ถ้าป้าไม่ชอบผม แล้วป้าจะหลับตาทำไมครับ"หญิงสาวอายุ25ได้ฟังที่เขาพูดถึงกับเม้มปากเข้าหากันโดยอัตโนมัติ แนะนำเรื่อง🌟 ฝนแก้ว สาววัยยี่สิบห้าที่มีแต่เรื่องโชคร้ายเข้ามา ตามตำราแล้วเขาเรียกว่าวัยเบญจเพสที่มักจะมีโชคไม่ดีเข้ามาตลอดเพื่อนสาวของฝนแก้วจึงพาเธอไปดูดวงเพื่อหาวิธีป้องกันและแก้ไข แต่ฝนแก้วไม่เคยเชื่อเรื่องนี้เลยสักนิด จนกระทั่ง… เธอเหยียบฝาท่อระบายน้ำที่ชำรุดแล้วตกลงไปรถยนต์ของเธอที่จอดไว้ก็ดันมาถูกชนท้ายจนยับเยินอีก และที่หนักสุดกระถางต้นไม้หล่นใส่เธอจนหลับไปหลายวัน ฝนแก้วจึงนึกถึงคำของหมอดูที่เตือนเธอว่าให้อยู่ห่างจากยักษ์ แม่หมอพูดอะไรเรื่อยเปื่อย จะมียักษ์ในโลกนี้ที่ไหนกันล่ะ จนกระทั่ง ...มีเพื่อนบ้านย้ายเข้ามาอยู่ใหม่ชื่อ รามสูร แม่หมอบอกถ้าอยากหลุดพ้นจากความชั่วร้ายของยักษ์ ให้เป็นคนแก่ซะ รามสูร หนุ่มวัยยี่สิบแปดที่มีปมความหลังที่ไม่มีใครรู้ เป็นเพื่อนบ้านที่ย้ายมาอยู่ใหม่เขาเป็นหนุ่มเจ้าเสน่ห์ เนื้อหอม ตาชั้นเดียวแต่ซ่อนไปด้วยความคมเข้มชวนให้หลงเสน่ห์ สาวๆ คนไหนได้สบตากับเขาไม่มีใครที่ไม่ตกหลุมรักเขาเลย
Lihat lebih banyakในห้องพิเศษของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง
“ฟาดเคราะห์ไปนะแกเอ๊ย ฉันน่ะคิดว่าแกจะไม่ตื่นขึ้นมาซะแล้ว” จิน คือเพื่อนสนิทของหญิงสาวพูดในขณะที่กำลังรินน้ำใส่แก้วให้หญิงสาวที่กำลังทานข้าวมื้อเช้าของโรงพยาบาลเพิ่งเสร็จ “ฉันน่ะตายยากจ้ะ แล้วคนที่ช่วยฉันไว้เป็นยังไงบ้างไม่เห็นแกพูดให้ฉันฟังเลย” หญิงสาวลุกจากเตียงผู้ป่วยแล้วไปหยิบเสื้อผ้าที่จินเพื่อนสาวเตรียมมาให้เพราะว่าฝนแก้วออกจากโรงพยาบาลวันนี้นั่นเอง “ทำเป็นพูดดีไป หมอดูเขาทักเธอมาแบบนั้นเชื่อซะที่ไหน แล้วเป็นไงล่ะครั้งนี้เจ็บหนักจนต้องเข้าโรงพยาบาลเลย ส่วนคนที่ช่วยแกรับกระถางน่ะเขาไม่เป็นอะไรมากหรอกบินไปทำงานต่างประเทศแล้ว อย่าห่วงไปเลย” จินบ่นร่ายยาวเมื่อเห็นว่าเพื่อนสนิทของเธอไม่สนใจเรื่องดูดวงสักนิด “เชื่อแล้วๆ ฉันเจอขนาดนี้มันต้องไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ๆ แกจะให้ฉันทำยังไงล่ะ ตั้งแต่เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ฉันยังไม่เคยเจอยักษ์เลย หรือแกเคยเจอมาแล้วยัยจิน” “ฉันก็ไม่เคยเจอ แต่ทำไมหมอดูไม่บอกล่ะว่ายักษ์อะไรหรือว่าจะเป็นรูปปั้นหรือสัญลักษณ์แกคิดเหมือนฉันไหม” จินใช้ความคิด “ฉันก็คิดเหมือนแก เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้วก็น่าจะลองดูหน่อยแล้วกันไม่เสียหายอะไร แต่ฉันต้องไปทำงาน แล้วจะให้แต่งตัวเป็นคนแก่ได้ยังไงกันล่ะ” เพราะงานของหญิงสาวคือ เมคอัพอาร์ติส ที่เนรมิตความสวยให้กับลูกค้าที่จ้างเธอไปแต่งหน้าออกงานต่างๆ และด้วยฝีมือของหญิงสาวที่เก่งนั้นก็มีงานเข้ามาทุกวันจนเธอเองแทบไม่มีเวลาหยุดพัก บวกกับบริษัทที่เธอทำงานอยู่ก็ให้โบนัสงามๆ กับเธอทุกเดือนฝนแก้วเลยสู้ขาดใจนั่นเอง “งั้นแกก็ไปซื้อเสื้อผ้าคนแก่ วิกผมคนแก่ ส่วนหน้าแกนะแก่อยู่แล้วไม่ต้องแต่งมาก” จินพูดพลางอมยิ้มขบขันที่แซวเพื่อนของตัวเองได้จนทำให้ฝนแก้วยิ้มออกมา “ยัยเพื่อนบ้า แต่ยังไงก็ขอบใจนะที่มาอยู่เป็นเพื่อนกัน” ฝนแก้วเอ่ยพลางจับแขนของจินทำหน้าปนอ้อน หลังจากที่ฝนแก้วกลับมาที่บ้านเธอก็จัดแจงอาบน้ำและทำอาหารทาน สำหรับมื้อเย็น บ้านหลังนี้อยู่เกือบๆ ด้านในสุดของหมู่บ้านทำให้ไม่ค่อยมีรถวิ่งผ่านมาเท่าไหร่นัก หญิงสาวจึงมักจะออกมานั่งเล่นตรงสวนหย่อมที่เธอจัดสวนไว้อยู่เป็นประจำหลังจากเลิกงานหรือวันหยุดนั่นเอง และวันนี้ก็เช่นเดียวกันที่เธอออกมานั่งเล่นอย่างสบายอารมณ์เพราะเพิ่งออกจากโรงพยาบาล หลังจากที่นอนเป็นผักอยู่สามวัน บ้านหลังนี้มีขนาดไม่ใหญ่มากนักหากเปรียบเทียบกับบ้านหลังใหญ่โตที่อยู่ข้างบ้านของเธอ หญิงสาวเพิ่งสังเกตเห็นว่ามีรถยนต์คันหรูเพิ่งขับผ่านหน้าบ้านเธอไปและเลี้ยวเข้าไปในบ้านหลังนั้นทันที “สงสัยจะเป็นเจ้าของบ้านคนใหม่ ก็ดีนะที่ยังมีคนมาอยู่ ถ้าปล่อยให้ร้างไว้นานเสียดายบ้านแย่เลย” หญิงสาวมองตามรถยนต์คันหรูที่เพิ่งตีไฟเลี้ยวซ้ายเข้าไปในบ้าน เธอจึงลากสายยางมารดน้ำต้นไม้ที่เธอปลูกเอาไว้ บ้านหลังนี้ใหญ่เกินไปสำหรับเธอที่จะอยู่คนเดียว บ้านสองชั้นที่พ่อกับแม่ของเธอซื้อเอาไว้ให้หญิงสาวก่อนที่ทั้งคู่จะแยกย้ายกันไปมีครอบครัวใหม่และทิ้งให้เธออยู่บ้านหลังนี้ตั้งแต่อายุสิบหกนั่นคือเธอเพิ่งจะอยู่มัธยมที่ห้าเท่านั้นเพราะเธอเข้าเรียนก่อนเกณฑ์หนึ่งปีนั่นเอง การใช้ชีวิตของเธอในช่วงเรียนนั้น ต้องใช้ความอดทนและใจสู้อย่างมากที่จะผลักดันให้ตัวเองได้เรียนต่อและมีงานดีๆ ทำโดยที่พ่อกับแม่ของเธอไม่ส่งเสียให้เธอเลยสักนิดคงจะเห่อลูกใหม่อยู่นั่นเอง นั่นยิ่งทำให้ฝนแก้วรู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกินของพ่อกับแม่จึงไม่กล้าติดต่อไป และเธอก็คิดเข้าข้างตัวเองว่ายังมีบ้านหลังใหญ่ให้เธอซุกหัวนอนไม่ได้เร่ร่อนไปไหนก็ขอบคุณพ่อกับแม่มากๆ แล้ว หญิงสาวรดน้ำต้นไม้อยู่โดยที่ไม่ได้สังเกตว่าบ้านหลังข้างๆ ที่มีรถยนต์คันหรูเลี้ยวเข้าไปนั้น มีสายตาของชายหนุ่มที่กำลังจ้องมองเธอยิ้มกริ่มอย่างพึงพอใจอยู่ที่ชั้นสองของบ้านที่มองหญิงสาวทุกการเคลื่อนไหวไม่อาจละสายตาไปไหนได้เลย ......... ใครกันนะมองฝนแก้ว ไอ่หื่นที่ไหนกันอย่ามาทำรุ่มร่ามนะ 🤪 ฝากนิยายเรื่องใหม่ด้วยนะคะ อย่าลืมกดเพิ่มเข้าชั้นกันน๊าาา เพื่อไม่พลาดการอัปเดตตอนต่อไปค่ะ กดใจหรือจะคอมเม้นก็ได้เลยค่ะ ปิ๊งๆเรื่องแบบนี้มันเป็นความเชื่อและใช้วิจารณญาณส่วนบุคคล ตอนแรกเธอไม่เชื่อเลย และก็เริ่มเชื่อจนในที่สุด เธอเชื่อแล้วว่าคำที่หมอดูบอกเธอเป็นเรื่องจริงทั้งนั้น เธออยากจะบ้าตายที่เขาอยู่ตรงหน้าของเธอแบบนี้ ใบหน้าดวงตาคมเข้มฉายแววซุกซนให้เธอตลอด ใบหน้าเรียบเนียนของเขาเพียงเธอทาไพรเมอร์ก็ทำให้ดูดีโดยที่ไม่ต้องแต่งแต้มอะไรมากแล้ว ดวงตาชั้นเดียวแต่มันคมเข้มของเขาจ้องมองหญิงสาวตลอดจนเธอเองอยากจะเอานิ้วจิ้มลูกตาของเขาให้บอดไปซะให้รู้แล้วรู้รอด‘ลูกค้าๆๆ ท่องไว้’ หญิงสาวพูดในใจและเธอสังเกตเห็นว่าเขามีไฝตรงปีกจมูกและด้านข้างของจมูกตรงกลางอย่างละเม็ดเรียงกัน ไฝไม่ใหญ่มาก แต่ถ้ามองใกล้ๆ แบบนี้ก็จะเห็นอยู่‘ไฝเสน่ห์ สินะ ฉันไม่หลงเสน่ห์ของนายหลอกย่ะ” และเธอก็ตบแป้งพัฟแรงขึ้น“โอ๊ย ผมเริ่มเจ็บแล้วนะครับ” ชายหนุ่มรู้ดีว่าหญิงสาวจงใจแกล้งแต่งหน้าเขาแรงๆ เพราะเขาก็ใช้สายตารุ่มร่ามกับเธอจริงๆ หมับ! เจ้าของเสียงที่ร้องเจ็บ จับข้อมือของหญิงสาวเอาไว้ราวกับว่าจะให้หญิงสาวหยุด แต่เปล่าเลย เขาจับคว้าข้อมือของเธอแล้ว ให้หญิงสาวแต่งหน้าของเขาเบาๆ อย่างอ่อนโยน ให้ตายเถอะ! เขากลับไม่โกรธเธอเลยสักนิด กลับแสดงท่าทา
รถยนต์คันหรูมาจอดหน้าบ้านของหญิงสาว “ขอบคุณนะคะที่มาช่วยฉันเมื่อกี้ และให้ฉันติดรถมาด้วย” ฝนแก้วพูดก่อนจะเปิดประตูลงจากรถคันงามนั้น“ถ้าคุณยังกลัววัยรุ่นพวกนั้น คุณแจ้งความได้นะ ผมจะพาคุณไปเอง” รามสูรลงจากรถและเดินมาดักหน้าเธอเอาไว้“ไม่หรอกค่ะ ฉันคิดว่าพวกนั้นคงไม่กล้าแล้ว แล้วอีกอย่างฉันก็ไม่ได้เป็นอะไรด้วยค่ะ” เธอตอบเสียงเรียบเพราะในใจคิดแต่เรื่องคำพูดของหมอดูคนนั้น เช้าวันใหม่ชายร่างสูงมาจอดรถยนต์รออยู่หน้าบ้านของฝนแก้ว เพราะรอเวลาที่หญิงสาวจะเดินออกมาทำงานแต่กลับต้องพบหญิงวัยสี่สิบกว่าๆ เดินถือกระเป๋าใบเดียวกับเมื่อคืนที่ฝนแก้วถืออยู่เดินออกมาจากบ้านและปิดรั้วประตูอย่างทะมัดทะแมง“สวัสดีครับป้า ฝนแก้วไม่อยู่บ้านเหรอครับ” ชายหนุ่มเปิดประตูรถลงมาทักทายพร้อมยกมือไหว้ แต่ป้าวัยสี่สิบกว่าๆ กลับทำตาโตใส่ราวกับตกใจที่เจอหน้ารามสูร“คือผมอยู่บ้านข้างๆ นี่ไงครับ เพิ่งย้ายมาอยู่ใหม่” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับชี้บ้านหลังถัดไปที่อยู่ติดกับเธอ“ฝนแก้วเหรอ เธอไปทำงานแล้ว นี่ฉันกำลังจะเอากระเป๋าไปให้หลานสาวสงสัยจะลืม” ป้าวัยสี่สิบกว่าๆ พูดดัดเสียงนิดหน่อยและชูกระเป๋าในมือขึ้น พลางคิดในใจ ว่าเธอแต่
“รามคะ สูบบุหรี่เสร็จหรือยังคะ ริชชี่รอนานแล้วนะคะ” สาวเซ็กซี่แต่งตัวเปรี้ยวเข็ดฟันมายืนโอบต้นคอของชายหนุ่มที่กำลังทักทายสาวข้างบ้านอยู่ “เสร็จแล้วครับ งั้นเช็กบิลกลับกันเลยดีไหม ผมจะไปส่งคุณเอง” ชายหนุ่มเดินโอบเอวหญิงที่มาด้วย โดยเดินตามหลังฝนแก้วมาห่างๆ“ไม่พาริชชี่ไปบ้านใหม่ของรามเหรอคะ ริชชี่อยากไปค่ะ”“ไม่ได้ครับ” เขาพูดเสียงเข้มโทนต่ำใส่หญิงสาว“ก็ได้ค่ะ งั้นไม่ไปก็ได้ ริชชี่รู้ค่ะว่าสถานะของตัวเองเป็นแบบไหน” สาวเจ้าทำเสียงน้อยใจจนฝนแก้วต้องหันหลังมามองคนทั้งสอง ที่ผู้หญิงทำเสียงน้อยใจแต่ก็เกาะแขนของเขาไม่ปล่อยด้วยเช่นกัน ผู้ชายคนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ เธอคิดในใจและระหว่างที่ฝนแก้วกำลังไปนั่งที่โต๊ะก็ถูกสายตาของรามสูรมองตามหลังเธอตลอด และเห็นว่าเธอมากับผู้ชายและผู้หญิงอีกคน “ชักจะอยากรู้จักแล้วสิ หึๆ ถ้าเธอมีแฟนฉันก็จะถอยออก แต่ถ้าไม่ก็อยากจะจีบสักครั้ง” เขาพูดไหวไหล่เชิงเหนือชั้น ทำให้หญิงสาวที่มากับรามสูรถึงกับมองตามฝนแก้วที่กำลังเดินออกจากร้านไป“รามคะ” ริชชี่พูดตะคอกใส่เขาจนดังลั่นร้าน ทำให้เขาขมวดคิ้วใส่เธอและเดินออกมานอกร้านทันที “ริชชี่ขอโทษค่ะราม ต่อไปจะไม่ทำแบบนี้กับรามอ
เมื่อได้เวลาเลิกงานหญิงสาวจึงรีบไปซื้อเสื้อผ้าคนสูงวัยกับจินทันที ที่ห้างสรรพสินค้าแถวๆ ที่ทำงานของจินนั่นเองฝนแก้วเดินไปได้สักพัก ก็ต้องหยุดชะงักฝีเท้าทำให้จินที่เดินตามหลังมาชนเธอเข้าจังๆ จนฝนแก้วเองเซไปโดนคนข้างหน้า จนคนตรงหน้าต้องรีบคว้าเธอไว้ได้ทันก่อนที่ฝนแก้วจะล้มหน้าคว่ำลงกับพื้นไปซะก่อน“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวที่ถูกชายหนุ่มตรงหน้าจับมือไม่ปล่อยค่อยๆ ดึงมือของตัวเองออกอย่างเบาๆ“ขอโทษครับ” ชายหนุ่มตาหวาน ยิ้มเขินอาย“ฉันต้องขอโทษคุณซันด้วยนะคะ เกือบจะทำคุณล้มไปด้วยเลย ถ้าไม่ได้คุณจับไว้ฉันกับยัยจินต้องเจ็บตัวแน่ๆ ะ” หญิงสาวยิ้มหวานเพราะเธอเขินนิดหน่อย ที่ทำตัวซุ่มซ่ามต่อหน้าผู้ชายที่เธอเพิ่งแต่งหน้าไปเมื่อตอนกลางวัน“เอ๊ะ คุณเองเหรอคะ” จินพูดขึ้น“โอ๊ะ คุณ ผมจำได้แล้ว เพื่อนของคุณเป็นยังไงบ้างครับ” เขาพูดพร้อมกับเอามือจับศีรษะของตัวเอง เป็นการบอกใบ้ด้วยท่าทางให้อีกฝ่ายได้รับรู้“นี่ไงคะ ฝนแก้วคนที่คุณช่วยรับกระถางไว้ รู้จักกันแล้วนี่คะ” จินชี้มาทางฝนแก้วแต่หญิงสาวกลับทำหน้าสงสัย“อ๋อ วันนั้นผมเห็นหน้าไม่ชัดครับแล้วอีกอย่างตอนนั้นก็รีบด้วย ไม่คิดว่าจะเป็นฝนแก้ว” เขายิ้มอย่างพอใจท
เมื่อฝนแก้วมาถึงบริษัทก็รีบโทรศัพท์หา จิน เพื่อนสนิทของเธอโดยไม่รอช้า“ได้ๆ งั้นเดี๋ยวเราไปกินมื้อเที่ยงด้วยกัน วันนี้ฉันมีงานแต่งหน้าให้กับนักแสดงใกล้ๆ ที่ทำงานของแกด้วยเดี๋ยวเจอกันนะ” ฝนแก้วพูดจบก็วางสายและจัดการดูตารางงานที่เธอต้องออกไปข้างนอก และยกกระเป๋าอุปกรณ์แต่งหน้าไปนอกสถานที่ทันที งานที่ฝนแก้วมาทำวันนี้ก็คือ แต่งหน้าให้กับนักแสดงประกอบในละครเรื่องหนึ่งที่เธอต้องแต่งหน้าให้มีสามคน“ฝนแก้วมาแล้วเหรอ พี่ฝากน้องๆ ด้วยนะ ช่วยแต่งให้สวยให้หล่อเพราะพี่จะดันน้องๆ ให้แจ้งเกิดเรื่องนี้เลย” ผู้กำกับสาวพูดพลางพาฝนแก้วไปที่ห้องแต่งตัวของทีมงาน เมื่อเข้าไปข้างในก็พบช่างแต่งหน้าทำผมไม่กี่คนที่นักแสดงมารอแต่งหน้าเพื่อเข้าฉาก หญิงสาวจึงไปนั่งตรงมุมหนึ่งของห้องเพื่อไม่ให้เกะกะคนอื่นมากนักเพราะมีทีมงานเดินเข้าออกตลอด ไม่นานก็มีน้องๆ ผู้หญิงสองคนเดินเข้ามาหาเธอพร้อมกับผู้ชายอีกหนึ่งคน ฝนแก้วรู้งานทันทีจึงเชิญให้ทั้งสามนั่งก่อน“สวัสดีค่ะ พี่ชื่อฝนแก้วนะคะวันนี้พี่มารับหน้าที่แต่งหน้าให้น้องๆ เห็นผู้กำกับบอกว่าจะแจ้งเกิดน้องๆ จากเรื่องนี้พี่จะแต่งให้สุดฝีมือเลยค่ะ เชื่อใจพี่ได้ ว่าแต่ใครจะเริ
“ใครครับ” เขาถามเสียงเบาๆ อยู่ในลำคอ เมื่อฝนแก้วได้ยินเช่นนั้นจึงค่อยๆ ลุกขึ้นยืนและเห็นว่าเขากำลังใช้สายตามองสอดส่องเข้ามาในรั้วบ้านของเธอ เมื่อชายหนุ่มเจ้าของคำถามเห็นใบหน้าของหญิงสาวถึงกับผงะถอยหลังในทันที เพราะแสงไฟสว่างสลัวแบบนั้นยังทำให้พอจะเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าชัดเจนอยู่บ้าง“เฮ้ย ผี” เสียงของชายหนุ่มตะโกนดังลั่นพร้อมกับวิ่งสอยเท้าเข้าไปในบ้านของตัวเองอย่างรวดเร็ว เสียงฝีเท้าของเขาที่วิ่งนั้น ทำให้ฝนแก้วต้องรีบวิ่งเข้าบ้านของตัวเองด้วยเช่นกัน“ผีเหรอ ผีที่ไหน ที่บ้านฉันมีผีเหรอ” ฝนแก้วหายใจหอบถี่ด้วยอาการตกใจอย่างมากที่เขาเห็นผีในบ้านของเธอเอง หรือว่าจะมีผีจริงๆ แต่ช่วงนี้เธอเองก็ดวงไม่ดีด้วยน่ะสิ แต่ถ้ามีผีจริงๆ ทำไมเธอถึงไม่เคยเห็นล่ะ ชายหนุ่มร่างสูงสมส่วนรีบเดินขึ้นบ้านไปยังชั้นสองแล้วเปิดไฟทุกดวงในบ้านให้สว่าง“ผีเหรอ แม่งเอ๊ยไม่น่าออกไปวิ่งตอนดึกแบบนี้เลย โคตรหลอนว่ะ” ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาตาชั้นเดียวนัยน์ตาคมกริบสบถพร้อมกับถอดเสื้อผ้าออกเหลือไว้เพียงผ้าขนหนูผืนเดียวเท่านั้นที่พันท่อนล่างของเขาเอาไว้“ไรวะ มีอะไรโทรมาดึกๆ บอกไว้ก่อนถ้าให้ฉันไปรับตอนนี้ฉันไม่ไปหลอกนะ” เสี
Komen