“พี่อ่านเจอมา เขาบอกว่าคนท้องต้องพักผ่อนเยอะ ๆ แล้วระหว่างนั่งรถมาบ้านพี่ ฉายก็หลับไปบ้างแล้ว แต่ดูจากตาที่ไม่สดใสเท่าไหร่ พี่ว่าฉายนอนต่อเถอะ เดี๋ยวพี่มาปลุกไปทานข้าวตอนเที่ยง ๆ บ่าย ๆ” สงกรานต์ร่ายยาวพร้อมทั้งจัดแจงข้าวของทุกอย่างในกระเป๋าของหญิงสาว ที่ก่อนหน้านี้มีคนยกขึ้นมาไว้ในห้องอยู่ก่อนแล้วจัดเก็บเข้าตู้อย่างตั้งใจ
จันทร์ฉายมองคนที่กำลังยุ่งเกี่ยวกับกระเป๋าเดินทางของเธอด้วยสายตาไม่ชอบใจ หญิงสาวตวัดสายตาขุ่นเคืองไปทางชายหนุ่มจนเจ้าตัวรู้สึกได้
“มองพี่แบบนั้นทำไม ฉายพักเถอะเดี๋ยวพี่จัดให้ ไม่ดีเหรอฉายจะได้ไม่เหนื่อย” เขาพูดพร้อมทั้งฉีกยิ้มให้เธอ
จันทร์ฉายมองหน้าชายหนุ่มที่กำลังส่งยิ้มมาแล้วก็ยิ่งรู้สึกอยากด่าเขานัก เธอเดินไปหยิบหมอนที่วางอยู่บนเตียงก่อนจะขว้างใส่เขา
“โอ๊ย! ฉายเป็นอะไร ขว้างหมอนมาหาพี่ทำไม”
สงกรานต์พูดพร้อมกับมองหน้าเธอด้วยความไม่เข้าใจ
“เป็นอะไรครับ เป็นอะไรก็บอกกันดี ๆ เราโต ๆ กันแล้ว”
เขาพูดพร้อมทั้งละมือจากกระเป๋าเสื้อผ้าของเธอแล้วเดินเข้าไปหาหญิงสาวที่มองเขาตาเขียวอยู่
จันทร์ฉายรู้สึกไม่อยากคุยกับคนตรงหน้า เธอสะบัดหน้าหันไปทางอื่น แต่ก็ถูกเขาจับปลายคางให้หันมามองหน้าเขาอยู่ดี
“ฉาย... เป็นอะไรครับ”
น้ำเสียงอ่อนโยนกับแววตาห่วงใยที่ชายหนุ่มมองมา ทำเอาจันทร์ฉายรู้สึกหวั่นไหว แต่พอมานึกได้ว่าที่เขาทำทุกอย่างและดีกับเธอก็เพื่อลูกในท้องเท่านั้น เขาไม่ได้ทำมันเพราะรักเธอเลยสักนิด เธอจึงรีบสลัดความรู้สึกนั้นทิ้งไป
“ฉายบอกว่าฉายอยากกลับบ้าน แต่พี่ก็ยังพาฉายมาที่นี่”
“ฉายอย่าดื้อ!”
“ฉายไม่ได้ดื้อ มีแต่พี่นั่นแหละที่ดื้อ ฉายบอกแล้วว่าไม่ต้องการแบบนี้ ทำไมพี่ไม่ฟัง พี่มันคนเอาแต่ใจ ฉายบอกแล้วว่าไม่ต้องการ ๆ ทำไมพี่ไม่ฟังฉายบ้าง พี่จะสนใจมาทำดีกับฉายและทำให้เรื่องมันยุ่งยากทำไม!”
หญิงสาวพูดพร้อมทั้งสะบัดตัวถอยออกมายืนห่างจากเขา
แววตาของสงกรานต์เย็นวาบเมื่อได้ฟังคำพูดของเธอ กรามแกร่งขบกันแน่นจนขึ้นสันนูน สายตาอันตรายถูกส่งไปหาคนที่พูดว่าตัวเอง ก่อนจะหลุดคำพูดร้าย ๆ ออกไป
“ถ้าฉายไม่ท้องพี่ก็ไม่ทำแบบนี้หรอก!”
“...”
เกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะ
สองมือของสงกรานต์กำเข้าหากันแน่น เมื่อมองหน้าแม่ของลูกก็ยิ่งกำแน่นขึ้น ใบหน้าเนียนสวยของจันทร์ฉายเริ่มมีสีแดงระเรื่อมันไม่ได้เกิดจากการเขินอายแต่เกิดจากอารมณ์อย่างอื่น แววตาของหญิงสาวไหวระริก
น้ำตาสีใสคลออยู่ที่หน่วยตาทำเอาคนมองใจกระตุก
“ฉาย...”
ชายหนุ่มเรียกหญิงสาวเสียงเบาพร้อมทั้งยกมือจะจับใบหน้าเธอแต่หญิงสาวถอยหนี
“ได้ ฉายจะอยู่ที่นี่ก็ได้ ฉายจะอยู่ที่นี่เพื่อทำหน้าที่แม่ของลูกและพี่ก็ทำหน้าที่ของพ่อ เราสองคนจะไม่ยุ่งเกี่ยวเรื่องส่วนตัวของกันและกัน”
“ฉาย...”
“พี่ออกไปเถอะค่ะ ฉายจะนอนแล้ว แล้วก็ในเมื่อพี่บอกให้ฉายนอนที่นี่ฉายขอห้องนี้เป็นของตัวเองเลยนะคะ หวังว่าพี่จะเข้าใจความหมายของฉาย”
พูดจบร่างบอบบางของจันทร์ฉายก็ปีนขึ้นเตียงนอนก่อนจะทิ้งตัวลงนอนราบกับพื้นเตียง มือบางคว้าผ้าห่มผืนหนาขึ้นมาคลุมกาย ทั้งยังหันหลังให้ชายหนุ่มอีกด้วย
สงกรานต์มองคนตัวเล็กที่นอนหันหลังให้แล้วก็ถอนหายใจ สายตาที่มองไปยังจันทร์ฉายนั้นมีความไม่ยินยอมอย่างเห็นได้ชัด ถ้าหญิงสาวได้เห็นสายตาของเขาเธอคงได้ถามแน่ ว่าเขาต้องการอะไรจากเธอ เพียงแต่ว่าคำถามนี้คงไม่ถูกถามออกไป เมื่อเจ้าตัวไม่ได้เห็นมัน
“ถ้าฉายต้องการแบบนั้นก็ได้พี่ไม่ว่า แต่ฉายต้องอยู่ที่นี่ส่วนเรื่องกลับบ้านไปหาตายายพี่จะพาไปหลังจากเรื่องงานของพี่เสร็จเรียบร้อยแล้ว”
“ในเมื่อพี่ทำตามความต้องการของฉายโดยการแยกไปอยู่อีกห้องและไม่ยุ่งเรื่องส่วนตัวของฉายแล้ว พี่ก็หวังว่าฉายจะไม่พาลูกของพี่หนีพี่กลับบ้านต่างจังหวัดอีก”
พูดจบชายหนุ่มก็เดินออกจากห้องไปทันที ทิ้งให้จันทร์ฉายที่แสร้งนอนหลับก่อนหน้านี้มองตามด้วยความเจ็บปวด
“สุดท้ายที่พี่ทำทุกอย่าง ก็เพราะต้องการลูกจริง ๆ”
ร่างบางพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา มือเล็ก ๆ ของเธอลูบไล้ที่หน้าท้องแบนราบ สายตาเศร้าสร้อยมองตามร่างสูงใหญ่ของสงกรานต์ไป ปลดปล่อยหยดน้ำตาใสรินไหลออกมา...
ด้านพ่อและแม่ของสงกรานต์ที่รอว่าเมื่อไหร่ลูกชายของตนจะลงมาก็พูดคุยเรื่องของจันทร์ฉายคนที่จะเข้ามาเป็นสะใภ้ของบ้านไป
“นี่คุณสา คุณไม่พูดกับหนูฉายดี ๆ หน่อย”
“แล้วฉันพูดไม่ดีตรงไหนล่ะคุณเมศ ฉันก็พูดดีแล้วนะ คุณจะให้ฉันพูดดีแบบไหนอีก”
คุณสารภีตอบกลับคุณโกเมศทั้งยังมองคนที่เป็นสามีด้วยสายตาแง่งอน
“คุณก็ใจดีกับหนูฉายหน่อยสิ ทั้งคำพูดและการกระทำของคุณมันแข็งไปหมดเลยนะ เดี๋ยวเขาก็พาหลานคนแรกหนีหรอก” สิ่งที่คุณโกเมศพูดทำเอาคุณสารภีหน้าเสียก่อนจะรีบพูดออกมาว่า
“ไม่หรอกน่า จันทร์ฉายเธอไม่กล้าหรอก และที่ฉันพูดแบบนี้ตั้งแต่แรกก็เพื่อที่เธอจะได้ไม่เหลิงจนเกินไปไง คนจะเข้ามาเป็นลูกสะใภ้ก็ต้องสแกนกันหน่อยสิคุณ”
“แต่ผมว่าหนูฉายก็หน้าตาน่ารักสวยดีออก นิสัยก็ออกจะเรียบร้อย”
“เรื่องหน้าตาฉันไม่เถียงแต่เรื่องนิสัยก็ต้องดูกันไปสักหน่อย เอาน่า คุณไม่ต้องห่วงหรอก รับรองว่าเธอไม่มีทางพาหลานฉันหนีไปได้แน่ ๆ ตอนนี้เรามารอลูกชายตัวดีของเราลงมาเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังดีกว่า”
คุณสารภีพูดพร้อมทั้งใช้สายตามองไปยังบันไดขึ้นชั้นสองของบ้าน คุณโกเมศก็พยักหน้ารับ
ไม่นานก็เห็นชายหนุ่มเดินลงบันไดมา
“พูดถึงก็มาแล้ว ลูกคุณนี่ตายยากจริง ๆ นะคุณเมศ”
“ลูกผมก็ลูกคุณเหมือนกันนั่นแหละ”
“เอ๊ะ! คุณนี่”
“คุณพ่อคุณแม่จะเถียงกันเพื่ออะไรครับ เพราะยังไงผมก็เป็นลูกทั้งสองคนนั่นแหละครับ” สงกรานต์พูดขึ้นมาก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงที่โซฟา
“เรื่องนี้ช่างมันเถอะ มาว่าเรื่องของแกดีกว่า เล่าเรื่องทั้งหมดมาว่าเรื่องมันเป็นมายังไง แกจะไม่เล่าไม่ได้นะตาสงแกก็รู้ว่าเรื่องนี้มันเกี่ยวพันกับอะไรหลาย ๆ อย่าง ไหนจะหนูอรอีก แกเล่ามาเลยนะตาสง” คุณสารภีพูดเสียงเข้มมองลูกชายไม่วางตา
“ใช่! เรื่องนี้พ่อเห็นด้วย แกต้องเล่าทุกอย่างมาให้หมด”
คุณโกเมศสำทับคำพูดคนเป็นภรรยา
สงกรานต์เมื่อเจอสายตาและคำพูดกดดันจากทั้งคนเป็นพ่อและแม่แล้วก็อดที่จะเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดตั้งแต่แรกให้ทั้งสองท่านฟังไม่ได้
“แกนี่มันน่าตีจริง ๆ เลยตาสง เหมือนพ่อแกไม่มีผิด”
“อ้าว! เกี่ยวอะไรกับผมล่ะคุณ มันทำตัวเองทั้งนั้น”
เมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดที่ออกมาจากปากของผู้เป็นลูกชายแล้วคุณสารภีก็อดพูดออกมาไม่ได้ ทั้งยังเหน็บแนมคนเป็นสามีอีกด้วย ทำเอาคุณโกเมศรีบปฏิเสธ
“แล้วนี่จะเอายังไงต่อไป แล้วเรื่องของหนูอรล่ะ”
“ก็ไม่ทำยังไงครับ ก็ใช้ชีวิตตามปกติ ส่วนเรื่องอรมันไม่มีอะไรน่ากังวลเลย” ชายหนุ่มพูดอย่างไม่เดือดร้อนกับคำถามของคนเป็นแม่ จนคุณสารภีขมวดคิ้วด้วยความขัดใจ
“แกจะมาพูดมักง่ายแบบนี้ไม่ได้นะตาสง แกอย่าลืมนะว่าครอบครัวหนูอรถือหุ้นในบริษัทเราอยู่”
“คุณแม่ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ถ้าผมบอกว่าไม่มีอะไรน่ากังวลแสดงว่ามันไม่มีจริง ๆ” ชายหนุ่มบอก
“แล้วเรื่องที่หนูฉายต้องการล่ะ ที่บอกว่าจะทำแค่หน้าที่แม่ แกยอม ?” คุณโกเมศถามพร้อมกับเลิกคิ้วมองลูกชายอย่างรู้ทัน
ชายหนุ่มไม่ตอบอะไรเพียงยกยิ้มมุมปากเท่านั้น พลางคิดถึงคนตัวเล็กที่ตอนนี้คงนอนหลับสบายอยู่บนเตียงในห้องไปด้วย
“เหอะ จะทำอะไรก็ตามใจ เขาหนีแกขึ้นมาจะสมน้ำหน้าให้” คุณสารภีพูดจบก็เดินเลี่ยงเข้าห้องครัวเพื่อไปดูว่ามีอะไรที่จะทำให้จันทร์ฉายทานบ้าง
ส่วนสองพ่อลูกอย่างคุณโกเมศและสงกรานต์นั้นก็นั่งอยู่ที่ห้องรับแขกและคุยงานเรื่องต่าง ๆ ของบริษัทต่อไป
2 วันต่อมาในที่สุดวันที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง หลังจากที่จันทร์ฉายนอนโรงพยาบาลได้สองวัน หญิงสาวก็ได้รับสัญญาณว่าตัวเองจะคลอดแล้ว น้ำคร่ำหญิงสาวแตกออกเยอะมาก สงกรานต์ก็รีบกดกริ่งเรียกพยาบาล พร้อมทั้งขอเข้าไปในห้องคลอดกับคนรักด้วย หลังจากได้รับอนุญาตเขาก็โทรบอกครอบครัวเขาและเธอก่อนจะรีบไปเปลี่ยนชุด และเข้าไปอยู่ข้าง ๆ จับมือเธออย่างรวดเร็ว“โอ๊ย เจ็บ ฟู่วว!” จันทร์ฉายพูดขึ้นยามเมื่อถูกพาเข้ามาในห้องคลอดแล้ว เธอหันไปสบสายตากับคนรัก แล้วก็พบสายตาแห่งความรักความอบอุ่นมองสบมา“คุณแม่สูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ แล้วเบ่งออกมาเลยนะคะ” เสียงคุณหมอที่เป็นคนทำคลอดเอ่ยบอก“อื้ออออออ!”เสียงเบ่งหายใจดังออกมาจากลำคอของจันทร์ฉาย เธอหอบจนตัวโยน“ฉายครับเบ่งอีกนะครับ เราจะได้เจอหน้าลูกแล้วสู้ ๆ นะครับ” สงกรานต์รีบเอ่ยบอก มือก็จับมือไว้แน่น“คุณแม่ไม่ต้องกลั้นเสียงตอนเบ่งไว้นะคะ สูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ แล้วเบ่งออกมาปลดปล่อยเสียงได้เต็มที่ มันจะทำให้คลอดง่ายขึ้นนะคะ” คุณหมอนำคลอดเอ่ยบอก มือก็สาละวนอยู่ที่ช่องคลอดของหญิงสาว“เอานะครับ พร้อมนะฉาย หนึ่ง สอง สาม”“กรี๊ดดดด!” เธอเบ่งคลอดพร้อมคิดออกมา เหงื่อกาฬไหลพราก ด
หลายเดือนผ่านไปในที่สุดอายุครรภ์ของจันทร์ฉายก็ครบเก้าเดือนแล้ว ตอนนี้ท้องของจันทร์ฉายนูนออกมามาก แม้จะไม่ใหญ่เท่าท้องคนอื่น แต่ก็ใหญ่มากแล้วสำหรับท้องแรกหรือที่เรียกว่าท้องสาวตั้งแต่ท้องของเธอมีขนาดใหญ่มากขึ้นกว่าเดิม สงกรานต์ก็แทบจะไม่ห่างกายหญิงสาวอีกเลย เขาหอบงานมาทำที่บ้านถ้าไม่มีธุระสำคัญหรือด่วนจริง ๆ เขาจะไม่ยอมทิ้งเธอไปไหนชายหนุ่มทำหน้าที่สามีได้ดีมาก ๆ และเขาก็ดูแลเธอดีมากเช่นกัน ว่ากันว่าคนท้องมักปวดเมื่อยตามร่างกายโดยเฉพาะเท้าและหลัง ชายหนุ่มก็ไปเรียนนวดกับคุณหมอ เขาได้คำแนะนำมามาก แล้วก็เอาความรู้ที่ตัวเองได้เรียนมาปรนนิบัติให้กับหญิงสาวคนรักจันทร์ฉายรู้สึกว่าตัวเองโชคดีมาก ๆ ที่มีชายหนุ่มอยู่เคียงข้างกาย การมีคนดูแลและเอาใจใส่ตัวเองมากขนาดนี้ แน่นอนว่าย่อมต้องมีความสุข และจะมีความสุขมากขึ้นไปอีกเมื่อคนคนนั้นเป็นคนที่เธอรักและรักเธอแต่ก็ว่าเถอะนะ การมีคนดูแลและใส่ใจมันก็ดี แต่ว่าก็ต้องตั้งอยู่ในความพอดีด้วย ไม่ใช่ว่าห้ามไปซะหมดเหมือนกับสงกรานต์ ที่ไม่ยอมให้เธอทำอะไรเลย จนบางครั้งก็ทำให้เธอรู้สึกเบื่อไปเหมือนกัน เหมือนตอนนี้“ฉาย จะไปไหนก็บอกพี่สิครับ พี่จะได้พาไป เดินไ
ตกเย็นจันทร์ฉายก็อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อย เมื่อเห็นว่าหกโมงเย็นแล้วยังไม่มีทีท่าว่ารถของสามีตีทะเบียนจะเข้ามา ก็อดรู้สึกเป็นห่วงไม่ได้ หญิงสาวออกมานั่งรอเขาที่ศาลาหน้าบ้าน ชะเง้อคอมองไปทางประตูรั้วบ่อยครั้ง“แปลกจริงวันนี้ตาสงกลับช้า”“นั่นน่ะสิคะคุณแม่ ทุกทีห้าโมงเย็นก็ถึงบ้านแล้วนี่นา” เธอตอบด้วยความกระวนกระวายใจ จนคุณสารภียิ้มขำ“หนูฉายไม่ต้องเป็นห่วง แม่คิดว่าคงไม่เป็นไรหรอกน่าจะเร่งทำงาน เพราะเหมือนแม่ได้ข่าวว่างานเยอะมาก!”“หึ! สมน้ำหน้า เวลาบอกให้ไปทำงานก็ไม่ฟังเอาแต่จะอยู่ดูแลฉาย”“ตาสงเขาก็คงเป็นห่วงนั่นแหละ”“ฉายรู้ค่ะ แต่ว่าก็ควรทำหน้าที่ตัวเองไม่ให้ขาดตกบกพร่องสิคะ ที่สำคัญฉายอยู่บ้านกับคุณพ่อคุณแม่นะคะ เด็กในบ้านรวมถึงคนรถก็มี เขาห่วงฉายมากเกินไปค่ะ” แม้คำพูดจะเหมือนต่อว่าแต่น้ำเสียงนั้นกลับเต็มไปด้วยความรักคุณสารภีมองลูกสะใภ้ด้วยความเอ็นดู ก่อนที่ท่านจะชวนเธอเปลี่ยนเรื่องคุยเพื่อไม่ให้หญิงสาวกังวลเรื่องของลูกชายท่านเกินไปนัก ไม่นานรถหรูคุ้นตาก็แล่นเข้ามาในรั้วบ้านก่อนจะขับเข้าไปจอดที่โรงจอดรถจันทร์ฉายมองสภาพหมดเรี่ยวแรงของสงกรานต์ด้วยสายตาสงสาร เธอเข้าไปถามไถ่ชายหนุ่มด้ว
“นี่มันอะไรครับ”“ก็งานของคุณสงไงคะ”“ผมรู้ว่ามันเป็นงาน แต่ทำไมถึงเยอะแบบนี้ ตอนผมอยู่บ้านคุณก็หอบเอางานมากมายไปให้ผมทำอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ” ชายหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ“ค่ะ... แต่งานที่ดิฉันเอาไปให้คุณสงที่บ้านนั้น ส่วนใหญ่เป็นงานสำคัญที่ต้องรีบดำเนินการซึ่งไม่อาจรอได้ค่ะ ส่วนงานที่อยู่บนโต๊ะคุณสงทั้งหมดในตอนนี้ล้วนเป็นรายละเอียดงานยิบย่อยที่สามารถรอได้ ดิฉันจึงไม่ได้นำไปให้คุณสงทำที่บ้าน ดังนั้นมันจึงมากมายอย่างที่คุณสงเห็น”“แต่งานพวกนี้มันก็ไม่ได้ยากมากมายอะไรนะคะ เพราะดิฉันจัดการข้อมูลเบื้องต้นเรียบร้อยแล้ว รอแค่คุณสงตรวจสอบและเซ็นชื่ออนุมัติก็เสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ ความจริงมันเยอะกว่านี้อีกนะคะ แต่ดิฉันเข้าใจว่าคุณสงรีบกลับไปหาน้องฉาย ดังนั้นวันนี้จึงมีเท่านี้ก่อน พรุ่งนี้ค่อยเริ่มกองใหม่ค่ะ”สงกรานต์ที่ได้ฟังคำตอบจากเลขาส่วนตัวก็อ้าปากค้าง พลางก้มมองเอกสารที่อยู่ตรงหน้า‘กองเบ้อเริ่มขนาดนี้ก็ว่าเยอะแล้ว นี่ยังบอกว่ายังไม่หมดและมีรออยู่อีกเหรอ ตาย ๆ ๆ งานเยอะขนาดนี้จะกลับบ้านเร็วได้ยังไงเล่า!’ชายหนุ่มได้แต่บ่นภายในใจคนเดียว แต่ถึงอย่างนั้นใบหน้าของเขาก็แสดงความรู้สึกออกมาจนเมธ
“พี่ไม่อยากไปเลยฉาย ให้พี่อยู่กับฉายหนึ่งวันนะ” สงกรานต์มีท่าทีไม่อยากไปทำงาน พร้อมทั้งขอร้องหยุดอยู่บ้านกับเธออีกหนึ่งวัน“ไม่ได้ค่ะ พี่สงเกเรไม่ยอมไปทำงานหลายวันแล้วนะคะ”“ขอวันนี้อีกแค่วันเดียวนะ นะครับ”“ไม่ได้ค่ะ ฉายไม่ยอมเด็ดขาด ถ้าวันนี้พี่สงไม่ไปทำงานก็นอนนอกห้องไปเลย” หญิงสาวยื่นคำขาดจนชายหนุ่มหน้าเสียสงกรานต์รู้สึกไม่ยินยอม เขาอยากอยู่กับจันทร์ฉาย อยากดูแลเธอ แล้วทำไมเธอไม่เข้าใจเขาบ้างนะ ชายหนุ่มขบคิดหาทางออกให้ตัวเอง ก่อนจะยกยิ้มเจ้าเล่ห์“ถ้าพี่ไปทำงานแล้วใครจะดูแลฉายล่ะครับ ดูสิตอนนี้ฉายท้องโตแล้วนะ เดินเหินก็ยาก พี่ว่าให้พี่อยู่ดูแลฉายดีกว่า”“ไม่! ถ้าพูดไม่ฟังล่ะก็นอนนอกห้องไปเลย”พูดจบหญิงสาวก็สะบัดตัวหนีจากอ้อมกอดของเขาพร้อมทั้งเดินออกไปนอกห้องอย่างรวดเร็วสงกรานต์มองตามร่างภรรยาตีทะเบียนที่เขาทั้งรักและหลงเธอด้วยสายตาตัดพ้อ แถมยังบืนปากขัดใจที่ไม่สามารถทำตามความต้องการของตัวเองได้จันทร์ฉายน่าจะเข้าใจเขาสักนิด ว่าที่เขาต้องการอยู่กับเธอก็เพราะว่ารักและเป็นห่วงเธอกับลูกในท้องทั้งนั้น ตอนนี้ตัวเธอเองก็ท้องโตมากแล้ว แม้ว่าจะไม่ได้เดินอุ้ยอ้ายอย่างคุณแม่คนอื่น ๆ เพราะ
‘ตกลงครับ เลื่อนไปก่อนได้ รอจนกว่าเจ้าตัวเล็กจะคลอดและอายุครบสามปีเดินได้คล่อง เราค่อยแต่งงานกัน แต่ว่า... ฉายต้องจดทะเบียนสมรสกับพี่นะครับ หากไม่ตกลงข้อเสนอของฉายก็ถือว่าเป็นโมฆะ’‘ฉายกับพี่ต้องจดทะเบียนสมรสกัน หากฉายไม่ตกลง งานแต่งงานจะถูกจัดขึ้นทันที’ประโยคนี้คือคำพูดของสงกรานต์ที่ได้พูดไว้ในวันที่ครอบครัวของเขามาทำการสู่ขอเธอวันนั้นหลังจากที่ได้ฟังเธอก็ได้แต่ยิ้มค้างไว้จนได้รอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่เจือความเอ็นดูจากผู้หลักผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย เมื่อไม่อาจปฏิเสธอะไรได้เธอจึงได้ตอบตกลงเขาไป ซึ่งหลังจากนั้นเจ็ดวันให้หลัง เธอและเขาต้องมาอยู่ที่นี่ในวันนี้ ณ ที่ว่าการอำเภอหลังจากที่สงกรานต์ยื่นคำร้องขอจดทะเบียนสมรสกับจันทร์ฉายแล้ว ตอนนี้พวกเขาทั้งคู่ก็กำลังรอเจ้าหน้าที่บันทึกและตรวจสอบข้อมูลต่าง ๆ อยู่อย่างสงบระหว่างรอสงกรานต์ก็เอาแต่สนใจและกุมมือจันทร์ฉายไว้ไม่ปล่อยเช่นกัน จวบจนกระทั่งเจ้าหน้าที่เรียกชื่อพวกเขาเพื่อสอบถามข้อมูล ชายหนุ่มถึงได้หันไปให้ความสนใจกับเจ้าหน้าที่ทะเบียน“ไม่ทราบว่าพวกคุณแต่งงานกันวันไหนครับ”“ยังไม่แต่งครับ”คำตอบของชายหนุ่มทำให้เจ้าหน้าที่ชะงักเล็กน้อยแต่ก็