"ถ้ายั่วไม่เลือกที่ก็เอามือปิดปากกลั้นเสียงครางให้ดี ๆ ไม่งั้นปืนในมือพ่อเธอได้จ่อหัวพี่แน่ ยัยคุณหนูตัวแสบ" เสียงแหบแห้งสบถลอดไรฟันด้วยความอดกลั้น เขาสั่นเทาไปทั้งร่างจนนุดีสัมผัสได้ อารมณ์อยากที่ก่อเกิดในตัวเขาฟ้องด้วยขนาดของลำเลาที่แข็งตึงและพาดทับโหนกเนื้อของเธอจนเต็มพื้นที่ "พี่เธียร" "ยั่วพี่ทำไมครับ ที่พี่ป้อนให้ตั้งแต่บ่ายยังไม่อิ่มเหรอ...ฮึ!" "นุดีก็แค่อยากรู้ว่าพี่เธียรจะ..." "ฟันแล้วทิ้งไหม" คุณหนูตกใจที่เขารู้ความคิดเธอ เลยนิ่งเงียบอย่างรู้สึกผิด "ก่อนจะงี่เง่าต้องดูฐานะด้วยครับ ว่าระหว่างพี่กับคุณหนูใครที่จะทิ้งใคร อย่างพี่ถ้าคุณหนูไม่ฟ้องคุณพ่อพี่ก็จะคบกับคุณหนูยาว ๆ แต่สำหรับคุณหนู ถ้าวันไหนที่คุณเจอคนที่เหมาะสม พี่ก็คงเป็นแค่หมาหัวเน่า...อุ๊บ!"
view more"การเรียนเป็นยังไงบ้าง"
คำถามแรกของวันเอ่ยขึ้น ระหว่างเวลาอาหารมื้อเช้า ที่คนเป็นพ่อเอ่ยถามบุตรสาว แต่ทว่าใบหน้าตึงเครียดของทั้งคู่กับทำให้บรรยากาศดูไม่อบอุ่นอย่างที่ควรจะเป็น
"ก็ดีค่ะ"
คำตอบสั้น ๆ ที่เอ่ยตอบบิดาไม่ได้สดใสหวานแหววสมวัย แต่เจ้าของคำตอบกลับหน้าตาเศร้าสร้อยราวกับไม่มีชีวิตชีวา
อนุรดี เกษมทรัพย์ตระกูล หรือคุณหนูนุดี เด็กสาวอายุ 18ย่าง19 บุตรสาวคนเดียวของนักธุรกิจที่รวยเป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศ อย่างท่านอนันต์ เกษมทรัพย์ตระกูล พ่อหม้ายวัย 52ปี ที่สูญเสียภรรยาไปจากโรคร้ายที่คุกคามเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา
ท่านอนันต์เลยต้องเลี้ยงดูบุตรสาววัยแรกแย้มเพียงลำพังจนทุกวันนี้ แต่เด็กสาววัยรุ่นกับพ่อผู้บ้างาน จะมีความผูกพันอะไรมากมาย เพราะความไม่เข้าใจกัน เลยทำให้ความสัมพันธ์พ่อลูกเกิดช่องว่างที่ยากจะเติมเต็ม
คนเป็นพ่อก็ตั้งความหวังกับลูกเอาไว้มาก ทั้งเรื่องการเรียนและเรื่องสานต่อธุรกิจ ส่วนลูกสาวก็เอาแต่ตัดพ้อต่อโชคชะตา ที่พ่อให้ความสำคัญกับตนน้อยกว่างานตรงหน้า จนไม่มีเวลาพาเธอไปเที่ยวหรือทำอะไรที่กระชับความสัมพันธ์แบบครอบครัวอื่น ๆ เลย นอกจากบังคับให้เธอเรียนและอยู่ในกรอบอยู่ในลู่ทางที่ถูกขีดไว้
"ต่อไป พ่อจะให้คนของพ่อขับรถให้ลูก เพราะถ้าลูกเข้ามหาลัย จะได้มีคนรับส่ง พ่อจะได้ไม่ห่วงหน้าพะวงหลัง"
"ไม่ถามลูกสักคำเหรอคะ ว่าลูกอยากได้บอดี้การ์ดไหม"
"นั่นไม่ใช่สิ่งที่ลูกต้องออกความคิดเห็น เพราะพ่อจำเป็นต้องหาคนดูแลลูกและเป็นหูเป็นตาแทนพ่อ ในตอนที่พ่อมีงานสำคัญต้องจัดการ"
"คุณพ่อก็งานยุ่งทุกวันละคะ ลูกไม่เคยเห็นคุณพ่อว่าง แต่ลูกโตแล้ว...ดูแลตัวเองได้ค่ะ ลูกไม่ต้องการให้มีคนเดินตามตูดต้อย ๆ มันน่าเบื่อค่ะ"
"ไม่ได้...เพราะพ่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว...เรียกเธียรเข้ามาหาฉัน"
"คุณพ่อ! ลูกไม่..."
"ครับท่าน"
ร่างสูงที่ก้าวเข้ามายืนอยู่ข้าง ๆ ท่านอนันต์ ทำให้คุณหนูนุดีสงบปากสงบคำลงทันที
สาวน้อยนิ่งงันไปชั่วอึดใจ ดวงตากลมจ้องนิ่งราวกับโดนมนต์สะกด
จวบจนสายตาคมเหลือบมาจ้องสบดวงตากลมนั้น คุณหนูถึงได้หลบสายตา เพราะไม่อาจสู้ดวงตาคู่คมที่ดูน่าหลงใหลคู่นั้นได้
"นี่คือเธียร คนที่พ่อคัดมาเพื่อดูแลลูกเป็นพิเศษ เธียรจะปกป้องและดูแลลูกได้ในทุก ๆ เรื่อง มีเธียรติดตามลูกไปด้วย พ่อก็วางใจ "
สาวน้อยนิ่งฟัง แต่หันหน้าไปทางอื่นราวกับไม่อยากสนใจในสิ่งที่พ่อพูด แต่มือเล็กกับจิกกำชายกระโปรงแน่น ด้วยความประหม่าที่มีต่อสายตาคมของคนที่ยืนอยู่ข้างพ่อตน
เธียร หรือ ธีระชัย พงศ์พสุชา บอดี้การ์ดหนุ่มที่ท่านอนันต์เลือกเฟ้นมาเพื่อปกป้องดูแลลูกสาว
หัวนอนปลายเท้าเป็นเช่นไรไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่ความไว้ใจที่ท่านมีต่อเธียรต่างหาก ที่ทำให้ท่านอนันต์เลือกเขาให้มาดูแลคุณหนูของบ้านนี้
สายตาคมของเธียรจ้องใบหน้าจิ้มลิ้มที่ดูงอแงเป็นเด็ก ๆ เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย เมื่อรับรู้ได้ว่าเจองานที่ยากเข้าแล้ว คุณหนูที่ขี้งอแงเอาแต่ใจแบบนี้ คงจะทำให้เขาเหนื่อยมากแน่ๆ
"ลูกปฏิเสธอะไรได้ด้วยเหรอคะ คุณพ่ออยากทำอะไรก็ทำเถอะ"
"งั้นเริ่มวันนี้เลย เธียร!"
"ครับท่าน"
"ไปส่งคุณหนูที่โรงเรียน ตอนเย็นก็รับกลับมาด้วย"
"ครับท่าน"
ความเย็นฉ่ำของแอร์ในรถหรูทำให้ร่างบางห่อไหล่ เพราะรู้สึกหนาวและตนดันลืมเอาเสื้อแขนยาวกันหนาวมาด้วย เลยจำเป็นต้องกอดอกห่อตัวเป็นดักแด้อย่างที่เห็น
"คุณหนูหนาวเหรอครับ"
"เอ่อ...ใช่"
เธียรสังเกตเห็นตั้งแต่แรกเลยเอ่ยถาม ก่อนจะจอดรถข้างทางทันที จนร่างบางตกใจด้วยไม่รู้ว่าเขาคิดจะทำอะไร
จวบจนเธียรเดินมาเปิดประตูทางเบาะหลังแล้วร่างสูงก็ถอดสูทของตัวเองออก ร่างบางถึงกับตกใจตาโตในการกระทำนั้น
"จะ...จะทำอะไรน่ะ อย่านะ"
เธียรมองหน้าคุณหนูเล็กน้อย ก่อนจะนำเสื้อคลุมร่างเล็กเอาไว้ เขาก้มลงมาหาเธอจนลมหายใจเป่ารดลำคอของเธอ
คุณหนูหลับตาปี๋เธอแทบลืมหายใจ การกระทำของเขาทำให้เธออดที่จะลืมตาขึ้นมามองไม่ได้ เพราะเขาแสดงออกถึงความดูแลเอาใจใส่เธอแม้เรื่องเล็กน้อย เขาก็ทำมันได้ดี
ดวงตากลมแอบสำรวจใบหน้าหล่อที่จ่อหน้าเธอแค่เพียงคืบ ลมหายใจของเขาสดชื่นและอุ่นซ่านจนเธอสัมผัสได้ สาวน้อยวัยแรกแย้มถึงกับหายใจติดขัด เมื่อบอดี้การ์ดหนุ่มปรนนิบัติใกล้ชิด จนแทบจะถึงตัวกันอยู่แล้ว
"เรียบร้อยแล้วครับคุณหนู คราวหน้าอย่าลืมเสื้อคลุมนะครับ ออกข้างนอกต้องเตรียมมาด้วย"
"เอ่อ...ค่ะ"
คำขานรับทำให้บอดี้การ์ดหนุ่มแอบอมยิ้ม อย่างน้อยลูกสาวของเจ้านาย ก็ยังพูดจาคะขาอย่างให้เกียรติเขาที่เป็นรุ่นพี่ แบบนี้เขาก็จะได้ทำงานได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องกังวลเรื่องคำพูดคำจาให้มากความ
การเริ่มงานวันแรกก็ไม่ถือว่าเลวร้าย ลูกสาวนายก็ไม่ได้ดูดื้อดึงหรือเอาแต่ใจอย่างที่คิด กลับกันเธอดูน่ารักและว่าง่ายมาก ๆ จนเขารู้สึกถูกชะตาแปลกๆ
ถ้าเธอแสดงออกถึงความสดใสร่าเริงสมวัยกว่านี้ เธอจะเป็นคนที่น่ารักน่าเอ็นดูไม่น้อยเลย
(กลางดึก)
ร่างบางหยิบแก้วนมที่แม่บ้านอุ่นมาให้ยกขึ้นดื่ม ก่อนจะเดินไปยืนรับลมอยู่ที่ขอบหน้าต่างที่เปิดกว้าง ภาพมุมนี้ทอดมองออกไปจะมีความสวยงามในสวนที่ประดับตกแต่งด้วยดอกไม้หลากหลายสายพันธุ์
ดวงไฟหลากสีสันที่ประดับตกแต่งในสวน สะท้อนให้เห็นความสวยงามของสวนได้อย่างเด่นชัด ไม่เว้นแม้แต่คนที่กำลังออกกำลังกายในสวน
มือที่ถือแก้วนมชะงักค้าง และบีบกำแก้วนั้นแน่น ราวกับกลัวมันจะร่วงจากมือ
ดวงตากลมเบิกโตและกำลังจ้องบางอย่างราวกับสนใจ ปากอิ่มสวยอ้าค้างอย่างไม่ตั้งใจ ก่อนจะรีบถอยมาหลบหลังผ้าม่านพลางหอบหายใจอย่างแรง
ดวงตากลมโตแอบชำเลืองลงไปมองร่างกำยำที่กำลังนั่งยกดัมเบลอยู่บนม้านั่งกลางสวน
ร่างกำยำหนั่นแน่นอวดโชว์ลอนกล้ามที่แน่นเปี๊ยะทั้งร่าง จนคนที่แอบมองเม้มริมฝีปากอย่างลืมตัว
มือบางที่ถือแก้วเริ่มสั่นจนต้องวางมันลงทันที ก่อนจะยกมือขึ้นมาทาบอกแล้วหายใจเข้าปอดลึกๆ ราวกับกลัวว่าอากาศจะไม่มากพอให้หายใจ
คุณหนูหันกลับไปแอบมองเธียรอีกครั้ง โดยเธอเกาะขอบหน้าต่างมองเขาอย่างสนใจ
เธียรเปลี่ยนจากยกดัมเบลมายืนยืดเส้นยืดสาย โยกกายไปมาจนสายตาเหลือบมาเห็นร่างบางที่แอบมองเขาอยู่
พอเธอเห็นเขาจ้อง เธอก็หายเข้าห้องไป ทำให้เธียรทำหน้างงด้วยความสงสัย
ร่างบางที่หลบสายตาเขาเริ่มรู้สึกสนใจในตัวเธียร และเธอเองก็อยากหาอะไรทำแก้เหงา จึงก้มลงมองหน้าอกตัวเอง พลางยกยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ ก่อนจะเอื้อมมือมาดึงเสื้อคลุมชุดนอนลงเพื่อเปิดให้เห็นไหล่เนียนทั้งสองข้าง ทั้งยังแหวกสาบเสื้อตรงกลาง หมายจะอวดโชว์ร่องอกขาวอวบของตน ให้เขาได้เห็นเต็ม ๆ ทั้งสองตา
สายผูกเสื้อคลุมถูกคลายออกจนเสื้อคลุมหลุดลุ่ยหมิ่นเหม่ จัดแจงเรียบร้อยร่างน้อยก็เกล้าผมขึ้นอวดลำคอขาวเนียน แล้วเดินออกจากห้องมาทางระเบียงอย่างจงใจ
ร่างบางสุดเซ็กซี่ในชุดคลุมผืนบาง ที่ข้างในมีเพียงชุดนอนบางเบาสายบ่าเล็กเท่าเส้นลวด ความอวบอัดที่เบียดชิดกันก็ไร้ชั้นในหุ้มห่อ จนปลายจุกนูนออกมาตามความบอบบางของเนื้อผ้า ช่างล่อตาล่อใจเสือผู้หิวโหย เรียวขาสวยก็ไร้สิ่งปกปิด เพราะชุดนอนด้านในสั้นจนแทบไม่ปิดอะไรเลยสักอย่าง
เธียรถึงกับชะงักค้าง เมื่อภาพที่เขาเห็นในตอนนี้ มันทำให้อารมณ์ดิบที่อยู่ภายในของเขาถูกกระตุ้นทันที
เขายืนมองร่างบาง ที่ดูเหมือนจะไม่สนใจเขา ไม่รู้ว่าเธอรู้หรือเปล่าว่าเขายืนอยู่ตรงนี้
คุณหนูคนสวยเดินไปยังกระถางต้นไม้ที่แขวนประดับอยู่ด้านบนของระเบียง เธอเอื้อมมือขึ้นไปจับดอกไม้จนสุดแขน ชุดนอนตัวบางก็ร่นขึ้นตาม
สายตาคมถึงกับเบิกกว้าง พลางกลืนน้ำลายอึกใหญ่ เมื่อเขาเหลือบไปเห็นเนินสามเหลี่ยมขาวเนียน ที่มีชั้นในตัวจิ๋วห่อทับจนอวบอูมน่าสัมผัส
ขอบข้างขาหนีบขาวเนียนจนเขาลุ้นแทบขาดใจ ยามที่เธอหมุนตัวไปมา เขาก็หวังจะได้เห็นสิ่งที่แพลมออกมาสักนิดให้ชื่นใจ
เธียรยืนตัวแข็งทื่อ จ้องมองภาพตรงหน้าอย่างไม่ยอมละสายตา เต้าอวบอัดที่เห็นปลายจุกอย่างเด่นชัด มันช่างน่าดูดดื่มยิ่งนัก
ร่างบางตรงหน้าสวยงามไปทั้งร่าง ทำเอาเธียรเหงื่อท่วมตัวทั้งที่ไม่ได้ออกกำลังกายแล้ว แถมสามเหลี่ยมบอบบางที่โผล่แพลมออกมาให้เขาเห็น ก็ยั่วยวนใจเสียจนเธียรทนดูต่อไม่ไหว หากดูต่อเขาได้เลือดกำเดาไหลหมดตัวเป็นแน่
ภาพที่เธียรหุนหันออกไป ทำให้คุณหนูแอบอมยิ้มอย่างพึงพอใจ เธอรู้สึกสนุกกับการได้แกล้งบอดี้การ์ดหนุ่มซะแล้ว เธอก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าเขาจะทนการยั่วยวนของเธอได้นานแค่ไหน
เธียรลุกขึ้นจากเก้าอี้ยืนเต็มความสูง ก่อนจะดึงกางเกงชุดนอนผ้าแพรลง แล้วงัดองคชาตชาตรีที่แข็งขืนออกมาฝ่ามือหนาข้างหนึ่งเหนี่ยวไหล่บางและรั้งเข้าหาตัว ในขณะที่มืออีกข้างเอื้อมมาจับความแข็งขืนยัดเข้าไปในร่องนุ่มแสนเชิญชวน ก่อนจะขยับสะโพกสอบอัดส่งความใหญ่โตเข้าสู่ด้านในอย่างค่อยเป็นค่อยไป"อ๊ะ! ที่รักขา ฮื่อ!"ร่างน้อยที่แอ่นยกสะโพกเสนอเขาสุดฤทธิ์ถึงกับอ้าปากค้าง ทั้งดวงตาเบิกกว้าง ก่อนจะหรี่หลับลง เพื่อรับรู้ถึงความเสียวซ่านจับใจขาเรียวสวยเริ่มสั่นเทาจนยืนแทบไม่มั่นคง ยิ่งองคชาตลำใหญ่จอดเทียบภายในจนสุดเส้นทาง สาวน้อยก็ถึงกับร้องครวญครางออกมาสุดเสียงความคับแน่นที่เธียรบุกอัดเข้าไป เริ่มตอดรัดจนเขาต้องเร่งขยับลำกายถี่ ๆ เสียงครวญครางที่หาความหมายของคำศัพท์ไม่ได้ เปรียบเสมือนปุ่มเร่งเครื่องของชายหนุ่ม เพราะยิ่งเมื่อเธอส่งเสียงดังเท่าไหร่ เธียรก็ยิ่งตอกอัดลำกายเร่งถี่เท่านั้นร่างบางที่โดนถาโถมแบบไม่บันยะบันยังตัวสั่นจนโยกคลอนตามแรงกระแทกอย่างน่าสงสาร"อ่า...ตรงนี้มันใหญ่ขึ้น...พี่ชอบจัง"เธียรเอ่ยออกมาด้วยเสียงแหบแห้งและแผ่วเบา เมื่อเขาเคล้นคลึงอกนุ่มของภรรยาด้วยความพึงพอใจกับขนาดที่ขยาย
(1 ปีต่อมา)"ยินดีด้วยนะครับ ท่านรักษาการประธานกับการเติบโตจาก200%เป็น400% ภายใน 1ปี"ยิวเอ่ยแสดงความยินดีกับเธียร เมื่อเขาเข้ามาเยี่ยมเยือนเธียรกับนุดีถึงบริษัท และยิวเองก็มาในฐานะหุ้นส่วนใหญ่แทนผู้เป็นพ่อ เพราะการตกลงเซ็นสัญญาหุ้นส่วนสำคัญในครั้งก่อน ทำให้ยิวกับครูเฟิร์นได้ใจคนเป็นพ่อแม่บริษัทของท่านอนันต์ต่างเป็นที่ที่นักลงทุนทั้งหลายต้องการเป็นหุ้นส่วน และเธียรเองก็อยากตอบแทนยิว จึงนัดให้เขาเข้ามาคุยเรื่องทำสัญญา งานนี้ยิวจึงได้หน้ากับพ่อแม่เต็ม ๆและในตอนนี้ บริษัทของท่านอนันต์ที่มีเธียรขึ้นนั่งบริหารก็เติบโตขึ้นจากเดิมที่เฟื่องฟูอยู่แล้ว กลายเป็นทวีคูณไปอีกเท่าตัว จนเธียรเป็นที่ไว้วางใจสำหรับทุกคนไปแล้ว "ขอบคุณครับคุณยิว ยินดีมากเลยที่ได้ร่วมงานกัน ยินดีด้วยนะครับทั้งคู่""ก่อนนี้ผมกลัวมาก ว่าพ่อแม่ผมจะไม่ยอมรับครูเฟิร์น แต่พอมาตอนนี้ แทบจะเป็นผมที่จะโดนดีดออกจากกองมรดก ในขณะที่ครูเฟิร์นกลายเป็นที่รักของคนทั้งบ้าน แม่ผมแทบจะเอาลูกสะใภ้ไปนอนกกซะเองแล้ว"ได้ฟังยิวบ่นเธียรก็ขำชอบใจ เขาก็มีชะตากรรมไม่ต่างกัน เพียงแต่เขาโชคดีกว่ายิวตรงที่ คนที่ถูกแย่งออกจากอก เป็นลูกชายตัวน้อย เพรา
"ท่านครับ วันนี้ท่านจะเข้าบริษัทไหมครับ""ไม่...ฉันไม่ว่าง""แต่วันนี้มีประชุมกับบอร์ดบริหารนะครับ""ก็บอกว่าไม่ไปไง""แต่นัดสำคัญนะครับ ท่านเป็นคนบอกให้ผมจดลงในตารางงานเอง""เลขากรนี่ยังไง ฉันไม่ว่างไม่เห็นเหรอ"นุกร เลขาหนุ่มเหลือบไปมองทารกตัวน้อย ที่นอนอยู่ในอ้อมกอดของคนเป็นนาย ก่อนจะทำหน้างง"ฉันไม่ว่าง ฉันกำลังกล่อมหลานนอน ถ้าจะตามไปทำงานก็ไปตามเธียรโน่น""ตามคุณเธียรทำไมครับ""อ้าว! จะให้มานอนอยู่นอนกินเฉย ๆ หรือไง มาเป็นเขยก็ต้องไปทำงานสิ ไม่งั้นจะเอาอะไรเลี้ยงลูกเลี้ยงเมีย"เสียงที่พยายามตะเบ็งเพื่อให้คนที่กำลังชงนมอยู่ตรงมุมห้องด้านในได้ยิน ทำให้นุดีที่กำลังสอนสามีชงนมถึงกับทำหน้างง"แต่ท่านต้องเข้าประชุมนะครับ""วะ...เลขากรนี่ยังไง ฉันบอกให้ไปบอกเธียรไปแทนไง ไม่เข้าใจเหรอ""แล้วคุณเธียรจะเข้าใจเหรอครับ""ก็สอนเขาสิ"บทสนทนาของผู้เป็นพ่อทำให้ลูกสาวหน้างอ เพราะคิดว่าพ่อหาเรื่องแกล้งสามีของตนอีกแล้ว แต่เธียรกลับหัวเราะให้กับความพยายามของพ่อตา จนนุดีไม่เข้าใจว่าทำไมเธียรถึงไม่โกรธที่พ่อตนพยายามกลั่นแกล้ง"พี่เธียรยังยิ้มได้อีกเหรอคะ ทั้งที่คุณพ่อหาเรื่องพี่เธียรได้ทุกวัน""คิดดี
(หลายเดือนต่อมา)"คลอดหรือยัง""ยังครับท่าน"ทันทีที่ท่านอนันต์มาถึงก็เอ่ยถามพ่อบ้านโจทันที เมื่อตนติดประชุมกับบอร์ดบริหารทั้งวัน ทั้งที่นุดีกำลังจะคลอดแล้ว ท่านอนันต์จึงสั่งให้พ่อบ้านโจนั่งเครื่องบินล่วงหน้ามาก่อน และพอประชุมเสร็จตนก็รีบตามมาด้วยความเป็นห่วงลูกสาวจับใจหลายเดือนหลังจากวันนั้น ท่านอนันต์ก็ไม่เคยมาหาลูกสาวเลย แต่ก็มีบ้างที่ส่งข้าวของมากมายมาบำรุงนุดีและลูกในท้อง แถมยังสร้างบ้านและจัดหาที่นอนแบบสะดวกสบายแก่คนท้องให้อยู่ ชนิดที่ว่าไม่ให้ขาดตกบกพร่อง แต่วันนี้ลูกสาวของท่านกำลังจะให้กำเนิดหลานแก่ท่าน คนที่กำลังจะได้เป็นคุณตา ตื่นเต้นจนไม่มีกะจิตกะใจจะประชุมด้วยซ้ำ พอเลิกประชุมก็รีบนั่งเครื่องส่วนตัวมาอย่างเร่งรีบทันใจ"ท่านอนันต์""คุณสายคำ"แม่นายสายคำเอ่ยทักทายท่านอนันต์ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เพราะตนเองก็ตื่นเต้นไม่แพ้ท่านอนันต์เช่นกัน"แล้วนี่...เธียรไปไหน""ตามเข้าไปข้างในค่ะ""ห่วงเกินเหตุ" ท่านอนันต์ตำหนิลูกเขย"หรือท่านไม่ห่วง"ท่านอนันต์เงียบทันที เมื่อได้ยินคำพูดของแม่นายสายคำ ท่านอนันต์ไม่อาจเถียงเพราะท่านเป็นห่วงลูกสาวมากเช่นกัน การได้รู้ว่าเธียรตามเข้าไปดูแล ทำให้
"ญาติรอด้านนอกนะคะ""คุณหนู...ฮึก ๆ""พี่เธียร...ใจเย็น ๆ นะพี่ นุดีต้องปลอดภัยครับ""พี่ใจจะขาดแล้วยิว""ผมเข้าใจครับพี่ แต่พี่ต้องเข้มแข็งนะ"เธียรทรุดนั่งลงกับเก้าอี้ ก่อนจะก้มลงปล่อยความอัดอั้นออกมาทั้งน้ำตา ความเจ็บปวดทรมานนี้ มันช่างสาหัสเหลือเกิน เธียรหยิบกล่องของขวัญในกระเป๋าเสื้อออกมาแกะทั้งที่น้ำตายังไหล พอของขวัญข้างในปรากฏขึ้นแก่สายตา ยิ่งทำให้เธียรร้องไห้หนักกว่าเดิมเข้าไปอีก"เธียร!""แม่...นุดี..."เธียรมองหน้าคนเป็นแม่ด้วยความเจ็บ ก่อนจะโผเข้ากอดแม่ ด้วยความรู้สึกที่แสนจะทรมาน"นุดีท้องครับแม่ ฮือ ๆ ลูกของผม...เธอท้องลูกของผมครับแม่...ฮือๆ "แม่นายสายคำถึงกับน้ำตาไหล สงสารลูกจับใจ ความรักที่คนเป็นแม่มีต่อลูก มันทำให้แม่นายเจ็บปวดทุกครั้งที่เห็นลูกเป็นทุกข์ไม่ว่าเรื่องใดคำพูดของเธียรที่เอ่ยกลับแม่ ทำให้คนที่ตามมาทันได้ยินเข้าอย่างชัดเจน แทบล้มทั้งยืนอีกรอบ จนเหล่าบอดี้การ์ดต้องรีบเข้ามาพยุงร่างผู้เป็นนายเอาไว้ทันทีเธียรเหลือบไปเห็นก็อดไม่ได้ที่จะเข้าไปหาท่าน จนคนเป็นแม่คว้าไว้ไม่ทัน"เธียรอย่านะลูก"ร่างสูงเดินเข้าไปคุกเข่าลงต่อหน้าท่านอนันต์ สายตาที่แดงก่ำจากการร้อง
"ปัง! ปัง! ปัง!""กรี๊ดดดดด!"ในขณะทุกคนกำลังรู้สึกยินดีกับคู่บ่าวสาวกันทั้งงาน อยู่ ๆ ก็มีเสียงปืนดังขึ้นรัว ๆ จนคนในงานกรีดร้องและวิ่งวนหาที่หลบกันจนสถานการณ์วุ่นวายไปหมดเธียรมองไปที่กลุ่มคนชุดดำที่เดินบุกเข้ามาเป็นกองทัพด้วยความตกใจ เธียรจึงดึงนุดีเข้ามาหลบด้านหลัง เพื่อปกป้องคนที่ตนรักอย่างสุดความตั้งใจ"พี่เธียร..."นุดีรู้สึกกลัวมากจนตัวสั่นงันงก จวบจนร่างของคนที่คุ้นตาเดินตามกลุ่มชายชุดดำเข้ามา นุดีถึงได้รู้ว่าจุดมุ่งหมายของคนกลุ่มนั้นคือเธอและเธียร"มึงกล้ามากนะไอ้เธียร ที่พาลูกกูหนีแล้วแอบมาจัดงานแต่งบัดซบนี่ วันนั้นกูอุตส่าห์เลือกทางรอดให้มึง แต่มึงมันรนหาที่ตาย ถ้าวันนี้กูไม่ได้เลือดมึงมาล้างตีนกู กูจะไม่ยอมเด็ดขาด""ไม่นะคะคุณพ่อ อย่าทำพี่เธียรนะคะ""นังลูกไม่รักดี แกกล้ามากนะที่หนีตามผู้ชายมาแบบนี้ ทำตัวเป็นผู้หญิงไร้ราคา แกหักหน้าฉันให้ต้องอับอาย เพียงเพราะหลงเสน่ห์ขี้ข้าในบ้าน มันมีอะไรดีนักหนาถึงได้ทุ่มเทเพื่อมันนัก"ท่านอนันต์โกรธจัดจนแทบจะควบคุมอารมณ์ไว้ไม่ได้ ในขณะที่นุดี ก็พร้อมจะปกป้องเธียรและเลือกจะจับมือเขาตลอด ไม่ว่าพ่อของตนจะทำอะไร นุดีก็ไม่มีทางที่จะปล่อยมือ
Mga Comments