เมื่อมารดาเดินเลี่ยงไปพร้อมกับสา สาวรับใช้คนสนิทของเธอ ฉัตรเกล้าจึงหันมาคุยกับคนที่เหลือ
“ในเมื่อเขาจะเข้ามาเป็นหนึ่งในสมาชิกของบ้านเรา ก็ต้องต้อนรับและปฏิบัติกับเขาให้ดี ไหมกับพลับพลึงไปเตรียมห้องให้ฟ้าครามเขาเสียหน่อย” ฉัตรเกล้าเอ่ยเสียงเป็นจริงเป็นจัง “…ค่ะคุณฉัตร” ไหมและพลับพลึงโค้งกายรับคำ นางทั้งสองลอบมองคนงานใหม่ที่ทั้งตัวสูงใหญ่และหน่วยก้านดีไม่น้อย แม้เห็นหน้าไม่ชัดแต่สันกรามคมชัดที่ไม่ได้โดนผมเผ้าปิดบังนั่นก็พอจะเดาออกว่าคงหล่อใช่ย่อย ชื่นชมบุรุษก่อนจะพากันหัวเราะคิกเดินออกไปทำตามคำสั่ง ชื่อฟ้าครามใช่ไหมนะ ชื่อเพราะเหลือเกิน “ทุกคนแยกย้ายได้เลยนะครับ เดี๋ยวผมบอกกฎระเบียบของที่นี่ให้เขาทราบเอง” ฉัตรเกล้าเห็นท่าทางของเจ้าหล่อนทั้งสองชัดเจน คิ้วเรียวอดไม่ได้ที่จะขมวด สาวใช้คนอื่นที่อยู่ในวัยละอ่อนก็พลอยลอบมองฟ้าครามไปด้วย เขาจึงรีบบอกให้ทุกคนออกไป เมื่อเหลือกันอยู่สองคน ความเงียบเข้าปกคลุมบริเวณภายในบ้านจนแทบได้ยินเสียงหายใจ ฉัตรเกล้าเงยหน้ามองร่างสูง ก่อนจะยิ้มและผายมือเชื้อเชิญให้เดินตาม “เชิญทางนี้ครับ” คนตัวเล็กกว่าเดินนำไปทางห้องนั่งเล่นในตัวบ้าน ตัวเขานั่งลงที่โซฟาเนื้อนุ่มก่อนจึงค่อยชวนอีกคนให้นั่งด้วยกัน ตอนแรกเขายืนนิ่งไม่ไหวติง หากแต่ฉัตรเกล้าก็ส่งสายตาตื้อไปให้ “…” เขาจึงนั่งลงไม่ได้พูดอะไร แต่เว้นระยะห่างพอสมควร เป็นฉัตรเกล้าเองที่ขยับเข้าไปหา ลดช่องว่างระหว่างกันลง “ทำไมคุณถึง…” ประโยคแรกที่อยากเอ่ยถาม เมื่อเดือนก่อนยังอยู่ในเรือนจำ ทว่าระยะเวลาแค่นั้น คนตรงหน้าก็ปรากฏตัวต่อหน้าเขา ในบ้านของเขา แม้จะยินดีแค่ไหน แต่ก็อดไม่ได้ที่จะสงสัย “ไม่สิ...พ้นโทษออกมาแล้วหรือครับ” ฉัตรเกล้าถามโดยเลือกใช้คำพูดที่ดูสุภาพที่สุด แม้จะดูเสียมารยาทอยู่ดีก็ตาม อดีตนักโทษแดนสิบเงยหน้ามองเจ้าของคำถาม สบตากันตรง ๆ ที่แทบจะเป็นครั้งแรกของทั้งคู่ ดวงตาคมกล้ามีประกายบางอย่างที่ฉัตรเกล้ามองไม่ออก ในขณะเดียวกันในตัวบุตรชายคนเล็กของนักธุรกิจใหญ่ก็มีอะไรบางอย่างที่ฟ้าครามแปลกใจเช่นกัน กลิ่นเลือดคละคลุ้งและกลิ่นหอมหวนแปลกประหลาดดึงดูดจนแทบคลั่ง ภายในกายรู้สึกรุ่มร้อน เขาจึงต้องคอยห้ามความคิดบางอย่างเอาไว้ “ลองถามพ่อคุณหนูดูสิ” พูดเสียงนิ่งโดยไม่ละสายตาไปไหน ฉัตรเกล้าตาโตขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำเรียกขาน คุณหนูหรือ? จริงสิ ตอนนี้ฟ้าครามเข้ามาอยู่ในบ้านเขาด้วยฐานะคนงาน จะเรียกเขาว่าคุณหนูก็คงไม่แปลกอะไร เพียงแต่มันออกจะแตกต่างกับคนอื่นอยู่บ้าง ก็ส่วนใหญ่คนงานที่บ้านเรียกเขาว่าคุณฉัตร ไม่ก็คุณชาย มีเพียงป้าสาย ป้านิด น้าสาและลุงบุญที่เรียกเขาว่าคุณหนู แต่หากฟ้าครามจะเป็นอีกคนที่เรียกแบบนั้น เขาก็ยินดี “คุณฟ้าครามอายุเท่าไหร่หรือครับ?” ฉัตรเกล้าถาม โดยลืมคิดไปเลยว่าประโยคของร่างสูงมีความนัยอะไรบางอย่าง “…สามสิบห้า” ติดคุกตอนอายุยี่สิบห้า ใช้ชีวิตไปวัน ๆ ในคุกมาสิบปี และถูกปล่อยตัวออกมาเร็วกว่าที่คาดคิดไว้หลายสิบปีเลยทีเดียว “อ้อ งั้นผมเรียกคุณว่าพี่นะครับ ถ้าไม่ว่าอะไร” คนพูดยิ้มละไมบนหน้า สายตาจ้องมองใบหน้าคมด้านข้างของฟ้าครามอย่างอ่อนโยนแต่ทว่าแน่วแน่ด้วยความรู้สึกบางอย่าง “…” “พี่คราม” เจ้าของชื่อหันไปหาเจ้าของเสียง ทั้งคู่จึงสบตากันอีกครั้งผ่านเส้นผมที่ปิดบังอยู่รำไร ดวงตาที่มีประกายเจิดจ้าแม้ใบหน้าจะมีเพียงรอยยิ้มเล็ก ๆ ที่มุมปากของฉัตรเกล้าจ้องลึกเข้าไป ไม่เห็นและสัมผัสอะไรไม่ได้นอกจากความดำมืดไร้ก้นบึ้ง ฟ้าครามเป็นฝ่ายหันหน้าไปทางอื่นก่อนเช่นทุกครั้ง “…เรามาคุยเรื่องกฎกันดีกว่าครับ” ฉัตรเกล้าพูดขึ้น “…” “หลัก ๆ เลยจะมีไม่กี่ข้อครับแต่เป็นข้อที่ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด คือ ห้ามลักขโมยของ ห้ามทะเลาะวิวาท ห้ามเป็นชู้ผิดผัวผิดเมีย ห้ามเมาจนทำลายข้าวของ ห้ามเอาเรื่องในเรือนไปเปิดเผยภายนอก ข้อทั้งหมดที่ผมพูดไปมีโทษไล่ออกและบางอย่างถึงขั้นดำเนินคดี” “ครับ” เสียงทุ้มตอบกลับในลำคอ ฉัตรเกล้าชะงัก เพียงคำว่าครับ ทำให้ใจของฉัตรเกล้าสั่นอย่างง่ายดายเพียงนี้เลยหรือ อันตรายเหลือเกิน “…อ่า คือ อ้อ ที่เหลือก็เป็นกฎทั่วไปอย่างหลังสามทุ่มไม่อนุญาตให้เข้ามาในบ้านใหญ่ยกเว้นมีเหตุฉุกเฉิน อย่าทำเสียงดังในยามวิกาล ประมาณนี้ครับ” “…” “สงสัยตรงไหนหรือเปล่าครับ ถามผมได้เลยนะ” “ไม่มีครับคุณหนู” ฟ้าครามตอบกลับ หันมาสบตากลม คำพูดธรรมดาแต่มนตราพยัคฆ์สำแดงเดช ปลุกเสกให้คนฟังหลงใหล “ดะดีมาก…ป่านนี้สาว ๆ คงเตรียมห้องหับให้พี่ครามเสร็จแล้ว ไปกันเถอะ ผมจะพาไปดูห้อง” “อืม” ใจหนอใจ สั่นไหวได้ง่ายดายเพียงนี้ ฉัตรเกล้าเดินนำหน้าฟ้าครามไปทางด้านข้างของคฤหาสน์หลังใหญ่ ลัดเลาะไปตามทางที่ปูด้วยหญ้านำสมัย ทับด้วยแผ่นหินเรียงกันสวยงาม “ด้านนี้เป็นเรือนของคนงานครับ จะแยกเป็นเรือนของคนงานผู้หญิงและผู้ชาย ไม่ได้ไกลกันมาก ตรงนั้นเป็นสวนผักของป้าสายครับ อยากทานอะไรก็สามารถไปเอาได้เลย” เดินอยู่ก็ถือโอกาสแนะนำที่ต่าง ๆ ในรั้วบ้านให้คนมาใหม่ นิ้วเรียวสวยชี้ไปข้างเรือนของคนงานหญิงตอนที่เดินผ่าน ฟ้าครามมองตาม เห็นสวนผักนานาชนิดรอบล้อมด้วยรั้วตาข่ายอย่างดี “เรือนของผู้ชายจะอยู่ลึกเข้าไปอีกหน่อยครับ” พูดบอกคนที่เดินตามมาเงียบ ๆ “อืม” ฟ้าครามมองรอบด้านอย่างเงียบเชียบและไม่ลืมตอบรับฉัตรเกล้าเสมอทุกประโยค ส่วนฉัตรเกล้าที่ไม่ได้ยินคำว่าครับจากร่างสูงแล้วก็แอบเม้มปาก พี่เขาจะรู้ทันว่าตัวเองเสียอาการกับคำนั้นหรือเปล่า ก็เลยเลือกจะไม่พูด? อดีตมหาโจรเก็บรายละเอียดทุกสิ่งทุกอย่างเป็นนิสัย ทั้งสิ่งที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าหรือสิ่งที่คนทั่วไปไม่สามารถมองเห็นได้ ‘กรี๊ดดดดดดด’ เสียงกรีดร้องแสนเจ็บปวดดังออกมาจากดงป่าริมรั้วถัดจากแปลงผักไม่มาก เงาร่างสีดำผลุบโผล่ ทำท่าจะพุ่งเข้ามาแต่ข้อเท้าเล็กดันถูกโซ่ตรวนตรึงเอาไว้ ด้วยผิวขาวซีด ใส่ชุดสีดำยาว ปากสีดำมีเลือดไหลไม่ขาดสาย ใบหน้าที่ไม่เหลือเค้าความงามของสตรี มือทั้งสองข้างยกขึ้นราวพยายามจะไขว่คว้าบางอย่าง ‘...กะแก ตะต้องตาย กรี๊ดดดดดด’ พลันโซ่ที่ตรึงขาเจ้าหล่อขาดสะบั้นออก เงาร่างน่าสยดสยองจึงพุ่งเข้ามาหาฟ้าครามรวดเร็ว ชายหนุ่มชำเลืองมองเพียงนิด ก่อนที่มันจะพุ่งชนเขาหญิงสาวในชุดขาวก็ออกมาขวางทางไว้ก่อน ทำให้ร่างเงาสีดำกระเด็นออกไปไกลแทนเสียเอง ‘กรี๊ดดดดดดด’ หญิงสาวร้องโหยหวนปวดแสบปวดร้อน ด้วยใบบัวหนึ่งในบริวารของฟ้าครามมีบารมีอิทธิฤทธิ์มากกว่า เงาร่างสีดำจึงไม่อาจแตะต้องเจ้านายของเธอได้ ซ้ำไม่อาจสู้ใบบัวได้เลย ‘คิก คิก’ ใบบัวที่ปกติจะนิ่งเงียบในยามนี้หัวเราะคิกคัก ดวงตาแดงฉาน ปากบางฉีกยิ้มกว้าง นิ้วเรียวปรากฏเล็บยาวแหลมคม สองวิญญาณร้ายไล่ห้ำหั่นกันอย่างจะเอาให้ตายอีกรอบหรือเรียกได้ว่าเป็นใบบัวมากกว่าที่ไม่คิดปล่อยให้วิญญาณชั้นต่ำหนีพ้น ฟ้าครามหันไปมองบริวารของตน ในใจกำลังเอ่ยเรียกใบบัวให้กลับมา เอาไว้เขาหาจังหวะได้ค่อยย้อนกลับมาคุยกับวิญญาณสาวตนนั้น ดูท่านางคงตายทรมานไม่น้อยเขาจึงสัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวและความแค้นแรงกล้า ‘ใบบัว...‘ “จริงสิ ลืมเสียได้ อ๊ะ…” ขณะเดียวกัน ฉัตรเกล้าที่พึ่งนึกอะไรบางอย่างได้หยุดฝีเท้าอย่างกะทันหัน ชายหนุ่มหันหลังไปหาร่างสูงเดี๋ยวนั้นจนชนเข้ากับอกกว้าง เขาเสียการทรงตัวร่างกายเอนเอียงหงายหลัง ฟุบ ฟ้าครามยังไม่ทันได้บริกรรมคาถาในใจให้จบสักท่อน เมื่อสัมผัสได้ว่ามีบางอย่างชนเข้าที่ตัวของเขา ใบหน้าคมเข้มจึงหันกลับมา มือข้างหนึ่งคว้าข้อแขนเล็กของฉัตรเกล้าได้ทันก่อนจะร่วงกระแทกพื้น ออกแรงดึงเข้าหาตัว มืออีกข้างคว้าที่เอวหมับ ตึกตัก ตึกตัก จังหวะหัวใจของใครบางคนเต้นระรัวกว่าปกติจนกลัวอีกคนจะรู้สึกได้ เพราะความแนบชิดไปเสียแทบทุกส่วนนี้ ฉัตรเกล้าตะลึงงัน ตาเรียวสวยค้างไปกับกรอบหน้าคม ฟ้าครามก้มมองเขาครู่หนึ่งยังไม่ทันได้ผละออก คิ้วเข้มขมวดมุ่นหากัน สัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่างที่ด้านหลังของคุณชายเล็ก หญ้าราคาแพงที่ทั้งสองข้างทางปูด้วยแผ่นหินเป็นทางเดินทอดยาวไกลออกไป พึ่งจะพ้นเรือนสาวใช้มาไม่ไกล หางตายังมองเห็นหลังคาเรือน หากแต่ข้างหน้ากลับปรากฏร่างโงนเงนผอมโซค่อย ๆ เดินเข้ามาใกล้ ‘...อะ แอะ แฮะ แอออ’ เสียงที่ได้ยินไม่ได้ศัพท์เพราะปากของมันฉีกออกจากกันไม่อาจหุบได้ ทั้งดวงตายังกลวงโบ๋ ขาทั้งสองข้างลีบแบนเหมือนจะหักเสียให้ได้ ฟ้าครามมองนิ่งที่อีกหนึ่งวิญญาณร้ายประจำถิ่น มันคงสัมผัสได้กระมังว่าเขามีของและตัวมันเองคงเก่งกล้าไม่น้อยถึงได้ปรากฏตัวออกมาเผชิญหน้ากับเขาได้ หากไม่อยากท้าทายก็คงต้องการความช่วยเหลือ ร่างผอมโซของมันไหม้เกรียมเดาได้ไม่ยากว่าตายอย่างไร “ขะขอบคุณครับ...พี่คราม?” ฉัตรเกล้าที่ดึงสติของตนคืนมาได้ ไม่ได้รู้เห็นหรือสัมผัสในสิ่งที่เสือครามเห็นสักนิด ร่างโปร่งในอ้อมแขนของชายหนุ่มตัวใหญ่เอ่ยขอบคุณอย่างเขินอาย แต่ก็ต้องงงงวยเมื่อเห็นคนที่กอดตนอยู่นิ่งไป และทันทีที่เอ่ยเรียก มือที่กอบกุมเอวบางไว้ก็กระชับแน่นขึ้น “คุณหนูอยู่นิ่ง ๆ ก่อน” เสียงทุ้มแผ่วเบาราวกระซิบข้างหู ชวนให้ฉัตรเกล้าขนลุกอย่างห้ามไม่ได้ แต่ก็ยอมทำตามอย่างว่าง่ายเพียงแค่ได้ยินเขาสั่ง ฟ้าครามเลื่อนมือข้างที่ประคองเอวฉัตรเกล้าเปลี่ยนมาคว้าเข้าที่ลำคอสวยก่อนจะออกแรงกด ส่งผลให้ใบหน้าของเล็กจมไปกับช่วงอกกว้าง มืออีกข้างละออกจากข้อมือขาวยกขึ้นมากำไว้จรดปากของตน พร้อมบริกรรมคาถา ‘อะ แอ แออออ’ ร่างเกรียมสีดำราวมีเขม่าควันลอยทั่วทั้งตัวหยุดนิ่ง แขนสองข้างของมันเหยียดตรงไปข้างหน้า ในขณะที่ใบหน้ามันก้มต่ำ ใบบัวกลับมาอยู่ข้างกายเจ้านาย หญิงสาวเอียงคอมองร่างที่แทบจะเหลือแต่กระดูก ยังไม่มีคำสั่งใดจากฟ้าครามและยังไม่มีอันตรายใดเช่นกัน นางจึงอยู่เงียบ ๆ รอ ‘แฮร่รรรรรรร’ ร่างที่หยุดนิ่งก่อนหน้าจากที่ค่อยเดินโงนเงนกลับเงยหน้าขึ้นรวดเร็วและแรงจนคอมันหักไปด้านหลัง ขาลีบทั้งสองขยับเร็ว ๆ เข้ามาใกล้ฟ้าครามที่จดจ้องมันอยู่ก่อนแล้ว “โอม สุวรรณโย กุมาระตัง มะหาภูโต ทองดำ” เสียงทุ้มบริกรรมคาถาก่อนจะเป่าออกไป เจ้าของชื่อเมื่อได้ยินเสียงเรียกก็ปรากฏกายออกมาทันที ทองดำไม่ใช่เด็กชายอีกต่อไป ด้วยรูปกายสูงใหญ่และผิวมะเมื่อม ได้คาถาจากพ่อมันทำให้ร่างที่ควรจะเป็นแค่เด็กน้อยกลับกลายเป็นชายหนุ่มสูงเกือบสองเมตร กุมารใต้อาณัติหลับตาครู่เดียวก่อนจะลืมขึ้นพอดีกับร่างผอมโซเข้ามาใกล้ ฝ่ามือใหญ่ของทองดำจับเข้าที่คอผอม ก่อนจะทุ่มร่างนั้นลงพื้นอย่างแรงจนแทบแหลกเหลวจมธรณี ‘กรี๊ดดดดดด ฮือออออะอย่า’ เสียงร้องระงมดังมาจากด้านข้าง เงาร่างสีดำก่อนหน้าเผยตัวออกมาแต่นางไม่อาจเข้ามาใกล้ได้แล้วด้วยโซ่เส้นเดิมรั้งข้อเท้าเอาไว้ นางดูร้อนรนและทุรนทุรายไม่น้อย ฟ้าครามคิดอะไรได้บางอย่าง จึงเรียกให้ทองดำกลับมา ร่างไหม้เกรียมที่แทบจะเหลือแต่กระดูกราวกำลังจะตายอีกครั้งนอนแน่นิ่งบนพื้นส่งเสียงครางโอดโอย อดีตโจรชื่อดังบริกรรมคาถา พลันร่างที่นอนอยู่แปรเปลี่ยนเป็นนั่งคุกเข่าต่อหน้าด้วยรูปลักษณ์ก่อนกลายเป็นวิญญาณร้าย ใบหน้าที่คล้ายจะเคยเห็นที่ไหนสักที่ของชายหนุ่มอายุราวห้าสิบกว่า ๆ ดวงตาบอบช้ำคลอน้ำ ปากมีรอยเย็บติดกันอย่างลวก ๆ มันยกมือพนมไหว้ฟ้าครามราวกำลังขอความเมตตา ‘อย่าแส่ไม่เข้าเรื่อง’ เสียงเย็นสูงวัยลอยตามลมระบุทิศทางไม่ได้ จับไม่ได้ว่าเป็นเสียงของเพศใดดังเข้ามาในหัว และดูท่าการที่ผีสองตัวเข้าโจมตีฟ้าครามก็คงจะได้รับคำสั่งเอาไว้ พ่อพยัคฆ์ใหญ่ยังคงยืนนิ่ง มองร่างตรงหน้าเลือนหายไปพร้อมกับเงาร่างสีดำของหญิงสาวก็ไม่อยู่แล้วเช่นกัน เขาจึงปล่อยมือจากฉัตรเกล้าและถอยออกมาก้าวหนึ่ง “เมื่อกี้…” ร่างโปร่งที่ถูกผละออกจากความอบอุ่นอย่างไม่ทันตั้งตัวเอ่ยเสียงเบา “งูน่ะครับ” และฟ้าครามก็ตอบกลับในทันที “หือ งูหรือ…แต่ว่าเหมือนผมได้ยินพี่ครามพูดภาษาอะไรบางอย่างด้วยนะ” ฉัตรเกล้านึกไปถึงคำพูดของเพื่อนที่บอกว่าอีกฝ่ายมีวิชาอาคม เด็กนักเรียนนอกอย่างเขาไม่เคยคิดจะเชื่อออะไรพวกนี้สักนิด หากแต่ไม่รู้ทำไม ถ้าเป็นผู้ชายคนนี้ เขาพร้อมที่จะเชื่อแม้ถูกมองว่างมงายหรือบ้าก็ตาม ฉัตรเกล้าก้าวเท้าเข้าไปหาฟ้าครามหนึ่งก้าวราวตื่นเต้นกับภาษาแปลก ๆ ที่ได้ยิน ปากอิ่มสวยคลี่ยิ้มไปถึงดวงตาราวจะทำให้คนที่มองอยู่ยิ้มตาม ฟ้าครามไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่ปากของเขาขยับเล็กน้อย จังหวะหนึ่งก็ยกมือของตนแตะเข้าที่กลางหน้าผากของเจ้านายแล้วผละออก คล้ายมีลมวูบหนึ่งพัดผ่านหน้า ราวเวลาหยุดเดิน ติดค้างอยู่กลางอากาศ “เมื่อกี้คุณหนูว่าอะไรนะ” เขาถามฉัตรเกล้าที่ยืนนิ่งไปด้วยมนต์สะกดของตน “…จริงสิ ลืมเสียได้” และครู่เดียวก็พูดขึ้นมา ด้วยรู้สึกแปลกอยู่เล็กน้อย ราวตัวเขาหลงลืมอะไรบางอย่างไป “ลืม?” ฟ้าครามทวนคำ “ผมยังไม่ได้แนะนำคนงานให้พี่ครามรู้จักเลย” ฉัตรเกล้าเลิกสนใจความรู้สึกตงิดเล็ก ๆ ในใจ หันมากล่าวกับร่างสูง “…” “คนงานที่บ้านเรามีหลายคนหน่อยนะครับ แต่ถึงจะเยอะก็แบ่งส่วนชัดเจน ส่วนแรกเป็นงานครัวก็จะมีป้าสายเป็นหัวหน้าแม่ครัว น้าสาที่เป็นคนสนิทของคุณแม่ก็อยู่ส่วนนี้ แล้วยังมีมะลิ บัว ศรีแพรด้วย ส่วนของงานบ้านจะเป็นป้านิดที่เป็นหัวหน้า ป้าวัน พลับพลึง ไหมที่ช่วย ๆ กันดูแล ส่วนหัวหน้าคนงานผู้ชายจะเป็นลุงบุญชู นายไม้เป็นรองหัวหน้า คนในสายงานก็มีสิน จั่น ใบ เกา เล้งแล้วก็พี่คราม แล้วก็ยังมีลุงหมายคนขับรถอีกหนึ่ง เอาไว้ไปรู้จักกันอีกที” ฉัตรเกล้าบอกโดยละเอียด คนงานไม่น้อย อย่างน้อยก็ให้เขารู้คร่าว ๆ ไปก่อน อยู่ไปคงรู้จักทุกคนเอง “อืม เข้าใจแล้ว” ฟ้าครามรับคำ คุณหนูเล็กของบ้านจึงได้พยักหน้ารับและหันกลับไปเดินต่อ ดูท่าบ้านไพศาลภิรมย์รักษ์ จะไม่ธรรมดาจริง ๆ TBC