ชิณณ์ไม่เคยรู้สึกผิดและจำยอมให้ใครถึงขนาดนี้เลย แต่เพราะคำต่อว่าของแต้มรักที่ว่าเขาเป็นต้นเหตุให้พรีมต้องตกอยู่ในอันตรายยังดังก้องอยู่เต็มสองหู เขาจึงได้แต่ยอมทำตามที่แต้มรักต้องการ
แต้มรักประคองพรีมลุกขึ้นนั่ง และยกแก้วน้ำจรดริมฝีปากพรีม เมื่อพรีมดื่มน้ำเสร็จ แต้มรักก็หันกลับมายื่นแก้วให้ชิณณ์เอาไปเก็บ ส่วนเธอหันไปกดปุ่มปรับหัวเตียงให้ยกขึ้น แล้วนำหมอนใบโตไปวางพิงหัวเตียงไว้ ให้พรีมเอนหลังนั่งอย่างสบายตัว
พรีมสูดลมหายใจลึก เธอมองไปรอบตัวด้วยความมึนงง ที่นี่คือโรงพยาบาล แต่เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ความทรงจำครั้งสุดท้ายของเธอคือ เธอยืนรอแท็กซี่อยู่หน้าคอนโดของชิณณ์ มีรถเก๋งสีดำมาจอดตรงหน้า มีผู้ชายสองคนลงมาจับตัวเธอ แล้วหลังจากนั้น เธอก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย
“แกปวดหัวไหมพรีม หิวข้าวไหม หรืออยากกินอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า”
“ทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่ได้ เกิดอะไรขึ้นหรือแต้ม” พรีมยื่นมือไปจับมือเพื่อนมาบีบเบา ๆ เธอเห็นแล้วแหละว่า ใครบางคนที่เธอพยายามหนีอยู่ในห้องนี้ด้วย แต่เธอไม่อยากคุยกับเขา ไม่อยากมองหน้าเขา เธอถือว่าพันธสัญญาของเธอกับเขาสิ้นสุดลงแล้ว และเธอก็คืนโฉน
พรีมปิดก๊อกน้ำ และเช็ดมือกับผ้าที่แขวนที่อยู่ใกล้ ๆ เธอแตะมือลงบนลำแขนที่รัดเอวเธออยู่“หิวหรือยังคะ พรีมทำกับข้าวมาให้ตั้งหลายอย่าง ของโปรดคุณทั้งนั้นเลย”ชิณณ์ถอนหายใจแรงแนบเนื้อนุ่มตรงซอกคอสาว เขาเงยหน้าขึ้นมาแล้วจับเธอหมุนมาหา ตาคมจ้องมองดวงหน้านวลเป็นประกาย“หิวแล้ว” ชิณณ์ตอบยิ้ม ๆ และรอยยิ้มของเขาไม่น่าไว้ใจเอาเสียเลย“กินข้าวก่อนนะคะ”พรีมรู้ว่าเขาหมายถึงหิวอะไร แต่เธอก็หาทางหลบเลี่ยงชิณณ์หัวเราะในลำคอ เขาถอนหายใจแรง ก่อนจะก้มหอมแก้มนุ่มฟอดใหญ่“คิดถึง”ชิณณ์แตะมือบนแก้มสาว เขาใช้นิ้วโป้งไล้แก้มเธอเบา ๆ ตาคมหลุบมองปากอิ่มที่เขารู้ว่าหวานเย้ายวนขนาดไหน พรีมมองตามสายตาเขา เธอเม้มปากแล้วแลบลิ้นเลียปากโดยไม่รู้ตัว คนที่มองอยู่จึงไม่อาจหักห้ามใจได้ ชิณณ์กอดรัดเธอมาแนบชิดด้วยวงแขนข้างหนึ่ง เขาประคองท้ายทอยเธอไว้ในฝ่ามืออีกข้าง แล้วแนบปากลงบดจูบด้วยความโหยหาพรีมทอดถอนใจบางเบา เธอยกแขนขึ้นโอบลำคอแกร่ง เผยอปากรับจูบจากเขาด้วยความเต็มใจ ปากอิ่มถูกจูบเรียกร้อง ลิ้นเล็กถูกดูดดึงหยอกล้อ เขาจ้วงลิ้นควานทั่วโพรงปากนุ่มอุ่น ปรน
พอไม่ได้เห็นหน้าคนที่เธอเคยเห็นทุกวันก่อนหน้านี้ พรีมก็เป็นฝ่ายกระวนกระวายใจเสียเอง เขาไปนอนที่คอนโด หรือนอนที่ผับ แล้วถ้านอนที่ผับ เขานอนกับใคร จะนอนคนเดียวอย่างที่แม่พุดซ้อนบอกเธอหรือเปล่า คนหื่นอย่างเขา จะอดเรื่องแบบนั้นได้เหรอ“หนูพรีม เป็นอะไรลูก นั่งเหม่อเชียว” แม่พุดซ้อนทักเมื่อเห็นหญิงสาวเอาแต่นั่งเหม่อ ใบตองในมือนั้นก็ถือค้างนานแล้ว แต่เธอไม่ยอมหยิบก้อนแป้งขนมเทียนไปใส่สักที“เอ่อ...เปล่าค่ะคุณแม่”พรีมยิ้มเจื่อน หญิงสาวหยิบแป้งก้อนกลมมีไส้ข้างในมาใส่ในใบตองแล้วห่ออย่างรวดเร็วแม่พุดซ้อนมองอาการว่าที่ลูกสะใภ้แล้วยิ้มเอ็นดู ที่ยังเรียกว่าว่าที่ลูกสะใภ้ เพราะลูกชายของท่านยังไม่ปัญญาจีบเมียตัวเองติด ทั้งสองยังคงนอนคนละที่ ยังไม่ได้พูดคุยตกลงอะไรกันด้วยซ้ำหลังจากห่อขนมเทียนเสร็จ แม่พุดซ้อนจึงสั่งให้เด็กรับใช้มาเอาไปนึ่ง แล้วหันไปชวนพรีมไปคุยกันในห้องนั่งเล่น สองสัปดาห์ยังไม่นานเท่าไรก็จริง แต่ดูท่าทางแล้ว หากไม่มีใครเชื่อมช่องว่างระหว่างสองคนนี้ เห็นทีลูกชายของท่านอาจจะต้องรอนานจนใจขาดเลยก็ได้“มานั่งตรงนี้จ้ะ” แม่พุดซ้อนนั่งลงที่โซฟาต
ทุกคนปล่อยให้พรีมร้องไห้จนพอใจ พอเธอคลายสะอื้น แต้มรักจึงดันบ่าเธอออกเบา ๆ“ไม่ร้องแล้วนะแก เดี๋ยวหลานฉันจะกลายเป็นเด็กขี้แยเหมือนแม่” แต้มรักเช็ดน้ำตาให้เพื่อนเบา ๆพรีมพยักหน้า หญิงสาวสูดน้ำมูกแล้วเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้เพื่อน“แกต้องคุยกับคุณชิณณ์”“ฉันไม่คุยกับคนเอาแต่ใจ” พรีมว่าพลางสะอื้น เธอมองค้อนเขาด้วยความน้อยใจ เขามันคนเอาแต่ใจ พอเธอไม่ยอมรับข้อเสนอของเขา เขาก็ขึ้นเสียงกับเธอ“ไม่อยากคุยกับใครก็ไม่ต้องคุยนะจ๊ะหนูพรีม มาคุยกับแม่ดีกว่า”พรีมหันไปมองแม่พุดซ้อน เมื่อกี้เธอร้องไห้อยู่กับอกท่านทั้งที่ยังไม่รู้ว่าท่านเป็นใคร แต่อ้อมกอดและน้ำเสียงของท่านทำให้เธออบอุ่นใจและวางใจอย่างที่ไม่เคยได้รับมานานแล้ว“คุณแม่พุดเป็นแม่ของคุณชิณณ์ แล้วก็คุณพ่อโชคเป็นพ่อของคุณชิณณ์” แต้มรักบอกเพื่อนให้ทราบว่าผู้สูงวัยสองท่านเป็นใครพรีมรีบยกมือไหว้ผู้สูงวัยทั้งสองท่านอย่างนอบน้อม ทั้งสองรับไหว้และยิ้มเอ็นดูเธอ แม่พุดซ้อนยื่นมือมาลูบศีรษะเธอ และมองเธอด้วยความสงสารและเห็นใจ เพราะจากการที่สามีให้คนไปสืบประวัติของพรีม ทำให้ท่านทราบว่าพรีมน่าสงสา
พรีมจ้องมองเขาผ่านม่านน้ำตา ดวงตาคู่สวยแดงก่ำ ปากอิ่มสั่นระริก เขาจะมาเข้าใจอะไร เธอไม่ได้กังวลแต่เรื่องยอดหนี้สักหน่อย เธอกลัวหัวใจตัวเอง กลัวว่ามันจะรู้สึกกับเขาไปมากกว่านี้ แค่นี้เธอก็สับสนไปหมดแล้ว เธออยากอยู่ห่างเขา หากการอยากได้ที่ดินคืนจะทำให้เธอไม่เป็นตัวของตัวเองแบบนี้ เธอก็ไม่อยากได้อะไรแล้ว“พรีมไม่เอา พรีมไม่อยากได้ พอแล้ว…ฮึก ๆ” พรีมสะอื้นไห้ออกมาอย่างสุดจะกลั้น น้ำตาพรั่งพรูอาบสองแก้มเนียน“ชิณณ์ ! ลูกทำอะไรหนูพรีม”ชิณณ์กำลังจะดึงเธอมากอดปลอบด้วยความสำนึกผิดที่ขึ้นเสียงกับเธอ แต่เขาก็ต้องชะงัก เพราะประตูเปิดออกพร้อมกับเสียงดุของมารดา เขาหันไปมองมารดาแล้วส่ายหน้า เขาไม่ได้ทำอะไรเธอ เขาแค่เสียงดังนิดเดียวเอง และพอเธอร้องไห้ เขาก็รู้สึกสำนึกผิดแล้วแม่พุดซ้อนเดินนำเข้ามาก่อน คุณโชคเดินตามมาติด ๆ แต้มรักกับพุฒที่เพิ่งออกไปได้ครู่เดียวก็เดินตามเข้ามาด้วย ทุกคนมองชิณณ์ด้วยสายตาตำหนิไม่พอใจชิณณ์อยากจะอธิบายว่าเขายังไม่ได้ทำอะไรเธอ เขากำลังตกลงกับเธอดี ๆ แม้เขาจะเสียงดังไปนิด แต่เขาก็ไม่ได้ทำร้ายเธอ แต่เขายังไม่ทันได้พูดอะไร คุณแม่ของเขาก็เ
ชิณณ์ไม่เคยรู้สึกผิดและจำยอมให้ใครถึงขนาดนี้เลย แต่เพราะคำต่อว่าของแต้มรักที่ว่าเขาเป็นต้นเหตุให้พรีมต้องตกอยู่ในอันตรายยังดังก้องอยู่เต็มสองหู เขาจึงได้แต่ยอมทำตามที่แต้มรักต้องการแต้มรักประคองพรีมลุกขึ้นนั่ง และยกแก้วน้ำจรดริมฝีปากพรีม เมื่อพรีมดื่มน้ำเสร็จ แต้มรักก็หันกลับมายื่นแก้วให้ชิณณ์เอาไปเก็บ ส่วนเธอหันไปกดปุ่มปรับหัวเตียงให้ยกขึ้น แล้วนำหมอนใบโตไปวางพิงหัวเตียงไว้ ให้พรีมเอนหลังนั่งอย่างสบายตัวพรีมสูดลมหายใจลึก เธอมองไปรอบตัวด้วยความมึนงง ที่นี่คือโรงพยาบาล แต่เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ความทรงจำครั้งสุดท้ายของเธอคือ เธอยืนรอแท็กซี่อยู่หน้าคอนโดของชิณณ์ มีรถเก๋งสีดำมาจอดตรงหน้า มีผู้ชายสองคนลงมาจับตัวเธอ แล้วหลังจากนั้น เธอก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย“แกปวดหัวไหมพรีม หิวข้าวไหม หรืออยากกินอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า”“ทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่ได้ เกิดอะไรขึ้นหรือแต้ม” พรีมยื่นมือไปจับมือเพื่อนมาบีบเบา ๆ เธอเห็นแล้วแหละว่า ใครบางคนที่เธอพยายามหนีอยู่ในห้องนี้ด้วย แต่เธอไม่อยากคุยกับเขา ไม่อยากมองหน้าเขา เธอถือว่าพันธสัญญาของเธอกับเขาสิ้นสุดลงแล้ว และเธอก็คืนโฉน
“เอวาเป็นคนให้คนของพี่อานนท์ไปจับตัวพรีมก็จริง แต่พวกนั้นทำงานไม่สำเร็จ มีคนมาแย่งตัวพรีมไประหว่างทาง พรีมไม่ได้อยู่ที่นี่ค่ะ”“ใคร !” ชิณณ์ตะคอกถามเสียงดังลั่นห้อง ใบหน้าของเขาตอนนี้ดุดันโกรธขึ้งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ดวงตาคู่คมวาววับกรุ่นโกรธ“เอ่อ...คนของคุณโชคค่ะ”ชิณณ์สูดลมหายใจลึก เขาขบกรามแน่น“ฟังนะเอวา...จบคือจบ อย่ามายุ่งกับผม อย่ามายุ่งกับคนของผมอีก” ชิณณ์จ้องหน้าหญิงสาวด้วยสายตาโกรธแค้น“ระ...รู้แล้วค่ะ” เอวากอดแขนพี่ชายไว้แน่น เธอไม่นึกว่าชิณณ์จะโมโหร้ายขนาดนี้ เธอคิดว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นแค่ของเล่นของเขา หากเธอจับตัวมันมา แล้วเขาก็จะลืมมันเอง แบบนั้นจะทำให้เธอมีโอกาสเข้าใกล้เขาได้อีก แต่มันไม่เป็นไปอย่างที่เธอคิด ลำพังชิณณ์ตามมาเอาเรื่องที่นี่ยังไม่เท่าไร แต่เพราะคุณโชคเตือนเธอไว้ว่า ห้ามยุ่งกับผู้หญิงคนนั้นอีก ไม่อย่างนั้นครอบครัวของเธอจะเดือดร้อน เอวาจึงไม่คิดจะยุ่งกับชิณณ์และผู้หญิงของเขาอีกแล้ว“ดูแลน้องมึงให้ดี ๆ กูไม่ทำร้ายผู้หญิงก็จริง แต่กูสั่งให้คนอื่นทำแทนได้”ชิณณ์ขู่ทิ้งท้ายก่อนจะหันหลังให้สองพี่น้อง เขาเปิดป
“ไม่มีป้ายวีไอพีจอดไม่ได้นะครับ” การ์ดที่ดูแลลานจอดรถรีบวิ่งเข้ามาบอกคนขับที่เปิดประตูลงมาก่อน ทว่าเขากลับถูกถีบขาจนเสียการทรงตัวล้มลงไปกองกับพื้นชิณณ์ไม่เสียเวลาปรายตามองคนที่เขาถีบล้มด้วยซ้ำ ใจมันร้อนรุ่ม อยากจะเจอหน้าไอ้คนที่บังอาจจับตัวผู้หญิงของเขามา อยากจะเห็นกับตาว่าเธอปลอดภัยดี เขาใจร้อนถึงขนาดขับรถมาเอง เพราะกลัวลูกน้องขับช้าไม่ทันใจร่างสูงสมาร์ตในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวพับแขนถึงข้อศอกกับกางเกงสีดำก้าวนำหน้าชายฉกรรจ์ในชุดสูทแปดคน เขาก้าวเร็วไปตรงไปยังประตูหลังของผับ แต่พอเดินไปถึงกลับถูกกันไม่ให้เข้า ทว่านั่นไม่ใช่ปัญหา หากเขาอยากจะเข้าไปในนี้ ใครหน้าไหนก็ห้ามเขาไม่ได้ชิณณ์ถอยออกมาเล็กน้อยเพื่อเปิดทางให้คนของเขาจัดการกับการ์ดสวะของที่นี่ ใช้เวลาครู่เดียวทางก็สะดวก จุดหมายของเขาคือห้องส่วนตัวของอานนท์เจ้าของผับแห่งนี้ ช่วงหนึ่งเขาเคยมาที่นี่ค่อนข้างบ่อย เพราะต้องมารับเอวา แต่เมื่อจบความสัมพันธ์ชั่วคราวกับเธอแล้ว เขาก็ไม่ได้มาที่นี่อีกเลย แต่ไอ้สารเลวอานนท์กลับทำให้เขาต้องกลับมาที่นี่อีกครั้ง และกลับมาด้วยความโกรธแค้นเต็มอก“เข้าไม่ได้นะครับ…” คนห้าม
ชิณณ์ถอนจูบอย่างอ้อยอิ่ง เขาเบี่ยงหน้ามาจูบแก้มนุ่ม“วันนี้น่ารัก ไม่อยากไปทำงานแล้ว” คนอยากเกเรงานเลื่อนมือไปลูบบั้นท้ายอวบอัดแล้วขยำเบา ๆ“ไปได้แล้วค่ะ” พรีมว่าพลางขืนตัวออกจากวงแขนแกร่งชิณณ์ถอนหายใจแรง เขายอมปล่อยเธออย่างเสียไม่ได้ ตาคมเป็นประกายสบสายตาคู่สวย“คืนนี้ไม่ต้องใส่เสื้อผ้านอนนะ เวลาผมกลับมาจะได้ไม่ต้องเสียเวลาถอด”“ค่ะ” พรีมรับคำอย่างว่าง่าย เธอยิ้มหวานให้เขา แล้วขยับไปรุนหลังคนที่มัวแต่โอ้เอ้ให้เดินออกไปได้แล้ว แต่ชิณณ์ขืนตัวไว้ เขาหันกลับมาก้มลงหอมแก้มเนียนฟอดใหญ่อีกครั้ง“แล้วเจอกันนะครับทูนหัว” ชิณณ์บอกอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะเดินออกจากห้องไปพรีมเดินตามเขาออกมาในตอนที่ประตูห้องปิดลงพอดี หญิงสาวถอนหายใจอย่างคนหนักอึ้งในอก พรีมเดินเข้าไปในห้องครัวอีกครั้ง เธอทำกับข้าวไว้ให้เขา เผื่อว่าเขากลับมาตอนดึก ๆ แล้วจะหิวหลังจากเก็บกวาดทำความสะอาดห้องครัวเรียบร้อยแล้ว พรีมเดินกลับไปที่ห้องนอน เธอค้นเอาโฉนดและเอกสารที่เก็บไว้ในตู้ออกมาวางไว้บนโต๊ะข้างหัวเตียง หญิงสาวเขียนโน้ตสั้น ๆ บนกระดาษแผ่นเล็ก แปะไว้บนซองเอกสารว่า
พอเดินผ่านประตูคาเฟ่เข้าไป พรีมมองหาคนที่เธอออกมาพบทันที ผู้หญิงคนนั้นบอกว่านั่งอยู่โต๊ะมุมขวาในสุดของร้าน พรีมมองเห็นเธอแล้ว ผู้หญิงคนที่นั่งอยู่เก้าอี้ตรงนั้นสวยเด่นกว่าใครในร้าน เธอสวมชุดเดรสเกาะอกสั้นและรัดรูปสีเหลืองมัสตาร์ดขับผิวขาวนวล ใบหน้าถูกแต่งแต้มจนเธอสวยสะดุดตาทว่าไม่มากไม่น้อยเกินไป ผมยาวปล่อยคลอเคลียแผ่นหลังเนียน ยิ่งมองก็ยิ่งพบว่าเธอเย้ายวนและมีเสน่ห์จริง ๆ“สวัสดีค่ะ คุณเอวา” พรีมทักทายเธอ และเอ่ยชื่อที่เธอแนะนำตัวในแชท เพื่อให้มั่นใจว่าทักไม่ผิดคน ผู้หญิงคนนั้นเงยหน้าขึ้นมามองพรีมที่สวมเสื้อยืดกางเกงขาสั้นธรรมดาตั้งแต่หัวจรดเท้า เธอยิ้มหยันก่อนเอ่ยทักทายอย่างไว้ตัว“สวัสดีค่ะ คุณพรีม เชิญนั่งสิคะ”พรีมนั่งลงตามคำเชื้อเชิญของเธอ พอก้นแตะเก้าอี้ พรีมยังไม่ทันได้พูดอะไร ผู้หญิงตรงหน้าก็เปิดฉากต่อว่าเธอด้วยถ้อยคำสุภาพแต่บาดลึกจนเจ็บไปทั้งหัวใจ“ชิณณ์กับฉันเป็นคู่หมั้นกัน เราสองคนมีแพลนจะแต่งงานกันปีหน้า”“ค่ะ” นอกจากจะรู้สึกอับอายที่ต้องกลายมาเป็นคนสร้างความร้าวฉานให้คู่รักที่หมั้นหมายกันแล้ว พรีมยังรู้สึกเจ็บแปลบตรงอกข้างซ้าย แม้จะเต