“เลือกเก็บของสำคัญก่อน”เนื่องจากไม่แน่ใจว่าพืชเหล่านี้มีพิษหรือไม่ กู้หว่านเยว่จึงหยิบถุงมือยางคู่หนึ่งออกมาจากมิติแล้วสวมไว้ก่อน จากนั้นก็หยิบเอาจอบเล็กออกมาอีกอันหนึ่งนางเดินไปหน้าต้นพืชต้นหนึ่งในนั้น ใช้จอบเล็กขุดพืชต้นนั้นขึ้นมาจากดินอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็โยนเข้าไปในมิติพอชิงเยี่ยนกลับมา ก็พบว่ากู้หว่านเยว่ไม่ได้พักผ่อนอยู่บนก้อนหิน แต่กำลังก้มหน้าก้มตาขุดหญ้าอยู่บนพื้น“องค์หญิงน้อย ท่านกำลังทำอะไรอยู่หรือ?”เขาเอ่ยถามด้วยสีหน้าสงสัยกู้หว่านเยว่ยิ้ม จากนั้นหาข้ออ้างมาอธิบาย“ข้าเป็นหมอ พอเห็นบุปผาพฤกษาประหลาดที่ไม่เคยพบเคยเห็นเหล่านี้ ก็อยากจะนำกลับไปศึกษาดูสักหน่อย เจ้าไม่ต้องสนใจข้าหรอก ไปรอข้าตรงโขดหินด้านข้างนั่นเถิด รอให้อินทรีสิงโตกลับมาแล้วพวกเราค่อยออกเดินทางกัน”“ก็ได้พ่ะย่ะค่ะ”ชิงเยี่ยนพยักหน้าเขาไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับบุปผาพฤกษาประหลาดเหล่านี้ ทั้งยังกังวลว่าตนเองซุ่มซ่าม ถึงตอนนั้น ไม่เพียงแต่จะช่วยอะไรไม่ได้ อาจจะยิ่งทำให้เสียเรื่อง ดังนั้นเขาจึงไม่ปฏิเสธ แต่รีบไปยืนดูต้นทางอยู่ข้าง ๆ อย่างสงบเสงี่ยมเมื่อไม่มีใครรบกวนแล้ว กู้หว่านเยว่ก็ตั้งอกตั้งใจย่อต
ชิงเยี่ยนยิ้มพลางปลอบกู้หว่านเยว่ “อินทรีสิงโตฉลาดมาก พวกมันมีสัมผัสในการรับรู้เส้นทางที่เฉียบคมเหนือกว่าคนธรรมดาตั้งแต่กำเนิดก่อนหน้านี้ข้าและฝ่าบาทเคยขี่อินทรีสิงโตตัวนี้เดินทางไปกลับระหว่างต้าฉีและตงโจวมาแล้วครั้งหนึ่ง ครั้งนี้เป็นครั้งที่สามแล้ว มันไม่มีทางจำเส้นทางผิดแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”กู้หว่านเยว่ถอนหายใจอย่างโล่งอกนางพบว่าตัวเองกลายเป็นเจ้าหนูช่างสงสัยไปเสียแล้ว สาเหตุหลักก็เพราะสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่นางไม่เคยสัมผัสมาก่อน“ถ้าเช่นนั้นห้าวันนี้ พวกเราจะต้องอยู่บนหลังของอินทรีสิงโตตลอดเลยหรือ?”คนเราย่อมมีธุระส่วนตัว หากเกิดปวดหนักปวดเบาขึ้นมาอย่างกะทันหัน คงจะปล่อยบนหลังพี่อินทรีสิงโตตรงนี้ไม่ได้กระมัง?ชิงเยี่ยนส่ายหน้า“ในแต่ละวันอินทรีสิงโตจะลงไปหาอาหารและพักผ่อนหนึ่งครั้ง ถึงตอนนั้น พวกเราก็สามารถลงไปพร้อมกับมันได้”พอพูดถึงตรงนี้ สีหน้าของเขาก็ดูเคร่งเครียดขึ้นมาเล็กน้อย“แต่ว่าหลังจากลงถึงพื้นแล้ว ห้ามเดินออกไปเพ่นพ่านเด็ดขาดนะพ่ะย่ะค่ะ หากว่าเดินออกไปนอกขอบเขตที่อินทรีสิงโตจะค้นหาได้ ก็มีความเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะหลงทางอยู่ในป่าซิงโตวแห่งนี้”“เป็นอย่างนี้นี
ชิงเยี่ยนนำเสบียงอาหารแห้งมาแบกไว้บนหลัง จากนั้นก็เดินมาอยู่ข้างเท้าของอินทรีสิงโต กู้หว่านเยว่เพิ่งจะสังเกตเห็นว่า จากตัวของอินทรีสิงโตมีบันไดเชือกสองเส้นห้อยลงมา หากพวกเขาต้องการขึ้นไปบนหลังของอินทรีสิงโต ก็ต้องปีนขึ้นทางบันไดเชือกนี้“องค์หญิงน้อย พวกเรารีบขึ้นไปกันเถอะ”ชิงเยี่ยนใช้ทั้งมือและเท้าปีนขึ้นไปก่อน พร้อมกันนั้นก็เอ่ยเตือน “องค์หญิงน้อย เมื่ออยู่ต่อหน้าอินทรีสิงโตห้ามใช้วิชาตัวเบาเด็ดขาดนะพ่ะย่ะค่ะ มิฉะนั้นมันจะคิดว่าท่านคิดจะโจมตีมัน แล้วจะแสดงปฏิกิริยาตอบโต้ที่รุนแรงออกมา”“เป็นอย่างนี้นี่เอง เมื่อครู่ข้ายังสงสัยอยู่เลยว่า เหตุใดถึงต้องมีบันไดเชือกถึงสองเส้น”เวลานี้ อินทรีสิงโตกำลังหมอบอยู่บนพื้นอย่างสงบเสงี่ยม ท่าทางเกียจคร้านกู้หว่านเยว่หยิบเสบียงแห้งที่เหลือ มือจับบันไดเชือก ปีนขึ้นไปบนหลังของอินทรีสิงโตอย่างรวดเร็ว“น่าเสียดาย รถม้าคันนี้พวกเรานำไปด้วยไม่ได้ คงต้องทิ้งไว้ให้พวกผู้ลี้ภัยแล้ว”ชิงเยี่ยนแสดงสีหน้าเสียดายกู้หว่านเยว่ไม่ได้พูดอะไร นางกำลังสำรวจแผ่นหลังของอินทรีสิงโตอย่างสนใจใคร่รู้ นางพบว่าบนหลังของอินทรีสิงโตถึงกับมีที่นั่งและเข็มขัดนิรภัยติดต
เมื่อเข้าสู่บริเวณรอบนอกของป่าซิงโตว ชิงเยี่ยนมองต้นไม้สูงใหญ่โดยรอบที่ค่อย ๆ หนาแน่นขึ้น พลางเอ่ยเตือนเสียงเบา“บริเวณรอบนอกของป่าแห่งนี้มีผู้ลี้ภัยอยู่มากมาย พวกเขาไม่สนใจหรอกว่าท่านเป็นคนดีหรือคนเลว ขอแค่เห็นว่าท่านมีของกิน เมื่อหิวจัดพวกเขาก็พร้อมจะพุ่งเข้ามาแย่งชิง”โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นกู้หว่านเยว่พวกเขานั่งรถม้ามา ก็ยิ่งมั่นใจว่าพวกเขาต้องมีของดีติดตัว ถึงตอนนั้น ก็คงหลีกเลี่ยงการพัวพันวุ่นวายไปไม่พ้นตอนนี้พวกเขามีกันแค่สองคน ดังคำกล่าวที่ว่ากำลังคนน้อยย่อมแพ้กำลังคนที่มากกว่า อีกทั้งชิงเยี่ยนก็ยังบาดเจ็บอยู่ไม่น้อยหลังจากชิงเยี่ยนขี่อินทรีสิงโตลงมาถึงพื้นดิน ก็พบกับผู้ลี้ภัย เกือบจะต้องทิ้งชีวิตไว้ที่นี่แล้ว“ข้ารู้”สายตาของกู้หว่านเยว่เคร่งขรึมระหว่างที่เร่งเดินทางอยู่นั้น นางได้ให้ระบบช่วยตรวจสอบสถานการณ์โดยรอบแล้ว ซึ่งก็เป็นไปตามที่คาดไว้ บริเวณรอบนอกนี้มีผู้ลี้ภัยอยู่มากมายจริง ๆ นางให้ระบบทำเครื่องหมายจุดสีแดงเล็ก ๆ ในบริเวณที่มีผู้ลี้ภัย และพยายามหลีกเลี่ยงจุดสีแดงเหล่านั้นขณะเดินทางไปข้างหน้าทั้งสองคนวกวนไปมา ในที่สุดก็มาถึงลานโล่งแห่งหนึ่ง ชิงเยี่ยนซึ
กู้หว่านเยว่โบกมือเมื่อครู่นางเก็บเฮลิคอปเตอร์เข้าไปในมิติ และได้นำรถม้าออกมาจากในมิติหนึ่งคันด้วยระหว่างสนทนา นางได้พาชิงเยี่ยนเดินไปที่รถม้าคันนั้นแล้ว“วางใจเถอะ เจ้าไม่ได้ทำให้เสียเวลา พวกเราน่าจะมาทันเวลา ขาเจ้ายังไม่หายดี เจ้าขึ้นรถม้าก่อนเลย ต่อจากนี้ข้าเป็นคนขับรถม้าเอง”กู้หว่านเยว่โดดลงจากรถม้าโดยตรงชิงเยี่ยนทำหน้าเกรงใจ เขาเป็นเพียงคนรับใช้ จะให้องค์หญิงน้อยขับรถม้าให้เขาได้อย่างไร แต่เมื่อก้มมองขาที่ไม่เอาไหนของตัวเองขาคู่นี้เขาเขาไม่ระวังล้มตอนที่เดินทางจากเจดีย์หนิงกู่ไปต้าฉี โชคดีที่ยังรักษาชีวิตไว้ได้ และขาทั้งสองข้างก็ไม่ได้หัก แค่ต้องพักฟื้นสักระยะ“ขอบคุณองค์หญิงน้อย เช่นนั้นข้าน้อยก็ไม่เล่นตัวแล้ว รอขาของข้าน้อยหายดี จะเป็นวัวเป็นควายให้องค์หญิงน้อยแน่นอน”ชิงเยี่ยนเป็นคนร่าเริง หลังจากพูดหยอกล้อ ก็รีบบินขึ้นรถม้าทันที“ตอนนี้พวกเราควรจะไปที่ไหน?”กู้หว่านเยว่ยังไม่รู้ว่าอินทรีสิงโตที่เขาพูดถึงอยู่ที่ไหนกันแน่ “ตอนนี้พวกเราไปเมืองตะวันไม่ตกดิน”ชิงเยี่ยนหยิบนกหวีดออกจากหน้าอก“อินทรีสิงห์โตอยู่นอกเมืองตะวันไม่ตกดิน รอพวกเราไปถึงเมืองตะวันไม่ตกดิน ก็
ซูจิ่งสิงมองดูใบหน้าของหญิงสาวที่ออกห่างจากเขาเรื่อย ๆ และเสียงที่หายไปท่ามกลางสายลม ในที่สุดก็ทนไม่ไหวจนกำหมัดที่สั่นเทาแน่นเสียงของเขาเริ่มแหบ “ข้าจะรอเจ้ากลับมา”“ถ้าหากเจ้าไม่กลับมา เช่นนั้นข้าก็จะไปหาเจ้าด้วยตัวเอง”ที่จริงซูจิ่งสิงอยากไปตงโจวกับกู้หว่านเยว่มาก แต่พวกเขาเข้าใจดี ต่างคนก็ต่างมีภาระที่ต้องแบกรับปัญหาท้องพระคลังที่ขาดดุล บ้านเมืองที่ได้รับความเสียหาย และยังมีผู้ลี้ภัยที่ต้องทนทุกข์ทรมานจากความหิวโหยล้วนยังไม่ได้รับการแก้ไขซูจิ่งสิงไม่สามารถไปได้ในเวลานี้เขาต้องอยู่เพื่อปกครองบ้านเมือง“หนึ่งปี ภายในหนึ่งปี ข้าจะทำให้บ้านเมืองนี้กลับมามีชีวิตอีกครั้งเมื่อเป็นเช่นนี้ ถึงเวลาหากเจ้าไม่กลับมา ข้าจึงจะมีความสามารถมากพอที่จะไปหาเจ้า”ซูจิ่งสิงถอนหายใจยาว แม้แต่กู้หว่านเยว่ก็ไม่รู้ เพื่อที่จะสามารถหานางเจอได้อย่างราบรื่นในอีกหนึ่งปีข้างหน้า เมื่อวานนี้เขาต้องพยายามมากเพียงใดเวลานี้ กู้หว่านเยว่ขับเฮลิคอปเตอร์จากไปเพียงลำพังนางเช็ดน้ำตา มองไปข้างหน้าด้วยสายตาแน่วแน่ตงโจว ข้ามาแล้ว!ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ราบแห่งความโกลาหลหรือมีหมาป่ารายล้อมก็ตาม เมื่อนางมาแ
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร นางก็จะกลับมา“ท่านพี่ ข้าจะรีบไปรีบกลับ ขอแค่หาพี่ใหญ่เจอและหลังจากจัดการเรื่องของตงโจวแล้ว ข้าก็จะกลับมาทันที” กู้หว่านเยว่ให้คำสัญญาณซูจิ่งสิงมองนางด้วยสีหน้าที่อาลัยอาวรณ์ หลังจากนั้นครู่หนึ่งก็เข้าไปใกล้ใบหน้ากู้หว่านเยว่ และจูบลงบนหน้าผากของนางอย่างอ่อนโยน“ข้ารอเจ้ากลับมา ไม่ว่านานเท่าไร”กู้หว่านเยว่บอกลาซูจิ่งสิงเบื้องต้นแล้ว ต่อจากนี้ก็คือญาติสนิทมิตรสหายของนางเมื่อนางหยางและคนอื่นรู้ว่ากู้หว่านเยว่จะไปแคว้นตงโจวต่างก็ตกใจ ขณะเดียวกันหลังจากฟังสาเหตุความเป็นมา แต่ละคนก็สนับสนุนและเข้าใจ“หว่านเยว่ แม่สนับสนุนเจ้า ใบไม้ร่วงคืนสู่ราก เจ้าไปครั้งนี้ สามารถขายปริศนาเกี่ยวกับชาติกำเนิดของเจ้าพอดี”“พ่อก็สนับสนุนเจ้า เป็นมนุษย์จงอย่าทำอะไรที่รู้สึกผิด ในเมื่อเจ้าตัดสินใจจะไปช่วยพี่ใหญ่เจ้า เช่นนั้นก็ไปทำอย่างกล้าหาญเถอะ”“ใช่แล้ว พี่สะใภ้ใหญ่วางใจได้ ข้าจะดูแลจ้านจ้านและช่วยงานพี่ใหญ่อย่างเต็มที่แน่นอน”ทั้งสามคนของสกุลซูสีหน้าจริงใจ“พระมเหสี ข้ามียาป้องกันตัวที่ทำเองอยู่บ้าง ท่านเอาไปด้วยเถอะ อาจมีประโยชน์ระหว่างทาง” ลั่วยางหิ้วหอสัมภาระใบหนึ่งออก“
หลังจากชิงเยี่ยนพูดจบก็นึกอะไรขึ้นได้ “องค์หญิงน้อย ถ้าหากท่านตัดสินใจว่าจะไปตงโจว เช่นนั้นก็ต้องเร็วหน่อย ทางที่ดีออกเดินทางในช่วงไม่กี่วันนี้เลย อีกหนึ่งเดือนก็จะเข้าฤดูหนาวแล้ว จะมีหมอกรวมตัวกันเหนือป่าซิงโตวเต็มไปหมด ถึงเวลาอินทรีสิงโตก็หลงทิศได้ ไม่สามารถส่งพวกเราไปพื้นที่ราบแห่งความโกลาหล แต่อาจส่งพวกเราไปทะเลไร้ขอบเขตแทน”กู้หว่านเยว่ “แล้วทะเลไร้ขอบเขตคือที่ไหน?”“เป็นมหาสมุทรผืนหนึ่งที่ไม่สามารถมองเห็นสุดขอบ ในทะเลไร้ขอบเขตมีแต่เกาะร้าง ไม่มีอาหาร ถ้าหากร่อนลงที่ทะเลไร้ขอบเขต พวกเราอาจจะหิวตายบนเกาะร้าง”กู้หว่านเยว่พยักหน้า “ข้าเข้าใจแล้ว”“เจ้าให้เวลาข้าเตรียมตัวสามวัน หลังจากสามวัน พวกเราก็ออกเดินทางเลย”นางลุกขึ้นกล่าวอำลากู้หว่านเยว่ในฐานะพระมเหสีต้าฉี จู่ๆ ก็จะไปกะทันหัน ย่อมต้องหาเหตุผลที่สมเหตุสมผลและนางมีญาติสนิทมิตรสหายมากมายในต้าฉี นางต้องบอกลาคนเหล่านี้“ท่านพี่กับจ้านจ้าน…”กู้หว่านเยว่ขมวดคิ้วเบาๆ สองคนนี้คือคนที่ล้ำค่าที่สุดในชีวิตนาง นางควรจะบอกลาพวกเขาอย่างไรดี?นางหายใจเข้าลึกๆ อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด ดังนั้นจงเผชิญหน้ากับมันอย่างกล้าหาญเถอะกู้หว
ชิงเยี่ยนตกใจ“องค์หญิงน้อย ท่านรู้หรือไม่ว่ากำลังพูดอะไรอยู่?”นางจะกลับไปกอบกู้แคว้นตงโจว นางรู้หรือไม่ว่ามีถูกอิทธิพลเท่าไรที่กำลังจ้องเนื้อก้อนโตอย่างแคว้นตงโจว?นั่นไม่ใช่คนแค่ไม่กี่คน แต่มีหลายสิบแคว้นที่กำลังยื้อแย่งกันเขารู้ว่าองค์หญิงน้อยเก่งมาก แต่อาศัยองค์หญิงน้อยที่เป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอคนหนึ่ง หลังจากกลับไป เป็นไปไม่ได้เลยที่จะพลิกสถานการณ์ มีแต่จะไปรนหาที่ตายเท่านั้น“ไม่ ข้าตอบตกลงไม่ได้”ชิงเยี่ยนส่ายศีรษะปฏิเสธโดยตรง“ก่อนที่จะมาต้าฉี ข้าเคยสัญญากับฝ่าบาทว่าจะปกป้องท่านเขาหวังว่าท่านจะสามารถใช้ชีวิตที่เหลืออย่างมีความสุขและปลอดภัย อย่ากลับไปสถานที่แห่งนั้นอีกถ้าหากข้าพาท่านกลับไป ไม่เท่ากับขัดต่อเจตนารมณ์ของฝ่าบาทหรอกหรือ?”เขาจงรักภักดีต่อจงหลี่มาก ไม่มีทางขัดต่อเจตนาของเขากู้หว่านเยว่กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ทั้งที่รู้ว่าพี่ใหญ่ข้าตกอยู่ในอันตราย ข้าจะสามารถอยู่ต้าฉีอย่างสบายใจได้อย่างไร? ถ้าหากเจ้าไม่พาข้าไป ข้าคิดหาวิธีข้ามป่าซิงโตวเองก็ได้”อย่างไรนางก็มีเฮลิคอปเตอร์ ก็แค่ลำบากเพิ่มอีกนิดหน่อย“องค์หญิงน้อย?”ชิงเยี่ยนตะลึงกับความเด็ดเดี่ยวของกู้