พี่รามสูรสุดแสนร้ายกาจ แผนการเยอะจริงไปหลอกน้องทำไม เดี๋ยวจับทุบเลย ว่าแต่พี่รามฝันอะไรแบบนั้นนะ ฝากติดตามนิยายเรื่องใหม่ของไรท์ด้วยนะคะ คาสโนว่ากับป้าข้างบ้าน บ้าน บ้าน (เสียงแอคโค่) ขอขอบคุณทุกคนที่ติดตามนามปากกา กดเพิ่มเข้าชั้น กดใจและคอมเม้นด้วยนะคะ รักๆ ค่ะ
เมื่อรามสูรกลับมาจากอู่ซ่อมรถยนต์ เขาขับรถยนต์เข้าจอดหน้าโรงแรมโดยมีพนักงานมารับกุญแจและนำรถไปจอดให้เขาเขากดเปิดประตูลิฟต์ในขณะที่ฝนแก้วที่ปลอมเป็นป้าเองก็เดินตามเขามาในขณะที่ตัวเองกำลังคุยแชตกับจินเพื่อนสนิทของเธออยู่เกี่ยวกับรามสูร โดยที่เธอไม่ทันได้สังเกตว่าผู้ชายที่เธอต้องคอยหลบเลี่ยงอยู่ในลิฟต์ตัวเดียวกับเธอแล้วเมื่อประตูลิฟต์ปิดลง“ป้าอยู่ชั้นไหนครับ” ชายร่างสูงถามพร้อมกับยกยิ้มมุมปาก“ชั้นหกค่ะ” เธอตอบคำถามโดยที่เธอไม่ได้เงยหน้ามองผู้ชายที่ถามเธอด้วยซ้ำ จนรามสูรชะโงกหน้ามาดูหน้าจอโทรศัพท์ของป้าที่เขาเรียกอยู่ว่ากำลังคุยกับใครถึงขนาดไม่มองหน้าหล่อๆ ของเขาเลยด้วยซ้ำครืด ตึกๆ พรึบ! จู่ๆ ลิฟต์ก็เกิดกระตุกและไฟในลิฟต์ก็เกิดดับขึ้นมาในทันที “ลิฟต์ค้างเหรอ” ฝนแก้วที่ปลอมตัวเป็นป้าตกใจจนตัวสั่นเอ่ยขึ้นพร้อมกับทุบประตูลิฟต์เพื่อหวังให้คนข้างนอกได้ยิน“ช่วยด้วยค่ะ มีคนติดอยู่ในนี้ค่ะ” ฝนแก้วพูดและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อเปิดไฟฉาย“ป้า…กดปุ่ม…ฉุกเฉิน” ชายร่างสูงทรุดเข่านั่งลงในลิฟต์พร้อมน้ำเสียงที่แหบพร่าอย่างกับคนหมดเรี่ยวแรง ฝนแก้วหันไปมองเจ้าของเสียงพร้อมกับสาดไฟฉายจากโทรศัพท์ไปทาง
เมื่อรถยนต์คันหรูของรามสูรขับออกจากโรงแรมมุ่งหน้าตรงไปยังอู่ซ่อมรถยนต์ขนาดใหญ่อยู่ใกล้ใจกลางเมืองชลบุรี ซึ่งใช้เวลาขับรถประมาณครึ่งชั่วโมงกว่าๆ ก็มาถึงที่หมาย เมื่อเขาเข้ามาถึงอู่ซ่อมรถยนต์ จึงขับเข้ามาโดยมีรปภ. เปิดประตูให้เนื่องจากว่าอู่ซ่อมรถปิดแล้วนั่นเองเขาเหลือบดูนาฬิกาข้อมือก็ประมาณสองทุ่มกว่าๆ เห็นจะได้ จึงหยิบถุงบางอย่างประมาณสี่ถุงลงมาจากรถยนต์และเดินผลักประตูกระจกเข้าไปในอู่ทันทีชายหนุ่มเดินเลี่ยงห้องพักลูกค้ามาอีกหน่อยก็เจอห้องพักของพนักงานอู่ที่เอาไว้กินข้าวหรือพักผ่อนในเวลาพักเบรคเมื่อรามสูรมาถึงชายฉกรรจ์ตรงหน้าของเขาประมาณห้าคนที่กำลังนั่งดื่มกันอยู่ต่างลุกขึ้นจากเก้าอี้และรีบวางแก้วเหล้าลงในทันที เมื่อเห็นเขามาหยุดยืนตรงหน้า“สวัสดีครับคุณรามสูร” พวกเขาเอ่ยทักทายกันอย่างพร้อมเพรียง พร้อมกับยกมือไหว้และทำท่าจะเก็บแก้วเหล้ากัน“กินเลยๆ ตามสบายเลิกงานกันแล้วไม่ใช่เหรอ” เขาเลิกคิ้วถาม“ครับ เลิกงานกันแล้วครับ” ช่างซ่อมรถยนต์หนึ่งในนั้นตอบ“เอานี่ไปกิน คงขาดกับแกล้มสิ” รามสูรวางถุงที่หิ้วมาไว้กับโต๊ะอย่างใจเย็นและเบา“ว่าแต่ ผมไม่เคยเห็นคุณรามสูรมาเวลานี้เลยครับ” ชายวัย
หลังจากที่ทีมงานและพริตตี้ถ่ายแบบกันเสร็จ ฝนแก้วก็มาเช็ดเครื่องสำอางให้พวกสาวๆ เพราะเนื่องจากเครื่องสำอางเป็นแบบกันน้ำที่ติดแน่นทนมาก จึงต้องทำความสะอาดอย่างดีและพิถีพิถันสุดๆ โชคดีที่เพื่อนร่วมงานของเธอตามมาเร็วหน่อย งานที่ทำจึงไม่ค่อยรีบเร่งมือมากนัก เนื่องจากต้องใช้ความละเอียดในการแต่งและล้างนั่นเอง บางคนต้องเพนต์รอยสักปลอมน่ารัก ลงไปบนผิวหนังซึ่งฝนแก้วก็อาสาจัดการให้ทั้งสิ้น และระหว่างที่เช็ดทำความสะอาดเครื่องสำอางอยู่นั้น พริตตี้ที่นั่งอยู่ข้างๆ เธอก็พูดขึ้น“ช่วงนี้คุณรามสูรเป็นอะไรไม่รู้นะ ไม่ค่อยคุยเล่นหรือยิ้มกับพวกเราเลย” “นั่นสิ หรือว่าช่วงนี้คุณเขาจะเครียดกันนะ ดูอย่างวันนี้สิ มาดูพวกเราถ่ายแป๊บเดียวแล้วก็ไป ฉันคิดว่าเขาจะถ่ายแบบกับพวกเราเหมือนครั้งที่แล้วอีก ยิ่งคิดหัวใจก็ยิ่งเต้นแรงเนอะ” พริตตี้ที่ฝนแก้วกำลังเช็ดเครื่องสำอางอยู่พูดขึ้น ทำให้ฝนแก้วถึงกับชะงักมือ“คุณพี่คะ หยุดทำไมเช็ดต่อสิคะ” พริตตี้บอกฝนแก้ว ทำให้พริตตี้ที่นั่งอยู่พากันหัวเราะ“แกก็ไปแซวป้าเขาทำไม แล้วเรียกว่าคุณพี่แบบนี้กะจะเทียบกับป้าหรือไง” เมื่อพริตตี้อีกคนหนึ่งพูดทุกคนก็พากันหัวเราะ“ไปแซวเขาทำไม เ
หลังจากที่รามสูรและฝนแก้วมาถึงโรงแรม หญิงสาวเองก็รีบลงจากรถยนต์แต่เธอก็ไม่ลืมที่จะหันมาขอบคุณและยิ้มให้เขาอย่างลืมตัวว่าตัวเองปลอมตัวเป็นป้าอยู่ ก็เพราะวันนี้เธอได้ทำสำเร็จไปแล้วหนึ่งอย่างคือมาถึงที่นี่ก่อนเวลานัดครึ่งชั่วโมงซึ่งเธอยังพอมีเวลาเตรียมตัวอยู่บ้าง หญิงสาวจึงเดินหันหลังพร้อมกับเดินลากกระเป๋าไปอย่างรวดเร็ว“เหมือนกันไม่มีผิด ทั้งป้าทั้งหลาน” รามสูรส่ายหัวและยิ้มมุมปากตามสไตล์ของเขาเวลาที่มองใครสักคนว่าน่ารักนั่นเอง“อ่า ทำงานดีกว่าแต่ไม่รู้ว่าวันนี้ผมจะได้เจอหลานป้าหรือเปล่านะ” ชายหนุ่มร่างสูงก้มหยิบกระเป๋าเสื้อผ้าแต่ก็เหลือบไปเห็นกระเป๋าใบหนึ่งอยู่ในรถยนต์ของเขา“รีบจนลืมของเลยนะป้า แล้วแบบนี้ผมจะหาป้าเจอไหมเนี่ย” ชายหนุ่มบ่นเบาๆ พร้อมกับหิ้วกระเป๋าใบนั้นไปที่ล็อบบี้ และบอกชื่อเจ้าของกระเป๋าที่ชื่อ สายฝน ที่เดินเข้ามาเช็กอินก่อนหน้าเขาเมื่อกี้นี้กับพนักงานต้อนรับที่หน้าเคาท์เตอร์เมื่อพนักงานต้อนรับได้ฟังก็แปลกใจ จึงทวนชื่อซ้ำให้แน่ใจ“สวัสดีค่ะ คุณรามสูร” พนักงานต้อนรับยกมือไหว้เพราะไม่มีใครในนี้ที่ไม่รู้จักรามสูรเพราะเขาเองมักจะมาพักที่ห้องสวีทบ่อยๆ ช่วงวันหยุด บางทีก็มา
เมื่อฝนแก้วนั่งรถยนต์มากับรามสูรใกล้จะถึงโรงแรมxxx ซึ่งระหว่างทางนั้นเขาขับผ่านทะเล จึงหักพ่วงมาลัยรถเข้าจอดตรงข้างทางของชายหาด“ป้า ผมขอสูบบุหรี่แป๊บเดียวนะครับ ใกล้จะถึงโรงแรมแล้ว” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับหยิบซองบุหรี่ออกจากช่องเก็บของในรถฝั่งที่ฝนแก้วนั่งอยู่ ทำให้หญิงสาวต้องทำตัวลีบๆ เล็กลงกว่าเดิม เพราะกลัวว่าลำแขนใหญ่ของเขาที่อยู่ในเสื้อเชิตแขนยาวสีขาวจะโดนหน้าอกหน้าใจของเธอได้เมื่อเขาเห็นป้าทำท่าทางแบบนั้นก็ยิ้มมุมปากเบาๆ‘หลานสาวคงหวงตัวเหมือนป้าตัวเองสินะ แถมกลิ่นน้ำหอมยังใช้กลิ่นเดียวกันอีก สดชื่นจัง’ เขาคิดในใจฝนแก้วจึงเบี่ยงหน้าไปทางอื่นเพราะกลัวว่าเขาจะจับพิรุธเธอได้เสียก่อน และเธอเองก็ไม่ควรไปสบตาของเขามากนัก หญิงสาวมองชายหนุ่มที่ยืนอยู่นอกรถยนต์คันหรูในระยะไม่ไกลจากเธอมากนักกำลังยืนเอามือป้องลมกับไฟแช็กและบุหรี่ที่เขากำลังจุดอยู่เพราะลมที่ชายหาดก็แรงพอสมควรที่พัดเข้ามา ฝนแก้วเหลือบมองนาฬิกาที่ข้อมือเล็กของตัวเอง ยังพอมีเวลาอยู่เพราะอีกไม่กี่กิโลเมตรก็จะถึงโรงแรมที่ว่าแล้วเธอเองจึงไม่อยากเร่งเขา แล้วอีกอย่างก็อาศัยเขามาด้วยเธอจึงทำได้แค่รออย่างเงียบๆหญิงสาวมองสำรวจชายหนุ่
เช้าตรู่วันใหม่เวลาประมาณหกโมงเช้าฝนแก้วที่แต่งตัวเป็นป้าลากกระเป๋าเดินทางออกจากบ้านเพื่อเตรียมตัวไปชลบุรีและพักที่โรงแรมxxx ตามที่ตกลงกันไว้ เพราะบริษัทที่จ้างเธอกับน้องในทีมอีกคนให้ไปแต่งหน้าเหล่าพริตตี้ที่มีถ่ายนิตยสารกับรถยนต์นำเข้ารุ่นใหม่ที่ริมชายหาดนั่นเอง หญิงสาวลากกระเป๋าเดินทางมายืนรออยู่หน้าบ้านเพื่อรอเพื่อนที่ทำงานด้วยกันมารับเพราะรถยนต์ของเธอยังซ่อมอยู่ในอู่จึงต้องอาศัยคนอื่นไปก่อนแต่เธอก็ต้องผิดหวังเพราะคนที่เธอจะไปด้วยโทรมาบอกว่ารถยนต์เกิดอุบัติเหตุลื่นลงไหล่ทางเพราะฝนตกถนนจึงลื่นมาก และตอนนี้ยังรอรถลากอยู่ เธอจึงบอกให้หญิงสาวนำหน้าไปก่อนเลย แต่โชคดีที่เพื่อนร่วมงานของเธอไม่เป็นอะไรมาก หญิงสาวจึงเดินลากกระเป๋าเดินทางเพื่อจะขึ้นรถตรงทางเข้าหมู่บ้าน และระหว่างที่เธอเดินไปได้สักพักก็มีรถยนต์ขับตามหลังเธอมา ฝนแก้วที่แต่งหน้าแต่งตัวเป็นป้าหันไปมองรถยนต์คันงามนั่น“สวัสดีครับป้า จะไปไหนครับ ติดรถผมไปไหม แล้วหลานสาวคนสวยของป้าไปต่างจังหวัดจริงๆ เหรอ ป้าอำผมหรือเปล่า” เจ้าของรถยนต์ชะลอรถและขับตามเพื่อคุยกับเธอ“ก็ใช่น่ะสิ” หญิงสาวตอบอย่างหัวเสีย“ไม่เห็นต้องใส่อารมณ์กันเลยนี