LOGINบ้านไพศาลภิรมย์รักษ์ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ทางหน้าบ้านหันไปทางถนน เปิดรั้วเข้ามาจะพบกับสวนสวยงามทั้งสองข้างทาง น้ำพุใหญ่ตกแต่งตามยุโรปนิยม สวนของคุณหญิงแก้วตายาวไปถึงข้างบ้านทางขวามือจรดศาลาริมน้ำ มีแปลงดอกกุหลาบสูงเท่าเอวส่งกลิ่นหอมฟุ้ง
ทางซ้ายของบ้านเป็นลานหญ้า เดินเรื่อยเข้าไปถึงส่วนหลังบ้านใหญ่เป็นราวตากผ้าสำหรับเจ้านาย สวนของคุณหญิงแก้วตาก็หยุดอยู่ส่วนนี้ เดินอีกครู่จะเห็นหลังคาของเรือนพักสาวใช้ หน้าเรือนมีเตียงไม้หลังหนึ่งเอาไว้นั่งเล่น มีแปลงคุณนายตื่นสายประดับบริเวณ เยื้องขึ้นมาหน่อยเป็นรั้วตาข่ายกั้นบรรดาพืชสวนครัว ถัดจากเรือนสาวใช้เป็นเพียงลานเล็กที่เอาไว้ตากผ้า เดินลึกเข้าไปผ่านต้นมะม่วงน้ำดอกไม้ มะม่วงเขียวเสวย มะม่วงสามฤดู ที่อยู่ทางขวามือและกอต้นกล้วยทางซ้ายมือจะพบกับเรือนไม้ชั้นเดียวทอดยาวแบ่งห้องเป็นสัดส่วน “ถึงแล้วครับ…พี่ครามพออยู่ได้ไหม” ฉัตรเกล้าหยุดเท้าที่หน้าเรือนไม้ หันไปถามฟ้าครามอย่างระมัดระวังพอสมควร เจ้าของชื่อหันมองรอบด้านเล็กน้อย ลมเอื่อย ๆ พัดผ่านทำเส้นผมดำสนิทปลิวไสว คุณหนูคนเล็กของบ้านมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกหลากหลาย มุมหน้าด้านข้างที่แสนสมบูรณ์แบบของบุรุษด้วยกันมีเสน่ห์มากมายถึงเพียงนี้ จังหวะที่พี่เขาหันมายังสบตาด้วยแวบหนึ่ง ฉัตรเกล้าชะงักและหันหลบโดยทันที “ข้าอยู่ได้” บอกเสียงเรียบ คนถามพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะมองหาไหมและพลับพลึงที่ให้มาเตรียมห้องก่อนหน้า “ได้ห้องซ้ายสุดเลยด้วย ไปครับพี่คราม” “อ้าวคุณฉัตร” ไหมเป็นคนแรกที่เห็นการมาถึงของฉัตรเกล้า เจ้าหล่อนทักเขาครั้งหนึ่ง สายตามองไปยังด้านหลังของคุณชายเล็ก อยู่ ๆ สาวเจ้าก็หน้าแดงซ่านขึ้นมา “…ทำความสะอาดถึงไหนแล้วล่ะ” ฉัตรเกล้าถาม มองข้ามอาการกระมิดกระเมี้ยนของเธออย่างจงใจ “ระเรียบร้อยแล้วค่ะคุณฉัตร” สาวใช้วัยสาวตอบกลับ เธออายุย่างยี่สิบปี ถือว่าเด็กที่สุดในบรรดาสาวใช้รุ่นเดียวกัน “อืม” เจ้านายพยักหน้ารับ พลับพลึงที่ได้ยินเสียงคุยรีบเดินออกมาจากมุมหนึ่งของห้อง หล่อนใส่เสื้อตัวเล็กรัดรูปกับผ้าซิ่นเขิน ๆ ดูแล้วช่างเป็นคนมั่นใจกล้าแสดงออก ไม่หวั่นต่อสิ่งใด เธอมีอายุมากกว่าไหมสองปีและกำลังส่งสายตาหวานหยาดเยิ้มไปทางด้านหลังของฉัตรเกล้าด้วยอีกคน “พี่ครามมาอยู่ใหม่ มีอะไรก็ถามฉันได้นะจ๊ะ ฉันอยู่เรือนทางโน้น…พี่เรียกหาฉันได้ทุกเวลาเลยจ้ะ” พูดไปก็ยิ้มไป แต่สื่อความนัยไม่น้อย “…” ฟ้าครามไม่ได้แสดงท่าทีใดตอบรับ ไม่แม้แต่จะมองเธอ ตาคมทำเพียงหลุบต่ำราวพื้นกระเบื้องมีสิ่งใดให้เขาสนใจมากกว่า “อะฮืม! ขอบคุณทั้งสองมาก เสร็จแล้วก็ไปทำงานอย่างอื่นเถอะ” ฉัตรเกล้ากระแอมขึ้น ใบหน้าติดหวานยกยิ้มก่อนจะเอ่ยปากให้สาวใช้ทั้งสองกลับไปทำงานอย่างอื่น “งานของพลับพลึงเสร็จหมดแล้วค่ะคุณฉัตร ว่าจะอยู่ช่วยพี่ครามเขาจัดห้องหับเสียหน่อย” เธอเอ่ยบอกเสียงหวาน “ของไหมก็เสร็จแล้วค่ะ นี่ก็จะบ่ายแล้ว ถะถ้าพี่ครามไม่ว่าอะไรให้ฉันยกข้าวมาให้ไหมจ๊ะ” ไหมตอบเจ้านาย ประโยคหลังรวบรวมความกล้าถามฟ้าคราม พลับพลึงสาวใช้รุ่นพี่หันมองหน้าเธอในทันที ส่วนคนตัวสูงก็ยังยืนนิ่งไม่ไหวติง หากไม่ได้ยินเสียงถอนหายใจเล็ก ๆ จากเขา ฉัตรเกล้าจะคิดว่าเป็นรูปปั้นแล้วเชียว แต่ดูเอาเถอะ ขนาดพ่อคุณผมยาวเห็นหน้าไม่ชัด เพียงแค่ยืนนิ่ง ๆ ก็มัดใจสาวน้อยไปเสียแล้วถึงสองคน เสน่ห์เหลือร้าย รูปงามกรามชัด เหล่าสตรีน้อยบอบบางราวบุปผามีหรือจะต้านทานองค์ภมรแกร่งกล้ามากฤทธิ์ได้ “ไม่ต้อง ผมว่าจะพาเขาไปที่ครัวอยู่” ฉัตรเกล้าปฏิเสธแทนคนสวนคนใหม่ “แล้ว…” “เหมือนป้านิดจะเรียกหา รีบไปสิ เดี๋ยวโดนดุเอานะ” และรีบบ่ายเบี่ยงให้พวกหล่อนไปที่อื่นโดยเอาหัวหน้าของหล่อนมาอ้าง “รับทราบค่ะคุณฉัตร” สาววัยสะพรั่งทั้งสองออกไป ทั้งห้องเหลือเพียงบุรุษสองคน ฟ้าครามกวาดสายตามองรอบ ๆ ห้องอย่างสำรวจ ในขณะที่ฉัตรเกล้าเดินไปหยิบจับนั่นนี่ดู ในห้องไม่ได้มีสิ่งของมากมายนัก มีเพียงเตียงนอนที่วางอยู่กลางห้อง ตู้เสื้อผ้า และโต๊ะเล็ก ๆ เอาไว้วางของ ในหัวของร่างโปร่งครุ่นคิดถึงสิ่งที่ขาดหายไปมากมาย “ยังขาดอีกหลายอย่างเลย” “…” “ว่าแต่พี่ครามมีเสื้อผ้ามาไหมครับ ผมไม่เห็นพี่ถืออะไรไว้ ไม่แน่ใจว่าเอาไปวางไว้ที่ไหนหรือเปล่า” ฉัตรเกล้าหันไปถาม “…คนที่ชื่อทิวาจะเอามาให้ทีหลัง” ฟ้าครามตอบ เป็นเสื้อผ้าเก่าที่คนนั้นเขาไม่ใช้แล้วนั่นแหละ บอกไว้ตอนออกจากคุก ไม่ต้องซื้อให้เปลืองสตางค์ มีอะไรให้ใส่ก็ใส่ไป “อ้อ…ถ้างั้นผมจะให้คนเตรียมพวกของใช้ให้แทนนะ” “ขอบคุณ” “ไปที่ครัวกันเถอะครับ บ่ายแล้ว” คุณหญิงแก้วตาสร้างศาลาเอาไว้ให้คนงานในบ้านทานข้าวโดยเฉพาะ ศาลาหลังนั้นตั้งอยู่ตรงข้ามกับราวตากผ้าตรงหลังบ้าน โดยทุกเช้าแม่ครัวนำโดยป้าสายจะเป็นคนตื่นมาทำอาหารให้ทั้งเจ้านายและของบ่าวด้วยกัน ช่วงสายพวกคนงานชายจะมายืนรอที่ศาลา สาว ๆ ก็จะยกหม้ออาหารมาวางเรียงให้คนงานตักไปกิน ฉัตรเกล้าอธิบายคร่าว ๆ ให้ฟ้าครามฟัง ซึ่งตอนที่เดินไปห้องพักก็สังเกตเห็นศาลาหลังหนึ่งทางขวามืออยู่แล้ว เมื่อมาถึงห้องครัวที่อยู่ส่วนหลังบ้าน คนที่เจอคือมะลิและศรีแพร มะลิเป็นน้องสาวของไม้ เธอมองเหยียดหยามฟ้าครามตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างไม่ปิดบัง ฉัตรเกล้าพยายามส่งสายตาปรามแต่ไม่เพียงไม่ได้ผล ซ้ำร้ายตอนที่มะลิจะเดินออกจากห้องครัวยังจงใจชนฟ้าครามเข้าเต็มแรง “มะลิ…” คุณชายเล็กของบ้านเอ่ยชื่อเธอเสียงดุจนสาวเจ้าหันมามอง “ยืนเกะกะขวางทาง ไม่รู้จักที่ของตัวเอง” เธอมองเจ้านายแวบหนึ่งอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนหันไปพูดกระแทกเสียงกับร่างสูงที่ยังยืนนิ่ง ฉัตรเกล้าตกใจ ถึงจะรู้มาว่ามะลิได้รับอิทธิพลจากพี่ชายที่เป็นรองหัวหน้าคนงานมาไม่น้อยจึงได้มีพฤติกรรมอวดเบ่งอยู่บ้าง แต่ก็ไม่คิดว่าต่อหน้าเขาจะยังกล้าพูดขนาดนี้ ‘ให้ฉันสั่งสอนมันหน่อยไหมจ๊ะพ่อ…’ เสียงเย็น ๆ ของบริวารสาวสวยกระซิบข้างหู ใบบัวเกาะอยู่ด้านหลังของฟ้าคราม เล็บยาวแหลมเกลี่ยไปมาที่กรอบหน้าคม บ่งบอกว่าเจ้าหล่อนไม่ได้อยู่ในอารมณ์ปกติ ณ ตอนนี้ ในฐานะบริวารที่จงรักภักดี ใบบัวโมโหจนแทบอยากจะคลั่งเมื่อได้ยินและได้เห็นท่าทางดูถูกจากเด็กสาวนั่น มันกล้าดีอย่างไร “ถ้าผมไม่ได้ยินกับหูตัวเองคงไม่รู้ว่ามะลิจะก้าวร้าวขนาดนี้ ฟ้าครามเขาอายุมากกว่าเธอ ขอโทษเขาเสีย” ฉัตรเกล้าดุเธอเสียงเรียบ คิ้วเรียวขมวดมุ่น ไม่พอใจอย่างมาก “ทำไมมะลิต้องขอโทษคนชั่วแบบมันด้วยคะ” สาวใช้เชิดหน้า ร้องหึในลำคอก่อนจะถามกลับมาอย่างดื้อรั้น “มะลิ” ศรีแพรรีบเดินเข้ามาห้ามเพื่อนที่ถือดีกล้ามีปากเสียงกับเจ้านาย มะลิสะบัดแขนออก “หรือไม่จริง อดีตเสืออย่างมันจะกลับตัวกลับใจแน่หรือคะ ดีไม่ดีเราได้ตายกันหมดทั้งบ้านขึ้นมาจะทำยังไงค…” “ถ้าไม่พอใจก็ไปลาออก คุณแม่ก็บอกเธอแล้วนี่ หรือไม่กล้า ให้ฉันช่วยพูดดีไหม” ไม่รอให้หล่อนพูดจบ คุณชายเล็กของบ้านก็พูดขึ้นมาก่อน ฉัตรเกล้าจ้องตาดุ น้ำเสียงที่เปล่งออกไปยากนักที่จะได้ยิน “รีบขอโทษคุณฉัตรสิมะลิ” ศรีแพรเห็นท่าไม่ดีรีบบอก นี่คุณฉัตรเกล้านะ คุณชายเล็กที่คุณหญิงแก้วตาและคุณชนาโอบอุ้มอย่างกับไข่ในหิน ถ้าทำให้ท่านไม่พอใจ คำพูดเพียงนิดก็ตัดสินชีวิตภายหน้าของพวกเธอได้เลย “…ขอโทษค่ะ” มะลิกล่าวอย่างจำยอม “คนที่เธอควรขอโทษคือฟ้าคราม” หากแต่ฉัตรเกล้าไม่ได้ต้องการคำขอโทษจากหล่อน สตรีร่างบางหากแต่สัดส่วนชัดเจนกัดฟัน ทำราวอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่พูด เธอหันไปทางฟ้าครามแทน “…ขอโทษนะ ไอ้คนชั้นต่ำ” พูดประโยคแรกออกมา ส่วนประโยคหลังเธอกระซิบอย่างแน่ใจว่าฟ้าครามได้ยินแน่นอน ศรีแพรเองก็ได้ยิน สาวเจ้าตาโตตกใจกับคำพูดนั้น ครู่ต่อมาก็รีบเก็บอาการเพราะฉัตรเกล้าที่ยืนไกลออกไปน่าจะไม่ได้ยินด้วย “น้ำหน้าอย่างมึงรีบไสหัวออกไปจากบ้านหลังนี้ซะ รู้จักที่ต่ำที่สูงเสียบ้าง อย่าให้กูต้องสั่งสอน บ้านผู้รากมากดีแบบนี้ไม่เหมาะกับสวะอย่างมึงหรอก” สาวใช้ยังกระซิบคำหยาบกร้าวรุนแรงต่อร่างสูง เธอแสยะยิ้มเย้ย ก่อนเดินสวนออกไป ส่วนศรีแพรก้มหน้างุดเพราะได้ยินทุกถ้อยคำ กลัวว่าจะเผลอแสดงอาการให้ฉัตรเกล้าจับสังเกตได้ ฟ้าครามยืนนิ่ง เหลือบมองเด็กสาวที่คงอายุน้อยกว่าเขาสิบกว่าปีอย่างเฉยชา หากดวงตาคมกล้าพิจารณาลึกซึ้ง อะไรทำให้สาวใช้ไม่เกรงกลัวแม้จะอยู่ต่อหน้าเจ้านายเช่นนี้? ‘คิก…คิก’ เสียงหัวเราะของหญิงสาวดังที่ข้างหูฟ้าคราม มันใสกังวานราวมีความสุข แต่ที่จริงแล้วคืออาการของใบบัวที่กำลังโกรธเป็นอย่างมาก ผีสาวคลี่ยิ้ม ปากบางสีแดงสดมีเลือดข้นไหลออกมา เธอรอคำสั่งจากเจ้านาย เมื่อไร้วี่แววใบบัวจึงเป็นฝ่ายผละออกไป ไม่สนบทลงโทษที่จะได้รับหลังจากนี้ด้วยซ้ำ ‘คิก เด็กอวดดีต้องโดนสั่งสอน‘ พ่อเสือใหญ่รับรู้ได้ทันทีว่าบริวารจะทำอะไร เขารีบหันหลังกลับไปทางประตู ปากหยักสวยพึมพำเรียกใบบัวกลับมา ในขณะที่มะลิพึ่งก้าวพ้นประตูไปหมาด ๆ กำลังเดินลงบันไดเพื่อไปเรือนนอนของตน สายลมวูบหนึ่งพัดมาปะทะหน้า ร่างโปร่งแสงของใบบัวชนเข้าอย่างจังกับร่างเล็กของสตรีแรกแย้ม “อึก…” มะลิชะงักอย่างแรง ลมหายใจสะดุด รู้สึกได้ถึงบางอย่างที่ผ่านร่างของเธอไป ขนอ่อนลุกชันไปทั้งร่าง รู้สึกวูบโหวงราวภายในร่างกายไร้อวัยวะ “นับวันจะยิ่งเสียนิสัย ขอโทษอีกครั้งแทนมะลิด้วยนะคะคุณฉัตร” ศรีแพรพูดกับฉัตรเกล้า สาวงามโค้งกายอย่างนอบน้อมก่อนจะรีบเดินตามมะลิไป “มะลิ? เป็นอะไร” เขย่าแขนเพื่อนที่ยืนนิ่งเหม่อลอย “หา...อ้อ เปล่านี่ ไปเถอะ ไม่อยากหายใจร่วมกับคนคุก” ได้สติกลับมาเดี๋ยวนั้น แม้จะแปลกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองอยู่บ้างแต่เธอเลือกที่จะเมินเฉย จนทั้งสองสาวเดินจากไป ‘คิก…’ ทิ้งไว้เพียงร่างบอบบางในชุดยาวสีขาวที่ยืนอยู่ในจุดเดียวกันกับมะลิก่อนหน้านี้ ฟ้าครามจ้องมองบริวารของตน ตาคมเข้มขึ้นระดับหนึ่งจนเหล่าบริวารเสียววาบไปทั่วร่าง มือหนาเสยผมที่ปรกหน้าขึ้น เปิดเผยใบหน้าราวพระเอกหนังดัง ในขณะที่ใบบัวช้อนสายตามองพ่อของเธอราวเด็กน้อยที่เพียงเล่นซุกซนจนต้องโดนดุ “อย่าถือสามะลิเลยนะครับพี่คราม เดี๋ยวผมจะให้ป้าสายอบรมเธอเสียหน่อย” ฉัตรเกล้าเห็นท่าทางของร่างสูงจึงรีบเดินเข้ามาใกล้ มือขาวแตะที่ข้อศอกอีกฝ่ายเบา ๆ ฟ้าครามละสายตาจากบริวารสาว หันมามองคุณหนูของเขา ฉัตรเกล้าชะงัก ใบหน้าหล่อเหลาสะดุดตาไม่น้อยเลยพ่อคุณ ดวงตาคมกล้า รูปหน้าคมคาย หุ่นดึงดูดน่าสัมผัส ลักษณะดีเช่นนี้เชียว ในอดีตจะเคยถูกเหล่าบุปผาเอนกายเข้าหาเพียงใดหนอ “ไม่เป็นไร ที่เธอว่าก็ความจริง ข้ารู้ตัวดี คุณหนูไม่ต้องไปตำหนิเธอหรอก” ฟ้าครามพูด อัยที่จริงก็ไม่ผิดไปจากที่เด็กสาวคนนั้นว่าสักนิด เขามันต่ำช้า เลวทราม ไม่แปลกที่จะถูกรังเกียจเหยียดหยาม ฟ้าครามมีชีวิตอยู่เพื่อจดจำและสำนึกผิดในทุกขณะจิต จะปฏิบัติกับเขาอย่างไร เขาก็ไม่ถือโทษทั้งนั้น ‘ทรมานงั้นรึ ให้กูช่วยมึงสิ หลับไปเสีย เดี๋ยวกูใช้ชีวิตแทนเอง ฮี่ฮี่ฮี่’ เสียงในหัวของสตรีตนเดิมเอ่ยด้วยเสียงแหบพร่า สายรยางค์สีดำลักษณะเรียวรีคล้ายลิ้นของอะไรบางอย่างลอยในอากาศจากด้านหลังของฟ้าครามพุ่งไปใกล้ฉัตรเกล้า แน่นอนว่าคุณชายเล็กไม่เห็น เขายังแตะแขนของฟ้าครามค้างเอาไว้ และจ้องมองเพียงใบหน้าคมคายอย่างตกในภวังค์ ‘อย่าหาว่ากูไม่เตือน’ ฟ้าครามตอบกลับไปในตอนที่สายรยางค์สีดำกำลังจะต้องใบหน้าขาวนวล จิตสังหารแรงกล้าสายหนึ่งวูบขึ้นกะทันหัน พลันสายรยางค์นั้นแข็งทื่อไม่อาจขยับ ก่อนมันจะหายไป ‘ฮี่ฮี่ฮี่’ ทิ้งไว้เพียงเสียงหัวเราะชอบใจของบางอย่างในกาย มือเรียวขาวยื่นมาตรงหน้า กำลังจะสัมผัสผิวแก้มของฟ้าคราม หมับ “อะ…” “มีอะไรงั้นรึคุณหนู” ร่างสูงคว้าข้อมือนั้นได้ก่อนอย่างรวดเร็ว ราวเป็นปฏิกิริยาตอบโต้ที่เป็นไปเองของร่างกาย ฉัตรเกล้าที่ยื่นมือออกไปอย่างไม่รู้ตัว ในใจคิดเพียงหวังอยากสัมผัสใบหน้าคมสักครั้ง ไม่นึกว่ามือของตนจะยื่นไปไวเพียงนี้ “อ้อ…คะคือ...อ่า ผมของพี่น่ะ ยาวเกินไปหรือเปล่าครับ ผมพาไปตัดได้นะ รู้จักช่างฝีมือดีอยู่คนหนึ่ง ที่บ้านไปใช้บริการบ่อย ๆ น่ะครับ” ข้ออ้าง เป็นข้ออ้างที่มีมูลอยู่บ้างเพราะผมของฟ้าครามยาวเกินไปจริง ๆ “ไม่เป็นไร เดี๋ยวข้าตัดเอง” ศีรษะเป็นของสูง ยิ่งกับคนเล่นของ มีวิชาอาคมมากมาย จึงยิ่งไม่อาจให้ใครแตะต้องได้ง่าย ๆ ฉัตรเกล้าพยักหน้ารับ หลุบตามองมือแกร่งที่กอบกุมข้อมือของตนไว้อยู่ ข้อมือของลูกผู้ดีดูเล็กไปถนัดตาเมื่ออยู่ในกำมือของฟ้าคราม “ข้าขอโทษ” ฟ้าครามมองตามสายตาของเจ้านายที่เลื่อนไปมองข้อมือของตนก็รีบปล่อยในทันที พร้อมกับเอ่ยขอโทษไปด้วย “อื้อ พี่ครามหิวหรือยัง ปกติแล้วตอนเที่ยงอาหารจะถูกยกไปวางไว้ที่ศาลาแต่ตอนนี้บ่ายแล้วพวกคนงานเลยเอามาเก็บไว้ในครัว น่าจะมีอะไรเหลืออยู่นะ” ฉัตรเกล้าเดินไปเปิดหม้อที่วางอยู่ตรงโต๊ะตรงกลางห้องครัว หากเคยได้ยินว่าพวกมีของมีครูกินของเหลือจากคนอื่นไม่ได้ นั่นก็ใช่ แต่กับฟ้าคราม บางทีเขาไม่อาจเลือกได้เท่าใดนัก ด้วยชีวิตเคยผกผันมามาก ของเหลือ ของที่คนอื่นไม่กิน ของทิ้งแล้ว เพื่อประทังชีวิต ฟ้าครามเคยกินมาหมดทั้งสิ้นในตอนที่ถูกไล่ออกจากวัด เร่ร่อนเป็นเด็กกำพร้าไร้ที่พึ่งอยู่นานกว่าเสือแหวนจะเก็บไปเลี้ยงในรังเสือ “ไม่มีเลย คนบ้านนี้กินข้าวเก่งเสียจริง” “ข้ายังไม่ค่อยหิว” ฟ้าครามบอกแม้จะไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เช้าแล้วก็ตาม “รอผมที่นี่ ผมจะไปเรียกให้คนมาทำให้” ฉัตรเกล้าไม่สนใจประโยคนั้น ร่างโปร่งกำลังจะเดินเข้าไปในตัวบ้านใหญ่เพื่อดูว่าบรรดาแม่ครัวอยู่ที่ไหน หากแต่เสียงหนึ่งกลับรั้งเขาไว้ก่อน “เดี๋ยวศรีแพรทำให้ค่ะคุณฉัตร” ศรีแพรเดินกลับมาจากเรือนนอน สตรีร่างเพรียวบางใส่ผ้าถุงยาวกรอมข้อเท้าเล็กบอกอย่างนอบน้อม “ฝากด้วยนะครับ” ฉัตรเกลาหันกลับมา เขายิ้มให้หล่อนก่อนจะพูดออกไป ฟ้าครามมองตามรอยยิ้มสวยเงียบ ๆ “รสมือฉันไม่รู้ว่าจะถูกปากพี่หรือเปล่านะจ๊ะ หากไม่ชอบพี่ติเตียนฉันได้เลยจ้ะ ฉันจะได้ปรับปรุง” “ข้าไม่เลือกกิน ทำอะไรมาก็กินได้หมดนั่นแหละ” ฟ้าครามหันไปมองศรีแพรแล้วตอบเธอ เป็นครั้งแรกเลยที่ร่างสูงพูดกับสตรีในบ้านหลังนี้ “พี่…” ฉัตรเกล้ากำลังจะเอ่ยเรียก “คุณฉัตรครับ คุณท่านเรียกหาครับ” แต่ถูกเสียงของทิวาดังแทรกมาก่อน “…คุณพ่ออยู่ไหน” “ห้องทำงานครับ” คุณชายเล็กพยักหน้ารับ หันไปทางคนสวน รู้สึกแปลก ๆ ที่ต้องปล่อยให้ฟ้าครามอยู่กับศรีแพรเพียงสองคน “ผมต้องไปหาคุณพ่อ พี่ครามทานข้าวในนี้ไปก่อนนะครับ ส่วนเรื่องงาน…” “เดี๋ยวศรีแพรพาไปหาพี่ไม้เองค่ะคุณฉัตร” “อ้อ…ดีเลย ขอบใจนะ” ฉัตรเกล้ามองหน้าฟ้าคราม ทำท่าจะพูดอะไรบางอย่างสุดท้ายก็ไม่พูด TBCฉัตรเกล้าตั้งครรภ์เข้าสัปดาห์ที่สิบแล้ว ครรภ์อ่อนเกือบสามเดือนนี้ยังไม่ได้ขยายใหญ่โตให้เห็นด้วยตาเนื้อมากนักด้วยเป็นครรภ์แรกและร่างกายผอมบางเป็นทุนเดิม แต่เพราะฉัตรเกล้าเป็นกรณีพิเศษจึงต้องดูแลอย่างใกล้ชิดมาก ในหนึ่งสัปดาห์ต้องเข้าตรวจร่างกายกับลุงหมอคนที่วินิจฉัยให้คุณชายเล็กตั้งแต่เด็กและเพื่อศึกษาเก็บตัวอย่างเอาไว้ด้วยยังมีน้อยนักในสยามประเทศ ฟ้าครามไม่ได้มีท่าทางตกใจหรือแปลกใจด้วยรู้ก่อนแล้ว ถึงจะไม่แน่ใจว่าทำเมียตัวขาวท้องตอนไหน อาจจะเป็นตอนที่ฉุดน้องไปอยู่บ้านกลางป่า ทั้งวันทั้งคืนสมสู่กันไม่ออกไปไหนกระมัง เชื้อคงจะแรงจนกินยาหม้อก็เอาไม่อยู่หรือไร เลือดที่ออกวันนั้นคงเป็นเลือดล้างหน้าเด็กกระมัง ฉัตรเกล้าที่ตัวเล็กจ้อยเมื่อเทียบกับฟ้าครามยามนี้ยิ่งราวตัวเล็กขึ้นไปอีก ก็ไม่คิดว่าตัวเองจะอุ้มท้องลูกของพ่อเสือใหญ่ตั้งเกือบสามเดือนแล้ว นึกไปถึงเหตุการณ์อันตรายก่อนหน้าก็ใจหายแวบ หากเกิดอะไรขึ้นรุนแรงตอนนั้นจนต้องเสียลูกในครรภ์ไป ฉัตรเกล้าคงเสียใจตลอดชีวิต ส่วนที่เคยกังวลว่าฟ้าครามจะไม่ชอบใจหากตนตั้งครรภ์หายเป็นปลิดทิ้งเมื่อคนที่ทำให้ท้องคอยดูแลประคบประหงมไม่ห่างตั้งแต่ก่อนจะรู้ว่าเม
ปกเกล้ายอมกลับมากับฉัตรเกล้าโดยการหิ้วเอาศักดิ์แก้วมาด้วย คิดจะให้มันมาขอขมาแม่ตน ลักไปไม่พอ ยังได้เสียเป็นผัวเมีย ถึงกับเข้าพิธีแต่งงานตามประเพณีบ้านมันอีก คุณหญิงแก้วตารู้ว่าบุตรชายคนโตได้หมอผีเป็นผัว ออกเรือนตามน้องชายไปก็อดจะอึ้งไม่ได้ สุดท้ายไพศาลภิรมย์รักษ์จะไม่มีสะใภ้ให้เชิดชู มันก็น่าอดสูไม่น้อย แก้วตาแม้เป็นผู้ดีเก่าแต่ไม่ได้มีความคิดโบราณคร่ำครึอะไร ด้วยตอนสาว ๆ ก็ไปเรียนถึงเมืองนอก พบเจอรักร่วมเพศมามาก ไม่ได้สนสายตาของใครเลยสักนิด ยิ่งเธอรู้สึกผิดที่เคยทำไม่ดีกับลูกไว้ ไม่ว่าจะทั้งปกเกล้าหรือฉัตรเกล้า เธอก็ยิ่งจะเอาใจ ทดแทนกับเรื่องราวในอดีต กับฉัตรเกล้าที่ถูกวินิจฉัยว่าเป็นชายที่อาจจะท้องได้ก็ทำใจมาตั้งแต่ตอนนั้น หากแต่กับปกเกล้า ผ่านช่วงเวลาที่ลูกคนนี้เกเรมาไม่น้อย อยู่ดี ๆ มีผัวมันก็อดอึ้งไม่ได้ แต่ก็คงดีกว่าถูกจับไปทรมาน คุณหญิงแก้วตายังอยู่ที่บ้านของพี่สาว รั้วบ้านไพศาลภิรมย์รักษ์จึงมีเพียงคุณชายใหญ่และคุณชายเล็กกับคนรักของทั้งสอง แม้คู่ของคุณปกเกล้าจะไม่ค่อยเหมือนคนรักทั่วไปสักเท่าไหร่ก็ตาม สามมื้ออาหารถูกจัดให้สำหรับสี่คนในทุกวัน เวลานั้นทั้งฟ้าครามและศักดิ์แก้ว
หลังฝูงผีร้ายจากไปและน้อมส่งเทพยดาทั้งหมด หันมองรอบกายเห็นบริวารอยู่พร้อมหน้ายกเว้นทมิฬ ร่างสูงจึงได้เรียกให้กลับเข้าที่ ที่ฟ้าครามอัญเชิญเหล่าเทวามาชุมนุมเป็นเพราะต้องการจะปลดปล่อยวิญญาณทั้งหลายให้เดินหน้าเข้าสู่วัฏจักรสงสารที่ควรจะเป็น หาได้อยากทำลายวิญญาณเหล่านั้นจนสิ้น แน่นอนว่าหากไม่ได้คำนึงถึง วิญญาณร้ายเหล่านั้นคงแหลกเป็นจุณคามือฟ้าคราม และที่ชุมนุมเทวดาก็เพราะไม่อาจให้ใครมารบกวนยามเอ่ยคาถาศักดิ์สิทธิ์ เพราะเป็นช่วงเวลาที่โดนแทรกแซงได้ง่าย จึงได้ขอให้เหล่านางฟ้านางสวรรค์ลงมาช่วยอำนวยอวยชัย ปกป้องอารักขา พ่อพยัคฆ์มองหาบริวารอีกตน พลางนึกไปถึงประโยคส่งท้ายของนางสวรรค์นางหนึ่ง ใบหน้าจับจิตจับใจยิ้มละไมหากแต่เนื้อความทำเอาฟ้าครามขมวดคิ้ว ‘หวังว่าจะได้เจอกันอีก ตอนนี้ให้รีบไปเถิด’ “ฉัตร” ไม่รอช้ารีบวิ่งกลับไปที่บ้านใหญ่ทันที เหนื่อยแค่ไหนก็ไม่สนใจตัวเองอีกต่อไป “ฉัตร!” มาถึงก็ตะโกนเรียกเมียเสียงดัง “พี่คราม…” ฝ่ายคนตัวขาวที่ยืนหน้าตื่น หลังได้ยินเสียงคนรักก็รีบวิ่งไปหา หมับ! ฟ้าครามคว้าร่างขาวนวลมากอดแนบอก น้องรู้ว่าเป็นตัวจริงก็กอดตอบแน่นแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ใจหายใจคว่ำ
คืนเดือนแรมเหมาะแก่จะทำพิธีไม่น้อย ฟ้าครามกั้นบริเวณหลังบ้านพักคนงานหญิง สั่งห้ามไม่ให้ใครย่างกรายเข้ามาใกล้เด็ดขาด ก่อนหน้ายืมตัวคนงานชายสองสามคนมันช่วยกันขุดเอาศพที่บัดนี้เหลือแต่กระดูกขึ้นมา โครงกระดูกที่ต่อติดกันบ้างไม่ติดบ้างของคนสองคนจึงวางกองอยู่ตรงหน้า พร้อมสำหรับพิธีในคืนนี้ เสียงบทสวดคาถาแปลกประหลาดดังก้องไปทั่วบริเวณ หากใครมาได้ยินคงมีจิตตกกันไปข้าง ฉัตรเกล้าให้พวกคนงานทั้งหมดไปนอนที่เรือนใหญ่ ส่วนตัวเองก็ไม่ยอมเข้านอน ยืนรอฟ้าครามที่หน้าประตูด้วยใจตุ้มต่อม สวดอยู่ไม่นานโครงกระดูกมนุษย์ก็แปรเปลี่ยน เริ่มมีเนื้อเหี่ยวไม่น่ามอง กลายเป็นสภาพที่โดนทำร้ายจนเสียชีวิต สุดท้ายจึงค่อยกลับมาปกติตอนที่อายุขัยสิ้นสุด ทั้งคู่นั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้า พนมมือตามการสวดคาถาของฟ้าคราม โซ่ตรวนที่ถูกคล้องไว้เริ่มรัดตึงแน่นขึ้นเรื่อย ๆ ยามพ่อพยัคฆ์จะทำลายมันเพื่อปลดปล่อยทั้งคู่ ‘พี่จ้ะ…’ นางหวานที่นั่งคุกเข่าอยู่ทัก ยามฟ้าครามว่าคาถาจนโซ่ตรวนมันตึงแน่น แทบจะดึงเอาวิญญาณของเธอลงกลับหลุม ด้วยรู้ดีอีกว่ามีสิ่งใดที่คอยเฝ้าอยู่ ฟ้าครามเองก็จ้องเขม็งไปยังหลุมที่ว่าตั้งแต่แรกแล้ว ใบบัวเป็นฝ่ายละจาก
คุณหญิงแก้วตาขอพักอยู่กับพี่สาวอีกหน่อยด้วยยังทำใจเรื่องสามีไม่ได้ ปกเกล้าก็หายไปดื้อ ๆ และคาดว่าคงเป็นศักดิ์แก้วที่ลักเอาตัวไปด้วยขัดผลประโยชน์บางอย่างกับชนา คุณหญิงเธอรู้สึกผิดกับลูกชายคนโตจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ ต้องใช้ธรรมะปลอบโยนจิตใจ แถมยังขอร้องอ้อนวอนให้ฟ้าครามพาตัวปกเกล้ากลับมาไม่ว่าจะอยู่ในสภาพไหนก็ตาม เห็นท่าทางผู้เป็นมารดาก็ได้แต่สงสารบวกกับสงสัยเพราะฉัตรเกล้าแทบจะไม่รู้อะไรเลย อะไรที่ว่าปกเกล้ารับผิดแทนคุณพ่อ? คือสาเหตุที่คุณหญิงแก้วตาเกลียดลูกชายของเธอ? หันมองคนข้างกาย ฟ้าครามดูรู้เยอะกว่าเขาเสียอีก “พี่ครามครับ” “ไว้พี่จะบอก ตอนนี้ยังไม่กระจ่างเท่าไหร่นัก” คนนี้ก็รู้ทันรู้ใจไปหมดเสียจริง มาถึงบ้านไพศาลภิรมย์รักษ์ก็ตกดึกเสียแล้ว รถจากวังอรุณศักดิ์กลับออกไปทันทีที่ส่งคนถึงหน้าประตูบ้าน ทั่วบริเวณเงียบฉี่ มีเพียงแสงสว่างจากไปโคมประดับริบหรี่ หากแต่ในบ้านดูจะยังครื้นเครงกันอยู่ ฉัตรเกล้าเดินนำเข้าไป ประตูเปิดอ้าต้อนรับการกลับมาของเจ้าของบ้านตัวจริง คนด้านในชะงัก ฉัตรเกล้าเองก็ชะงัก “นี่มันอะไรกันครับ?” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน ตาสวยหรี่ลงมองภาพตรงหน้าอย่างพิจารณา ก็ภา
ผ่านวันที่ได้ประลองวิชามาเพียงสองราตรี พวกไอ้อินมันล่าถอยไปไม่กล้ามาวุ่นวาย ชาวบ้านก็มีแต่จะสมน้ำหน้าจนต้องไปแอบนอนกระท่อมในป่าในสวน มีคนไม่น้อยมาเสนอให้ฟ้าครามกลับมาเป็นหัวหน้าหมู่บ้านดังเดิม แต่เขาปฏิเสธ นึกไปถึงฉัตรเกล้า ด้วยอายุเท่านี้ยังมีอนาคตรออยู่ ตัวมันที่คิดจะติดตามน้องไปทุกที่คงไม่เอาพันธะใดมาผูกคอไว้ ส่วนฉัตรเกล้าคิดไม่ตก วันนี้คือวันที่รอบเดือนมาวันแรก แม้มันจะมาไม่นานและไม่มาก แต่การนั่งก้นแฉะทั้งวันโดยไม่ให้ฟ้าครามสงสัยเลยก็คงเป็นไปไม่ได้ หากจะบอกก็กลัวผัวรังเกียจ มองว่าแปลกประหลาด โดนทิ้งขว้างขึ้นมาจะทำอย่างไร ร่างบางจึงรั้งรออยู่ในห้องไม่ยอมออกไปด้านนอกเสียที “ทำอะไรอยู่หรือ ฉัตร?” ฟ้าครามรอเมียอยู่นานเห็นน้องไม่ออกมาก็ลุกขึ้นไปรอหน้าประตูห้อง กลิ่นสนิมโชยออกมาปะทะจมูก กลิ่นเข้มข้นกว่าทุกทีจนพ่อเสือหน้าหล่อขมวดคิ้ว ร้อนใจคิดว่าเมียเป็นอะไร “ฉัตร เป็นอะไรหรือเปล่า” ถามออกไปอีกครั้ง มือค้างจับที่กลอนประตูเตรียมบิดเข้าไป “มะไม่ครับ พี่ครามหิวหรอ กินก่อนเลยนะ” เสียงนิ่ม ๆ อ่อนโยนรีบบอกกลับมาจนลิ้นพัน ไม่มีท่าทีจะขยับตัวมาเปิดประตู แกร๊ก “อะ พี่คราม” แน่นอนว่าฟ้าคราม







