ความคิดนี้อยู่ในใจเพียงชั่วครู่เท่านั้น ในเมื่อกู้หว่านเยว่แต่งงานมีสามีแล้ว ต่อให้อวิ๋นมู่ปรารถนาในใจมากแค่ไหน เขาก็จะยับยั้งชั่งใจเอาไว้“เฮ้อ เจ้านี่นะ ข้าควรจะหาภรรยาให้เจ้าตั้งแต่เนิ่น ๆ ”นายท่านผู้เฒ่าอวิ๋นมองทะลุความในใจของอวิ๋นมู่ จากนั้นส่ายหัวอย่างจนปัญญาเจ้าเด็กไม่เอาไหนนี่ เหตุใดถึงไม่รู้จักควบคุมหัวใจตัวเอง?“ลูกไม่ขออะไรมาก ขอแค่ให้นางปลอดภัยราบรื่น มีความสุข สุขภาพแข็งแรง”อวิ๋นมู่ดูสดใส รอยยิ้มเปี่ยมไปด้วยความสุขนายท่านผู้เฒ่าอวิ๋นสีหน้าหม่นหมอง หากนายหญิงกู้ยังไม่แต่งงานหรือหย่าร้างแล้ว เขาคงจะสนับสนุนเต็มที่แต่เห็นได้ชัดว่านางและซูจิ่งสิงรักกันมาก“แย่แล้ว ๆ สายเลือดสกุลอวิ๋นของข้าคงไม่ได้สิ้นสุดตรงนี้หรอกนะ?” นายท่านผู้เฒ่าอวิ๋นคิดวางแผนในใจ ต้องหาภรรยาดี ๆ ให้กับอวิ๋นมู่ให้ได้ภายในห้อง กู้หว่านเยว่เปลี่ยนใจ “ท่านพี่ ข้าว่าจะให้คนสร้างถังเหล็กขึ้นมา เพื่อใส่น้ำมันก๊าด”เดิมทีนางคิดจะซื้อถังเหล็กจำนวนมาก แล้วโยนไปให้พวกชาวหู บอกทุกคนว่าซื้อถังเหล็กพวกนั้นมาจากชาวหูแต่พอคิดดูดี ๆ แบบนี้เหมือนปล่อยให้ชาวหูได้ประโยชน์มากเกินไปการสร้างเครื่องมือเหล็กไม่
จี้ฮั่นโม่หายใจถี่ “หนังสือเล่มนี้มาจากที่ใด?”“ใต้เท้าจี้แค่บอกว่าอยากจะรับงานนี้หรือไม่”ระหว่างทาง ทั้งสองคนได้พูดคุยเกี่ยวกับความสามารถของจี้ฮั่นโม่ ซูจิ่งสิงค่อนข้างเห็นด้วยดังนั้น กู้หว่านเยว่จึงกล้ามอบหมายเรื่องนี้ให้เขาในขณะเดียวกัน ก็เพราะกู้หว่านเยว่อยากจะขี้เกียจบ้าง ถ้าทำเองทุกอย่าง นางจะไม่เหนื่อยตายหรอกหรือยิ่งถึงช่วงหลัง ๆ ก็ยิ่งแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการบริหารจัดการลูกน้อง“อยาก ข้าอยากรับแน่นอน!”จี้ฮั่นโม่ก็มีความมุ่งมั่นเช่นกัน“แต่ว่า ภรรยาและลูกของข้า...”จี้ฮั่นโม่รู้สึกละอายใจเล็กน้อยตอนนี้เขาไม่มีเบี้ยหวัดแล้ว เงินที่พกมาตอนหลบหนีก็ใช้ไปจนเกือบหมดกู้หว่านเยว่มองเห็นถึงความลำบากของเขา จึงยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น “ท่านไม่ต้องห่วง ข้าจะจ่ายเงินเดือนให้ท่านถ้าท่านกังวลว่าภรรยาและลูกของท่านจะไม่มีใครดูแล ก็จ้างคนรับใช้ให้พวกเขา”“นี่ จริงหรือ?”จี้ฮั่นโม่ดีใจอย่างยิ่งสิ่งเดียวที่เขากังวลก็คือเรื่องนี้ กู้หว่านเยว่ก็นึกถึงเช่นกัน เขาจึงไม่ลังเลอีกต่อไป“เรื่องนี้ มอบหมายให้ข้า ข้าจะทำให้ดีที่สุด!”ทั้งสองคนคุยกันเรื่องเงินเดือนอีกสักหน่อย กู้หว่านเย
“แม้แต่แขนของข้า ก็ถูกพวกเขาฟันขาดความแค้นอันใหญ่หลวงนี้ ข้าจะไม่มีวันลืม!”ดวงตาของมู่หรงอวี้เต็มไปด้วยความโกรธแค้น ราวกับปีศาจที่ปีนขึ้นมาจากนรกหลังจากที่หนีออกมาจากภูเขาหิมะ เขาก็ไม่กล้าหยุดพักแม้แต่วินาทีเดียวหนีออกมาจากเจดีย์หนิงกู่เหมือนหมาจรจัด กลัวว่าจะถูกกู้หว่านเยว่ไล่ตามทันเมื่อนึกถึงการหลบซ่อนตัวตลอดในสองวันนี้ มู่หรงอวี้ก็รู้สึกอับอายขายหน้าอย่างมาก“ท่านอ๋อง ต่อไปพวกเราจะทำอย่างไรดี?” ลูกน้องหลายคนมองด้วยความความเศร้าโศกพี่น้องมากมาย เหลือเพียงแค่พวกเขา“ไปที่หมู่บ้านโซว่หวาง”มู่หรงอวี้ยิ้มเยาะ “ข้าจะรอพวกเขาที่หมู่บ้านโซว่หวาง แล้วจัดการพวกเขาให้หมดในคราวเดียว!”คิดว่าตัดแขนเขาไปข้างหนึ่ง แล้วเขาจะเป็นง่อยแล้วหรือ?เขายังมีไพ่ตายใบสุดท้าย!มู่หรงอวี้พาลูกน้องขี่ม้าออกไป โดยที่ไม่รู้เลยว่ามีคนชุดดำคนหนึ่งแอบสะกดรอยตามเขาอยู่ข้างหลัง“...”“กงซุนจ่างเย่ใกล้ฟื้นแล้ว”สองวันมานี้ กู้หว่านเยว่คอยสังเกตความเคลื่อนไหวอยู่ในหอแห่งโอสถมาตลอดหลังจากที่พบว่ากงซุนจ่างเย่ใกล้ฟื้นแล้ว ก็รีบย้ายเขากลับมาภายในห้องในขณะเดียวกัน ก็ดึงเข็มทั้งหมดออกจากตัวเขาด้วย
ความคิดของกู้หว่านเยว่ล่องลอยไปไกลนางสนใจนกวิเศษที่หนานหยางอ๋องพูดถึงมาก ในโลกนี้มีนกวิเศษอย่างนกหงส์เพลิงจริง ๆ หรือ? ถ้านกหงส์เพลิงมีอยู่จริง ใครได้มันไปก็คงสามารถบัญชาสรรพสัตว์ กลายเป็นราชาแห่งสรรพสัตว์จริง ๆ สินะ?กู้หว่านเยว่ตั้งสติ ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็เป็นแค่ข่าวลือ ภารกิจหลักตอนนี้คือไปที่เขตซีเป่ยเพื่อขัดขวางแผนการของฮ่องเต้ชั่วกู้หว่านเยว่คำนวณวันเวลาครู่หนึ่ง ตอนนี้ผ่านมาเกือบหนึ่งเดือนแล้วตั้งแต่เกิดเรื่องที่หมู่บ้านโซว่หวางยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไร โอกาสรอดชีวิตของคนในหมู่บ้านโซว่หวางก็ยิ่งน้อยลงเท่านั้นนางจึงเอ่ยขึ้นว่า “เรื่องนี้จะรอช้าไม่ได้ ข้าไม่คิดจะรออีกแล้ว คืนนี้กลับไปเก็บของ พรุ่งนี้ไปที่หมู่บ้านโซว่หวางกันเถอะ”“ให้ข้าไปด้วย” กงซุนจ่างเย่ขอร้อง “ข้าจะไม่เป็นภาระให้พวกท่าน”ตั้งแต่เด็กจนโต เขาเป็นลูกชายคนเล็กที่ได้รับความรักมากที่สุดในครอบครัวครั้งนี้ เขาจะเป็นผู้แบกรับความรุ่งเรืองและความตกต่ำของหมู่บ้านโซว่หวางเขาต้องกลับไปช่วยท่านพ่อและพวกพี่สาวด้วยตัวเอง“ได้”กู้หว่านเยว่พยักหน้า“เจ้าเดินไม่ได้ แต่สามารถนั่งรถม้าได้ ถึงตอนนั้นพวกเราจะแยกกันไ
“เคลื่อนพลผู้พิทักษ์แห่งจันทรา มุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านโซว่หวาง”ผู้พิทักษ์แห่งจันทราเป็นองครักษ์ลับที่ซูจิ่งสิงสร้างให้กู้หว่านเยว่เป็นการส่วนตัวออกเดินทางไปยังหมู่บ้านโซว่หวางครั้งนี้ เขาไม่อยากเห็นกู้หว่านเยว่ได้รับอันตรายใด ๆดังนั้นจึงตัดสินใจออกคำสั่งผู้พิทักษ์แห่งจันทราล่วงหน้าเพื่อความปลอดภัย“นายท่านโปรดวางใจ พวกข้าจะคุ้มครองฮูหยินอย่างเต็มที่”คนสิบกว่าคนที่นำโดยชิงเหลียนคุกเข่าลงบนพื้นด้วยความเคารพหลังจากจัดเตรียมทุกอย่างแล้ว ซูจิ่งสิงก็กลับไปที่เตียง กอดกู้หว่านเยว่ไว้ในอ้อมแขน ก่อนจะผล็อยหลับไปเช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากทั้งสองรับประทานอาหารที่นางหยางทำให้เรียบร้อยแล้ว ก็ตัดสินใจออกเดินทางไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือทันทีเนื่องจากกงซุนจ่างเย่ได้รับบาดเจ็บสาหัส เมิ่งเหยียนก็เพิ่งฟื้นตัวได้ไม่นาน ไม่ควรเร่งการเดินทางทั้งวันทั้งคืนดังนั้นพวกเขาจึงตัดสินใจแบ่งกองกำลังออกเป็นสองกลุ่มกลุ่มหนึ่งมีหมิงจูพร้อมด้วยกงซุนจ่างเย่และเมิ่งเหยียน โดยมีลั่วหยางคอยดูแลอยู่ข้าง ๆ นั่งรถม้าไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนืออีกกลุ่มหนึ่ง กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงออกเดินทางตามลำพัง เพื่อไปให้ถึงโ
“น้องหญิง พวกเราบินอยู่บนท้องฟ้า หากมีคนเห็นเข้า จะไม่ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นสัตว์ประหลาดหรือ”หลังจากสงบสติอารมณ์ลงแล้ว ซูจิ่งสิงก็ถามด้วยความกังวลกู้หว่านเยว่หัวเราะขึ้นมาทันที “อย่ากังวล พวกเรากำลังบินสูงมาก ผู้คนบนพื้นดินจะมองเห็นเพียงจุดสีดำเล็ก ๆ ลอยผ่านไป อีกอย่างเมื่อคืนนี้ข้าได้วางแผนเส้นทางไปยังทิศตะวันตกเฉียงเหนือเอาไว้เรียบร้อยแล้ว”เส้นทางนี้จะไม่ผ่านเมือง แต่ตรงไปยังเขตภูเขาที่มีประชากรเบาบางโดยเฉพาะเช่นนี้จะขจัดความเป็นไปได้ที่จะถูกผู้คนสังเกตเห็นไปโดยปริยาย“แผนที่อยู่ตรงกลางระหว่างเรา ท่านลองเปิดมันดูสิ”ซูจิ่งสิงได้ยินเช่นนี้ก็หยิบแผนที่ขึ้นมา สังเกตดูสักครู่ก็พบว่า เส้นทางนี้ของกู้หว่านเยว่มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะพบบ้านเรือนผู้คนเขาวางแผนที่ลง เมื่อมองลงไปก็เห็นภูเขาแม่น้ำและมหาสมุทรอยู่ใต้ฝ่าเท้า เพียงชั่วขณะหนึ่งภายในใจก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นอย่างไร้ขอบเขต“น้องหญิง เจ้าสอนข้าขับเฮลิคอปเตอร์ได้ไหม? เวลาเจ้าเหนื่อย ข้าจะได้ทำแทนเจ้าได้”ซูจิ่งสิงไม่คุ้นเคยกับการนั่งที่นั่งผู้โดยสารโดยที่ไม่ทำอะไรเลย“ไม่ต้องรีบร้อน ต่อไปยังมีเวลาอีกมาก”ทั้งสองทำเหมือนไม่ม
เนื่องจากภัยตั๊กแตนนั้นรุนแรงเหลือเกิน ตั๊กแตนฝูงใหญ่บินเข้ามา ถึงขั้นโจมตีมนุษย์ทั้งสองต้องหาที่หลบภัยในหมู่บ้านก่อน“ภัยตั๊กแตนครั้งนี้ร้ายแรงมาก มันเกิดขึ้นได้ยังไงกัน?” กู้หว่านเยว่ขมวดคิ้วบาง ๆจิตสำนึกเข้าสู่มิติทันที เปิดภาพกลุ่มเมฆดู“เราขับมาทั้งคืน ที่แห่งนี้อยู่ในอาณาเขตของฉีหลู่แล้ว”“ดูสภาพอากาศสิ” ซูจิ่งสิงเอ่ยเตือน “โดยทั่วไปภัยตั๊กแตนจะเกิดขึ้นเฉพาะในฤดูแล้งเท่านั้น”กู้หว่านเยว่รีบเปิดบันทึกสภาพอากาศ “ตรงนี้แสดงให้เห็นว่า ในเขตฉีหลู่มีวันท้องฟ้าแจ่มใสติดต่อกันเป็นเวลาหนึ่งเดือน”เมื่อตรวจสอบอย่างละเอียด ก็พบว่าไม่มีวันที่ฝนตกเลย“ยิ่งไปกว่านั้นอุณหภูมิก็สูงขึ้นอย่างฉับพลัน สภาพอากาศเลวร้ายมาก”กู้หว่านเยว่เช็ดเหงื่อบนหน้าผาก หลังลงจากเฮลิคอปเตอร์ นางก็รู้สึกถึงความแห้งแล้งในอากาศ“ไม่แปลกใจที่จะกระตุ้นให้เกิดภัยตั๊กแตน”กู้หว่านเยว่นึกถึงภัยน้ำท่วมและพายุหิมะที่รุนแรงในระหว่างเส้นทางเนรเทศตอนนี้เกิดภัยแล้งขึ้นอีกครั้ง อุณหภูมิสูงมาก“ภัยแล้งมาแทนที่อุทกภัย ส่งผลให้บริเวณน้ำตื้นในแม่น้ำและทะเลสาบหลายแห่งโผล่ออกมา ตั๊กแตนแพร่พันธุ์ลุกลาม”ในใจซูจิ่งสิงยัง
พวกเขาเคยลองใช้มาหลายวิธีเหลือเกิน ทั้งหมดจบลงด้วยความล้มเหลวน่าเป็นห่วงจริง ๆ!แต่กลับเห็นกู้หว่านเยว่ยังนิ่งเฉย ก็เลยหยิบแอปเปิลผลหนึ่งออกมากัด“อย่ากังวล ถ้าไม่ได้ผล ข้าจะตัดหัวตัวเองมาเป็นลูกบอลให้ท่านเตะ”“เมียข้าบอกว่าได้ ก็ต้องได้สิ” ซูจิ่งสิงเชื่อมั่นในตัวกู้หว่านเยว่อย่างไม่มีเงื่อนไขหัวหน้าหมู่บ้านกลืนไม่เข้าคายไม่ออก “แม่นางน้อยล้อเล่นแล้ว เจ้าพยายามช่วยพวกเรา แม้ว่ามันจะไม่ได้ผล ข้าก็ไม่สามารถตัดหัวเจ้าได้!”และหลังจากที่กู้หว่านเยว่บอกหลักการของการกำจัดตั๊กแตนกับเขา เขาก็รู้สึกว่าวิธีนี้เข้าท่าดี“ดูสิ มีฝูงตั๊กแตนมาอีกแล้ว!”จู่ ๆ ชาวบ้านก็ตะโกนเสียงดังทุกคนเงยหน้าขึ้นมอง เห็นตั๊กแตนฝูงใหญ่บินมาจากทุกทิศทุกทางสำหรับตั๊กแตนพวกนี้ ทุกคนล้วนเกลียดเข้ากระดูกดำแต่ละคนหยิบไม้กวาดและมีดตัดฟืนขึ้นมา วาดท่าทางใส่ตั๊กแตน บางคนถึงกับสาดน้ำใส่ตั๊กแตก พยายามทำให้พวกมันจมน้ำตายน่าเสียดายที่มันไม่มีผลกระทบต่อฝูงตั๊กแตนเลยยิ่งไปกว่านั้น ฝูงตั๊กแตนยังมีแนวโน้มขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ“จบแล้ว จบเห่แล้ว...”“ตั๊กแตนมากมายเช่นนี้ไม่ถูกกำจัด เมื่อตั๊กแตนกัดกินพืชผลหมดแล้ว ก็
“ชู่ว์ หลบไปข้าง ๆ”คนที่มาค่อนข้างเยอะ ประมาณห้าหกคนได้ โชคดีที่พวกเขาหลบได้เร็วคนทั้งห้าหกคนนี้ สวมสิ่งที่คล้ายหน้ากากป้องกันแก๊สพิษไว้บนใบหน้า และในมือก็ถือเครื่องมืออยู่ด้วยตอนนี้กู้หว่านเยว่ยังคงอยู่ในสภาวะสับสนกับห้องปรุงพิษ อีกทั้งยังจับต้นชนปลายไม่ถูกว่าเป้าหมายที่แท้จริงของพวกเขาคืออะไร จึงตัดสินใจแอบตามพวกเขาไปเงียบ ๆ เผื่อว่าจะได้ยินข้อมูลที่เป็นประโยชน์อะไรบ้าง“ต้องมาเอาของข้างในตัวงูนี่อีกแล้ว น่าขยะแขยงจริง ๆ ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะจบสิ้นสักที”เป็นไปตามคาด ตามไปได้ครู่เดียว พวกเขาก็ได้ยินคนบ่นขึ้นมา“ทน ๆ ไปเถอะน่า ก็อีกไม่เท่าไรแล้ว”“จะทนอย่างไรเล่า สามปีแล้ว สามปีแล้วที่ข้าไม่ได้ออกไปไหนเลย”คนอื่น ๆ ที่เหลือได้ยินดังนั้น ต่างพากันถอนหายใจพวกเขาไม่อยากออกไปหรืออย่างไรเล่าแต่เมื่อเข้ามาที่นี่แล้ว การจะออกไปนั้น เกรงว่าจะเป็นเรื่องยากอย่างยิ่งแล้ว“พวกเจ้าว่า หากไม่มีงูตัวนี้แล้ว ราชินีจะปล่อยพวกเราออกไปหรือไม่?”“หรือว่า จะฆ่าปิดปาก?”หนึ่งในนั้นทำท่าทางบางอย่าง คนอื่น ๆ ก็หน้าซีดเผือดไปตาม ๆ กัน“เป็นไปไม่ได้หรอก”ถึงแม้จะพูดเช่นนั้น แต่ในใจพวกเขาก็ไม่ม
เมื่อเห็นว่าชายผู้นั้นกำลังจะฟื้นคืนสติ กู้หว่านเยว่จึงใช้สันมือฟาดลงไป ทำให้เขาสลบไปอีกครั้ง“เหตุใดถึงทำให้เขาสลบไปล่ะ ยังถามคำถามไม่เสร็จเลย”ชวีเฟิงเอ่ยถามด้วยความสงสัยทำให้กู้หว่านเยว่มองเขาราวกับมองคนปัญญาอ่อน ก่อนจะกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “เจ้าไม่เห็นหรือไรว่ายาพูดความจริงกำลังจะหมดฤทธิ์แล้ว?”“อ้อ” เขายังไม่ทันสังเกตเห็นแต่เขาก็รู้จักของสิ่งนี้ เพราะก่อนหน้านี้กู้หว่านเยว่เคยให้เขากับยายแม่มดเฒ่ากินมันมาแล้ว“ของที่น่ากลัวนั่น มันคืออะไรกันแน่?”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้า นางรู้สึกสังหรณ์ใจอยู่ราง ๆ ว่าห้องปรุงพิษนี้กำลังเตรียมการเรื่องใหญ่สะเทือนฟ้าสะเทือนดินอยู่“ไหน ๆ ก็มาถึงแล้ว พวกเราเข้าไปดูก็จะรู้เอง”กู้หว่านเยว่หรี่ตาลงพลางครุ่นคิด“ชุดที่พวกเราใส่อยู่ตอนนี้ ออกไปตรวจสอบไม่ได้แน่ ถอดเสื้อผ้าของคนงานเหมืองนี่ออกมา พวกเราเปลี่ยนใส่แทนเสีย”ชวีเฟิงในตอนนี้ได้ถือว่ากู้หว่านเยว่เป็นแกนนำหลักแล้ว เมื่อได้ยินดังนั้น จึงรีบถอดเสื้อผ้าของคนงานเหมืองสองคนในกลุ่มนั้นออกทันทีทั้งสองคนเปลี่ยนเสื้อผ้า“แล้วคนพวกนี้จะทำอย่างไร?” แถมยังมีวูเหมิงที่อยู่บนหลังเขาอีก แบกไว้ก็เคลื
“มียาแค่หนึ่งเม็ด กลิ่นหอมจะจางหายไปในอีกไม่นาน พวกเรารีบฉวยโอกาสตอนนี้ เดินอ้อมแมงมุมพิษพวกนี้กันเถอะ”“ได้”ทั้งสองเร่งฝีเท้า หลังจากเดินอ้อมเส้นทางที่ยาวเหยียดสายหนึ่ง ในที่สุดก็ไม่เห็นแมงมุมพิษอีกแล้ว แต่ว่าสิ่งที่ปรากฏตรงหน้าพวกเขากลับเป็นแม่น้ำใต้ดินสายหนึ่งลมเย็นที่มีกลิ่นคาวปนพัดพลิ้วมาจากแม่น้ำใต้ดินเป็นระลอก ทำเอาทั้งสองต้องย่นจมูก“พระมเหสี ท่านมั่นใจหรือว่าที่นี่ก็คือห้องปรุงพิษ?”“ใช่”กู้หว่านเยว่พยักหน้า ระบบได้ส่งแผนที่ที่สมบูรณ์ให้นางแล้ว ไม่มีทางผิดแน่นอน“ตอนนี้พวกเราต้องเข้าไปโดยผ่านแม่น้ำใต้ดินสายนี้”มีแพไม้ไผ่อยู่ที่ข้างๆ น่าจะเป็นพาหนะของห้องปรุงพิษที่ใช้เข้าออกกู้หว่านเยว่กระโดดขึ้นแพไม้ไผ่อย่างไม่เกรงใจชวีเฟิงรีบพาวู่เมิ่งตามนางไปหลังจากวางวูเมิ่งลง หยิบไม้ไผ่ที่อยู่ด้านข้างขึ้นมาพายแพไม้ไผ่เข้าไปข้างในเนื่องจากเรือทวนกระแสน้ำ ชวีเฟิงเหนื่อยจนมีเหงื่อเกาะบนหน้าผากไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร ในที่สุดทัศนียภาพเบื้องหน้าก็ค่อยๆ เปิดออก พวกเขาข้ามแม่น้ำใต้ดินมาถึงพื้นที่โล่งแห่งหนึ่ง ทั้งสองกระโดดลงจากแพไม้ไผ่ หลังจากนั้นชวีเฟิงแบกวูเมิ่งขึ้นหลังอี
“ได้”กู้หว่านเยว่พยักหน้า ลดความเร็วในการค้นหาเส้นทางช้าลงระหว่างทางพวกเขาได้พบกับแมงมุมยักษ์สีแดงสองตัวอย่างที่คิดไว้ข้างหลังของแมงมุมพิษแต่ละตัวจะมีฝูงแมงมุมตัวเล็กๆ เดินตาม มันเยอะจนดูน่ากลัว เห็นแล้วถึงกับหนังศีรษะช้า“นายหญิง ระวังแมงมุมพิษชนิดนี้”ระบบเตือนในมิติ“เมื่อไปรบกวนมัน มันจะระเบิดตัวเอง และพ่นแมงมุมตัวเล็กนับไม่ถ้วนออกมา เมื่อนั้นพวกท่านจะเจอปัญหาแน่นอน”กู้หว่านเยว่ขมวดคิ้ว ฟังดูเป็นปัญหาจริงๆ“รวบรวมของพวกนี้เข้าคลังในมิติ สามารถเพิ่มคะแนนสะสมหรือไม่?”“ได้” ระบบพยักหน้า“คะแนนสะสมที่เพิ่มขึ้นเยอะพอสมควร”เมื่อกู้หว่านเยว่ได้ยินก็ตาเป็นประกาย เช่นนี้ก็ง่ายอีกแล้วนางฉวยโอกาสโบกมือน้อยตอนที่ชวีเฟิงไม่สังเกต เก็บแมงมุมพิษสองตัวนี้เข้าไปในมิติ“แมงมุมพิษหายไปแล้ว”เนื่องจากฟ้ามืดเกินไป ชวีเฟิงก็มองเห็นไม่ชัดว่าแมงมุมสองตัวนี้ไปไหนแล้ว คิดแค่ว่าพวกมันเข้าไปในพุ่มหญ้าแล้ว จึงรีบมองหาดูรอบๆ“ไม่ต้องหาแล้ว พวกเราอ้อมไปอย่างระมัดระวังดีกว่า”กู้หว่านเยว่กล่าวเร่งเร้าประโยค ก็ไปเดินนำทางที่ข้างหน้าแล้วชวีเฟิงรับเดินตามทั้งสองเดินไปได้ครึ่งชั่วยาม ในที่ส
“อ๊ะๆๆๆ!”วูเมิ่งร้องคร่ำครวญอย่างเจ็บปวด ถ้าหากไม่ได้โดนมัดไว้ เขาคงเจ็บจนกลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้นแล้ว“เขียนบนพื้น”กู้หว่านเยว่ยื่นน้ำชาให้เขาหนึ่งถ้วยน้ำตาของวูเมิ่งแทบจะแห้งแล้ว แม้ห้องปรุงพิษของพวกเขาก็มักจะสอบสวนผู้อื่นเช่นนี้แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาโดนสอบสวน“ข้าเขียน ข้าเขียน”เขารีบทำปากพูด พลางยื่นมือสองข้างที่โดนมัดเข้าด้วยกันออกไป ใช้นิ้วชี้จุ่มลงไปในน้ำชาเดิมทีอยากฉวยโอกาสดีดยาพิษในซอกเล็บออกมา กลับพบว่าโดนกู้หว่านเยว่ค้นตัวจนไม่เหลืออะไรเลย แม้แต่ยาพิษในซอกเล็บก็โดนขูดออกมาแล้วเขากัดฟันแน่น ใช้ดวงตาที่เป็นประกายจ้องกู้หว่านเยว่เขาชอบผู้หญิงสวย ผู้หญิงที่เก่งกาจ เขายิ่งชอบ‘ชวีอวี้’ เก่งกาจเช่นนี้ เขาชอบสุดๆรอเขามีโอกาส เขาจะสยบนางแน่นอน“เขียน” กู้หว่านเยว่สั่งอย่างใจเย็นเหลือเวลาไม่มากแล้ว ชวีเฟิงกล้าร้องหนึ่งชั่วยาม แต่ใช้ว่าวูเมิ่งจะทำได้นานเช่นนี้“คุกใต้ดินห้องปรุงพิษ” วูเมิ่งเขียนลงบนพื้นกู้หว่านเยว่ประหลาดใจ “เจ้าบอกว่าอยู่ในมือของเจ้าไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงอยู่ที่ห้องปรุงพิษ?”แววร้อนตัวแลบผ่านดวงตาวูเมิ่งเขาเขียน “ไม่พูดเช่นนี้ เจ้าจะยอมแต่งง
“ให้ตายเถอะ!”ชวีเฟิงยังไม่ทันได้ใช้ศิลปะการต่อสู้เลย ก็เห็นเขาโดนกู้หว่านเยว่ผลักจนล้มลง จึงอุทานออกมาด้วยความตกใจ“ท่านทำอะไรกับเขา?”“เปล่านี่ แค่ทำให้เขาสลบ จะได้สอบสวนง่ายขึ้น”กู้หว่านเยว่พูดอย่างสบายๆนางเป็นไปที่ตรงหน้าวูเมิ่ง ค้นตามร่างกายเขาครู่หนึ่ง พบอาวุธลับและยาพิษมากมาย“แหม โชคดีที่ทำให้เขาสลบก่อน ของพวกนี้สามารถทำให้พวกเราเสียเวลาพักใหญ่เลย”“ของพวกนี้มันอะไร?” ชวีเฟิงมองขวดเหล่านั้นอย่างงงงวย“นี่คือยาพิษที่ฆ่าคนได้ในพริบตา”“น้ำยาทำลายศพ ความหมายตามชื่อเลย มีฤทธิ์กัดกร่อนสูงมาก”“ไห่ถังเจ็ดดาว ไร้สีไร้รส ผู้ที่ถูกพิษจะหมดสติทันที ตายอยู่ในความฝัน อีกทั้งยังเป็นฝันดีด้วย ตอนตายยังยิ้มอยู่เลย”“อันนี้…”“เดี๋ยวก่อน เลิกพูดได้แล้ว!”กู้หว่านเยว่ยังจะพูดต่อ ชวีเฟิงรีบห้ามนาง “ของพวกนี้ก็น่ากลัวมากแล้ว ขืนฟังต่อไป ข้ากลัวว่าข้าจะฝันร้ายทำไมเขาถึงพกยาพิษมากมายเช่นนี้ ไม่กลัวตัวเองโดนพิษของตัวเองเลยหรือ”“เขาเป็นคนของห้องปรุงพิษ เจอยาพิษป้องกันตัวบนตัวเขาก็เป็นเรื่องปกติ”กู้หว่านเยว่เก็บยาพิษเหล่านั้นเข้าไปในมิติอย่างใจเย็นหลังจากนั้น นางเดินไปที่ประตู ม
“อวี้เอ๋อร์ ข้ามารับเจ้าแล้ว ทำไมเจ้าถึงล็อคประตูล่ะ? เป็นเจ้าสาวก็เลยเขินอย่างนั้นหรือ?”เสียงของผู้ชายดังมาจากข้างนอกความเกลียดชังปรากฏขึ้นบนใบหน้าชวีอวี้“วูเมิ่งมาแล้ว”“เจ้ารีบไปซ่อนตัวเร็วเข้า”กู้หว่านเยว่รีบกล่าวออกคำสั่ง ชวีอวี้พยักหน้า ออกจากห้องเวลานี้เป็นไปไม่ได้แล้ว นางกวาดมองโดยรอบ แล้วรีบไปหลบที่ใต้เตียงชวีเฟิงจะเข้าไปเปิดประตูกู้หว่านเยว่กล่าวเตือน “จำไว้ ไม่ว่าเวลาใดก็อย่าเปิดเผยตัวตน หากทนไม่ไหวจริงๆ ก็นึกถึงแค้นบัญชีเลือดของครอบครัวเจ้า”“เข้าใจแล้ว”ชวีเฟิงข่มอารมณ์แล้วพยักหน้าหลังจากเขามองกู้หว่านเยว่อย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง จึงจะเดินไปเปิดประตูเขากับวูเมิ่งเคยเจอกัน กลัวว่าอีกฝ่ายจะจับได้ ดังนั้นหลังจากเปิดประตูก็รีบก้มหน้า โชคดีที่ความสนใจของวูเมิ่งไม่ได้อยู่ที่เขา“อวี้เอ๋อร์”สายตาของวูเมิ่งราวกับติดอยู่กับตัว ‘ชวีอวี้’ เขาเดินไปที่ตรงหน้านาง แล้วจ้องนางอย่างหลงใหล“วันนี้เจ้าสวยจริงๆ สวยจนข้าไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง”สีหน้าวูเมิ่งเต็มไปด้วยความลุ่มหลงเขายื่นมือออกไป หวังจะจับแก้มของ ‘ชวีอวี้’“ไสหัวไป!”‘ชวีอวี้’ หันหน้าหนีอย่างความรังเกียจ
กู้หว่านเยว่เผยอปาก นี่คือสิ่งที่นางอยากได้ยิน“อยากให้ข้าช่วยให้สกุลชวีผ่านมรสุมครั้งนี้ มันไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแต่ว่าต่อจากนี้เจ้าต้องฟังข้า”กู้หว่านเยว่มีเจตนาที่ชัดเจน เห็นได้ชัดว่านางคิดแผนรับมือไว้ตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว“ท่านพูดมาได้เลย”ชวีเฟิงรีบลุกขึ้น“ให้พี่หญิงของเจ้าถอนชุดแต่งงานกับมงกุฎหงส์ลงมาก่อน”กู้หว่านเยว่ออกคำสั่ง“เจ้าหาข้ออ้างเรียกสาวใช้ที่อยู่หน้าประตูเข้ามา หลังจากตีนางสลบ ถอดเสื้อชั้นนอกของนางออก แล้วสวมบนตัวเจ้า”กู้หว่านเยว่สั่งอย่างเป็นระเบียบ ชวีเฟิงมองไปทางชวีอวี้ พยักหน้าเบาๆ“พี่หญิง ทำตามที่นางบอก”“...ได้”ชวีอวี้คิดแล้วคิดอีก ท้ายที่สุดก็ยังเลือกเชื่อกู้หว่านเยว่ อย่างไรก็ตามสีหน้ากู้หว่านเยว่ดูเรียบเฉยมาก ราวกับว่าทุกอย่างอยู่ในการควบคุมนางเรียบถอดชุดแต่งงานและมงกุฎหงส์ลงมาวางบนโต๊ะ“หลังจากนั้นล่ะ?”“หลังจากนั้นข้าจะปลอมตัวเป็นเจ้าสาว แต่งเขาบ้านวูเมิ่งแทนเจ้า”กู้หว่านเยว่ฉีกหน้ากากหนังมนุษย์บนใบหน้าออก ชวีอวี้จึงจะพบว่าที่แท้นางเป็นผู้หญิงด้วยความประหลาดใจกู้หว่านเยว่สวมชุดแต่งงานและมงกุฎหงส์ โชคดีที่การสวมใส่มงกุฎหงส์ของเมี่ยวเ
“พี่หญิง บางทีท่านอาจจะรู้สึกว่าข้ารักตัวกลัวตาย แต่ในใจกลับรู้สึกว่าหนานเจียงไม่มีที่ยืนสำหรับพวกเราแล้วบางทีสิ่งที่ข้าทำอาจช่วยทำให้สกุลชวีมีทางรอด”“ทางรอด?”เมื่อชวีอวี้ได้ยินคำพูดนี้ รอยยิ้มเย้ยหยันก็ปรากฏขึ้นที่ใบหน้า“สกุลชวีของเราไม่มีทางรอดแล้ว”นางมองไปทางชวีเฟิง“คิดว่าตอนที่เจ้าเพิ่งเข้ามาก็เห็นแล้ว ข้างนอกล้วนเป็นคนของสกุลวู ฮองเฮาอยากให้พวกเราตาย สกุลวูก็อยากให้พวกเราตาย พวกเราไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว”ในแววตาของนางเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ราวกับว่าเคยผ่านความเป็นความตายมาแล้วชวีเฟิงนึกถึงอะไรบางอย่างกะทันหัน“พี่ชวีหลิงล่ะ?”เขาเป็นคู่หมั้นของพี่หญิง เหตุใดจึงไม่เห็นเขาปรากฏตัว และพี่หญิงก็ไม่ได้พูดถึงเขาเลยจู่ๆ เขาก็มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี“พี่หญิง พี่ชวีหลิงล่ะ?”จนกระทั่งเวลานี้เอง ในที่สุดร่างกายของชวีอวี้ก็สั่นอย่างไม่สามารถควบคุม นางปิดหน้า หยดน้ำตาไหลออกมาจากระหว่างนิ้ว “ตายแล้ว เขาตายแล้ว”“อะไรนะ!”ชวีเฟิงทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ จิตใจได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ถึงว่าชวีอวี้จะแต่งงานกับวูเมิ่ง ชวีหลิงไม่เคยปรากฏตัวเลย“วูเมิ่งฆ่าเขาหรือ?”ชวีเฟิง