จากครอบครัวยากจนโดนดูถูก ม่านหรูจึงมีจิตใจเข้มแข็งและไม่เห็นแก่ยศศักดิ์ นางรักที่จะเป็นเพียงคนธรรมดาไปตลอดชีวิตเท่านั้น
view moreหมู่บ้านเซียงเหอ อำเภอเซียงกวนใกล้ชายแดนแคว้นเจิ้ง เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ในแคว้นจ้าวที่สงบมานานหลังผ่านสงครามแบ่งแยกแคว้นเมื่อหลายสิบปีก่อน ทำให้ในแคว้นจ้าวมีเด็กกำพร้าที่ครอบครัวถูกภัยสงครามอยู่เป็นจำนวนมาก
ติงกวนกับเสี่ยวชิงเป็นเด็กกำพร้าในหมู่บ้านที่ซัดเซพเนจรจากภัยสงครามในสมัยนั้นและมาตั้งรกรากที่หมู่บ้านเซียงเหอพร้อมกับชาวบ้านหลายครอบครัว เด็ก 2 คน ช่วยกันสร้างกระท่อมพักที่ท้ายหมู่บ้านตามกำลังของเด็กอายุ 10 ขวบ จะทำออกมาได้ ทั้งคู่ไม่สนใจชาวบ้านที่ครหาว่าเด็กชายกับเด็กหญิงที่ไม่ใช่ญาติอยู่ร่วมกันนั้นไม่เหมาะสม ในเมื่อพวกเขาไม่มีผู้ใหญ่รับไปเลี้ยงดู พวกเขาสองคนจึงต้องพึ่งพากันและกันเท่านั้น
กระทั่ง 7 ปีผ่านไป ติงกวนกับเสี่ยวชิงอายุ 17 ปี ไม่มีลูกหลานคนในหมู่บ้านอยากขอพวกเขาไปเป็นเขยหรือสะใภ้ ติงกวนเห็นว่าเสี่ยวชิงถูกครหามานานมากแล้ว เขาจึงไปบอกผู้ใหญ่บ้านว่าจะแต่งเสี่ยวชิงเป็นภรรยา ผู้ใหญ่บ้านเห็นว่าทั้งคู่กำพร้าพ่อแม่ ผู้ใหญ่บ้านจึงช่วยทำพิธีแต่งงานให้พวกเขาโดยมีภรรยาช่วยหาสิ่งของจำเป็นมาให้เด็กทั้งคู่เพื่อทำตามประเพณี
หลังแต่งงานได้ปีครึ่ง เสี่ยวชิงก็คลอดลูกคนแรกเป็นหญิง พวกเขาตั้งชื่อให้ว่าติงม่านหรู โดยหวังให้ลูกสาวเกิดมาแล้วไม่ต้องลำบากเหมือนพวกเขาที่รับจ้างทำไร่ไถนาให้ชาวบ้านในหมู่บ้าน มีช่วงหลังคลอดที่เสี่ยวชิงไม่ได้ไปช่วยสามี หลังจากเลี้ยงลูกสาวได้ 3 เดือน เสี่ยวชิงก็กระเตงลูกไปที่ไร่เพื่อทำงานช่วยสามี ทั้งคู่ทำงานมานานจึงเก็บเงินได้จำนวนหนึ่งซึ่งเพียงพอที่จะสร้างบ้านเล็ก ๆ สักหลัง ติงกวนจึงไปติดต่อผู้ใหญ่บ้านขอแรงชาวบ้านสักหลายคนมาช่วยสร้างบ้านในครั้งนี้ หลังจากการสร้างบ้าน 3 ห้อง เสร็จแล้ว ติงกวนกับภรรยาก็กลับมาตั้งใจทำงานเก็บเงินกันอีกครั้งโดยมีม่านหรูคอยติดตามไปด้วย
หลังจากทำงานเลี้ยงลูกได้ 2 ปี เสี่ยวชิงก็ตั้งท้องอีกครั้ง ทั้งคู่ต่างแปลกใจที่ครั้งนี้ท้องของเสี่ยวชิงใหญ่กว่าท้องแรกอย่างผิดปรกติ ติงกวนกลัวว่าภรรยากับลูกจะเกิดอันตราย เขาจึงนำเงินเก็บพาเสี่ยวชิงที่กำลังท้องเข้าไปตรวจครรภ์ในอำเภอที่อยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านนัก
หมอตรวจครรภ์ของเสี่ยวชิงเสร็จก็แสดงความยินดีกับติงกวนที่เขากำลังจะมีลูกแฝด แต่แทนที่ติงกวนจะดีใจ เขากลับเป็นห่วงเรื่องการคลอดลูกของภรรยา เขาจึงถามวิธีดูแลภรรยากับลูกรวมทั้งเรื่องการทำคลอดกับหมอก่อนจะจ่ายค่าตรวจและพาภรรยากลับหมู่บ้าน ติงกวนเป็นเด็กความจำดีมาแต่ไหนแต่ไร เขาจดจำได้ทุกอย่างที่หมอบอกเอาไว้ ติงกวนจึงไม่ยอมให้เสี่ยวชิงออกไปทำงานกับเขาจนกว่าจะคลอดลูกออกมาเสียก่อน เสี่ยวชิงเห็นสามีเป็นห่วง นางจึงไม่ดื้อรั้นและเลี้ยงลูกอยู่ที่บ้าน ตอนนี้ม่านหรูอายุ 2 ขวบแล้ว เสี่ยวชิงจึงไม่ต้องดูแลลูกมากเหมือนตอนม่านหรูยังแบเบาะ
ติงกวนที่ทำงานคนเดียวไม่ได้คิดมากเรื่องค่าใช้จ่ายที่จะเพิ่มขึ้นหากภรรยามีลูกอีก 2 คนพร้อมกัน เขาสามารถอดได้ แต่ลูกกับภรรยาเขาจะไม่ยอมให้อดเด็ดขาด ติงกวนจึงขยันทำงานตั้งแต่ก่อนรุ่งสางไปจนมืดค่ำจึงกลับบ้านเพื่อหารายได้เพิ่มเติม เสี่ยวชิงที่ช่วยงานสามีไม่ได้ก็รู้สึกผิดอยู่ไม่น้อย แต่ด้วยการปลอบโยนจากติงกวนจึงทำให้เสี่ยวชิงมีกำลังใจเพิ่มขึ้นและคอยดูแลเรื่องอาหารของสามีอย่างดี นางกับลูกกินอะไรก็ได้ แต่สามีนางต้องใช้กำลังในการทำงาน เสี่ยวชิงนำเงินเก็บออกมาซื้อหมูนิดหน่อยเก็บไว้ทุกสัปดาห์เพื่อทำอาหารให้สามีกินก่อนไปทำงานและหลังกลับบ้าน ทั้งสองดูแลกันและกันจนกระทั่งเสี่ยวชิงคลอดลูกก่อนกำหนด วันนั้นติงกวนรีบวิ่งไปหาหมอตำแยมาช่วยทำคลอดภรรยาจนเหงื่อโทรมกาย เขาเห็นสีหน้าภรรยาที่ดูเจ็บปวดกว่าตอนคลอดลูกสาวจึงเป็นห่วง ตอนนี้เขาได้หมอตำแยมาแล้วและคอยช่วยต้มน้ำร้อนให้หมอตำแยทำคลอดภรรยาของเขา
ม่านหรูที่ยังเด็กเดินเตาะแตะไปส่องดูพ่อที่ห้องครัวว่ากำลังทำอะไร นางหิวมากเพราะแม่ไม่ได้ลุกมาทำกับข้าวให้นางกินเหมือนทุกวัน เมื่อเห็นว่าพ่อยุ่งอยู่กับการต้มน้ำร้อน ม่านหรูไม่กล้าเข้าไปออดอ้อนพ่อเหมือนทุกวัน นางได้ยินเสียงร้องของแม่ที่ดูเหมือนกำลังเจ็บปวดอยู่จึงไม่อยากทำตัววุ่นวายและยืนดูดนิ้วมือมองดูพ่อต้มน้ำที่หน้าห้องครัวอยู่อย่างนั้น
กว่าที่ติงกวนจะจัดการเรื่องน้ำร้อนให้หมอตำแยเสร็จ เวลาก็ผ่านไปเกือบ 1 ชั่วยามแล้ว ติงกวนเพิ่งเห็นลูกสาวยืนดูดนิ้วมองมาทางเขาตาปริบ ๆ เขาจึงนึกได้ว่าลูกสาวยังไม่ได้กินข้าวเช้าเหมือนเขากับภรรยาที่กำลังคลอดลูกอยู่ ติงกวนรีบเดินไปหาลูกสาวแล้วลูบหัวเล็กเบา ๆ อย่างขอโทษ
“ลูกหิวแล้วใช่ไหมม่านหรู พ่อขอโทษที่ทำกับข้าวช้านะลูก ตอนนี้ลูกไปนั่งรอที่โต๊ะก่อน แม่ของลูกกำลังจะมีน้องให้ลูกแล้วนะ พ่อจะไปทำกับข้าวก่อน รอดี ๆ เล่า”
“เจ้าค่ะท่านป้อ”
ม่านหรูที่พอจะพูดได้นิดหน่อยตามอายุของนางรับคำพ่อพร้อมรอยยิ้มหวาน นางปีนขึ้นไปนั่งที่เก้าอี้ตัวเล็กที่พ่อทำให้นางเอาไว้กินข้าวอย่างคุ้นชิน ม่านหรูดูแลตัวเองมาตั้งแต่เริ่มเดินเตาะแตะได้ นางเคยได้ยินเสียงพ่อแม่คุยกันอยู่บ่อย ๆ ว่าบ้านนางนั้นยากจน ม่านหรูไม่รู้ว่ายากจนคืออะไร แต่นางก็ไม่เคยบ่นที่ต้องกินข้าวต้มกับฟักทองแทบทุกวัน นางรู้แค่ว่ากินอิ่มท้องนางก็พอใจแล้ว
ติงกวนรีบทำข้าวต้มผสมฟักทองให้ลูกสาว ส่วนของเขาก็เป็นข้าวต้มผสมธัญพืชง่าย ๆ เท่านั้น วันนี้เขาไม่ไปทำงานจึงไม่อยากนำเนื้อออกมาผสมข้าวต้มให้สิ้นเปลือง เพราะเขายังต้องจ่ายค่าหมอตำแยหลังจากภรรยาคลอดลูกอีก ติงกวนทำอาหารเสร็จในเวลาครึ่งชั่วยาม พอดีกับที่เขาได้ยินเสียงร้องอุแว๊ดังออกมาจากห้องที่ภรรยาเขากำลังคลอดลูกอยู่ ติงกวนรีบยกถ้วยข้าวต้มไปให้ลูกสาวและวางถ้วยของตนเองเอาไว้บนโต๊ะ ก่อนจะเดินไปรอหมอตำแยที่หน้าประตู
ม่านหรูเห็นพ่อวางถ้วยข้าวต้มที่มีควันโชยขึ้นมาก็รู้ว่ามันยังร้อนอยู่ นางไม่สนใจว่าพ่อจะทำอะไรเพราะตอนนี้นางหิวมาก ม่านหรูค่อย ๆ ตักข้าวต้มคำเล็ก ๆ แล้วเป่าเบา ๆ อยู่สักพักจนน่าจะหายร้อนแล้ว นางจึงเอาเข้าปากแล้วเคี้ยวตุ้ย ๆ อย่างเอร็ดอร่อย สำหรับม่านหรูแค่ได้กินอาหารแบบนี้นางก็มีความสุขแล้ว
ไม่นานนักหลังจากได้ยินเสียงเด็กร้อง หมอตำแยรีบทำความสะอาดเด็กและตัดสายสะดืออย่างชำนาญ ก่อนจะห่อตัวเด็กแล้วรีบเดินออกไปเปิดประตู
“นี่ลูกชายคนแรกของเจ้าติงกวน ข้าจะเข้าไปดูเสี่ยวชิงคลอดลูกอีกคนเสียก่อน เจ้าก็ดูแลลูกชายเจ้าก่อนก็แล้วกันนะ”
“ขอบคุณขอรับท่านป้า ข้าฝากท่านป้าดูแลภรรยากับลูกข้าด้วยนะขอรับ”
“อืม เจ้าไม่ต้องกังวลไป ดีที่เมียเจ้าเคยคลอดม่านหรูมาก่อน การคลอดลูกแฝดครั้งนี้จึงไม่อันตรายเท่ากับท้องแรก เอาล่ะ ข้าขอตัวก่อน”
“ขอรับท่านป้า ถ้าท่านต้องการอะไรอีกก็เรียกข้าได้นะขอรับ ข้ารอที่โต๊ะหน้าห้อง”
หมอตำแยพยักหน้าให้แล้วรีบปิดประตูเดินกลับเข้าไปดูเสี่ยวชิงที่กำลังปวดท้องอีกครั้ง นับว่าเด็กคนที่สองช่างรู้ความเสียจริง ๆ เขาไม่ได้รีบออกมาเหมือนเด็กคนแรก ทำให้หมอมีเวลาทำความสะอาดและส่งตัวเด็กให้ติงกวนดูแลก่อนได้
“เอาล่ะเสี่ยวชิง ลูกคนที่สองของเจ้ากำลังจะออกมาแล้ว เจ้าเบ่งให้แรง ๆ”
“แฮ่ก… เจ้าค่ะ… ท่านป้า”
ฮึ้บ...ฮ่า...ฮึ้บ...ฮ่า
อุแว๊!!!
“โอ้ เก่งมากเสี่ยวชิง เจ้าได้ลูกชายอีกคนแล้ว ข้าดีใจด้วยนะ ตอนนี้เจ้าพักผ่อนก่อน ข้าจะนำเด็กไปล้างตัวสักหน่อยแล้วจะเอามาให้เจ้านะ”
“แฮ่ก… เจ้าค่ะ…” หมอตำแยตัดสายสะดือและนำเด็กไปล้างตัวด้วยน้ำอุ่นทันที ก่อนที่นางจะพันผ้าแล้วนำตัวเด็กไปวางไว้ข้างตัวเสี่ยวชิงอย่างรวดเร็ว
“นี่ลูกชายคนรองของเจ้า ตอนนี้หมดหน้าที่ข้าแล้ว เดี๋ยวข้าจะบอกสามีเจ้าให้เข้ามาดูเจ้ากับลูกต่อก็แล้วกัน”
“ขอบคุณ… ท่านป้า… เจ้าค่ะ”
หมอตำแยพยักหน้ายิ้มส่งให้เสี่ยวชิงก่อนที่จะออกไปนอกห้องพร้อมกับรับค่าทำคลอดที่นางเก็บสองผัวเมียเพียงเล็กน้อยเท่านั้น นางรู้ดีว่าครอบครัวนี้ยากจนจึงไม่อยากรีดเลือดกับปูให้โกรธเคืองใจกันไปเปล่า ๆ
หลังหมอตำแยจากไป ติงกวนหันไปบอกลูกสาวที่กำลังกินข้าวอยู่ว่าให้รอที่โต๊ะหลังจากกินเสร็จ เขาจะพาลูกชายคนโตไปส่งให้ภรรยาก่อนค่อยออกมานำถ้วยข้าวต้มของภรรยาเข้าไปให้นาง
สายวันต่อมา ขันทีผางนำป้ายพระราชทานพาโหวซื่อหลงกับโหวฮูหยินเดินทางไปยังจวนโหวที่ฝ่าบาทประทานให้ คนอื่น ๆ ต่างตามไปดูเช่นเดียวกัน พวกเขาที่อยากรู้ว่าจวนโหวที่ได้รับหน้าตาเป็นอย่างไรต่างเดินตามขบวนขันทีและทหารไปทิศเหนือใกล้กับวังหลวง กระทั่งขันทีผางสั่งทหารนำป้ายโหวซื่อหลงไปติดเอาไว้ที่หน้าประตูใหญ่ตรงหน้า ทุกคนจึงเบิกตากว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ เพราะจวนที่เห็นตอนนี้นั้นใหญ่โตยิ่งกว่าทุกจวนที่พวกเขาเคยเห็นมาเสียอีก“ท่านโหวขอรับ นี่เป็นกุญแจห้องทั้งหมดในจวนโหว ส่วนสิ่งของพระราชทานถูกส่งมาที่จวนตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้วขอรับ เชิญท่านโหวกับโหวฮูหยินตรวจสอบตามรายการที่ข้าเขียนให้ในนี้ได้เลยขอรับ ใบรายการอีก 5 ใบนี้ เป็นของท่านติงกั๋วกง รองแม่ทัพแดนเหนือ ผู้ช่วยรองแม่ทัพแดนเหนือ รองแม่ทัพขั้น 3 และกุนซือขั้น 3 ขอรับ”ขันทีผางยื่นส่งใบรายการทั้งหมดให้พวกเขาทีละคน จากนั้นเขาและทหารที่เดินทางมาด้วยกันก็ขอลากลับวังไป ซื่อหวนหลงเปิดประตูใหญ่ออกข้างหนึ่ง ภายในมีพ่อบ้านยืนรออยู่ก่อนแล้ว เขาแนะนำชื่อตนเองและแนะนำบ่าวไพ
ก่อนถึงวันงานเลี้ยงหลังกลับจากเมืองชายแดนตะวันออก ม่านหรูสั่งบ่าวให้นำทางนางไปซื้อกวานเพื่อเตรียมงานสวมกวานให้ลูกชายในช่วงบ่ายวันนี้ ก่อนไปยังเมืองชายแดนม่านหรูนำตั๋วแลกเงินติดตัวมามากถึงหนึ่งหมื่นตำลึง ระหว่างทางพวกนางใช้จ่ายค่าเสบียงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทำให้ม่านหรูมีเงินเหลืออยู่เก้าพันกว่าตำลึงบ่าวในจวนรองแม่ทัพพาม่านหรูไปร้านเครื่องประดับที่ดีที่สุดในเมืองหลวง ม่านหรูบอกเถ้าแก่ให้นำกวานที่ดีที่สุดมาให้นางเลือก ไม่นานนักนางก็ได้กวานทองสองอันที่มีลวดลายแตกต่างกัน อันหนึ่งนั้นเป็นลายเมฆมงคล ส่วนอีกอันเป็นลายใบไผ่ที่สวยสดใสเหมาะกับซื่อซีซวน ม่านหรูจ่ายค่ากวานไปเกือบสามพันตำลึง ก่อนจะชวนบ่าวกลับจวนเพื่อเตรียมพิธีสวมกวานต่อในช่วงบ่ายที่จวนรองแม่ทัพวันนี้ต่างครึกครื้นและเต็มไปด้วยความสุขหลังจากเจ้านายทั้งสองของจวนเสร็จสิ้นพิธีสวมกวาน เหล่าบ่าวไพร่ในจวนต่างได้รับเชิญให้เข้าร่วมงานเลี้ยงไม่เว้นแม้แต่คนเดียว พวกเขายิ่งรู้สึกซาบซึ้งมากขึ้นไปอีกที่นายท่านถึงอายุจะยังน้อยแต่กลับมีความคิดมากกว่าผู้ใหญ่เสียอ
กลางดึกคืนนั้น ม่านหรูแอบไปพบท่านปู่เพื่อบอกเรื่องที่สามีกับลูกนางกล่าวไว้เมื่อตอนเย็น ชางจ้าวหลงคิดสักพักก็เข้าใจดีว่าพวกเขาคงห่วงม่านหรูมากเกินไป“แล้วเจ้าจะแอบขึ้นเรือกับปู่หรือไม่เล่า ปู่ให้คนเตรียมเชื้อไฟเอาไว้ไม่น้อยแล้ว”“ข้าจะไปพร้อมท่านปู่กับหลาน ๆ เจ้าค่ะ แผนการของเราจะต้องพังเรือทั้งหมดนี่นา”“เช่นนั้นเจ้าให้คนเตรียมเชื้อไฟเอาไว้หรือยัง เราจะได้แอบเดินทางออกไปก่อน”“เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะท่านปู่ ข้ายังเอาถุงทรายติดตัวไปด้วย เผื่อต้องใช้ในการต่อสู้”“อืม ดีที่เจ้ารอบคอบ ส่วนปู่นั้นสามารถใช้หยดน้ำแทนมีดบินได้ เอาล่ะ เราไปกันได้แล้วกระมัง เดี๋ยวจะเสียแผนเอา”ม่านหรูพยักหน้ารับคำชางจ้าวหลง ก่อนที่ทั้งสี่คนจะใช้วิชาตัวเบาไปยังหาดทรายที่เดิม เพียงแต่ครานี้กว่าที่ทุกคนจะหลบหลีกคนของกองทัพใหญ่ได้ก็เสียเวลาไม่น้อยเลยทีเดียวครึ่งชั่วยามต่อมา กองเรือโจรสลัดมาเ
สายวันต่อมา โจรสลัดขึ้นบกมาปล้นฆ่าชาวบ้านเหมือนทุกวัน ทหารที่เฝ้าอยู่รีบส่งคนไปแจ้งท่านแม่ทัพในจวน ก่อนที่ทหารทั้ง 19 คน จะต่อสู้กับโจรสลัดรอให้ทหารอีกจำนวนหนึ่งที่ลาดตระเวนอยู่ใกล้ ๆ มาช่วยพวกเขาไม่ถึงสองเค่อ กองทัพของหนิงจิ้งจิวก็พาทหารเข้าจัดการกลุ่มโจรสลัด โดยมีโจรสลัดบางส่วนวิ่งไปยังชายหาดเพื่อหลบหนีเช่นทุกครั้ง แต่ด้วยตอนนี้ทหารรู้ว่ากับดักถูกทำลายแล้ว พวกเขาจึงวิ่งตามอย่างเต็มกำลังจนสามารถจับกุมคนกลับมาได้ถึงสี่คนในคราวเดียว ส่วนโจรสลัดที่กำลังต่อสู้อยู่ก็ถูกฆ่าตายทั้งหมด นี่นับเป็นครั้งแรกที่กองทัพสามารถจับโจรสลัดกลับไปสอบสวนได้ เพียงแต่ภาษาที่พวกเขาพูดมานั้นไม่มีใครสามารถแปลออก พวกเขาจึงทำได้เพียงนำโจรไปกักขังไว้ก่อนแล้วลาดตระเวนรอบชายหาดต่อจนถึงตอนเย็นกลางดึกของวัน ชางจ้าวหลงกับม่านหรู ติงเฟิงหยางและติงเฟิงฮุยมาชายหาดเหมือนกับเมื่อคืนวาน เด็กทั้งสองอยากเรียนวิธีทำลายกับดัก ชางจ้าวหลงให้พวกเขาตามมาด้านหลังและไม่ให้พวกเขาวิ่งวุ่นวาย แต่เสียดายคืนนี้ไม่มีกับดักให้ทำลายเลยแม้แต่น้อยหลังจากที่ช
หลังจากงานศพของทั้งสองคหบดีใหญ่เมืองไห่หลงผ่านไปด้วยดี กว่าที่ซีฮันกับซีซวนจะรู้ข่าวก็สายไปเสียแล้ว พวกเขายังติดงานและไม่สามารถลาไปเคารพทวดที่หลุมฝังศพได้ ในจดหมายท่านพ่อสั่งให้พวกเขารอสิ้นปีจึงค่อยกลับไป ทั้งสองตอนนี้ทำได้เพียงสั่งทหารไปซื้อกระดาษเงินกระดาษทองกับธูปเทียนมาทำพิธีส่งวิญญาณท่านทวดของพวกเขาที่จวนเท่านั้นสองปีต่อมาซื่อหวนหลงได้รับพระราชโองการให้กลับไปเมืองหลวงเพื่อคุมทัพใหญ่ไปช่วยชายแดนตะวันออกซึ่งตอนนี้ถูกโจรสลัดเข้ามาปล้นฆ่าชาวบ้านกันเป็นว่าเล่น เขาจึงรีบสั่งการให้คนไปแจ้งทหารทั้ง 200 นายเตรียมตัวออกเดินทางทันที ม่านหรูอยากไปกับเขาแต่นางรู้ดีว่าครั้งนี้คงไม่สามารถฝ่าฝืนกฎทหารได้อีก นอกจากฝ่าบาทจะส่งราชโองการมาอีกฉบับเพื่อให้นางช่วยเหลือการศึกในครั้งนี้ก่อนออกเดินทาง ซื่อหวนหลงยังสั่งภรรยารักว่าให้ดูแลจวนกับลูกให้ดี เขาจะรีบกลับมาให้เร็วที่สุดหลังเสร็จงาน ม่านหรูได้แต่พยักหน้ารับคำสามีด้วยสีหน้าไม่ค่อยดีนัก นางรู้สึกว่าการศึกครั้งนี้ไม่น่า
ม่านหรูเชิญให้ท่านปู่นั่งที่นั่งประธานของบ้าน ส่วนนางกับสามีนั่งลงอีกข้างหนึ่งของห้องโถงใหญ่พร้อมลูกสาว อีกด้านเป็นติงกวน เสี่ยวชิงกับหลาน ๆ นั่งด้วยกัน พวกเขาต่างทักทายกันเสียงจอแจ ก่อนที่ฮวยหลิวจะชวนลูกพี่ลูกน้องออกไปเล่นที่สวนด้านหลังและปล่อยให้พวกผู้ใหญ่คุยกัน“ท่านปู่สบายดีไหมเจ้าคะ ในจดหมายน้องรองบอกว่าท่านยังคอยสอนวรยุทธเด็ก ๆ จนแทบไม่มีเวลาพักผ่อน ข้ากับน้องเป็นห่วงท่านนะเจ้าคะ”“เพ้ย! เจ้าจะฟังเด็กสองคนนั้นทำไมกัน ข้าออกจะแข็งแรงอย่างกับอะไรดี มีแต่พ่อแม่เจ้านั่นแหละที่ช่วงนี้ป่วยออด ๆ แอด ๆ น่ะ เจ้าห่วงพวกเขาจะดีกว่า ฮึ!”ชางจ้าวหลงสะบัดหน้าหนีอย่างงอนๆ หลานสาวคนนี้ไม่รู้หรืออย่างไรว่าเขานั้นแข็งแรงยิ่งกว่าพวกนางเสียอีก ม่านหรูเห็นอาการของท่านปู่ก็ได้แต่ถอนหายใจ“ข้ารู้เจ้าค่ะท่านปู่ แต่อย่างน้อยท่านก็ควรจะพักผ่อนตามวัยบ้าง ส่วนท่านพ่อท่านแม่มีน้องรองกับน้องสามคอยดูแล ข้าจึงไม่ได้ห่วงอะไรมากนัก อย่างไรพวกท่านก็ไม่มีวรยุทธ การที่จะเจ็บ
Mga Comments