จ่านเหยียนนิ่งงันไปแล้ว นางไม่เคยคิดถึงจุดนี้ มิเช่นนั้นตอนนั้นก็คงไม่มือบอนทำลายวิญญาณมังกร“ตอนนี้ต้องการให้ข้าทำอย่างไร?” จ่านเหยียนถามฮุ่ยอวิ่นทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อย “พระอาจารย์เป่ากวงบอกว่าท่านมีวิธี”จ่านเหยียนถอนหายใจทีหนึ่ง “ข้าจะไปจวนอ๋องกับท่าน เจอท่านอ๋องแล้วค่อยว่ากันเถอะ”“ได้!” ฮุ่ยอวิ่นพลันดีใจ จากนั้นก็รีบลุกขึ้นยืนจ่านเหยียนมองฮุ่ยอวิ่น “แต่ ไม่แน่ว่าข้าจะช่วยท่านอ๋องได้”ฮุ่ยอวิ่นคิดว่านางแค่พูดเผื่อเอาไว้ จึงรีบพูดว่า “คุณชายอู่โปรดวางใจ ไม่ว่าจะรักษาได้หรือไม่ ข้าน้อยจะไม่โทษคุณชายอู่เด็ดขาด”ความจริงจ่านเหยียนมิได้หมายความเช่นนั้น แต่ก็พูดอะไรมากไม่ได้ จึงได้แต่เอ่ย “ดี พวกเราไปกันเถอะ”เป็นครั้งแรกที่จ่านเหยียนย่างเท้าเข้าจวนเซ่อเจิ้งอ๋อง นางแหงนหน้ามองป้าย ตัวอักษรลี่ซูสีทองเงาเขียนคำว่า ‘จวนเซ่อเจิ้งอ๋อง’ อร่ามแวววาว ตัวอักษรหวัดเขียนได้ทรงอำนาจมากป้ายนี้เป็นของใหม่ เดิมคือจวนอันหนิงอ๋องกำแพงจวนอ๋องเคยเสริมความแข็งแรงมาก่อน มีร่องรอยของใหม่ บนกำแพงปราศจากพืชไต่ ตัวกำแพงอิฐเขียวทอดตัวยาว กินเนื้อที่ประมาณหลายสิบหมู่หน้าประตูจวนมีทหารเฝ้ายามอยู่ บนปร
“ใครอยู่ข้างนอก?” เสียงสุขุมอ่อนล้าดังออกมาจากห้องหนังสือฮุ่ยอวิ่นผลักประตูเข้าไป “เทียน ข้าเชิญคุณชายหลงอู่มาแล้ว”จ่านเหยียนยืนอยู่ข้างหลังฮุ่ยอวิ่น เห็นมู่หรงฉิงเทียนนั่งอยู่บนเก้าอี้ไท่ซือหลังฉาก ดวงหน้าซีดเซียวเล็กน้อย ทั้งยังคล้ายผ่ายผอมไปประมาณหนึ่ง เบ้าตาลึกมากขึ้น แววตาดุร้ายมากกว่าเดิมไม่รู้เพราะเหตุใด จู่ ๆ สมองของจ่านเหยียนก็นึกถึงคำพูดของจิ้นหรู ใบหน้าชราแดงซ่าน รีบก้มหน้าประสานมือ “หลงอู่คารวะท่านอ๋อง”มู่หรงฉิงเทียนมิได้เอื้อนเอ่ย บรรยากาศหนักอึ้งและ...อึดอัดเล็กน้อยอย่างเห็นได้ชัดจ่านเหยียนรู้ว่าเขากำลังจ้องนางอยู่ เพราะสายตานั้นแหลมคมยิ่งนัก แทบจะมองนางให้ทะลุปรุโปร่งจ่านเหยียนถอนหายใจอยู่ในใจ จิ้นหรูคิดมากไปแล้ว หากนางจะเข้าสู่พุ่มบุปผาในวัยชรา อันดับแรกจะไม่หาหนุ่มน้อย อันดับสองคือจะไม่หาคนที่สร้างความกดดันให้กับนางเช่นนี้เพราะสายตาของเขาทำให้คนประหม่าผ่านไปครู่ใหญ่มู่หรงฉิงเทียนจึงเอ่ยเรียบ “เจ้าก็คือหลงอู่?”จ่านเหยียนขานรับ “พ่ะย่ะค่ะ”มู่หรงฉิงเทียนเอ่ย “เงยหน้าขึ้น!”จ่านเหยียนทำใจให้สงบ จากนั้นก็เงยหน้ามองเขาเขาเอนตัวไปข้างหลังเล็กน้อย มือหนึ
จ่านเหยียนอยากหมุนตัวกลับมาก ถ้านางเด็กกว่านี้สักสองร้อยปี นางคงจะไปจริง ๆ ทว่านางในตอนนี้ไม่เด็กแล้ว กอปรกับถูกเนรเทศอยู่ที่นี่ จิตใจจึงเปลี่ยนแปลงไปมากอาจเพราะนางไม่อยากให้เขาตายจริง ๆ อย่างไรก็ตาม แคว้นต้าโจวยังต้องการเขาอยู่นางเอ่ยอย่างสงบ “ท่านอ๋อง กระหม่อมกล้าพูดว่านอกจากกระหม่อม โลกนี้ก็ไม่มีใครรักษาท่านได้อีก”ใบหน้าของมู่หรงฉิงเทียนมีสีสันของการเสียดสีและเย้ยหยันเพิ่มขึ้นบางส่วน “อย่างนั้นหรือ?”“ท่านอ๋องจะไม่เชื่อก็ได้พ่ะย่ะค่ะ” จ่านเหยียนเอ่ย“ข้าไม่เชื่อจริง ๆ นั่นแหละ ฮุ่ยอวิ่น ให้เงินเขาร้อยตำลึง ส่งเขาออกไป!” มู่หรงฉิงเทียนสั่งด้วยน้ำเสียงเฉยชาฮุ่ยอวิ่นเห็นสถานการณ์เป็นเช่นนี้ก็รีบหันไปส่งสายตากับอาซิ่น อาซิ่นพลันเข้าใจจึงวิ่งออกไปแล้วอาเสอเห็นมู่หรงฉิงเทียนโอหังเช่นนี้จึงกลั้นโทสะไม่ได้ หน้าแดงเอ่ย “คนเท่าไรเฝ้ารอให้คุณชายบ้านข้ารักษา คุณชายบ้านข้ายังไม่รับปากเลย ตอนนี้มาหาถึงที่ ท่านกลับไม่รู้คุณค่า ท่านได้เสียใจแน่”“อาเสอ!” จ่านเหยียนขมวดคิ้ว “ถอยออกไป!”แม้นางจะอารมณ์เสียเหมือนกัน เพราะมาถึงที่แล้วกลับถูกอีกฝ่ายขับไล่ไสส่ง ใบหน้าชราของนางเสียหายไม่มากก็
“หลวงจีน ไม่เจอกันนานเลยนะ!” จ่านเหยียนตอบรับเรียบ ๆ“ก็ไม่นับว่านาน เพียงหนึ่งปีเท่านั้น คุณชายสบายดีหรือ?” พระอาจารย์เป่ากวงกล่าวด้วยความนอบน้อมจ่านเหยียนตอบ “ยังไม่ตายก็นับว่าดีมากแล้ว”“คุณชายกล่าวหนักไปแล้ว!” พระอาจารย์เป่ากวงยิ้มน้อย ๆ แล้วตอบมู่หรงฉิงเทียนกับฮุ่ยอวิ่นแปลกใจกับการกระทำของพระอาจารย์เป่ากวงมาก แม้ก่อนหน้านี้พระอาจารย์เป่ากวงจะแนะนำหลงอู่ แต่พวกเขาแค่นึกว่าพระอาจารย์เป่ากวงชื่นชมเขาเล็กน้อย ตอนนี้ดูแล้ว... ไม่เพียงแต่ชื่นชม หากมีความเคารพด้วยท่าทีของพระอาจารย์เป่ากวงทำให้มู่หรงฉิงเทียนใช้อีกมุมหนึ่งในการมองประเมินจ่านเหยียน“พระอาจารย์ ท่านเคยรู้จักกับคุณชายอู่มาก่อนหรือ?” ฮุ่ยอวิ่นถามพระอาจารย์เป่ากวงยิ้มน้อย ๆ “กล่าวได้ว่าอาตมาเคารพคุณชายอู่มานาน กลับมีวาสนาได้พบเพียงหนเดียว”“อ้อ? เพิ่งพบเพียงหนเดียว?” ฮุ่ยอวิ่นประหลาดใจเล็กน้อย พบหนเดียวก็ศรัทธาอีกฝ่ายถึงเพียงนี้แล้ว? ไม่เหมือนลักษณะของหลวงจีนเฒ่าเลยนี่?“หนึ่งหนก็เป็นบุญวาสนาใหญ่หลวงในชาตินี้ของอาตมาแล้ว” พระอาจารย์เป่ากวงเอ่ยอย่างพึงพอใจจ่านเหยียนเหลือบมองเขาชืด ๆ ทีหนึ่ง “หลวงจีน คำนี้จะประจบเก
“ต้องใช้เวลานานเท่าใด?” พระอาจารย์เป่ากวงถามจ่านเหยียนคำนวณพักหนึ่ง วันนี้วันที่หก แกะสลักวิญญาณมังกรต้องใช้เวลาสองวัน แล้วค่อยให้วิญญาณมังกรดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดินและแสงแห่งสุริยันจันทรา ส่วนแสงแห่งสุริยันจันทราจำเป็นต้องดูดซับในคืนพระจันทร์เต็มดวง ดังนั้น เร็วที่สุดก็ต้องหลังวันที่สิบห้านางเอ่ย “ให้เวลาข้าสิบวัน”“จริงหรือ?!” ฮุ่ยอวิ่นไม่ค่อยจะเชื่อ “คุณชายรู้ที่อยู่ของวิญญาณมังกรอีกชิ้นหรือ?”จ่านเหยียนผงกศีรษะ “ข้ารู้”“อยู่ที่ใด?” ฮุ่ยอวิ่นถามด้วยความยินดีพระอาจารย์เป่ากวงยื่นมือมากดฮุ่ยอวิ่นเล็กน้อย “คุณชายฮุ่ยอวิ่นมิต้องถามมาก ในเมื่อคุณชายอู่รับปากแล้ว เช่นนั้นเขาจะต้องทำได้อย่างแน่นอน”ฮุ่ยอวิ่นอ้อ ๆ แล้วมองจ่านเหยียนด้วยสายตาร้อนแรงและจริงใจมู่หรงฉิงเทียนเอ่ย “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ลำบากคุณชายอู่พักอยู่ที่จวนอ๋องสักระยะ เจ้าแค่บอกที่อยู่ของวิญญาณมังกรกับฮุ่ยอวิ่นก็พอ เขาต้องเอามาให้เจ้าได้แน่”จ่านเหยียนเข้าใจความหมายของเขา ตอนนี้นางรู้สถานการณ์ของเขาแล้ว เขาไม่วางใจให้นางออกไปเขาไม่เคยเชื่อใจนาง ระแวดระวังนางอย่างหนัก“ได้!” จ่านเหยียนรับปากมู่หรงฉิงเทียนฮุ่ย
จ่านเหยียนลืมตาขึ้น แล้วกอบใบหน้าของอาเสอพิจารณาอย่างละเอียด ก่อนจะเอ่ย “เจ้ามีอะไรน่ามอง?”อาเสอตอบอย่างขัดเขิน “ท่านไม่คิดว่าข้าน่ามองหรือ?”“มีตา มีจมูก มีปาก หากจะพูดกันจริง ๆ ก็ไม่แย่ แต่... ตอนนี้เจ้าแต่งตัวเป็นบุรุษ” จ่านเหยียนทำลายความฝันของหญิงสาวอาเสอกระซิบ “ข้าได้ยินมาว่าเซ่อเจิ้งอ๋องกับคุณชายฮุ่ยอวิ่นคือเพื่อนร่วมอุดมการณ์ พวกเขาคือเพื่อนชายที่ดีตลอดชีวิต”“เจ้าเนี่ย ดูนิยายวายมากไปแล้ว ข้ามั่นใจได้เลยนะ ฮุ่ยอวิ่นเป็นชายแท้+” จ่านเหยียนไล่นาง “เร็ว ออกไปหาหินหยกเฝ่ยชุ่ยให้ข้า”อาเสอเดินไปถึงหน้าคันฉ่องแล้วมองทีหนึ่งอย่างไม่สมัครใจ ตามด้วยแค่นเสียงเชอะ “ข้างามพริ้มเพราจะตาย อย่างน้อยต่อให้อยู่ในคราบบุรุษก็ปกปิดบุคลิกและเสน่ห์ของข้าไม่ได้”“กลิ่นคาวงูด้วย!” เสียงอู้อี้ดังมาจากในผ้าห่ม โทษอาเสอไม่ได้จริง ๆ ได้แต่โทษฤดูใบไม้ผลิที่ทำให้อาเสอเกิดอารมณ์วสันต์“ไม่พูดกับท่านแล้ว!” อาเสอแค่นเสียงแล้วกลายร่างเป็นควันกลุ่มหนึ่งจ่านเหยียนชะโงกศีรษะออกมาจากผ้าห่ม ไม่รู้เพราะเหตุใด กลับนอนไม่หลับเสียอย่างนั้น?นางลุกขึ้นมาใส่เสื้อผ้าแล้วเดินออกไปลานเรือนครั้นสาวใช้ทั้งสองเห็
อาเสอกลับมาตอนครึ่งคืน หน้าตามอมแมมราวกับมุดออกมาจากเตาไฟที่ไหนนางเขย่าตัวจ่านเหยียนให้ตื่น แล้วยื่นหยกเฝ่ยชุ่ยอมเขียวก้อนหนึ่งให้นาง “เอาไป”ครั้นจ่านเหยียนเห็นก้อนหยกก็เอ่ยด้วยความดีใจ “เจ้าเอาหยกเฝ่ยชุ่ย”“ขโมยมาจากทางคุณชายหวัง ไม่ทันระวังถูกท่านเทพเฝ้าประตูเห็นเข้า ไม่อยากให้เป็นเรื่องจึงได้แต่มุดเตาไฟมา” อาเสอกล่าวอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ“คุณชายหวัง?” จ่านเหยียนอึ้ง ดูเหมือนว่านางมีนัดดื่มสุรากับคุณชายหวังคืนนี้นี่ ลืมไปเสียสนิทเลย“คุณชายหวังยังไม่นอน อยู่ที่ลานเรือนไม่รู้ว่ารอใครสิน่า...” นางหยุดครู่หนึ่งแล้วจึงเบิกตาโพลงมองจ่านเหยียน “คงไม่ได้รอท่านอยู่กระมัง?”จ่านเหยียนหัวเราะแหะ ๆ “น่าจะใช่”อาเสอมองนางอย่างเวทนา “ท่านตายแน่แล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะให้ความสำคัญกับการนัดหมายกับท่านด้วยสิ”จ่านเหยียนจุกอก “เจ้าว่าตอนนี้เขายังรออยู่หรือไม่?”“ตอนข้ามาเขายังรออยู่นะ ไม่รู้ว่าส่งคนไปตามท่านที่จวนเราหรือไม่ เขาคงคิดไม่ถึงว่าพวกเราจะถูกรั้งตัวให้ค้างคืนอยู่ที่จวนอ๋องกระมัง?” อาเสอเอ่ยจ่านเหยียนลุกขึ้นยืนใส่รองเท้า “น่าสงสารจริง ๆ ดึกดื่นเที่ยงคืนเช่นนี้ยังรอข้าอยู่ ข้าต้องไปดื
จ่านเหยียนเห็นดวงตาทั้งคู่ของเขาเป็นสีแดงเพลิง สีหน้าคลุ้มคลั่ง หัวใจพลันหนักอึ้ง สถานการณ์เช่นนี้มีความเป็นไปได้เพียงสองอย่าง หนึ่ง ไอหยินแว้งกัด สอง ธาตุไฟเข้าแทรกจ่านเหยียนฉุดแขนของเขาแล้วลากมาด้านหน้าตนแบบแทบจะไม่ใช้สมองคิด แต่ทันใดนั้นนางก็ได้รู้ว่าตัวเองทำผิดไปแล้ว เพราะไม่สามารถใช้แข็งปะทะแข็งกับการต่อกรกับคนที่ถูกไอหยินแว้งกัดหรือธาตุไฟเข้าแทรกได้เขากางกรงเล็บทั้งห้าแล้วตะครุบมาทางลำคออย่างรวดเร็ว จ่านเหยียนเอนตัวไปด้านหลังพร้อมฉุดเขาลงกับพื้นด้วยเขาทับอยู่บนตัวนางอย่างจัง ดวงตาทั้งคู่แดงประหนึ่งอัคคี เจือความดุร้ายและไอมารเช่นธาตุไฟเข้าแทรก มิหนำซ้ำยังมีสีสันแห่งความทรมานที่มิอาจมองข้ามไม่นานจ่านเหยียนก็วินิจฉัยว่าเขาถูกไอหยินแว้งกัด สถานการณ์เช่นนี้จะทำให้เลือดทั้งสรรพางค์กายตีกลับ เจ็บปวดทุกรูขุมขนยากจะทานทนมิน่าเขาถึงมีบาดแผลที่ศีรษะและใบหน้า คาดว่าเมื่อครู่คงทำร้ายตัวเองในตอนที่ทรมานจนทนไม่ไหวจ่านเหยียนพลันรู้สึกสงสารเล็กน้อย จังหวะที่เขาบีบคอนาง หว่างคิ้วของนางก็ปรากฏดอกบัวส่องแสงเป็นประกายดอกบัวเปล่งแสงหมายถึงความการุญและการช่วยเหลือรักษา ส่วนตัวอักขระสวัสต
จ่านเหยียนให้คนอื่นออกไป แล้วอยู่หน้าเตียงจิ้นหรูคนเดียวเงาแสงกลายร่างอยู่ข้างตัวนาง จากนั้นก็มีเสียงตำหนิ “เจ้าเคยบอกว่าจะปกป้องนางอย่างดี”นางไม่ได้หันกลับไป เพราะกลัวจะเป็นความเจ็บปวดเสียใจในดวงตาของเขา“ขอประทานอภัย หม่อมฉันทำไม่ได้” จ่านเหยียนถอนหายใจเขาเดินมานั่งข้างเตียงจิ้นหรูช้า ๆ เอื้อมมือผ่านบาดแผลบนใบหน้าของจิ้นหรู “ชาตินี้เราติดค้างนางมากนัก เดิมนางควรมีชีวิตที่ดี กลับต้องลำบากทั้งชีวิตเพราะความเห็นแก่ตัวของเรา ยามนี้ยังต้องถูกทรมานเช่นนี้อีก”จ่านเหยียนเงียบ สุดท้ายนางก็อดรนทนไม่ไหวช้อนตาไปมองเขาทีหนึ่งบนใบหน้าคมสันผ่ายผอมมีความเจ็บปวดเข้มข้น ดวงตาจับจ้องจิ้นหรูตลอดเวลา ราวกับมองไม่พออย่างไรอย่างนั้น“ดวงวิญญาณของเรากลับสู่ตำแหน่งเดิมแล้ว เดิมไม่ควรรำลึกความรักชายหญิงเหล่านี้อีก ที่ก่อนหน้าให้เจ้าช่วยข้ารักษาความทรงจำบนโลก ก็เพราะเราตัดนางไม่ลง ต้องได้เห็นนางอยู่สบาย เห็นนางมีความสุข เราจึงจะวางใจ”“หม่อมฉันรับรองว่าจะไม่ให้นางถูกทำร้ายอีกแม้แต่น้อยเพคะ” จ่านเหยียนเอ่ยราวกับให้คำมั่น“เราเชื่อเจ้า” และเขาจำเป็นต้องเชื่อ เพราะตอนนี้เขาไม่มีสิทธิ์ข้องแวะกับเรื่อ
หนนี้ทรมานยิ่งกว่าหนก่อน หน้าอกราวกับจะระเบิด สำหรับนาง การหายใจคือสิ่งเกินเอื้อมเลือดทั่วสรรพางค์กายแล่นสู่สมอง ใบหูดังวิ้ง ๆ นางจะช็อกตายแล้วแต่... ในตอนที่นางกำลังจะสิ้นเรี่ยวแรง มือนั้นก็ปล่อยออก นางหอบหายใจเฮือกใหญ่อีกแต่นางยังหายใจไม่พอ มือนั้นก็กดมาอีก เป็นเช่นนี้ซ้ำ ๆ หลายหน ทำลายความโกรธในใจไปหมด ทั้งสมองเหลือเพียงสัญญาณเอาตัวรอดสุดท้าย เขาออกแรงผลักนางลงกับพื้นและเอ่ยเสียงเย็น “ถ้าเจ้ายังกล้าทำร้ายจิ้นหรูอีก เราจะให้เจ้าอยู่มิสู้ตาย!”เขากล่าวสุดท้ายออกมาด้วยความแค้นทั้งหมด มีรสชาติของการข่มขู่เข้มข้นนางคลานพื้นมุดเข้าใต้โต๊ะเครื่องแป้ง ความครั่นคร้ามรัดพันนางราวกับอสรพิษ นางไม่สามารถอ้าปากร้องขอความช่วยเหลือได้ เพราะลำคอของนางส่งเสียงไม่ออก แม้แต่ลมหายใจก็ยังเจ็บแสบแสงสายหนึ่งผ่าโต๊ะและทะลุผ่านร่างของนาง นางเจ็บจนร้องตะโกน แขนขากระดูกทั่วร่างราวกับถูกบดขยี้ เจ็บจนมิอาจยับยั้งนางทรมานจนแทบหมดสติ ชักกระตุกอยู่กับพื้น“อ๊าาา” เสียงกรีดร้องดังออกมาจากปากของนาง กระตุกทั้งตัวนางลืมตาขึ้น กลับพบว่าตัวเองกำลังฟุบอยู่กับโต๊ะเครื่องแป้ง ในตำหนักมีแสงเทียนติดอยู่ แสงไ
ถงไทเฮาเห็นนางเช่นนี้ก็รู้ว่านางไม่มีวิธีดีอะไร จึงอดพูดขึ้นมาอย่างหงุดหงิดไม่ได้ “พอที เจ้าออกไปเถอะ หวังพึ่งเจ้าไม่ได้เลย เสียแรงที่ข้าให้ความสำคัญกับเจ้า”หรูหัวพูดอ้อมแอ้ม “ไทเฮาโปรดระงับโทสะด้วยเพคะ จู่ ๆ ก็ให้บ่าวคิด บ่าวยังจับอะไรไม่ได้เลย มิสู้ให้บ่าวกลับไปคิดสักสองสามวันเถอะเพคะ?”“ออกไปเถอะ!” ถงไทเฮานั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง มองใบหน้าล่วงเลยวัยของตัวเอง เกิดอารมณ์โกรธขึ้นมาทันทีบุตรสาวสกุลถงคนหนึ่งโดดเด่นกว่าอีกคนหนึ่ง มีเพียงนางที่ราวกับมิใช่คนสกุลถง ผิวดำก็ช่างเถอะ เครื่องหน้ายังเรียบง่ายเช่นนี้ วัยเยาว์ยังใช้คำว่าเรียบง่ายได้ แต่บัดนี้สูงวัยมากขึ้นทุกที กลับขี้ริ้วขี้เหร่มากขึ้นทุกวันความรู้สึกเสื่อมถอยในใจนางรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ความแค้นที่มีต่อจิ้นหรูก็เพิ่มพูนมากขึ้นเหมือนกัน กระทั่งว่าความแค้นเช่นนี้ยังลามไปถึงตัวหลงจ่านเหยียน นางคิด ก่อนอดีตฮ่องเต้จะสวรรคตได้เจอกับสาวน้อยงดงามปานบุปผาเช่นนี้ คงชอบมากกระมัง?แสงเทียนในตำหนักวูบไหว สายลมแทรกตัวเข้ามาจากร่องหน้าต่าง เงาของนางทอดตัวอยู่บนกำแพง ดูสูงส่งกำยำนางมิใช่คนรูปร่างอรชร อาภรณ์ในแบบเดียวกัน คนอื่นมักสวมใ
หากบอกว่ามังกรร้ายตนนั้นก็คือมังกรเพลิง เช่นนั้นนางก็ไม่มั่นใจว่าจะรับมือได้เพราะนอกจากมังกรเพลิงจะเป็นเทพโบราณ ยังถือกำเนิดขึ้นพร้อมกับผานกู่ มีแต่ผานกู่ที่กำราบเขาได้สกุลหลง หากพูดให้น่าฟังคือกลายร่างมาจากวิญญาณของผานกู่ แต่... หากจะพูดให้ชัดเจน พวกนางเป็นแค่ทูตที่ผานกู่ใช้คุมกฎสามโลกจ่านเหยียนเริ่มคิด การที่พวกตาเฒ่าสุสานผานกู่ให้นางมายุคสมัยนี้ต้องมีจุดประสงค์ไม่ธรรมดาแน่ ขัดเกลานิสัยนาง? ช่างเถอะ สกุลหลงมีผู้นำคนไหนบ้างที่ไม่พยศ? แม้นางจะทำเกินหน้าที่ไปบ้าง แต่ก็ไม่รุนแรงถึงขั้นต้องถูกเนรเทศ“คิดอะไรอยู่หรือ?” คทามังกรเห็นนางเงียบไปจึงถามจ่านเหยียนพิจารณาเรื่องราวทั้งหมดรอบหนึ่ง อดประหวั่นพรั่นพรึงไม่ได้ตอนนี้นางหวังเพียงมังกรร้ายจะไม่ใช่มังกรเพลิง มิเช่นนั้นนางจะไม่สามารถควบคุมสถานการณ์นี้“เปล่า” จ่านเหยียนเก็บคทามังกรแล้วกึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียง รู้สึกอึดอัดใจยิ่งนักอาเสอเข้ามาเงียบ ๆ “ท่านยังไม่บอกเลยว่าใครจะปราบถงไทเฮาได้”จ่านเหยียนราวกับเพิ่งนึกถึงเรื่องนี้ มองอาเสอแล้วตอบ “อดีตฮ่องเต้”“อดีตฮ่องเต้มิใช่ตายไปแล้วหรือ?” พอถามออกไป อาเสอก็รู้สึกว่าตัวเองถามได้ปั
ไม่นานอาเสอก็เอายันต์ระงับปวดมา จ่านเหยียนให้จิ้นหรูกินลงไป แต่จิ้นหรูเป็นคนธรรมดา ไม่สามารถใช้ยันต์ระงับปวดได้บ่อยครั้งหวังแต่อีกสองวันบาดแผลของนางจะดีขึ้น เช่นนั้นความทรมานย่อมทุเลาลงแพล็บเดียวก็เกิดเรื่องมากมายเช่นนี้ จ่านเหยียนจำเป็นต้องจัดระเบียบให้ดีนางกลับไปยังตำหนักบรรทมของตัวเอง สั่งให้ทุกคนออกไปแล้วอัญเชิญคทามังกรออกมา คทามังกรกลายร่างเป็นมังกรทองตัวน้อยปรากฏอยู่ในมือของจ่านเหยียน“ตอนที่ข้าใช้มหาเวทสวัสติกะ เจ้าไปไหน?” จ่านเหยียนถามมังกรน้อยตอบ “ใช่ว่าข้าออกไปพลการ แต่พลังแข็งแกร่งขุมหนึ่งดึงข้าไป ตอนนี้ข้าทะลุผ่านหน้าอกของคนผู้หนึ่ง พลังสลายไปทันที แต่ไม่นานก็รวมพลังได้อีก ดังนั้นจึงออกจากร่างกายของคนผู้นั้นได้”“ใครกัน?” จ่านเหยียนขมวดคิ้วสงสัย“ไม่ทันมองให้ชัด ตอนนั้นข้าเองก็แตกตื่นมากเหมือนกัน นี่คือเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ข้าถึงกลับถูกขังอยู่ในร่างของมนุษย์คนหนึ่งออกมาไม่ได้ สำหรับข้าแล้ว นี่คือเรื่องที่ไม่เอาไหนสิ้นดี” มังกรน้อยเอ่ยอย่างเศร้าสร้อย“เจ้าแน่ใจหรือว่าเป็นมนุษย์?” จ่านเหยียนถาม“แน่ใจ ร่างกายของเขาปราศจากพลังวิญญาณ บางทีเขาอาจเป็นเทพโบรา
เขาหน้าแดงซ่าน ดึงตัวออกห่างระยะหนึ่งจังหวะที่เห็นจิ้นหรู เขานิ่งงันไปทั้งคนเขาจำได้ จิ้นหรูเป็นคนใจดี ทุกครั้งที่ถูกเสด็จพ่อตำหนิ นางมักเกลี้ยกล่อมอย่างอ่อนโยน ช่วยเขาพูด ความจริงในใจของเขาไม่เคยเห็นจิ้นหรูเป็นคนรับใช้มาก่อนนางมีใบหน้างดงามยิ้มแย้มเสมอ เสด็จพ่อทรงเชื่อคำพูดของนางมาก ทุกครั้งที่นางเอ่ยปาก มักระงับโทสะของเสด็จพ่อได้แต่... บัดนี้ดวงหน้างดงามนั้นหายไปแล้ว แทนที่ด้วยใบหน้าเลือดเนื้อเละเทะดวงหนึ่ง บาดแผลบนใบหน้ายังมีน้ำเลือดนองอยู่“ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้?” เสียงของเขาสั่นเครือเล็กน้อย ที่เขารับไม่ได้คือ นอกจากจิ้นหรูจะมีสารรูปเหมือนผีแล้ว ยังไม่กล้าเชื่อว่าเสด็จแม่ของตัวเองจะเหี้ยมโหดถึงเพียงนี้“ฝ่าบาท สิบนิ้วของนางถูกตอกด้วยตะปูไม้ท้อ ขาทั้งสองถูกตีจนหัก บนตัวไม่มีส่วนไหนที่ดี ฝ่าบาทมิทรงเห็นสภาพที่ไทเฮาทรงรักษาให้นางเมื่อครู่ หากทรงเห็น เกรงว่าหัวใจคงต้องสะท้าน” ผู้ที่เอ่ยคือกัวอวี้ นางเอ่ยปนสะอื้นเล็กน้อย มันคือความจริง เมื่อครู่หลังจากเห็นแผลบนตัวของจิ้นหรูแล้ว หัวใจก็สะท้านไม่หยุด“ฝ่าบาท!” จิ้นหรูลืมตาขึ้น ไม่มีกำลังแม้แต่จะเอื้อนเอ่ย อาจเพราะความเจ็บปวด
จ่านเหยียนกลับนั่งนิ่ง ปรายตาบริสุทธิ์มองมู่หรงเจี้ยน “วันนี้ฝ่าบาทเสด็จมา ไม่แค่เพื่อถวายพระพรข้าผู้เป็นไทเฮากระมัง?”“เราขอถามท่าน เสด็จแม่ของข้ามีความแค้นอันใดกับท่าน ไยท่านต้องสั่งคนพังตำหนักชิงหนิงด้วย?!” มู่หรงเจี้ยนเอ่ยด้วยโทสะจ่านเหยียนคลี่ยิ้ม “ประการแรก ฮ่องเต้เรียกผิดแล้ว ข้าต่างหากที่เป็นเสด็จแม่ของพระองค์ สำหรับท่านนั้น ท่านก็เรียกว่าเสด็จแม่ได้ แต่... อย่าได้เรียกต่อหน้าข้า ประการที่สอง มิใช่ข้ามีความแค้นกับนาง แต่นางมาหาเรื่องข้า ข้าจึงจำต้องมีมารยาทตอบกลับ”“ท่านก็คู่ควรให้เราเรียกว่าเสด็จแม่?” มู่หรงเจี้ยนวาวโรจน์จ่านเหยียนยิ้มน้อย ๆ แล้วยื่นมือไปคล้องเขา “มานี่ ข้าจะบอกกับพระองค์เรื่องหนึ่ง”นางทำหน้าฉงนฉงาย มุมปากยิ้มสดใสมาก แววตามีความลับลมคมใน ราวกับเรื่องที่นางจะบอกคือความลับยิ่งใหญ่เขาอดเขยิบเข้าไปไม่ได้ “เรื่องอะไร ว่ามา!”จ่านเหยียนยื่นมือออกไป รอยยิ้มตรงมุมปากเปลี่ยนเป็นเย็นชาฉับพลัน มือทำมุมตรงหน้าเขาแล้วหวดลงไปเต็มแรงเกิดเสียงใสกังวานดังเพียะบรรยากาศตึงเครียดขึ้นมาทันทีกัวอวี้คิดไม่ถึงว่าจ่านเหยียนจะไม่ไว้หน้าฮ่องเต้เช่นนี้ ตกใจจนหน้าซีดเผือดทั
จ่านเหยียนกำลังรักษาให้จิ้นหรูอยู่ในตำหนักหรูหลาน ทั้งเนื้อทั้งตัวของจิ้นหรูแทบไม่มีจุดใดอยู่ในสภาพดีเลย ใบหน้าถูกกรีดหลายแผล ถึงเนื้อทุกคมมีด หากจะใช้คำว่าเลือดเนื้อเละเทะก็คงไม่เกินไปสักนิดสองขาถูกตีจนหัก รอยแส้ทั่วสรรพางค์กาย สองมือถูกตอกด้วยตะปูไม้ท้อสิบเล่ม ในตอนที่ถอนออกมา จิ้นหรูเจ็บจนตัวสั่นเทิ้มจ่านเหยียนรู้สึกจุดอยู่ในอก มิอาจระบาย ใบหน้าขมึงทึงจนเหมือนท้องฟ้าก่อนพายุฝนฟ้าคะนองจะมาถึงบาดเจ็บหนักขนาดนี้ เลือดไหลมากอย่างนี้ หากมิใช่อาเสอใช้พลังวิญญาณสกัดหัวใจของนางเอาไว้ก็คงเสียชีวิตไปนานแล้ว“แค่พังตำหนักชิงหนิงของนาง ยังถือว่าน้อยไป” จ่านเหยียนเอ่ยอย่างเคียดแค้น“จิ้นหรูเป็นอะไรหรือไม่เพคะ?” กัวอวี้ถามด้วยความกังวล“ไม่ตายหรอก แต่... หากจะรักษาบาดแผลทั้งตัวนี้ เกรงจะไม่ง่ายอย่างนั้น” จ่านเหยียนเอ่ย“ข้าจะไปฆ่านางแก่ใจร้ายนั่น” อาเสอด่าทอด้วยความโมโหโทโส“ไม่รีบ!” จ่านเหยียนเอ่ย “คนชั่วย่อมมีคนชั่วทรมาน”“นอกจากพวกเรา วังหลังยังจะมีใครจัดการนางได้อีก?” อาเสอเอ่ยด้วยโทสะ “คุณหนูใหญ่ เมื่อก่อนท่านมิได้อ่อนแอเช่นนี้ ตอนนี้ถูกคนขี่อยู่บนหัวแล้ว ท่านยังจะรอวันจัดการนางอ
ไม่นานเรื่องที่จ่านเหยียนพังตำหนักชิงหนิงก็ดังกระฉ่อนไปทั่ววังหลวงจงเสี้ยนไทฮองไทเฮากริ้วหนัก แต่นางไม่ได้ทำอะไร การที่หลงจ่านเหยียนกล้าพังตำหนักชิงหนิง เป็นการพิสูจน์แล้วว่าวันนี้มิอาจเทียบวันวานนึกถึงตอนที่นางเข้าวังใหม่ ๆ แล้วมาคารวะ ใจเสาะขี้กลัวปานนั้น แม้แต่คุกเข่าก็ยังถลาลงไปกับพื้น ชวนให้คนตลกขบขันใครจะคิด วันนี้นางกลับกล้าพังตำหนักชิงหนิง?ดูท่านางคงบรรลุข้อตกลงบางอย่างกับเซ่อเจิ้งอ๋องแล้ว มิเช่นนั้น ด้วยเบื้องหลังของฐานะนาง นางจะไม่กล้าทำเช่นนี้เด็ดขาดหากเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นที่พังตำหนักชิงหนิงในวันนี้ก็คงเป็นแผนการของเซ่อเจิ้งอ๋องเหมือนกันเขาจะทำอะไร?ฉวยโอกาสที่ตอนนี้ถงจื่อหยาเกิดเรื่อง โจมตีสกุลถงต่อ?“หย่าจู้ เจ้าเห็นว่าอย่างไร?” ไทฮองไทเฮาถามหมัวมัวด้านข้างหย่าจู้คิดแล้วจึงเอ่ย “หลงจ่านเหยียนผู้นี้เหนือความคาดหมายอยู่บ้างจริง ๆ ก่อนหน้านี้แทรกแซงเรื่องของหยวนผินยังพอพูดได้ว่าอยากได้หน้า แต่การพังตำหนักชิงหนิงนี้ เรื่องนี้ไม่เหมือนเรื่องที่สตรีผู้หนึ่งจะทำได้ โดยเฉพาะนางที่เป็นสตรีเช่นนี้เพคะ”“พูดอีกอย่างหนึ่ง เจ้าคิดว่าเซ่อเจิ้งอ๋องคือผู้บงการหรือ?”“ยาก