LOGINพยัคฆ์ร้ายมากวิชา เลื่องลือโจษจัน เอามาอยู่ใกล้ตัว มันจะยอมเชื่องเก็บเล็บเก็บเขี้ยวจริงหรือ?
View Moreฉัตรเกล้าตั้งครรภ์เข้าสัปดาห์ที่สิบแล้ว ครรภ์อ่อนเกือบสามเดือนนี้ยังไม่ได้ขยายใหญ่โตให้เห็นด้วยตาเนื้อมากนักด้วยเป็นครรภ์แรกและร่างกายผอมบางเป็นทุนเดิม แต่เพราะฉัตรเกล้าเป็นกรณีพิเศษจึงต้องดูแลอย่างใกล้ชิดมาก ในหนึ่งสัปดาห์ต้องเข้าตรวจร่างกายกับลุงหมอคนที่วินิจฉัยให้คุณชายเล็กตั้งแต่เด็กและเพื่อศึกษาเก็บตัวอย่างเอาไว้ด้วยยังมีน้อยนักในสยามประเทศ ฟ้าครามไม่ได้มีท่าทางตกใจหรือแปลกใจด้วยรู้ก่อนแล้ว ถึงจะไม่แน่ใจว่าทำเมียตัวขาวท้องตอนไหน อาจจะเป็นตอนที่ฉุดน้องไปอยู่บ้านกลางป่า ทั้งวันทั้งคืนสมสู่กันไม่ออกไปไหนกระมัง เชื้อคงจะแรงจนกินยาหม้อก็เอาไม่อยู่หรือไร เลือดที่ออกวันนั้นคงเป็นเลือดล้างหน้าเด็กกระมัง ฉัตรเกล้าที่ตัวเล็กจ้อยเมื่อเทียบกับฟ้าครามยามนี้ยิ่งราวตัวเล็กขึ้นไปอีก ก็ไม่คิดว่าตัวเองจะอุ้มท้องลูกของพ่อเสือใหญ่ตั้งเกือบสามเดือนแล้ว นึกไปถึงเหตุการณ์อันตรายก่อนหน้าก็ใจหายแวบ หากเกิดอะไรขึ้นรุนแรงตอนนั้นจนต้องเสียลูกในครรภ์ไป ฉัตรเกล้าคงเสียใจตลอดชีวิต ส่วนที่เคยกังวลว่าฟ้าครามจะไม่ชอบใจหากตนตั้งครรภ์หายเป็นปลิดทิ้งเมื่อคนที่ทำให้ท้องคอยดูแลประคบประหงมไม่ห่างตั้งแต่ก่อนจะรู้ว่าเม
ปกเกล้ายอมกลับมากับฉัตรเกล้าโดยการหิ้วเอาศักดิ์แก้วมาด้วย คิดจะให้มันมาขอขมาแม่ตน ลักไปไม่พอ ยังได้เสียเป็นผัวเมีย ถึงกับเข้าพิธีแต่งงานตามประเพณีบ้านมันอีก คุณหญิงแก้วตารู้ว่าบุตรชายคนโตได้หมอผีเป็นผัว ออกเรือนตามน้องชายไปก็อดจะอึ้งไม่ได้ สุดท้ายไพศาลภิรมย์รักษ์จะไม่มีสะใภ้ให้เชิดชู มันก็น่าอดสูไม่น้อย แก้วตาแม้เป็นผู้ดีเก่าแต่ไม่ได้มีความคิดโบราณคร่ำครึอะไร ด้วยตอนสาว ๆ ก็ไปเรียนถึงเมืองนอก พบเจอรักร่วมเพศมามาก ไม่ได้สนสายตาของใครเลยสักนิด ยิ่งเธอรู้สึกผิดที่เคยทำไม่ดีกับลูกไว้ ไม่ว่าจะทั้งปกเกล้าหรือฉัตรเกล้า เธอก็ยิ่งจะเอาใจ ทดแทนกับเรื่องราวในอดีต กับฉัตรเกล้าที่ถูกวินิจฉัยว่าเป็นชายที่อาจจะท้องได้ก็ทำใจมาตั้งแต่ตอนนั้น หากแต่กับปกเกล้า ผ่านช่วงเวลาที่ลูกคนนี้เกเรมาไม่น้อย อยู่ดี ๆ มีผัวมันก็อดอึ้งไม่ได้ แต่ก็คงดีกว่าถูกจับไปทรมาน คุณหญิงแก้วตายังอยู่ที่บ้านของพี่สาว รั้วบ้านไพศาลภิรมย์รักษ์จึงมีเพียงคุณชายใหญ่และคุณชายเล็กกับคนรักของทั้งสอง แม้คู่ของคุณปกเกล้าจะไม่ค่อยเหมือนคนรักทั่วไปสักเท่าไหร่ก็ตาม สามมื้ออาหารถูกจัดให้สำหรับสี่คนในทุกวัน เวลานั้นทั้งฟ้าครามและศักดิ์แก้ว
หลังฝูงผีร้ายจากไปและน้อมส่งเทพยดาทั้งหมด หันมองรอบกายเห็นบริวารอยู่พร้อมหน้ายกเว้นทมิฬ ร่างสูงจึงได้เรียกให้กลับเข้าที่ ที่ฟ้าครามอัญเชิญเหล่าเทวามาชุมนุมเป็นเพราะต้องการจะปลดปล่อยวิญญาณทั้งหลายให้เดินหน้าเข้าสู่วัฏจักรสงสารที่ควรจะเป็น หาได้อยากทำลายวิญญาณเหล่านั้นจนสิ้น แน่นอนว่าหากไม่ได้คำนึงถึง วิญญาณร้ายเหล่านั้นคงแหลกเป็นจุณคามือฟ้าคราม และที่ชุมนุมเทวดาก็เพราะไม่อาจให้ใครมารบกวนยามเอ่ยคาถาศักดิ์สิทธิ์ เพราะเป็นช่วงเวลาที่โดนแทรกแซงได้ง่าย จึงได้ขอให้เหล่านางฟ้านางสวรรค์ลงมาช่วยอำนวยอวยชัย ปกป้องอารักขา พ่อพยัคฆ์มองหาบริวารอีกตน พลางนึกไปถึงประโยคส่งท้ายของนางสวรรค์นางหนึ่ง ใบหน้าจับจิตจับใจยิ้มละไมหากแต่เนื้อความทำเอาฟ้าครามขมวดคิ้ว ‘หวังว่าจะได้เจอกันอีก ตอนนี้ให้รีบไปเถิด’ “ฉัตร” ไม่รอช้ารีบวิ่งกลับไปที่บ้านใหญ่ทันที เหนื่อยแค่ไหนก็ไม่สนใจตัวเองอีกต่อไป “ฉัตร!” มาถึงก็ตะโกนเรียกเมียเสียงดัง “พี่คราม…” ฝ่ายคนตัวขาวที่ยืนหน้าตื่น หลังได้ยินเสียงคนรักก็รีบวิ่งไปหา หมับ! ฟ้าครามคว้าร่างขาวนวลมากอดแนบอก น้องรู้ว่าเป็นตัวจริงก็กอดตอบแน่นแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ใจหายใจคว่ำ
คืนเดือนแรมเหมาะแก่จะทำพิธีไม่น้อย ฟ้าครามกั้นบริเวณหลังบ้านพักคนงานหญิง สั่งห้ามไม่ให้ใครย่างกรายเข้ามาใกล้เด็ดขาด ก่อนหน้ายืมตัวคนงานชายสองสามคนมันช่วยกันขุดเอาศพที่บัดนี้เหลือแต่กระดูกขึ้นมา โครงกระดูกที่ต่อติดกันบ้างไม่ติดบ้างของคนสองคนจึงวางกองอยู่ตรงหน้า พร้อมสำหรับพิธีในคืนนี้ เสียงบทสวดคาถาแปลกประหลาดดังก้องไปทั่วบริเวณ หากใครมาได้ยินคงมีจิตตกกันไปข้าง ฉัตรเกล้าให้พวกคนงานทั้งหมดไปนอนที่เรือนใหญ่ ส่วนตัวเองก็ไม่ยอมเข้านอน ยืนรอฟ้าครามที่หน้าประตูด้วยใจตุ้มต่อม สวดอยู่ไม่นานโครงกระดูกมนุษย์ก็แปรเปลี่ยน เริ่มมีเนื้อเหี่ยวไม่น่ามอง กลายเป็นสภาพที่โดนทำร้ายจนเสียชีวิต สุดท้ายจึงค่อยกลับมาปกติตอนที่อายุขัยสิ้นสุด ทั้งคู่นั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้า พนมมือตามการสวดคาถาของฟ้าคราม โซ่ตรวนที่ถูกคล้องไว้เริ่มรัดตึงแน่นขึ้นเรื่อย ๆ ยามพ่อพยัคฆ์จะทำลายมันเพื่อปลดปล่อยทั้งคู่ ‘พี่จ้ะ…’ นางหวานที่นั่งคุกเข่าอยู่ทัก ยามฟ้าครามว่าคาถาจนโซ่ตรวนมันตึงแน่น แทบจะดึงเอาวิญญาณของเธอลงกลับหลุม ด้วยรู้ดีอีกว่ามีสิ่งใดที่คอยเฝ้าอยู่ ฟ้าครามเองก็จ้องเขม็งไปยังหลุมที่ว่าตั้งแต่แรกแล้ว ใบบัวเป็นฝ่ายละจาก
คุณหญิงแก้วตาขอพักอยู่กับพี่สาวอีกหน่อยด้วยยังทำใจเรื่องสามีไม่ได้ ปกเกล้าก็หายไปดื้อ ๆ และคาดว่าคงเป็นศักดิ์แก้วที่ลักเอาตัวไปด้วยขัดผลประโยชน์บางอย่างกับชนา คุณหญิงเธอรู้สึกผิดกับลูกชายคนโตจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ ต้องใช้ธรรมะปลอบโยนจิตใจ แถมยังขอร้องอ้อนวอนให้ฟ้าครามพาตัวปกเกล้ากลับมาไม่ว่าจะอยู่ในสภาพไหนก็ตาม เห็นท่าทางผู้เป็นมารดาก็ได้แต่สงสารบวกกับสงสัยเพราะฉัตรเกล้าแทบจะไม่รู้อะไรเลย อะไรที่ว่าปกเกล้ารับผิดแทนคุณพ่อ? คือสาเหตุที่คุณหญิงแก้วตาเกลียดลูกชายของเธอ? หันมองคนข้างกาย ฟ้าครามดูรู้เยอะกว่าเขาเสียอีก “พี่ครามครับ” “ไว้พี่จะบอก ตอนนี้ยังไม่กระจ่างเท่าไหร่นัก” คนนี้ก็รู้ทันรู้ใจไปหมดเสียจริง มาถึงบ้านไพศาลภิรมย์รักษ์ก็ตกดึกเสียแล้ว รถจากวังอรุณศักดิ์กลับออกไปทันทีที่ส่งคนถึงหน้าประตูบ้าน ทั่วบริเวณเงียบฉี่ มีเพียงแสงสว่างจากไปโคมประดับริบหรี่ หากแต่ในบ้านดูจะยังครื้นเครงกันอยู่ ฉัตรเกล้าเดินนำเข้าไป ประตูเปิดอ้าต้อนรับการกลับมาของเจ้าของบ้านตัวจริง คนด้านในชะงัก ฉัตรเกล้าเองก็ชะงัก “นี่มันอะไรกันครับ?” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน ตาสวยหรี่ลงมองภาพตรงหน้าอย่างพิจารณา ก็ภา
ผ่านวันที่ได้ประลองวิชามาเพียงสองราตรี พวกไอ้อินมันล่าถอยไปไม่กล้ามาวุ่นวาย ชาวบ้านก็มีแต่จะสมน้ำหน้าจนต้องไปแอบนอนกระท่อมในป่าในสวน มีคนไม่น้อยมาเสนอให้ฟ้าครามกลับมาเป็นหัวหน้าหมู่บ้านดังเดิม แต่เขาปฏิเสธ นึกไปถึงฉัตรเกล้า ด้วยอายุเท่านี้ยังมีอนาคตรออยู่ ตัวมันที่คิดจะติดตามน้องไปทุกที่คงไม่เอาพันธะใดมาผูกคอไว้ ส่วนฉัตรเกล้าคิดไม่ตก วันนี้คือวันที่รอบเดือนมาวันแรก แม้มันจะมาไม่นานและไม่มาก แต่การนั่งก้นแฉะทั้งวันโดยไม่ให้ฟ้าครามสงสัยเลยก็คงเป็นไปไม่ได้ หากจะบอกก็กลัวผัวรังเกียจ มองว่าแปลกประหลาด โดนทิ้งขว้างขึ้นมาจะทำอย่างไร ร่างบางจึงรั้งรออยู่ในห้องไม่ยอมออกไปด้านนอกเสียที “ทำอะไรอยู่หรือ ฉัตร?” ฟ้าครามรอเมียอยู่นานเห็นน้องไม่ออกมาก็ลุกขึ้นไปรอหน้าประตูห้อง กลิ่นสนิมโชยออกมาปะทะจมูก กลิ่นเข้มข้นกว่าทุกทีจนพ่อเสือหน้าหล่อขมวดคิ้ว ร้อนใจคิดว่าเมียเป็นอะไร “ฉัตร เป็นอะไรหรือเปล่า” ถามออกไปอีกครั้ง มือค้างจับที่กลอนประตูเตรียมบิดเข้าไป “มะไม่ครับ พี่ครามหิวหรอ กินก่อนเลยนะ” เสียงนิ่ม ๆ อ่อนโยนรีบบอกกลับมาจนลิ้นพัน ไม่มีท่าทีจะขยับตัวมาเปิดประตู แกร๊ก “อะ พี่คราม” แน่นอนว่าฟ้าคราม
Comments