ฟู่เจิงสูดหายใจเข้าลึกแล้วอธิบาย “ซืออี๋มีปัญหาทางจิตเล็กน้อย ถ้าอยู่คนเดียวอาจมีอันตราย...”
เมื่อได้ยินเขาพูดแบบนี้ เวินเหลียงก็รู้สึกไร้เรี่ยวแรง
ทำยังไงฟู่เจิงถึงจะรู้ว่า เธอไม่อยากยุ่งเรื่องของฉู่ซืออี๋ นี่ไม่ใช่ข้ออ้างที่เธอควรให้อภัย
ยิ่งไปกว่านั้น เธอมองออกว่าตอนเช้าที่ฉู่ซืออี๋พูดคุยกับเธอนั้น ไม่มีร่องรอยของความเจ็บป่วยเลยสักนิด
เพียงแต่หากเธอพูดในสิ่งที่คิดออกไป เขาก็จะหาว่าเธอไม่รู้จักเห็นอกเห็นใจอีก
“ต่อให้เธอไม่มีอันตรายถึงชัวิต คุณก็จะไปอยู่ดี คุณใส่ใจเธอ แล้วทำไมต้องพูดเหมือนฝืนใจแบบนี้ด้วย” เวินเหลียงพูด “อีกอย่าง ฉันเองก็ไม่มีอะไรต้องอธิบายกับคุณ”
“ฉันรู้ว่าเธอชอบโจวอวี่ เพียงแต่เธอไม่ควรเลือกที่จะไปพบเขาในเวลาแบบนี้ ซ้ำยังพาเขามาหาคุณปู่อีก...”
“แล้วคุณไม่เหมือนกันเหรอ ? ไปหาฉู่ซืออี๋ในเวลาสำคัญแบบนี้ ซ้ำยังพาเธอมาหาคุณปู่อีก นี่ฉันเลียนแบบคุณมาทั้งนั้น”
“ซืออี๋อาการกำเริบ ฉันก็เลยต้องพาเธอมาเพื่อปลอบใจเธอ ก่อนหน้านี้เธอเองก็เคยพูดว่า รอให้คุณปู่ย้ายมาอยู่ห้องผู้ป่วยธรรมดาก็พาเธอมาได้ แล้วตอนนี้เธอจะโมโหอะไร ?” ฟู่เจิงมองเธออย่างไม่เข้าใจ
เวินเหลียงคิดไม่ถึงเ