Mag-log inพ่อสามีรัก แม่สามีหลง หน้าที่ของ 'เจ้าสาวป้ายแดง' อย่างเธอ คงต้องรีบเร่งมือ ทำให้ผู้ที่เป็นสามี ทั้งรักทั้งหลงเธอจนหัวปักหัวปำ ไม่สิ! แค่เขารู้สึกพิศวาสเธอสักนิด นั่นก็ถือว่าบรรลุเป้าหมายเพียงพอ!!
view more"หนูรัก" น้ำเสียงอิ่มเอมของผู้หญิงที่สวยที่สุดในบ้าน อัศวราช นั่นคือคุณหญิง เบญญา เอ่ยขึ้นขณะมองสะใภ้สาวคนสวยที่อยู่ในชุดเจ้าสาวหรูหรา สมกับเป็นสะใภ้คนแรกที่เบญญาและสามีอย่าง ภีมพล ตบแต่งเข้าบ้าน
เบญญาหมุนร่างแบบบางของสะใภ้สาว ดวงตาคมสวยหรี่มองความงดงามของ เปี่ยมรัก ด้วยสายตาชื่นชม "วันนี้หนูสวยมากเลยนะลูก สวยมากที่สุด แขกของแม่ชมเปราะไม่ขาดปาก เชื่อว่า หากมีหลานให้แม่ หลานของแม่คงน่ารักน่าชัง ไม่ว่าจะไปทางฝั่งของพ่อหรือฝั่งของแม่ สุดท้ายก็ล้วนแต่ดูดี" "คุณป้าชมรัก เอ่อ..." "เรียกแม่ได้แล้วจ้ะ แม่เบญ หนูลองเรียกดูสิ" "...ค่ะ แม่เบญ" เบญญายิ้มกว้าง วันนี้คือที่สุดของที่สุด เธอมีความสุขมาก สมหวัง ทุกอย่างล้วนได้ดั่งใจไปซะหมดเลย "แก้มแดงเชียว หัวใจยังเต้นแรงอยู่เหรอลูก" "ตื่นเต้นอยู่เลยค่ะแม่เบญ" "พยายามทำตัวให้ชินนะลูกนะ ต่อจากนี้เปี่ยมรักคือภรรยาของภูมิรพี บุตรชายคนโตของแม่และพ่อภีม หนูเป็นที่รักของพ่อกับแม่ อย่าสนว่าคนรอบข้างจะมองแบบไหน แค่ยืนสวยๆ ในฐานะเมียของตาภูมิเท่านั้นก็พอ" คำพูดของแม่สามีหมาดๆ ทำเปี่ยมรักที่อยู่ในชุดเจ้าสาวระบายรอยยิ้มให้เปื้อนแก้ม เปี่ยมรัก ดานุกุลในวัยยี่สิบหกปี ก่อนหน้านี้ใช้ชีวิตอิสระมาโดยตลอด พอมาอยู่ในจุดที่เรียกว่าอิ่มตัว เลยอยากตามใจพ่อแม่สักครั้งในชีวิต ทว่าสิ่งที่นรินทร์และ ดาริน พ่อแม่ของเธอต้องการ นั่นคือการเห็นบุตรสาวคนโตแต่งงานให้เป็นฝั่งเป็นฝา มีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบกับผู้ชายที่พ่อกับแม่ยืนยันว่าดี อย่าง ภูมิรพี @อีกด้าน "จะว่าไปแล้ว เจ้าสาวของเฮียก็สวยอยู่นะ อย่าว่าแต่สวยเลย โคตรแจ่มเชียวแหละ" ภูพิงค์ บุตรชายคนเล็กของตะกูลอัศวราชแซวพี่ชายพลางยกยิ้มที่มุมปาก ขณะเดียวกัน บุตรชายคนกลางของตะกูลอัศวราช อย่าง ภพนิพิฐ เองก็หยุดมองพี่สะใภ้ของตนไม่วางตา "ฮันแน่ มองเมียตาไม่กระพริบ ที่ไม่ปฏิเสธงานแต่งงานเพราะรู้อยู่แก่ใจว่าได้เมียแจ่มสินะ" ภูพิงค์หยอกต่อ ไม่วายเลื่อนมือไปสะกิดพี่ชายอีกคนเร็วๆ ภพนิพิฐเลิกคิ้วมอง ไม่นานผู้ชายเจ้าสำราญอย่างน้องคนเล็กก็ขยับตัวเข้ากระซิบกระซาบ "ผมว่านะ ไม่เกินหนึ่งเดือน" "คือ?" "ป่องไง" "ป่อง?" "ปัดโถ่เอ๊ยเฮียภพ ป่องที่แปลว่าท้องไง" "อยากวางแก้ววอสก้าแล้วกินฝ่ามือแทนสินะ" คำพูดของคนที่อยู่ในชุดเจ้าบ่าวทำคนที่หาเรื่องถึงกับสะดุ้งโหยง ขายาวของผู้ที่เป็นพี่ชายที่ตั้งท่าจะขยับเข้าใส่ ภูพิงค์กระโดดหลบที่หลังของพี่ชายอีกคนทันที "คิดว่าจะได้กินผมเหรอเฮีย" "กวนตีนเหรอ?" "โถ่ น้องหยอก" ภพนิพิฐยกยิ้มขำ ต่อให้จะโตแค่ไหน สุดท้ายความสนิทสนมและเล่นกันในแบบเด็กๆ ก็ไม่เคยหายไป "ผมดีใจกับเฮียด้วยนะ เท่าที่ดูแล้ว เมียเฮียถูกใจพ่อกับแม่มากเลยเหรอ" "อือ ขอบใจ" ภูมิรพีปรายตาไปหาหญิงสาวที่เข้าพิธีวิวาห์กับเขาตั้งนานสองนาน เป็นคนที่จดทะเบียนสมรสกับเขาแล้ว สรุปคือเป็นคนที่เขายอมรับว่าเป็นภรรยาเรียบร้อยแล้ว รอยยิ้มสดใสสะดุดตาไม่เคยเปลี่ยน และเหมือนว่าตั้งแต่โตเป็นสาวเต็มตัว เธอดูดีกว่าเดิมเยอะเลย เพล้ง! "สัส!" เสียงสบถหยาบดังจากเรียวปากหยักได้รูป ท่อนแขนแกร่งปัดโดนแก้ววอสก้าในมือน้องชายคนกลางจนแก้วร่วงแตกกระจาย "ซุ่มซ่ามอยู่นะเฮีย ตกใจอะไรครับ" เจ้าบ่าวหมาดๆ พ่นลมออกจากปาก จะให้ตอบน้องชายแบบไหนว่าเหตุผลที่ซุ่มซ่ามเพราะเขาลนลานในตอนที่รีบดึงสายตากลับ กำลังแอบมองคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเมีย ทว่าคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเมียกลับตวัดสายตามองมาทางเขาพอดิบพอดี "โทษทีนะภพ ตาลายว่ะ" "ผมไม่เป็นไร แต่เสื้อเฮียเปียกนะ" "เป็นอะไรรึเปล่าคะ" เสียงหวานจากทางด้านหลังส่งผลให้คนตัวโตชะงัก ภูพิงค์เบิกตาโพลง ห่อปากเล็กน้อยเมื่อเห็นพี่สะใภ้ในระยะใกล้ ขณะที่ภพนิพิฐเองก็ส่งยิ้มแบบเป็นมิตรกลับไป "เฮียซุ่มซ่ามน่ะเจ้" เจ้าบ่าวหมาดๆ ถลึงตาใส่น้องชายคนเล็กสุด ไม่นานก็หมุนตัวกลับไปหาเจ้าของคำถาม และเป็นคนคนเดียวกับที่ทำให้เขาตกใจ ภูมิรพีชะงักเล็กน้อย สบตากับดวงตากลมกระปุกของสาวเจ้าที่อยู่ในชุดเจ้าสาว "ไม่มีอะไร แค่แขนปัดโดนแก้ววอสก้า" คนฟังพยักหน้าหงึกหงัก ใจจริงหญิงสาวอยากจะเดินกลับไปที่เก่า ทว่า คนที่รบเร้าให้เธอเดินมาตรงนี้คงกำลังมองการกระทำของเธออยู่แน่ๆ "เอ่อ คือ..." "ดื่มด้วยกันไหมเจ้" คำถามของภูพิงค์ทำให้หญิงสาวยิ้มออก แน่นอนว่าการเดินออกไปจากตรงนี้เพียงลำพังไม่ใช่สิ่งที่เธอควรทำแน่ๆ นั่นหมายความว่า เธอต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อให้ได้ยืนอยู่ตรงนี้ แต่เหมือนว่าสวรรค์จะเข้าข้าง น้องชายของสามีหมาดๆ ชวนเธอพอดิบพอดี "นิดหน่อยก็ได้ค่ะ" "แฮ่ เจ้อย่าพูดคะพูดขาเลยครับ ไอ้ภูพิงค์มันเห็นคนสวยแล้วใจสั่น ขืนหวั่นไหวกับเมียเฮียเข้า เดี๋ยวเฮียมันหัวร้อนขึ้นมา" เปี่ยมรักยิ้มกว้างให้กับความเป็นกันเองของน้องชายคนเล็กของผู้ที่เป็นสามี แม้จะแอบเห็นอยู่ว่าพี่กับน้องแอบเขม่นกันทางสายตาก็ตาม "วอสก้าได้ใช่ไหมครับ?" ภพนิพิฐเอ่ยถาม เปี่ยมรักพยักหน้ารับทันที แวบหนึ่งที่หญิงสางแอบมองใบหน้าคมคายของผู้ที่เป็นสามี หน้าหล่อๆ ตึงเฉียบ พ่อสามีรัก แม่สามีหลง สิ่งหนึ่งที่เจ้าสาวป้ายแดงแบบเธอควรทำ คงต้องรีบเร่งมือ ทำให้ผู้ที่เป็นสามี ทั้งรักทั้งหลงเธอจนหัวปักหัวปำ ไม่สิ! แค่เขารู้สึกพิศวาสเธอสักนิด นั่นก็ถือว่าบรรลุเป้าหมายเพียงพอ! "เมื่อไหร่แขกจะทยอยกลับนะ อยากสังสรรค์กันแบบครอบครัวบ้างคงมีความสุขมากกว่าการต้องยกมือไหว้ใครต่อใครและทักทายใครต่อใครแบบนี้อ่ะ" ภูพิงค์เอ่ยขึ้นอย่างตรงไปตรงมา ตอนนี้พวกเขาทั้งสี่คนเคลื่อนตัวมานั่งบนโต๊ะเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถึงอย่างนั้นก็ยังต้องทำแบบที่พูดกับใครต่อใครในรอบข้างลำตัวอยู่ดี "อือ จริงด้วย" ชายหนุ่มทั้งสามอ้าปากค้าง ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าภูพิงค์ก็แค่ปากรั่วพูดออกมาตามประสา ไม่คิดว่าหญิงสาวที่หุ่นเป๊ะหน้าปัง ยิ้มกว้างให้ทุกคน อ่อนน้อมถ่อมตนกับทุกคนจะกล้ายอมรับออกมาตรงๆ "เอ่อ รักพูดอะไรผิดรึเปล่าคะ..." หญิงสาวยิ้มเจือน เมื่อไม่มีใครตอบคำถามหญิงสาวจึงเลือกที่จะหยุดสายตาที่ใบหน้าหล่อเหลาของผู้ที่เป็นสามีแทน "คุณภูมิ..." "เฮีย" "คะ?" "เรียกฉันว่าเฮีย!" -------"รักว่าเราลงไปข้างล่างดีกว่านะคะ อยู่ตรงนี้นานๆ เดี๋ยวพ่อกับแม่สงสัยเอา" แก้มนวลร้อนผ่าว การกระทำของคนตัวเล็กทำหนุ่มหล่อระบายรอยยิ้มให้หลุดออกมาในรูปแบบเดียวกันภูมิรพีกวาดสายตามองทุกอย่างที่วางอยู่บนโต๊ะอาหาร หลายสิ่งหลายอย่างเป็นเมนูที่เขาชอบทาน อีกหลายอย่างก็เป็นเมนูที่เขาไม่เคยทานเลยเช่นเดียวกัน"มาลูกมา อาหารพร้อมแล้ว""พ่อเพิ่มพัดลมให้อีกตัวนะลูก รับรองว่าไม่ร้อน" นรินทร์ยกพัดลมหน้ากว้างเข้ามาแล้วรีบทำการเสียบปลั๊ก เห็นชัดว่าทุกคนในบ้านเอาอกเอาใจเขาเป็นอย่างดี"สปริงเกอร์ล่ะพ่อ ถ้าเปิดสปริงเกอร์บนหลังคามันจะทำให้บ้านเราเย็นขึ้นนะ""แล้วจะยืนบอกพ่อทำไมล่ะยัยรส ไปสิ รีบไปเปิดเร็วๆ เลย พี่ๆ เขาร้อนเอ็งนี่มัน""ไปแล้วๆ โอ๊ยบ่นจัง" ปัณรสรีบหมุนตัวออกไปนอกบ้าน ทุกการกระทำเรียกรอยยิ้มจากหนึ่งในสมาชิกครอบครัวที่เคยอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เกิดยิ้มกว้างออกมา"พอกลับมาบ้านแล้วรักไม่อยากกลับไปที่อื่นอีกเลยค่ะ คิดถึงเหตุการณ์เก่าๆ จัง" "เรานี่ยังไง ไม่คิดว่าคนข้างๆ จะน้อยใจเลยเหรอ" ดารินมองลูกเขยอย่างเกรงใจ พลอยทำให้คนกลางอย่างเปี่ยมรักมองตาม"รักแค่คิดถึงวันเก่าๆ" "ผมเข้าใจครับ เอาเป็นว่าเฮียจ
บ้านดานุกุลดารินพร้อมทั้งสามีซึ่งเป็นประมุขของบ้านอย่างนรินทร์เปิดบ้านต้อนรับบุตรสาวที่วันนี้เข้าบ้านมาพร้อมกับหนุ่มหล่อข้างกายซึ่งมีสถานะเป็นลูกเขยของแม่กับพ่อภูมิรพียกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสอง ไม่ลืมที่จะส่งต่อของฝากให้กับพวกท่านซึ่งของเหล่านั้นไม่ได้มีเฉพาะของชายหนุ่มและภรรยาที่ตั้งใจซื้อมา แต่พ่อกับแม่ของเขาเองพอทราบข่าวว่าเขาจะไปเยี่ยมบ้านของภรรยา ผู้เป็นแม่ก็จัดสรรของฝากจนเต็มไม้เต็มมือ"ไหว้พระนะลูกนะ ยัยรสบอกแม่ว่ารักกับคุณภูมิจะมา วันนี้พ่อกับแม่เตรียมอาหารไว้เยอะแยะเลยนะลูก" "นั่นไง รักว่าแล้วว่าแม่ต้องเตรียมอาหารไว้รอ เฮียก็ซื้อของมาซะเยอะเลย" เปี่ยมรักหันกลับไปมองคนที่เข้าบ้านมาพร้อมกัน พบเพียงรอยยิ้มจางๆ ที่ชายหนุ่มส่งกลับมา"วันนี้เราทานข้าวกันที่บ้านนะคะ แม่รักทำอาหารอร่อยค่ะ อร่อยกว่ารักทำด้วย" "ได้สิ ไม่มีปัญหา กระเป๋าให้เฮียเอาไปเก็บที่ไหน" สรรพนามที่ภูมิรพีใช้ระหว่างคุยกับภรรยา ดารินและนรินทร์มองหน้ากันทันที"เห็นลูกๆ สนิทกันแบบนี้พ่อกับแม่ดีใจมากเลยนะ" นรินทร์สังเกตเห็นว่า สีหน้าของบุตรสาวดูสดใสมากเป็นพิเศษ คนเป็นพ่อที่พูดน้อยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เน้นการสังเกตเป็นส
"เฮียพูดคำว่ารัก เพราะว่ารักกำลังอุ้มท้องลูกของเฮียอยู่รึเปล่าคะ" คงจะเป็นฮอร์โมนของคนที่กำลังตั้งครรภ์ส่งผลให้เปี่ยมรักร้องถาม ดวงตากลมสวยกลอกกลิ้งไปตามกรอบหน้าหล่อเหลาลงตัวทุกจุดของผู้เป็นสามี ปากอิ่มเม้มเข้าหากันน้อยๆ เปี่ยมรักไม่ชอบการเก็บทุกอย่างเอามาคิดมาก ถามแบบตรงไปตรงมามันคงเป็นอะไรที่ง่ายมากกว่าการเก็บทุกอย่างไว้เอง"สำหรับเฮีย ลูกคือตัวแทนของความรักนะ เพราะรักจึงอยากมี" "ทั้งที่ก่อนหน้านี้เราต่างก็รู้ดีน่ะเหรอคะว่าเราแต่งงานกันเพราะอะไร" ใจคนตั้งประเด็นแทบหยุดเต้น เปี่ยมรักกำลังเก็บความรู้สึกของตัวเองไม่มิด เกิดอยากเคลียร์ในเรื่องที่ทำให้รู้สึกแย่และรู้สึกผิดมาโดยตลอดในเมื่อทุกอย่างมันกำลังดีและไปได้สวย บางเรื่องที่ยังค้างคาก็ควรคลี่คลายออกให้กระจ่าง ท้ายที่สุดเหล่าปัญหาจะได้ไม่ต้องตามมาทีหลัง"ถ้าเฮียเคลียร์ในเรื่องนี้ได้ ตัวเธอล่ะจะเคลียร์เรื่องนี้ได้รึเปล่า" ใจคนฟังกระตุกวูบ เปี่ยมรักโน้มตัวเข้าไปแนบชิด ท่อนแขนเรียวเกี่ยวลำคอหนาเข้ามากอดอย่างออดอ้อน เลยเป็นตัวเธอที่พูดไม่ออกทั้งที่เป็นฝ่ายสร้างประเด็นเองแท้ๆ"หึ..." ภูมิรพีหลุดเสียงหัวเราะในลำคอเบาๆ พลางยกมือขึ้นมาลูบ
คำบอกรักจากหนุ่มหล่อทำใจดวงน้อยเต้นแรงขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง ดวงตาคู่สวยกระพริบถี่ จำได้ว่าก่อนหน้านี้เขาเป็นคนพูดทุกอย่างขึ้นมาเอง เรื่องท้าทายที่ว่าระหว่างเธอและเขา ใครจะเป็นฝ่ายรู้สึกก่อนกันทั้งที่เปี่ยมรักกลัวแทบตาย กลัวว่าการหวั่นไหวที่มันก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วมันจะทำให้เธอเป็นเพียงฝ่ายเดียวที่รู้สึก ไม่นึกไม่ฝันว่าท้ายที่สุดเขาจะเป็นฝ่ายเฉลยมันออกมาด้วยตัวเอง"เมื่อกี้บอกรักงั้นเหรอคะ" "อืม ฉันรักเธอนะ มันนานมากจนเธอตั้งรับไม่ทันแน่ๆ""ชะ ช่วยเล่าหน่อยสิคะ" เปี่ยมรักเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงกระท่อนกระแท่น คนตัวโตกดเข่าแทรกเข้ามาที่กลางหว่างขา สัมผัสได้ว่า ความใหญ่โตเกินมาตรฐานสัมผัสกับความนุ่มของผิวเนียน"มันยาวนะ แน่ใจเหรอว่าอยากฟัง""รักอยากฟัง อ๊ะ..." ร่างบางถูกยกด้วยสองมือเพื่อให้ผละจากการคร่อมทับร่างหนา คนตัวโตขยับตัวเพียงนิดตามด้วยการรั้งร่างบางเข้ามาประกบชิดและดันแผ่นหลังบางให้เอนหลังไปกับโซฟาแทน"อื้ออ! ทะ ทำอะไรคะ" เปี่ยมรักเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงกระท่อนกระแท่น หัวใจเริ่มเต้นแรงเมื่อใบหน้าคมคายฝังเข้ากับหน้าท้องแบนราบตามด้วยมือหนาที่ลูบไล้เคล้นคลึงเข้ากับใจกลางความเป็นสาว"อ๊าส์
"ถ้าขั้นนั้นภูก็คงต้องขอคารวะศิษย์พี่แล้วล่ะ อยากคลั่งรักแบบเฮียภูมิบ้างว่ะ ว่าแต่ชาตินี้ภูจะได้เจอรักแท้รึเปล่านะ ก็คงไม่อ่ะ ฟ้าคงส่งภูมาเพื่อเป็นนักล่าเพียงอย่างเดียว" "เดี๋ยวมึงก็รู้ไอ้เสือน้อย นักล่าใช่ปะ อย่าหลงรักเหยื่อเนื้อหวานๆ ขึ้นมาซะล่ะ พอถึงวันนั้นทุกเหตุการณ์ที่มึงแซวกูคงผุดขึ้นมาเป็นระนาว""อ้าว นี่เฮียคาดโทษน้องนี่หว่า ไรวะ ภูยังจำได้อยู่นะ แม่บอกให้รักกันใช่ไหมครับเฮียภพ" หนุ่มน้อยรีบหาพวก ท่าทางลนลานพลอยทำให้บุตรคนกลางของอัศวราชระบายรอยยิ้มออกมา"ผมดีใจกับเฮียด้วยนะ ผมว่าผลตอบแทนของความซื่อสัตย์และรักเดียวใจเดียวมันกำลังจะส่งผลในอีกระดับแล้วล่ะ" "หมายความว่าไงวะ" ภูมิรพีเหลือบมองเสี้ยวใบหน้าของน้องคนกลาง แต่ก็พบเพียงรอยยิ้มจางๆ ที่ผุดออกมา"เห็นตอนที่รักกอดเฮีย ผมว่าอ้อมกอดนั้นมันมีความหมายนะ คนอยู่ตั้งเยอะแยะ คนที่จะเข้าไปห้ามเฮียควรเป็นใครก็ได้ ผม ไอ้ภู หรือจะเป็นคุณแม่ แต่เธอกลับเลือกที่จะหยุดเฮียด้วยตัวเอง การหยุดมันมีหลายรูปแบบ แต่เมียเฮียเลือกหยุดด้วยการสวมกอด หมายความว่า เมียเฮียไม่ได้หยุดเฮียเพื่อปกป้องผู้หญิงคนนั้น แต่เธอหยุดเฮียเพื่อปกป้องเฮีย""อันนี้จริง
น้ำตาแห่งความพ่ายแพ้หลั่งไหลออกมาไม่ขาดสาย นัยน์ตาของทอฝันถูกหล่อเลี้ยงไปด้วยหยาดน้ำตาจนทุกอย่างพร่ามัวเหตุผลที่แท้จริงเธอเพียงอยากมีบทบาท การที่บอสหนุ่มไม่เคยมีท่าทีสนใจผู้หญิงคนไหนเลยมันทำให้เธอที่มีโอกาสใกล้ชิดมากกว่าใครมีความหวัง ทั้งทอดสะพาน เอาใจใส่ทุกอย่าง แต่วันนี้ทุกอย่างชัดเจนแล้วว่าทุกสิ่งที่เธอทำไม่มีประโยชน์อะไรเลยเธอไม่ควรประมาทสองหนุ่มนั่นคือภพนิพิฐและภูพิงค์ รู้ดีว่าสองคนนี้ไม่ธรรมดา ส่วนผู้บริหารระดับสูงอย่างเบญญาและภีมพลผู้เป็นสามีก็มีอำนาจมากพอที่จะทำให้ไม่มีองค์กรใดเปิดโอกาสให้เธอได้เริ่มต้นงานใหม่ส่วนเปี่ยมรักผู้หญิงที่ธรรมดามากในสายตาเธอ เห็นแล้วว่าสามีอย่างภูมิรพีที่เป็นแบล็กหลัง พร้อมทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องคนเป็นเมีย บอสหนุ่มไม่เคยล้อเล่นหรือเสียเวลากับใครทั้งนั้น ทุกอย่างมันชัดเจนอยู่แล้วว่าเธอเดือดร้อนแน่ หากยังไม่หยุดและถอยกลับออกไปยิ่งเห็นทุกคนพร้อมใจฉีกหน้าเธอออกมาแบบนั้น เลขาสาวหมดหนทางที่จะไปต่อ หากเธอไม่ถอยและหายออกไปจากชีวิตของพวกเขา รู้ดีว่าเธอจะไม่เหลืออะไรเลยแม้แต่ที่ให้ยืน"หนูรัก เจ็บมือมากไหมลูก" เบญญาเข้าหาสะใภ้สาวหลังจากเลขาของบุตรชายเดินกุ
Mga Comments