้วเขามาจะอายุยืน คงจะจริงนั่นแหละ เพราะทันทีที่ฉันพึ่งนึกถึงเขาก็ส่งข้อความมาหาหลอกหลอนสุดสุด ฉันทำเพียงเปิดอ่านแต่ไม่ตอบ เชิญอยู่กับสาวไปเถอะจ่ะ ฉันว่าฉันรีบย้ายตัวเองออกไปก่อนนายนั่นจะมาก่อนดีกว่า ติ๊ง ติ๊ง ติ๊ง ไอ้พิทบูล : ลูกหมูอยู่คาเฟ่มิน? ไอ้พิทบูล : กำลังเข้าไป ไอ้พิทบูล : ? ... "แหวะ" "ไม่สบายหรอยัยมาย" "อืม ฉันเวียนหัวหน่ะ กลับก่อนนะ" "ฉันไปส่งมั๊ย" "ไม่เป็นไร ฉันเรียกรถกลับเอง" "บ๊าย บ.." "เฮ้ย แก นายนี่ สงสัยคู่จริงสินะ" ฉันที่ลุกสะพายกระเป๋ากำลังจะชิ่งหนีกลับหันไปมองตามเสียงของยัยลลิล มากับสาวยังจะส่งข้อความมาหาฉันอีกนะ นิสัยเสียชะมัด ก่อนจะตัดสินใจเดินมั่นๆ ไปทางประตูทันที ขอทำเป็นไม่รู้จักไปแล้วกันจะได้ไม่มีปัญหาตามมาทีหลัง แต่เขากลับกวนประสาทฉันไม่หยุดเอาตัวใหญ่ๆ ขวางฉันอยู่ตรงประตูไม่ยอมหลบให้ฉันเดินแถมยังเลิกคิ้วทำหน้ายียวนใส่ฉันอีกนะ ฉันจึงทำเนียนกัดฟันฝืนใจยิ้มเอ่ยปากขอทางไป แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วขอสักทีเถอะ ก่อนจะใช้ส้นรองเท้าสูงแหลมของฉันกระแทบลงบนรองเท้าผ้าใบราคาแพงของเขาราวกับไม่ได้ตั้งใจ แล้วกระแทกไหล่แกร่งออกมาทันที สมน้ำหน้า "ขอทางด้วยค่ะ" "ครับ" ปึก! แต่ปีนี้ฉันคงจะดวงชงจริงๆ นั่นแหละ ขนาดเปิดแอพลิเคชั่นเรียกรถก็ยังไม่มีคันไหนรับฉันเลย ฉันเป็นหนูมายที่น่าสงสารที่สุดจะมีใครให้มากกว่าฉันมั้ย "จะไปไหนครับ ยัย เตี้ย" "ถ้าจะเรียกขนาดนี้ ไม่ต้องมีครับหรอก" "หึ" "ไปเดินตลาดนัดหาของกินกัน" "ฉันไม่หิว" จ๊อก... "หึ ให้พูดอีกที" "ฉันไม่ไปกับนาย เชิญนายไปกับผู้หญิงของนายเถอะ" "จิ๊ ปล่อยนะ ไอ้หมาบ้า" ผมที่ตั้งใจเนียนมาซื้อกาแฟแล้วค่อยหาทางชวนยัยลูกหมูไปเดินตลาดนัดเปิดใหม่แถวคอนโดเธอ แต่พอมาถึงก็เหมือนเธอกำลังจะกลับแถมยังทำร้ายร่างกายผมทั้งใช้ส้นรองเท้าแหลมๆเหยียบที่เท้าผมจนรู้สึกเจ็บไหนจะเดินกระแทกไหล่แกร่งของผมจนเซด้วยท่าทางเอาแต่ใจอีก ผมอุตส่าห์มาดีดีแต่กลับมาทำผมเจ็บ ผมไม่มีทางปล่อยเธอเดินเชิดหน้ากลับไปง่ายๆ แน่ พอได้กาแฟเรียบร้อยผมก็ทำทีเป็นมีธุระต่อรีบวิ่งออกมามองหาเธอทันที ก่อนจะเหลือบไปเห็นเธอยืนรอรถอยู่ตรงป้ายรถเมล์เหมือนคุณหนูตกอับเป็นภาพที่ทำให้ผมอดยกยิ้มขำและแอบถ่ายรูปไว้ไม่ได้ น่าตลกชะมัด แต่เหมือนวันนี้เธอจะงอแงกว่าทุกวันขนาดชวนไปหาของกินก็ยังไม่ได้ผลเหมือนไม่ใช่ยัยลูกหมูคนเดิมที่ร้องกินโน่นกินนี่ไม่หยุดสงสัยจะเห็นข่าวซุบซิบในเพจสินะ ผมจึงคว้าแขนเล็กเล็กดึงเธอให้เดินตามไปที่รถ ก่อนจะเปิดประตูแล้วจับเธอยัดใส่ลงไปพร้อมกับคาดเข็มขัดรัดไว้ไม่ให้เธอคิดหนี แล้วพาตัวเองเดินอ้อมขึ้นมาอีกฝั่งนั่งมองหน้าเชิดเชิดหยิ่งหยิ่งปากเล็กเล็กสีแดงเบะคว่ำไม่ยอมหันมามองหน้าผมแม้แต่น้อย เหมือนกับวันนั้นวันที่ผมตามเธอเข้าไปในห้องน้ำ ผมจึงโน้มตัวลงไปใกล้ใช้แขนข้างหนึ่งกักขังเธอเอาไว้ และใช้มืออีกข้างหนึ่งประคองหน้ากลมกลมให้หันมามองสบตาเพราะผมชอบมองหน้าที่คอยเหวี่ยงใส่ผม "ลูกพี่ลูกน้อง ไม่ใช่สาวๆ ในสต๊อค" "ไม่ได้อยากรู้" "แต่อยากบอก" "จิ๊" "สรุปไปเดินมั้ยตลาดนัด" "ไม่ได้อยากไป" "แต่อยากพาไป" "จิ๊" "อยากกินอะไรแวะซื้อของไปทำกินกันก็ได้" "ไม่ได้อยากกิน/ไม่ได้อยากกิน" "อื้อ" "เราตกลงกันแล้ว ฉันไม่ได้ทำอะไรที่ผิดจากข้อตกลง" "เธอห้ามงอนฉัน" "ไม่ได้งอน" "อื้อ" "ทำชาบูกินกันนะ" "สั่งกุ้งถังกับเล้งแซ่บไปกินที่ห้อง" "หึ อืม"ฉันค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาหลังจากที่ได้ไปเดินเล่นในสวนดอกไม้สีขาวสวยมากและกว้างมากด้วยมีหิ่งห้อยบินเต็มไปหมดจนรู้สึกอยากจะอยู่ที่นี่ไม่อยากไปไหน จนได้ยินเสียงทุ้มที่คุ้นเคยเรียกชื่อฉันอยู่ไกลๆ พร้อมกับเสียงร้องโยเยจากเด็กน้อยเหมือนร้องเรียกหา ฉันเลยค่อยๆ เดินไปตามเสียงทีละนิดทีละนิดฉันนอนมองใบหน้าที่ดูอิดโรยคิ้วเข้มขมวดเป็นปมแน่นมีมือหนาของเขาจับมือบางของฉันไปแนบแก้มสากไว้ราวกับกลัวหายจนผ่านไปนานหลายนาทีก็ไม่มีวี่แววตื่นขึ้นมา ฉันเลยใช้นิ้วเรียวเล็กที่อยู่ตรงแก้มนั้นลูบสัมผัสปลุกเขาเบาเบาแต่กลับไม่ได้ผล เลยต้องเปลี่ยนเป็นหยิกลงไปแทนทำเขาสะดุ้งเฮือกลืมตาขึ้นมามองหน้าฉันด้วยแววตาเป็นประกายฟอด ฟอด ฟอด"ตื่นแล้วหรอ อ้วน""นายกับลูกลูกรอตั้งนาน""เจ็บมั้ย""เจ็บ""ขอโทษคับ จุ๊บ" "ลูกละ" "เดี๋ยวพยาบาลพามา""รอแป๊บนะนายไปตามหมอก่อน"เขาโผเข้ากอดและหอมฉันอยู่นานราวกับว่าคิดถึงฉันมาก ฉันก็รู้สึกคิดถึงเขามากเหมือนกันเลยปล่อยให้เขากอดอยู่อย่างนั้นทั้งๆ ที่ก็แอบเจ็บแผลอยู่หน่อยๆ จนกระทั่งคุณหมอมาตรวจอาการฉันอย่างละเอียดและบอกให้ฉันกับลูกลูกนอนพักที่นี่อีกสี่ห้าวันให้แข็งแรงขึ้นอีกหน่อยแล้วค่อยก
"สวัสดีคับลูกหมู""ได้ยินเสียงปะป๊ามั้ย""หึ" "อยากออกมาเตะบอลกับป๊าใช่มั้ย""ปะป๊าอย่าพึ่งชวนลูกเตะบอลได้มั้ย""ลูกพากันเตะท้องมามี๊จนจุกไปหมดแล้วเนี่ย""จุ๊บ ขอโทษคับ"ตอนนี้เจ้าลูกชายของผมสองคนที่นอนอยู่ในพุงกลมกลมของเธออายุเกือบหกเดือนแล้ว ท่าทางจะแสบซนกันใช่ย่อย เพราะกว่าที่ผมจะสามารถเข้าใกล้เธอได้ก็ต้องรอเข้าเดือนที่สี่อาการเหม็นผมของเธอถึงจะเบาลงไป ผมถึงสามารถเข้ามาอยู่ในห้องเดียวกันนอนบนเตียงเดียวกันกับเธอได้ แถมยังพากันดิ้นดุ๊กดิ๊กไปมาทำเอามามี๊ตัวกลมเจ็บและจุกอยู่บ่อยๆ จนบางทีผมก็ต้องแกล้งเอ็ดดุไปนิดหน่อยถึงพากันหยุดนอนนิ่งราวกับเป็นเด็กดีเชื่อฟังปะป๊าไม่กล้าดื้อไม่กล้าซน แต่บางทีด้วยความใจร้อนของผมก็อยากให้ลูกหมูออกมาวิ่งเล่นเตะฟุตบอลกับผมซะวันนี้พรุ่งนี้ไปเลย ชานมลูกสาวคนโตก็จะได้ไม่เหงามีเพื่อนเล่นเพิ่มด้วย"นาย ตั้งชื่อลูกกันมั้ย""อืมมม มายมีที่ชอบยัง""มายเลือกไม่ถูกชอบหลายชื่อมาก""หึ มีชื่ออะไรมั่ง""มี เลนส์ ฟิล์ม กล้อง แกรม โฟกัส""เพราะมายชอบถ่ายรูป มีนายเป็นตากล้องให้""งั้น...ชื่อนี้ดีมั้ย เลนส์กับฟิล์ม""นายมองมายผ่านเลนส์ ถ่ายทอดความรู้สึกออกมาเป็นภาพฟิล์ม"
และแล้ววันที่ฉันรอคอยก็มาถึง วันแต่งงานของฉันกับเขา ฉันเฝ้าคุมอาหารและออกกำลังกายอย่างหนักเพื่อที่จะได้เป็นเจ้าสาวที่สวยที่สุดยืนเคียงข้างเขาได้อย่างมั่นใจที่สุดในวันนี้ เราใช้เวลาถ่ายรูปกับเพื่อนๆ และแขกที่มาร่วมงานนานเกือบสองชั่วโมง ดีที่เจ้าบ่าวของฉันคอยยืนกอดคอฉันบ้าง นวดให้บ้าง โอบเอวประคองฉันไว้บ้างทำให้ฉันไม่เมื่อยเท่าไหร่ แถมยังมีเพื่อนน่ารักๆ อย่างสองสาวมินนี่และลลิล ที่คอยมาซับเหงื่อช่วยดูแลหน้าผมและป้อนน้ำให้ฉันอยู่ตลอด ฉันมีหน้าที่แค่ยืนแจกรอยยิ้มหวานหวานเท่านั้นหลังจากพิธีการเสร็จ เราสองคนก็ต้องรีบขึ้นมาเปลี่ยนเป็นชุดอาฟเตอร์ปาร์ตี้บนห้องที่เปิดไว้ให้ทันภายในยี่สิบนาที เพราะต้องลงไปสนุกกับเพื่อนๆ ต่อที่งาน อยากขอบคุณตัวฉันเองและเขาด้วยที่เลือกชุดที่ใส่ง่ายใช้เวลาไม่ถึงห้านาทีฉันก็อยู่ในชุดใหม่เรียบร้อยแล้ว มีเวลาได้นั่งพักหายใจอีกสักหน่อย แต่แล้วดูเหมือนว่าฉันจะคิดผิด"นาย รูดซิปให้มายหน่อยสิ""เดี๋ยวค่อยรูด""อ๊ะ อย่าแกล้งนะ""ไม่แกล้ง เอาจริง""กระโปรงสั้นสั้นมันดีแบบนี้นี่เอง""นายใส่เลยนะ เวลาน้อย""อ๊ะ อื้อ""ซี้ด" "เดี๋ยวได้ทาลิปใหม่หรอก"เพี๊ยะจากที่ผมตั้งใจจะอ
และเราสองคนก็ได้ฤกษ์วันแต่งงานหลังจากฝึกงานเสร็จหนึ่งเดือนทำให้เธอถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับทั้งตื่นเต้นและเป็นกังวลกลัวจะเตรียมงานไม่ทัน ซึ่งผมก็ทำได้แค่ปลอบใจและหาออแกไนซ์มืออาชีพมาช่วยให้เธอเบาใจขึ้นให้เธอมีหน้าที่บอกธีมงานในฝันของเธอกับทีมงานแค่นั้น โดยไม่ได้กำหนดธีมสีว่าจะต้องเป็นสีไหน เพื่อเพื่อนๆ และแขกที่มาร่วมงานจะได้ใส่ชุดและสีที่ตัวเองมั่นใจที่สุดจะได้มีความสุขและสนุกไปกับงานของเราทั้งคู่ แล้ววันนี้เราสองคนมีนัดลองชุดแต่งงานซึ่งก็เป็นร้านเดียวกันกับชุดวันหมั้นนั่นแหละเพราะเธอชอบการตัดเย็บและดีเทลของแบรนด์นี้เลยไม่เปลี่ยนใจไปมองร้านอื่น"นายว่ามายใส่แบบไหนดี""ไม่เอาเกาะอก""เอาสิ มายว่ามายใส่เกาะอกสวย""ไม่สวย""...""แต่มายอยากลอง""...""พี่ขา หนูมายขอลองสองชุดนี้ก่อนค่ะ"ผมได้แต่นั่งไขว่ห้างกอดอกตกอยู่ในพะวังความคิดเฝ้าถามตัวเองด้วยความสงสัยว่าเมื่อครู่นี้เธอจะหันมาถามความเห็นของผมทำไมเพราะสุดท้ายแล้วเธอก็เลือกลองชุดแบบที่ผมไม่ค่อยชอบเท่าไหร่แถมเป็นแบบเกาะอกไม่มีแขนทั้งสองชุดต่างกันแค่กระโปรงทรงสุ่มกับทรงเมอร์เมดก็เท่านั้น ผ่านไปเกือบยี่สิบนาทีพนักงานในร้านก็เดินมาค่อยๆ เ
เราสองคนยืนกอดกันอยู่พักหนึ่ง ผมก็พาเธอเดินเข้าไปดูห้องน้ำที่มีอ่างกุชชี่ขนาดใหญ่ไว้สำหรับแช่น้ำกันสองคนและอาจจะพาลูกหมูตัวน้อยน้อยลงมาเล่นน้ำด้วย ถัดไปอีกหน่อยเป็นวอคอินโครเซทสำหรับเธอที่ชอบแต่งตัวสวยสวยซึ่งผมแบ่งที่แขวนเสื้อผ้าส่วนของเธอไว้ให้ถึงเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์อีกสามสิบเปอร์เซ็นต์เป็นเสื้อผ้าของผม โดยตรงกลางห้องมีตู้กระจกไว้แชร์กันสำหรับใส่เครื่องประดับอย่างสร้อยต่างหูและนาฬิกาข้อมือของเราสองคน ก่อนจะพาไปดูห้องนอนลูกลูกที่ผมทำเตรียมไว้สามห้องสำหรับสามคนเพื่อสานต่อธุรกิจของครอบครัวเราสองคนในอนาคต และที่ขาดไม่ได้ก็คือห้องสุดท้ายที่มีประตูเชื่อมกับห้องนอนใหญ่ของผมกับเธอเป็นห้องของลูกสาวคนโตของเราคือห้องของชานมนั่นเอง ซึ่งภายในห้องก็มีทั้งเบาะที่นอนนุ่มนุ่ม คอนโดหลายระดับหลายชั้นไว้ให้เจ้าตัวเล็กได้เลือกนอนตามใจชอบ รวมถึงห้องน้ำแมวอัตโนมัติด้วย ทำเธอกระโดดกอดผมอย่างดีใจและทำท่าทางตื่นเต้นไม่หยุดเดินเข้าห้องนั้นออกห้องนี้ดูว่าขาดเหลืออะไรตรงไหนเธอจะได้ไปเดินเลือกซื้อมาเพิ่ม"มายอยากแก้ตรงไหนมั้ย""ยังมีเวลา จะได้เสร็จทันก่อนย้ายเข้ามา""มายไม่อยากแก้ เพราะนายตั้งใจเลือกและทำให้มาย""ม
"ไอ้เตอร์ ฝึกงานเสร็จมึงจะแต่งเลยป่าววะ""อืม กูอยากมีลูกเลย มึงอะ""กูก็อยากแต่งเลย แต่ไม่รู้มายจะอยากแต่งมั้ย""มีแพลนกับเค้าบ้างมั้ยมึงอะ ไอ้กาย""...""อย่าไปถามมัน ไอ้นี่มันเสือซุ่มเงียบ""..."วันนี้ผมกับเธอขับรถพาชานมลูกสาวของเรามาพบสื่อมวลชนที่คาเฟ่มินิมินนี่ ทันทีที่สองสาวเห็นเจ้าตัวกลมก็พากันเอ็นดูผลัดกันอุ้มผลัดกันเล่นอยู่ไม่ห่าง ไม่นับรวมกับลูกค้าในร้านที่ต่างมาขอถ่ายรูปลูกผมจนต้องต่อแถวคิวยาวไปถึงหน้าร้าน เรียกว่าเวลานี้ชานมกลายเป็นซุปตาร์หน้าใหม่ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ลูกสาวของผมน่ารักจริงๆ นี่นาตัวกลมกลมขนนุ่มๆ ตาโตโต แถมขี้อ้อนมากมากด้วยจะว่าไปก็เหมือนมามี๊ของเธอนั่นแหละ ไม่รู้ว่าถ้าเกิดว่ามีลูกหมูตัวเล็กเล็กที่เกิดจากผมเอง จะขี้อ้อนแบบนี้มั้ยถ้าใช่ผมก็คงหลงลูกมากไม่อยากห่างไปไหนแน่เราสองคนอยู่นั่งคุยนั่งเล่นกับเพื่อนๆ จนเย็นก่อนจะแยกย้ายกลับบ้านใครบ้านมัน และวันนี้เป็นอีกวันที่ผมมาค้างที่บ้านของเธอเป็นปกติไปแล้วเพราะตั้งแต่มีชานมเธอก็จะชวนผมมาที่นี่ทุกอาทิตย์จนคุณอาทั้งสองยกห้องนอนส่วนตัวให้ผมหนึ่งห้องเป็นที่เรียบร้อย และที่บ้านคุณพ่อคุณแม่ของผมก็มีห้องนอนส่วนตัวขอ