Share

บทที่ 28

last update Last Updated: 2025-02-19 09:28:45

“ปักลายผ้าหรือเจ้าคะ”

“ใช่แล้ว ข้าเห็นฝีมือการตัดเย็บของพวกท่านแล้ว ขอเดาว่าพวกท่านก็น่าจะปักลายผ้าเป็น กันด้วยใช่หรือไม่”

“เจ้าค่ะ พวกเราล้วนปักลายผ้ากันเป็นทุกคน แต่ว่าลวดลายที่พวกเราปักได้ มิได้ประณีตและงดงาม เหมือนอย่างลายผ้าบนชุดของท่านหรอกเจ้าค่ะ”

“เหตุใดท่านจึงพูดเช่นนั้น ข้าเคยเห็นสตรีที่ด้านนอกนั่นหลายคน ก็สวมใส่ชุดที่มีลายปักผ้า เหมือนอย่างข้ามิใช่หรือ”

“มิผิดเจ้าค่ะ เพียงแต่ลวดลายผ้าที่สตรีเหล่านั้นสวมใส่ ล้วนแล้วแต่เป็นผ้าที่นำเข้ามาจากแคว้นข้างเคียง และแคว้นอื่นที่อยู่ห่างออกไปเจ้าค่ะ”

“จริงหรือ”

“จริงเจ้าค่ะ เพราะเดิมทีที่แดนตะวันออก แห่งแคว้นฟู่ของพวกเรา…”

มีเขตที่ตั้งอยู่ระหว่างเขตติดต่อ ระหว่างแคว้นหลายแคว้น ที่กำลังอยู่ในช่วง รวบรวมแคว้นของตนเองอยู่ จึงทำให้ในหลายครั้งที่แคว้นฟู่ ต้องรับมือลูกหลงจากสงครามระหว่างแคว้นเหล่านั้น พร้อมยังต้องรับมือกับแคว้น ที่ต้องการจะยึดเอาเขตแดนในแคว้นฟู่ ที่อยู่ติดกับเขตแคว้นตนเองไปครอบครอง 

ทำให้ในหลายสิบปีที่ผ่านมานี้ ชาวบ้านที่แดนตะวันออกส่วนใหญ่ จึงไม่ได้มีเวลาสนใจเรื่องอื่น นอกเหนือจากการสู้รบและป้องกันภัยจากศัตรู หญิงสาวในแคว้น จึงไม่ได้พิถีพิถันกับงานของสตรี เป็นเหตุให้เครื่องนุ่งห่ม ของชาวบ้านแดนตะวันออกนี้ ไม่ได้หรูหราและเต็มไปด้วยลายปักผ้า แต่จะเป็นในรูปแบบที่สวมใส่ได้ทนทานเสียมากกว่า ส่วนลายผ้าที่สตรีชนชั้นสูงสวมใส่นั้น ล้วนแล้วแต่ซื้อ และใช้บริการจากร้านที่แคว้นอื่นทั้งสิ้น

หญิงสาวที่ฉือฟางอินเห็นว่าสวมใส่ชุดผ้าไหมปักลายสวยงาม ก็คงจะเป็นหญิงสาวชนชั้นสกุลขุนนาง ที่ได้ซื้อผ้าไหมสวยงามเหล่านั้นมาตัดเย็บชุดเพื่อสวมใส่ พวกนางที่อาศัยอยู่ที่นี่ ก็เป็นเพียงผู้ที่หันหลังให้ชีวิตในอดีตไปแล้ว เครื่องนุ่งห่มสวยงามพวกนั้น จึงไม่ได้มีความจำเป็นในชีวิตของพวกนางอีกแล้ว

“แต่ถึงอย่างนั้น ข้าก็ยังเสียดายฝีมือของพวกท่านอยู่ดี หากพวกท่านไม่รังเกียจ ให้ข้าเป็นคนสอนพวกท่าน ปักลายผ้าที่ข้าเรียนรู้ติดตัวมาได้หรือไม่”

หญิงชาวบ้านที่นั่งด้วยกันตรงนั้น ต่างก็ตาลุกวาวหันหน้ามองกันด้วยความตื่นเต้น ที่ได้ยินฉือฟางอินกล่าวว่าจะสอนปักลายบนผ้า นั่นก็เพราะพวกนางทุกคน ต่างจำได้ดีถึงในวันที่ได้พบกับฮูหยินฉือฟางอินเป็นครั้งแรก นอกจากหน้าตาผิวพรรณที่งดงาม แตกต่างไปจากคนแคว้นฟู่ จนยากที่จะหาผู้ใดเหมือนแล้วของฮูหยินแล้ว

สีสันและลวดลายบนชุดที่นางอินสวมใส่ ก็ช่างงดงามเพิ่มทวีให้ความงามของนางมากขึ้นไปอีก ถึงแม้จะชีวิตนี้จะตัดใจหันหลังให้ชีวิตในอดีตไปแล้ว แต่ภายในใจลึกๆ ของพวกนางนั้น ก็ยากที่จะห้ามใจไม่ให้นิยมชมชอบของสวยงามไปได้ หญิงสาวชาวบ้านทั้งหลาย จึงได้พากันตอบรับข้อเสนอของฉือฟางอิน ด้วยท่าทางกระตือรือร้น อย่างเก็บอารมณ์ความตื่นเต้นเอาไว้ไม่อยู่

“ไม่รังเกียจเลยเจ้าค่ะฮูหยิน!”

“ใช่เจ้าค่ะ จะให้พวกเรารังเกียจวิชาล้ำค่าเช่นนั้นได้อย่างไรเจ้าคะ”

“จริงเจ้าค่ะข้าเห็นด้วย พวกข้ายินดีที่จะเรียนรู้ ลายปักผ้าจากท่านเจ้าค่ะ!”

“ดี! เช่นนั้น พวกท่านพอจะมีสะดึงอันใหญ่บ้างหรือไม่”

“มีๆ ที่บ้านของข้า มีอยู่สามอัน” เป็นแม่เฒ่าลี่ที่กล่าวขึ้นมา

“ข้าวานพวกเจ้าพาข้ากลับเรือน แล้วไปช่วยกันยกสะดึงมาให้ฮูหยินน้อยทีนะ อ่อ แล้วก็ช่วยกันตามไปกันอีกสักสี่ห้าคนนะ ข้าจะวานให้ยกเปลหลังน้อย มาให้คุณชายน้อยให้ได้นอนเล่น”

“ขอบคุณมากเจ้าค่ะท่านแม่เฒ่า แล้วก็ขอบใจคุณไปถึงเปลโยกที่เรือนข้าด้วยเจ้าค่ะ ของสิ่งนั้นอำนวยความสะดวกให้ข้าได้มากทีเดียวเจ้าค่ะ”

“ดีๆ แค่มันช่วยอำนวยความสะดวกให้เจ้าได้ ก็ดีแล้ว”

แม่เฒ่าลี่กล่าวก่อนที่จะเดินไปยังเรือนของนาง เพื่อที่จะบอกที่เก็บสะดึงปักลายผ้า และเปลสำหรับเด็กทารกที่แม่เฒ่าลี่ยังคงเก็บรักษาไว้อย่างดี

“ท่านป้าซีหลัน ที่เรือนของท่านแม่เฒ่า คงจะมีแต่ของที่มีประโยชน์ เก็บเอาไว้มากมายเลยใช่หรือไม่”

“ใช่เจ้าค่ะ เพราะสกุลลี่ของท่านแม่เฒ่า เป็นสกุลที่สืบทอดการเป็นแม่นมในวังหลวงและจวนขุนนาง นางจึงเป็นคนเดียวหมู่บ้านที่มีวิชาการเลี้ยงเด็ก และงานประณีตที่เรียนรู้มาจากในวังเจ้าค่ะ”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ในหัวของฉือฟางอินก็เหมือนจะความคิดบางอย่างผุดขึ้นมา แม้จะยังไม่มั่นใจว่าความคิดนั้น จะเป็นไปได้หรือไม่ก็ตาม นางจึงคิดว่าตนเองควรจะไปเยี่ยมเยียนแม่เฒ่าลี่ ถึงเรือนบ่อยๆ ในระหว่างที่อาศัยอยู่ที่นี่ หญิงชาวบ้านสี่ห้าคน กลับมาพร้อมกับสะดึงปักผ้า และเปลเด็กอีกหนึ่งหลัง ที่มีพวงใบไม้ที่สารเป็นปลาตัวเล็ก แขวนอยู่ด้านบน ฉือฟางอินจึงอุ้มเฉียนเอ๋อร์ ที่กำลังง่วงเต็มทีวางลงในเปล กล่อมให้เจ้าก้อนหมั่นโถว ได้นอนหลับสนิทอย่างสบายใจ เมื่อเห็นว่าบุตรชายหลับสนิทแล้ว นางจึงได้หันมาสอนหญิงสาวชาวบ้านปักผ้า

“พวกท่านพอจะปักลายดอกไม้เป็นกันหรือไม่”

“ได้ลายดอกบัวเจ้าดอกใหญ่ ที่รายละเอียดไม่นักมากเจ้าค่ะ”

“เท่านั้นก็ถือว่าพวกท่านมีพื้นฐานกันมากแล้ว เช่นนั้น วันนี้ข้าจะสอนพวกท่านปักเพิ่มรายละเอียดของดอกบัวดอกใหญ่ และเพิ่มความสวยงามจากดอกบัวดอกเล็ก ทั้งตูมและบานอยู่รอบๆ แล้วกัน มาเถิด ข้าจะสอนพวกท่านเอง”

เนื่องด้วยผ้าที่ใช้ด้ายปักลงไปเป็นผ้าที่อ่อน ฉือฟางอินจึงเลือกด้ายสีชมพู ที่โดนจากสีของผ้าไปสองระดับ ในการปักลายดอกบัวครั้งนี้ จากนั้นก็ลงมือปักผ้าไปทีละขั้นตอนอย่างใจเย็น แต่กระนั้นก็ดูคล่องแคล่วเสียจนคนที่ตั้งใจดูอยู่ อดที่จะชื่นชมออกมาไม่ได้ ฉือฟางอินที่ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกขันเขินไม่น้อย

แต่จะยกความดีความชอบ ให้กับนางเพียงคนเดียว เห็นทีคงไม่ได้ ผู้ที่ต้องได้รับคำชมนี้ จะต้องท่านย่ากับท่านแม่รวมอยู่ด้วย เพราะท่านย่าเป็นผู้ที่สอนวิชาการปักผ้า ที่ได้มาจากการถวายงามในวังหลัง ให้กับท่านแม่ที่เป็นสะใภ้ใหญ่ด้วยตัวเอง เมื่อมาถึงรุ่นลูกและหลานเช่นนาง ทั้งสองคนจึงถ่ายทอดความรู้นี้มาให้ เมื่อฉือฟางอินได้ซึมซับรู้เรื่องการปักผ้า มาอย่างครบถ้วนแล้ว นางก็ไม่เคยต้องให้ผู้ใด ตัดชุดให้นางสวมใส่อีกเลย แม้กระทั้งชุดในวันเข้าพิธีแต่งงานกับฉือหย่งหลิง ชุดบ่าวสาวที่ใครต่างก็ชื่นชมในความงดงามนั้น ก็ล้วนแล้วแต่เป็นฝีมือตัดเย็บและการปักลวดลายของนางเอง

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทส่งท้าย

    “นี่พวกเราไม่ได้จะกลับบ้านกันหรอกหรือเจ้าคะ”ฉือฟางอินเอ่ยถามขึ้นมา เพราะเห็นว่าที่ที่ฉือหย่งหลิงพาตัวนางกับเฉียนเอ๋อร์มานั้น คือท่าเรือแคว้นหลูแทนที่มุ่งหน้า เดินกลับจวนสกุลฉือตามกำหนดการ ฉือหย่งหลิงไม่ได้อธิบายในทันที แต่กลับเดินนำหน้านางไปที่เรือลำหนึ่ง ที่ตกแต่งไปด้วยผ้าสีแดงสวยงาม ราวกับมีงานมงคลอยู่บนเรือลำนั้น แล้วหันมายื่นมือรอให้นางเดินเข้าไป เพื่อที่ได้พยุงนางกับลูกขึ้นเรือ“นี่อย่างไร จะพากำลังจะพาเจ้ากลับบ้าน”ความแปลกใจของฉือฟางอินยิ่งทวีขึ้น เมื่อเดินเข้ามาด้านในเรือแล้วพบว่า ด้านในของเรือลำนี้ได้ถูกจำลอง ให้เหมือนกับงานพิธีสมรสอย่างไรอย่างนั้น“นี่มันอะไรกันเจ้าคะ ทำในนี้ถึงได้...”“ฮูหยิน เมื่อสามปีก่อนที่เราแต่งงานกัน เป็นข้าที่ปฏิบัติกับเจ้าไม่ดี ไม่ให้เกียรติ์เจ้าในฐานะภรรยา แม้แต่เกี้ยวเจ้าสาวดีดี ก็ไม่ได้หาให้เจ้า ในวันนี้ที่ข้าสำนึกผิดแล้ว จึงอยากจะขอแก้ตัวกับเจ้าใหม่ ฮูหยิน ได้โปรดแต่งงานกับข้าอีกครั้งได้หรือไม่ ครั้งนี้ข้าสัญญาด้วยชีวิต ว่าเจ้าจะไม่เสียใจที่ได้แต่งงานกับคนอย่างข้าอีก เหมือนเมื่อสามปีที่แล้วอย่างแน่นอน

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 63

    “ด้วยนิสัยเดิมของบุตรชายข้าคนนี้ ที่นอกจะไม่เอาไหนแล้ว เขามักจะชอบลักเล็กขโมยน้อย สิ่งของคนที่เขาเคยได้สนทนาด้วยเสมอพะย่ะค่ะ”พรึ่บชวี่ซุนเหลียนขาอ่อนล้มพับลงไปนั่งกับทันที เมื่อนางเห็นพู่ตราสัญลักษณ์สกุลรุ่ย ประจำตัวของนางอยู่ในมือของฮ่องเต้ พู่ตราสัญลักษณ์นี้ เป็นสิ่งที่ติดตัวนางมาตั้งแต่เด็ก ด้วยความผูกพันกับของสิ่งนี้ ทำให้แม้จะเข้ามาเป็นอนุภรรยาในสกุลชวี่แล้ว นางก็ยังคงห้อยพู่ตราสัญลักษณ์สกุลรุ่ย ไว้กับตัวอยู่ตลอดเวลา ชวี่ซุนเหลียนไม่รู้ว่าตัวเองทำมันหล่นหายไปตอนไหนจนเข้าใจไปว่านางอาจจะทำพู่นั่น ตอนที่ไปอารามหวั่งสุ่ยกับจินหู่อดีตสาวใช้ ที่ถูกนางผลักตกเขาไปเมื่อสามปีก่อน เพราะจินหู่เป็นคนเดียวที่อยู่กับนาง ทั้งตอนวางแผนและตอนที่นางไปพบกับหลี่หมิงด้วยตัวเอง ชวี่ซุนเหลียนจึงจำต้องกำจัดนาง ตามคำสั่งของกู้ชินอ๋อง เพราะไม่อยากเกิดปัญหาตามมาในอนาคต หลังจากผ่านคืนนั้นไปไม่นาน ขณะที่ชวี่เจียงโหลวนำทัพไปทำสงคราม ชวี่ซุนเหลียนจึงออกอุบายกับจินหู่ ว่าตัวนางนั้นอยากจะไปสงบจิตใจ จากเรื่องที่พึ่งผ่านพ้นไป ด้วยการไปไหว้พระที่อารามหวั่งสุ่ยและต้องการไ

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 62

    เกิดเสียงฮือฮาไปทั่วทุกสารทิศ ว่าเหตุใดชวี่เจียงโหลวถึงได้มาขออย่าขาดกับชวี่ซุนเหลียน ต่อหน้าธารกำนัลในวันสำคัญเช่นนี้ แม้แต่กู้ชินอ๋องเองก็ต้องถึงกับลุกขึ้นจากที่นั่ง เพราะไม่ได้คาดคิดถึงการกระทำเช่นนี้ ของชวี่เจียงโหลวมาก่อน“ท่านพี่ นี่มันอะไรกันเจ้าคะ”“นั่นสิแม่ทัพชวี่ วันดีๆ แบบนี้ เหตุใดเจ้าถึงขออย่ากับนางต่อหน้าข้าและคนอื่นๆ”“นั่นก็เพราะว่าข้า มิอาจอยู่ร่วมชายคา กับสตรีชั่วช้าคนนี้ได้อีกต่อไปแล้วพะย่ะค่ะ”“เจ้าหมายความว่าอย่างไรกัน”“พระองค์คงจะไม่รู้ว่าเมื่อสามปีที่แล้ว มีสิ่งใดเกิดขึ้นในจวนของกระหม่อมบ้าง”ทันทีที่ได้ยินชวี่เจียงโหลวกล่าวเช่นนั้น กู้ชินอ๋องและชวี่ซุนเหลียนต่างก็ตาเบิกกว้าง พร้อมกับหันหน้ามาสบตากัน เรื่องเมื่อสามปีที่แล้วจะเป็นเรื่องใดได้อีก หากไม่ใช่เรื่องที่ชวี่ซุนเหลียนวางแผน แย่งคู่หมั้นของฉือฟางอินมาให้บุตรสาว และหมายจะให้คนงานหอนางโลม เข้ามาทำมิดีร้ายกับฉือฟางอินถึงในเรือนของนาง“กระหม่อมสู้อดทน สืบหาเบาะแสผู้ที่อยู่เบื้องหลังมาตลอด จนได

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 61

    “แล้วเขาให้ความร่วมมือหรือไม่ขอรับ”“ย่อมต้องเป็นอย่างนั้น”หลังจากที่รู้ให้คนพาตัวหลี่เฉินมาที่ค่ายทหาร ชวี่เจียงโหลวแสดงตนต่อหน้าเขา พร้อมทั้งบอกให้เขาได้รู้ว่า คุณหนูที่สตรีชนชั้นสูงนิรนามคนนั้น จ้างวานให้เขามาทำมิดีมิร้ายคือบุตรสาวของตน เท่านั้นก็ทำให้ลี่เฉินตัวสั่นเป็นเจ้าเข้า เพราะความโง่เขลา“ท่านแม่ทัพชวี่ เรื่องนี้ ข ข้าไม่เกี่ยวนะขอรับ ป เป็น เป็นบุตรชายของข้า ที่แอบรับงานนั้นด้วยตัวเอง ข้าไม่เกี่ยวนะขอรับ”“คนตายไปแล้วจะพูดอะไรได้ หากเจ้าบอกว่าเจ้าไม่เกี่ยวกับข้องเรื่องนี้ แต่ทันทีที่พบของพวกนี้ เจ้ากลับจะนำไปทำลาย นี่หรือที่เจ้าบอกว่าไม่เกี่ยวข้อง”“ม ไม่ใช่ ไม่ใช่อย่างนั้นขอรับท่านแม่ทัพ ที่ข้าคิดจะเอาของพวกนี้ไปทิ้ง ก็เพราะว่าข้ากลัวข้า กับคนในครอบครัวที่เหลือที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ต้องโดนหางเลขไปด้วยขอรับ”“งั้นก็แสดงว่าเจ้ารู้แล้วอย่านั้นหรือ ว่าของสองอย่างนี้เป็นของใคร”“ยังไม่ทราบแน่ชัดขอรับ แต่คนผู้นั้นน่าจะมีความเกี่ยวข้องกับสกุล

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 60

    “อื้อ แอ้! คิกๆ”“ฮ่าๆ เฉียนเอ๋อร์ ขาเจ้าเล็กแค่นี้ แต่พละกำลังมากเหลือเกิน แม่เจ้าคงเลี้ยงเจ้ามาอย่างดีเลยสินะ”ชวี่เจียงโหลวกล่าวอย่างอารมณ์ดี ขณะที่กำลังให้หลานชาย ใช้ขาอวบทั้งสองข้าง ยันหน้าขากระโดดเด้งขึ้นเด้งลง ส่งเสียหัวเราะคิกคักด้วยความสนุกสนาน โดยมีฉือฟางอินและฉือหย่งหลิง นั่งอยู่ใกล้ๆ คอยมองสองตาหลาน เล่นด้วยกันด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม หลังจากทานมื้อค่ำด้วยกันแล้ว ชวี่เจียงโหลวได้ชักชวนบุตรสาวและบุตรเขย มานั่งพูดคุยถามสารทุกข์ตลอดหลายปีที่ไม่ได้พบหน้ากัน ซึ่งแน่นอนว่าการพูดคุยในครั้งนี้นั้น ไม่มีอนุเหลียนตามมาด้วย“เฉียนเอ๋อร์ เจ้าเล่นเบาๆ หน่อยเถิด เดี๋ยวท่านตาของเจ้าจะเจ็บเอาได้”“ไม่เป็นไรๆ ปล่อยให้เขาได้เล่นตามใจเถิด แรงเพียงเท่านี้ จะทำข้ากับได้อย่างไร เฉียนเอ๋อร์เจ้าเหนื่อยหรือยัง ให้ตาจับเจ้าโยนเล่นบนอากาศดีหรือไม่”“อื้อ แอ๊!”แม้จะพบหน้ากันเป็นวันแรก แต่สองตาหลานก็ดูจะเข้ากันดีจนคนเป็นแม่อย่างฉือฟางอินอดที่จะแปลกใจไม่ได้ เพราะที่ผ่านมา เฉียนเอ๋อร์ไม่ค่อยได้พบเจอคนอื่

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 59

    “เชิญพวกเจ้าพักผ่อนกันให้หายเหนื่อยเถิด ขาดเหลืออะไรก็บอกคนรับใช้ เดี๋ยวสักครู่ข้าจะต้องเข้าวังไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้คงไม่ได้อยู่ถามสารทุกข์สุขดิบของพวกเจ้า เอาไว้พบกันตอนค่ำก็แล้วกัน”“เจ้าค่ะท่านพ่อ ท่านไปเตรียมตัวเถิดเจ้าค่ะ ไม่ต้องห่วงทางนี้”หลังจากที่พาบุตรสาวและบุตรเขย มาส่งยังเรือนเก่าของฉือฟางอิน ที่ชวี่เจียงโหลวยังคงให้คนรับใช้เข้ามาทำความสะอาดทุกวัน เหมือนเมื่อครั้งที่บุตรสาวอาศัยอยู่ที่นี่ เจ้าตัวก็ต้องรีบเดินทางไปยังวังหลวงเพื่อส่งรายงาน สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างการทำศึกรวบรวมดินแดน ที่ชวี่เจียงโหลวเป็นผู้นำทัพ และสามารถคว้าชัยชนะมาได้เมื่อหลายเดือนก่อนด้านฉือฟางอินที่พึ่งจะตกปากรับคำที่บิดาไป แต่นางกลับมีความคิดจะออกไปข้างนอก แทนที่จะพักผ่อนตามที่บิดาบอก เหตุเห็นว่าไหนๆ ตนเองก็เดินทางมาถึงจวนสกุลชวี่ เร็วกว่าเวลาที่คำนวณเอาไว้มาก ประกอบกับที่นางไม่ได้รู้สึกเหนื่อยล้า จากการเดินทางที่ผ่านมาเลยสักนิด นางจึงอยากจะเดินทางไปเยี่ยมชมกิจการเลี้ยงหม่อน ที่เคยวางแผนว่าจะไปที่นั่นใน หลังจากผ่านไปแล้วสองถึงสามวัน หลังจากที่ถึงจวนสกุลชวี

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status