“หึ เพียงแค่นี้พวกเจ้ายังหวาดกลัวจนเสียขวัญ แล้วต่อไปจะคุ้มครองนายหญิงได้อย่างไร” มันเอ่ยเสียงเย็นออกมาอย่างเหยียดหยามเยี่ยนอิงได้แต่ส่ายหัว มันคิดว่ามันเป็นแมวหรืออย่างไร มีผู้ใดบ้างที่ไม่กลัวเสือ อีกทั้งเสือที่พูดได้ แล้วยังตัวใหญ่กว่าเสือที่นางเคยพบเจอมาเสียด้วย“ต่อไปนี้ พวกเจ้าต้องมาฝึกวรยุทธ์กับข้าทุกวัน ต้องตื่นยามอิ๋น (03.00-04.59 น.) เข้าใจหรือไม่” มันกดเสียงต่ำอย่างข่มขู่“ขะ เข้าใจขอรับ” เสี่ยวชีเอ่ยเสียงสั่นด้วยความกลัวใบหน้าของเสี่ยวไป๋ที่กำลังแยกเขี้ยวขาว อยู่ห่างจากหน้าของเสี่ยวชีเพียงไม่กี่ชุ่น ต่อให้คนใจกล้าแค่ไหน ก็ต้องกลัวจนฉี่แทบราดอยู่ดี“พอแล้วเสี่ยวไป๋ พวกเจ้าไปพักก่อนเถิด ยังต้องตื่นยามอิ๋นมาฝึกวรยุทธ์อีก หากมาสายระวังเสี่ยวไป๋จะเข้าไปกัดคอพวกเจ้าถึงในเรือน” เยี่ยนอิงเอ่ยข่มขู่อย่างขบขัน ก่อนจะลุกกลับไปที่เรือนของตนเองโดยมีซานเซินแล้วเสี่ยวไป๋เดินตามหลังนางไปด้วย กว่าคนทั้งห้าจะเรียกสติกลับมาได้ ก็กินเวลาอยู่หลายอึดใจ ต่างก็รีบร้อนกลับไปเข้าที่พักของตนอย่างรวดเร็วกลัวว่าหากรั้งอยู่นานกว่านี้ เสี่ยวไป๋คงได้กินพวกเขาทั้งห้าเป็นของหวานหลังอาหารมื้อเย็นเป็นแน่
ในเมื่อหมดเรื่องที่จะสนทนาแล้ว หลิวเพ่ยหมินจำต้องเดินทางกลับไปที่จวนของเขา พร้อมกับโสมพันปีในมือสองหัวเยี่ยนอิงเมื่อส่งหลิวเพ่ยหมินกลับไปแล้ว นางก็เรียกป้าเหลียนมาสั่งความเรื่องให้นางทำอาหารมากเสียหน่อย“ป้าเหลียนวันนี้ทำอาหารมากเสียหน่อย ส่วนที่ท่านทำให้ข้ากับเซินเออร์ ก็ทำให้ทุกคนในจวนเหมือนกันไปเลย ข้าไม่หวงเรื่องกิน เรื่องอยู่” นางไม่สนใจว่าผู้เป็นนายต้องกินแต่ของดี ส่วนบ่าวจะต้องกินของเหลือจากผู้เป็นนายเท่านั้นในเมื่อเป็นมนุษย์เช่นกัน ทุกคนที่นางรับมาอยู่ด้วยมีสิทธิ์ที่จะกินดื่มเหมือนกับนางและน้องชาย หากพวกเขาซื่อสัตย์ต่อนางอย่างแท้จริง“ได้เจ้าค่ะ” ป้าเหลียนรับคำอย่างยินดี ก่อนจะออกไปจัดการทำอาหารให้เยี่ยนอิงมื้อเย็นในจวนตระกูลฟู่ ทั้งนายและบ่าวต่างนั่งร่วมกินอาหารด้วยกันอย่างสนุกสนาน ซานเซินฉีกยิ้มกว้างตลอดมื้ออาหาร เมื่อทุกคนต่างร่วมยินดีกับเขาด้วย“หากพวกท่านยังไม่หยุดชมข้า เท้าของข้าคงไม่ติดพื้นแล้วขอรับ” ซานเซินเกาหัวอย่างเขินอาย เขาเคยได้รับคำชื่นชมเช่นนี้เสียที่ไหน“หึหึ น้องชายข้าหน้าแดงหมดแล้ว พวกท่านที่เคยเป็นผู้คุ้มกันมาก่อน หากกินอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว ข้ามีเรื่อ
บัณฑิตไม่น้อยที่สนใจอยากจะรู้ว่าสตรีหน้าห้องอาจารย์หานเป็นผู้ใด แต่ก็ถูกเจ้าหน้าที่ขวางทางเอาไว้ไม่ให้เข้ามาใกล้ตำแหน่งที่เยี่ยนอิงนั่งอยู่จะโทษนางก็ไม่ได้ที่ออกมานั่งล่อลวงบุรุษเช่นนี้ ด้วยอาจารย์หานกำลังทดสอบความรู้ของซานเซินอยู่ อีกทั้งนางก็ไม่ได้เดินเพ่นพ่านหรือส่งสายตายั่วยวนบัณฑิตเสียหน่อย“แม่นาง เชิญด้านในได้แล้วขอรับ” เจ้าหน้าที่มาเชิญเยี่ยนอิงให้เข้าไปในห้องอาจารย์หาน เมื่อการทดสอบของซานเซินเสร็จลงพอนางเข้าไปด้านในก็รู้ได้ทันทีว่าซานเซินคงได้เข้าเรียนอย่างแน่นอน ด้วยใบหน้าที่ฉีกยิ้มกว้างของเขา และแววตาของอาจารย์หานที่มองซานเซินอย่างพอใจ“ข้ารับน้องชายเจ้าเข้าเรียน อีกประเดี๋ยวเจ้าตามเจ้าหน้าที่ไปจ่ายค่าเรียนของปีนี้ ส่วนเรื่องตำราเครื่องเขียนเจ้าจะรีบของสำนักศึกษาหรือว่าจะจัดหามาเอง”“รับของที่สำนักศึกษาเลยเจ้าค่ะ”“แล้วจะพักอยู่ในสำนักศึกษาหรือไม่”เยี่ยนอิงหันไปเลิกคิ้วขอความเห็นจากซานเซิน“ศิษย์จะเดินทางไปกลับขอรับ จวนของศิษย์อยู่ห่างจากสำนักศึกษาเดินเท้าเพียงหนึ่งเค่อเท่านั้นขอรับ” ซานเซินเอ่ยตัดสินใจเอง“เช่นนั้นก็ตามใจเจ้า พรุ่งนี้ก็มาเรียนได้เลย” อาจารย์หานพยักหน้าร
พอรุ่งเช้า สองพี่น้องจัดการกินมื้อเช้าในมิติ ก่อนจะออกมาด้านนอก เจ้าหน้าที่ว่าการก็พาทาสทั้งยี่สิบคนมาที่จวนของนางพอดี“พวกเจ้ามีชื่อแซ่กันหรือไม่” นางเอ่ยถาม เมื่อคนทั้งยี่สิบมานั่งอยู่ตรงหน้าของนางภายในห้องโถงมีเพียงไม่กี่คนที่มีชื่อแซ่ของตนเอง คือกลุ่มบุรุษห้าคนที่เคยอยู่ในสำนักคุ้มกันภัยมาก่อน แต่ด้วยถูกใส่ร้ายจากผู้คุ้มกันในสำนักเดียวกัน ทำให้ทั้งห้าถูกขายออกมาเป็นทาส“เช่นนั้น ข้าจะให้พวกเจ้าใช้แซ่ฟู่ของข้า คนที่เหลือก็เช่นกัน นามเดิมก็ลืมไปเสีย ต่อไปข้าจะเรียกตามลำดับ อี เอ้อ อู๋...ก็แล้วกัน” นางชี้นิ้วไปตามลำดับอาวุโส ทำเช่นนี้นางจะจดจำได้ง่ายกว่า หากต้องคอยจำชื่อคนทั้งหมด“ขอรับ” บุรุษทั้งสิบสองคนต่างตอบรับคำของเยี่ยนอิง แม้นางจะเป็นเพียงแม่นางน้อย แต่อำนาจที่แผ่ออกมาจากตัวก็กดข่มพวกเขาเอาไว้ได้อย่างดี“ส่วนพวกเจ้า...” นางชี้มือไปที่สตรีทั้งแปดคน ก่อนจะถอนหายใจออกมา นางไม่ชื่นชอบการตั้งชื่อให้ผู้ใดเลย“นายหญิง ท่านเรียกพวกนางตามชื่อดอกไม้ดีหรือไม่” เสี่ยวไป๋เอ่ยออกมาการที่มันเอ่ยออกมาเช่นนี้ ทำให้ทาสทั้งยี่สิบคนตื่นตระหนกไม่น้อย สตรีทั้งแปดเกือบจะกรีดร้องออกมา ยังดีที่พวกนา
เยี่ยนอิงพอได้ใบสัญญาซื้อขายมาไว้ในมือแล้ว นางจึงได้เอ่ยถามเรื่องหาซื้อคนมาคอยทำความสะอาดเรือน หากให้นางเป็นผู้จัดการ สามวันก็คงไม่เสร็จ ด้วยขนาดเรือนที่ใหญ่เสียขนาดนั้น“ที่นี่ มีทาสหลวง หากแม่นางสนใจ ข้าจะพาท่านไปดูขอรับ”“รบกวนท่านด้วยเจ้าค่ะ” เยี่ยนอิงเดินตามเจ้าหาที่ไปกับเสี่ยวไป๋ ด้วยนางรู้ดีว่าภาพที่จะไปเห็นคงไม่น่ามองเท่าใด จึงไม่อยากให้ซานเซินที่ยังเป็นเด็กน้อยอยู่ไปเห็นด้านหลังของที่ว่าการมีห้องขังที่ด้านในแบ่งแยกชายหญิงอย่างชัดเจน ต่อให้ไม่ได้สกปรกเช่นโรงค้าทาสที่อยู่ในตลาด แต่ก็ไม่ได้ดีไปมากกว่ากันนักสายตาที่จ้องมองมาทางเยี่ยนอิง ล้วนแต่แฝงไปด้วยความหวัง ว่าเจ้านายคนใหม่จะพาออกไปด้วยเยี่ยนอิงเดินช้าๆ ไปตามห้องขังทั้งหมด นางสื่อสารกับเสี่ยวไป๋อยู่ในใจ ด้วยต้องการให้มันเลือกคนออกมาให้นาง แม้ในใจอยากจะช่วยเหลือทั้งหมด แต่ก็คงเป็นไปไม่ได้ นางต้องการคนที่ซื่อสัตย์ ความลับของนางกับซานเซินมีไม่น้อยเลย“ยี่สิบคนเลยรึเสี่ยวไป๋” เยี่ยนอิงตกใจไม่น้อย เมื่อเห็นจำนวนคนที่เสี่ยวไป๋มันเลือกเอาไว้ให้นาง“ไม่มากแล้วนายหญิง ต่อไปท่านจะทำการค้าอีก อย่างไรก็ต้องซื้อคนเพิ่ม ตอนนี้ที่ข้าเห็น
ตลอดการเดินทางตลอดหนึ่งชั่วยาม มีเพียงอู๋ซวงเท่านั้นที่เอ่ยถากถางสองพี่น้องขึ้นมาเป็นครั้งคราว“ดูท่าจะโง่จริง” เยี่ยนอิงสื่อสารกับเสี่ยวไป๋ในใจ“หึ เป็นบัณฑิตแต่คนเล็กคิดน้อยกับสตรี ข้าว่าคนเช่นนี้ไม่มีทางเจริญแย่” เสี่ยวไป๋จ้องมองอู๋ซวงอย่างไม่พอใจอู๋ซวงที่เห็นสายตาของแมวในอ้อมกอดของซานเซินมองมาที่ต้องโดยไม่ลดสายตา ตัวเขาก็อดที่จะขนลุกไม่ได้ ไม่รู้ว่าเหตุใดสายตาของแมวถึงได้ดูน่ากลัวเพียงนี้พอเกวียนวัวมาหยุดลงที่หน้าประตู เยี่ยนอิงก็เดินพาซานเซินแยกตัวไปจ่ายเงินค่าเข้าเมือง“พี่หญิง ท่านจะไปที่ใดขอรับ” ซานเซินเอ่ยถามอย่างสนใจ สายตาของเขากวาดมองไปรอบๆ ตัวอย่างตื่นเต้น“ไปที่ว่าการก่อน พี่จะไปสอบถามดูว่ามีเรือนใดบอกขายบ้าง”“เหอะ เจ้ามีเงินซื้อเรือนในเมืองรึ” อู๋ซวงเดินมาได้ยินสิ่งที่สองพี่น้องพูดเข้าพอดี“ข้าต้องบอกเจ้าด้วยรึ” เยี่ยนอิงเลิกคิ้วถามอย่างยียวน“ไปเถิด อาซวง ประเดี๋ยวประตูสำนักศึกษาปิด คืนนี้คงได้ไปนอนโรงเตี๊ยมกันแน่” ตู้เฉียวก้มหัวขอโทษเยี่ยนอิง ก่อนจะลากตัวสหายออกไปเยี่ยนอิงมองตามแผ่นหลังของอู๋ซวงไปอย่างครุ่นคิด ก่อนจะหันมาเอ่ยกับซานเซิน“เซินเออร์ หากต่อไปเจ้าถูกเขา