Masukองค์ชายของแคว้นหนานฉี่ ถ้าเปรียบดังความสง่างามใน 4 ฤดู 1.ผู้ที่ใสซื่อบริสุทธิ์ดุจน้ำเปล่า ซื่อตรง สดใส เพียบพร้อม สูงส่ง ราวกับฤดูใบไม้ผลิ คือองค์รัชทายาทอันซื่อ 2.ผู้ที่เปี่ยมไปด้วยความฉลาดมากความสามารถ มีความอบอุ่น และอ่อนโยน เปรียบดังฤดูร้อน คือองค์ชายรอง ต้วนอวี้ 3.ผู้ที่ร่าเริง แข็งแกร่งและทรงพลัง ดูมีชีวิตชีวา ส่องประกายแสงสีสองทองในฤดูใบไม้ร่วง คือองค์ชายสามซานอี้ 4.ผู้ที่เงียบขรึม ฉลาด สุขุม รอบคอบ เจ้าเล่ห์ มากแผนการและเยือกเย็นดังฤดูหนาว คือองค์ชายสี่ลั่วซือ “เจ้าคิดว่าเจ้าจะเป็นผู้เลือกได้รึ?
Lihat lebih banyakแสงสว่างจากกองไฟหนึ่ง ถูกจุดขึ้นในถ้ำกลางป่า เยียนหลินนั่งปิ้งหัวมันป่าอยู่เงียบๆ ส่วนอวี่หลงนั่งเฝ้าอยู่หน้าถ้ำ เค้ารู้สึกถึงความอึดอัดที่ไม่มีพลังมากพอแม้นแต่จะแปลงร่างตนเองให้กลายเป็นมังกรเทพ ไม่ต่างอะไรจากมนุษย์ทั่วไปโชคยังดีที่ใช้อาคมได้บ้าง จึงกล่าวได้ว่าไม่เสียทีที่เกิดมาเป็นมังกรเทพ อวี่หลงเอ๋ย! อวี่หลง! ได้แต่โทษตัวเองอยู่ในใจ!“นี่! มันป่าเผาสุกแล้ว เจ้ากินหรือไม่?”เยียนหลินเอ่ยถามอวี่หลง อวี่หลงหันไปทางต้นเสียงและส่ายหน้าช้าๆ “เจ้าชื่ออวี่หลงหรือ? อาจารย์ของข้า คือพี่ชายของข้าใช่หรือไม่?“ เยียนหลินเดิมทีก็สงสัยในเรื่องนี้อยู่แล้ว แต่หากจะถามตรงๆกับไป๋ฉงหลีนางกับไม่มีความกล้าแม้นแต่น้อย วันนี้แหละเป็นจังหวะที่ดีทีเดียว!อวี่หลงถอนหายใจเบาๆ เค้าได้ยินแต่ไม่มีเสียงตอบกลับมาใดๆ “นี่ข้าถามเจ้า!“ เยียนหลินเพิ่มเสียงความดังของเสียงขึ้นมาอีกเล็กน้อยแสดงความไม่ค่อยพอใจ อวี่หลงจึงตอบคำถามที่เค้าสามารถจะตอบได้”ข้าชื่ออวี่หลง หากองค์หญิงยังจำไม่ได้ ก็เรียกชื่อข้าบ่อยๆ“ เมื่อกล่าวจบอวี่หลงก็มีรอยยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย ในคำตอบของอวี่หลงทำให้เยียนหลินเผลอกัดริมฝีปากตนเองแน่น! แต่ทำไมไม่
@ ณ วัดเซียนกู่ บนเขาเบญจเทวะ บรรยายที่เงียบสงบ องค์หญิงเยียนหลินยืนรอคอยคนผู้หนึ่งอยู่ในศาลาลานวัดอย่าใจจดใจจ่อ สายลมพัดเอื่อยๆ กลิ่นดอกไห่ถังโชยลมปะทะจมูกมีกลิ่นหอมจางๆ ทางฝ่ายองค์ชายซานอี้กับองค์ชายลั่วซือแอบตามองค์หญิงเยียนหลินมาจากวัง เพื่อมาซุ่มดูน้องสาวว่าแอบนัดพบกับผู้ใด?“ผู้ใดกันที่ทำให้เยียนเยียนของเราต้องแอบออกจากวังมาพบถึงวัดเซียนกู่นี่“องค์ชายลั่วซือเอ่ยกับองค์ชายซานอี้“นั่นสิ นี่ก็รอนานแล้วซีอินนัดพบใครกันนะ”องค์ชายซานอี้มักถนัดเรียกนามรองขององค์หญิงเยียนหลินมากกว่าเรียกเยียนเยียน เหมือนองค์ชายสี่!ที่วัดเซียนกู่ ถึงแม้ว่าจะเงียบสงบ แต่ก็ตั้งอยู่บนเขาเบญจเทวะ เขาเบญจเทวะนี้มีสัตว์ปีศาจ และผู้บำเพ็ญเซียนอาศัยอยู่ไม่น้อย “นั่นใครกัน!” องค์ชายทั้งสองสายตาจับจ้องผู้ที่มาใหม่สองคนนั่น พวกเค้าเข้าไปในวัดสักพักใหญ่ จึงค่อยออกมา เดินตรงมายังศาลาดอกไม้”เหมือนจะเป็นคุณชายสกุลฟางกับคุณหนูสกุลฟาง“องค์ชายสามซานอี้เอ่ยขึ้น“ตรงนี้ไม่ได้ยินอะไรเลย อยู่ไกลเกินไป เราเข้าไปใกล้ๆศาลาอีกหน่อยได้มั้ย”องค์ชายสี่ลั่วซือบ่นเบาๆ ทั้งสองจึงค่อยๆกึ่งย่องกึ่งคลานเข้าไปใกล้ศาลาดอกไม้นั่น แต่ไ
ในงานเลี้ยงพิธีปักปิ่น องค์หญิงเยียนหลินไม่ได้พบท่านราชครูหรือท่านอาจารย์จึงเอ่ยปากถามความกับเหม่ยจู “ในงานนี่ข้าไม่เห็นท่านอาจารย์ ท่านอาจารย์ไม่มาหรือ?” “องค์หญิงน้อย เหม่ยจูก็ไม่เห็นเจ้าคะ เดี๋ยวเหม่ยจูไปสอบถามที่ตำหนักเรือนรับรองให้เจ้าค่ะ“เหม่ยจูจึงไปตามรับสั่งขององค์หญิง!สักพักองค์หญิงน้อยเริ่มมีอาการปวดหัวตาลายรู้สึกร้อนวูบวาบ ”แย่แล้ว ข้าถูกวางยา เหล้าจอกจอกสุดท้ายของคุณชายจางมีปัญหาแน่ๆ พิษชนิดใดกันนะ องค์หญิงน้อยรีบหยิบเข็มออกจากห่อผ้า แท่งไปที่จุดอู่ซูเสฺวียป้องการลมปราณทั้ง 5 ก่อนที่พิษจะได้วิ่งไปทั่วร่างให้ช้าลง องค์หญิงน้อยค่อยๆลุกขึ้นแล้วเดินออกจากงานพิธีปักปิ่นเพื่อกลับตำหนักจิ่งหลิน!แต่ก็ไม่พ้นสายตาคุณชายจางที่ได้วางแผนชั่วอยู่ก่อนแล้วองค์หญิงน้อยเริ่มมีเหงื่อออกตามใบหน้าและ มีอาการร้อนรุ่มอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน นางเดินโซซัดโซเซ พยายามประคองตัวเพื่อพาตัวเองไปให้ถึงตำหนักจิ่งหลิน และแล้ว! คนที่มาดักหน้าองค์หญิงน้อยคือคุณชายจางนั่นเอง เค้าก้าวเท้าเข้ามาหาองค์หญิงน้อยอย่างช้าๆ เดินเข้ามาหนึ่งก้าว องค์หญิงก็เดินถอยหลังไปหนึ่งก้าว“อย่าเข้ามานะ เจ้าใส่อะไรลง
@ ณ สำนักศึกษาอู่หวิ๋นไถในวิชาฝึกยุทธ์ของท่านอาจารย์เจียงห้องเรียนส่วนใหญ่ของท่านอาจารย์เจียงคือลานฝึกยุทธ์ องค์ชายน้อยยังคงจับคู่อยู่กับซื่อจือหวังโหวน้อยหรือหวังจื่อเย่สหายร่วมเรียนส่วนอีกด้านหนึ่งของสนามที่ติดกันเป็นสนามตีคลีซึ่งผู้ที่อยู่ในสนามตีคลีคือห้องเรียนขององค์ชายอันซื่อ,องค์ชายต้วนอวี้,ฉีอ๋องกับพรรคพวกและคนอื่นๆที่เรียนระดับชั้นเดียวกันในสนามตีคลีควบม้าแข่งตีคลีค่อนข้างดุเดือดจนทำให้เยียนหลินให้ความสนใจมองไม่อาจละสายตาไปจากตรงนั้นได้!“องค์ชายน้อย! องค์ชายน้อย!”ซื่อจื่อเรียกเยียนหลินที่เหมือนจะยืนจ้องใจจดจ่ออยู่ในสนามตีคลี เค้าจึงเอามือวางบนบ่าเยียนหลินเบาๆ พร้อมกับเรียกเยียนหลินว่า“องค์ชายน้อย”เยียนหลินสะดุดเล็กน้อยหันกลับมามองต้นเสียง“อ่อ ซื่อจื่อ!”เยียนหลินอุทาน! “อาจารย์เรียกพวกเราแล้ว ไปกันเถอะ”ซื่อจื่อพูดพร้อมชี้มือไปทางลานฝึกยุทธ์ เยียนหลินพยักหน้ารับและเดินไปพร้อมซื่อจื่อที่ลานฝึกยุทธ์ตรงนั้นมีราวแขวนขึงเชือกป่านสูงราวสิบกว่าฉื่อเห็นจะได้ อาจารย์เจียงเรียกให้ลูกศิษย์มารวมตัวกันที่นั่น เมื่อทุกคนได้เข้าแถวยืนอยู่ต่อหน้าท่านอาจารย์เจียงกันทั้งหมดอาจารย์เจียงจ
@ ณ ตำหนักบูรพา“อ๋องฉีเสด็จ! พะยะค่ะ”ขันทีน้อยหน้าตำหนักบูรพากล่าวรายงาน อันซื่อกำลังนั่งจิบน้ำชาสนทนากับต้วนอวี้ ส่วนซานอี้นั่งเล่นหมากกระดานกับลั่วซือเมื่ออ๋องฉีมาเยือนจึงทำความแปลกใจให้อันซื่อถึงขนาดต้องเอ่ยปาก “เสด็จอา มีธุระอันใดกับหลานหรือไม่ พระเจ้าข้า”อันซื่อยืนทำความเคารพผู้เป็นอา บรรดาน้องๆก็รู้มารยาทจึงลุกขึ้นคำนับด้วย“ในพิธีบวงสรวงเทวดา ข้าไม่เห็นองค์ชายน้อยแม้นแต่เงา จึงอยากมาเยี่ยมเยียนเค้าสักหน่อย”ใจจริงแล้วอ๋องฉีอยากมาจับสังเกตมากกว่า“ทูลเสด็จอา องค์ชายน้อยไม่ได้อยู่ที่นี่ พระเจ้าข้าท่านราชครูรับองค์ชายน้อยเป็นลูกศิษย์อีกคนหนึ่ง ตอนนี้จึงร่ำเรียนอยู่กับท่านราชครู พระเจ้าข้า”อันซื่อแก้ไขสถานการณ์ตรงหน้าได้ดีทีเดียวจนต้วนอวี้มีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า “ไหนๆท่านอาก็เสด็จมาถึงนี่แล้ว เชิญนั่งลงดื่มชาสักถ้วย เล่นหมากกระดานกับหลานๆสักตาสองตาเทิด”ต้วนอวี้เผยมือพร้อมกล่าวเชิญอ๋องฉี“ไม่เป็นไร ข้าจะไปพบเสด็จพี่แล้วก็จะกลับจวนเลย ไว้เจอกันที่สำนักศึกษาเถอะ“อ๋องฉีสะบัดแขนเสื้อแล้วหมุนตัวเดินออกจากตำหนักบูรพาไป”เสด็จพี่! เสด็จอาประสงค์สิ่งใดกันแน่ ใยข้ารู้สึกได้ว่าไม่หวังดีต่อองค
เยียนหลินได้มาเรียนที่สำนักอู่หวินไถได้เดือนกว่าแล้ว สำนักศึกษามีวันหยุดประจำเดือน 4 วันเพื่อให้นักเรียนได้หยุดพักผ่อนและกลับไปเยี่ยมบ้านได้เช้านี้เยียนหลินกับองค์ชายทั้งสี่ต่างก็เก็บข้าวของเตรียมตัวกลับวังหลวง “องค์ชายน้อย! เจ้าอยู่หรือไม่?“ เสียงใครคนหนึ่งด้านนอกเอ่ยถามถึงคนในห้อง“อยู่! ข้าอยู่” เยียนหลินเดินไปเปิดประตู ผู้ที่มาเรียกคือซื่อจื่อหวังจื่อเย่นี่เอง“พี่จื่อเย่! มีเรื่องอันใดหรือ?“เยียนหลินถามด้วยความสงสัย”เจ้ากำลังเก็บของอยู่หรือ“ซื่อจือสอบถามเรียบๆเคียงๆ”ใช่! ใกล้เสร็จแล้วล่ะ พี่จื่อเย่เข้ามาดื่มชาก่อนสิ“ เยียนหลินเชื้อเชิญ ซื่อจื่อจึงเข้ามาในห้องพักแต่นั่งลงตรงโต๊ะกลางห้องที่ไว้รับแขก เยียนหลินจึงนั่งลงข้างๆ และรินชาให้”พี่จื่อเย่มีธุระอันใดกับข้าหรือไม่“เยียนหลินถามแบบไม่ค้อม”วันหยุดนี้ข้าชวนเจ้าไปเที่ยวได้หรือไม่?“จื่อซื่อก็พูดแบบไม่อ้อมค้อม แต่อันซื่อกับต้วนอวี้เมื่อได้ยินซื่อจื่อพูดเช่นนั้นจึงรีบหันไม่พูดพร้อมกันว่า”ไม่ได้!” อันซื่อและต้วนอวี้ต่างก็มองหน้ากันและกัน“ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้! แต่เสด็จพ่อคิดถึงองค์ชายน้อยเหลือเกิน อีกอย่างท่านราชครูก็จะมาในวันพร
Komen