เจ้าจันทร์ชะงักไป นางกอดร่างตนเอง ในยามค่ำคืนมืดมิดโพล้เพล้เช่นนี้ นางมีอัตลักษณ์บุปผาคลั่งที่ดึงดูดปีศาจเข้ามาใกล้อยู่แล้ว ยิ่งนางอัปสรตรงหน้าต้องการบุตรในครรภ์ ย่อมแสดงว่านางอาจเป็นปีศาจที่ต้องการทารก
คิดได้กระนั้นเจ้าจันทร์ก็คลี่ยิ้มอ่อน นั่นคือความต้องการของนางมาตั้งแต่แรก
“อยากได้พวกมันนักหรือ มาเอาไปเลยสิ มาเอาไป เรามิต้องการเด็กในครรภ์นี้อยู่แล้ว”
“...”
“เอาพวกมันไปกิน ไปฆ่าเสียได้ยิ่งดี!” นางยินดีเหลือเกินหากเอาไอ้ก้อนเนื้อน่ารังเกียจนี่ออกไปได้ นางมิได้รักอสูร แลนางมิได้รู้สึกปรีดากับทารกที่กำลังจะเกิด อันเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของกษัตริย์ยักษ์ผู้ต่ำช้าเช่นเขา
กรรณิกาอัปสรชะงักงันไปกับสิ่งที่เพิ่งได้รับรู้ ไฉนนางถึงพูดราวกับสิ้นเยื่อสิ้นใยต่อกษัตริย์ยักษ์ผู้นั้นกัน
“ข้ามิเข้าใจ มิใช่ว่าพระสุวรรณราพณ์กับท่านรักกันหรอกหรือ?” เมื่อเห็นว่านางแสนรังเกียจเดียดฉันท์ทารกที่อยู่ในครรภ์เสียเหลือเกิน อัปสรผู้หลงทางอยู่ในวังวนแห่งความรักแลโชคชะตาโพล่งถามขึ้นมาอย่างถือวิสาสะ “ท่านเป็นนางในดวงใจของเขา แลเขาผู้นั้นคลั่งไคล้ท่านเหลือเกิน”
“ไอ้กษัตริย์ยักษ์นั่นมันย่ำยีชำเราข้า จักให้ไปหลงรักอสู