“ฉันไม่มีเวลาทำอะไรไร้สาระอย่างที่เธอว่าหรอก” คนเจ้าแผนการเฉสายตาไปทางอื่น ขืนยอมให้สอบสวนต่อมีหวังความแตกกันพอดี แม้ว่าความรู้สึกที่ค่อยๆปะทุออกมาจะเริ่มชัดเจน แต่พายุก็ยังไม่อยากให้อีกฝ่ายรับรู้ความรู้สึกในตอนนี้เขาเลยต้องเก็บซ่อนแววตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกมากมาย ซึ่งในตอนนี้เองที่นีรชาได้รู้ตัวว่าเธอเผลอไผลไปกับแววตาอ่อนโยนคู่นั้น
“งั้นฉันไปก่อนนะ” พายุเอ่ยพลางหันหลังเมื่อไม่มีข้ออ้างจะให้เขาอยู่ต่อ
“แล้วนั่นนายจะไปไหน” ทันทีที่ได้ยินเสียงหวานไล่ตามหลังมาร่างสูงก็หยุดเดินรอยยิ้มพึงพอใจปรากฏขึ้นที่มุมปากหยักหนาทว่าคนสงวนท่าทีก็หันกลับมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“ฉันเลิกงานแล้วฉันก็จะกลับบ้านสิถามได้ ฉันก็แค่แวะมาดูว่าเธอขาดเหลืออะไรหรือเปล่าพอดีว่าผู้จัดการเธอฝากเธอฉันไว้กับฉัน” คุณหมอผู้ทำหน้าที่ได้ไม่ขาดตกบกพร่องแอบเอานิ้วไขว้กันไว้ด้านหลังเพื่อให้ความผิดทุเลาเบาบางลงเพราะปกติแล้วเขาไม่ใช่คนจะพูดโกหกและยิ่งไม่ใช่คนไม่รับผิดชอบหน้าที่ แต่คราวนี้เขาถึงขั้นขอแลกเวรกับเพื่อนร่วมงานเพื่อจะได้มาอยู่เป็นเพื่อนพราวดาว เรื่อง
รถคันเรียบหรูแล่นออกมายังท้องถนนสักพักใหญ่โดยตลอดทางไม่มีการสนทนาใด ๆ ภายในรถที่ไร้เสียงเพลงขับกล่อมถูกความเงียบเข้าปกคลุมจนเกือบจะกลายเป็นความวังเวงกระทั่งสายตาคู่สวยหันไปเห็นการค้าขายข้างทางถึงยอมเปิดปากพูด“ช่วยจอดตรงนี้ให้ฉันหน่อยสิ” นีรชาหันไปบอกพลขับส่วนตัวระคนตื่นเต้น เวลาร่วมเดือนเห็นจะได้แล้วที่แม่นักเขียนหลงมิติไม่ได้เห็นชีวิตแสนธรรมดาเหล่านี้“จอดทำไม” เนื่องจากเป็นช่วงเวลาเลิกงานทั้งยังเป็นย่านชุมชนริมถนนทั้งสองฟากฝั่งจึงหนาแน่นไปด้วยรถราและผู้คนที่มาจับจ่ายใช้สอยรวมถึงบรรดาพ่อค้าแม่ขายกับข้าวสำเร็จรูปตลอดจนของทานเล่นเต็มไปหมด พายุเลยสงสัยว่าดาราดังอย่างพราวดาวจะให้เขาจอดรถตรงนี้ทำไมกัน“บอกให้จอดก็จอดเถอะน่า” สุ้มเสียงค่อนไปทางคำสั่งกับทำท่าเหมือนอยากไปใจจะขาดพลขับจำเป็นจึงตีไฟเลี้ยวกะทันหันก่อนจะหักพวงมาลัยรถเข้าไปจอดริมถนนเพราะไม่อยากขัดใจ“เดี๋ยวฉันมานะนายรออยู่นี่แหละแต่ถ้ารีบก็กลับไปก่อนเลยเดี๋ยวฉันนั่งแท็กซี่กลับไปเองได้” เจ้าของรถยังไม่ทันจะว่าอะไรสักคำแม่นักเขียนก็พูดเองเออเอง ร่างบางรีบร้อนลงไปจากรถโดยไม่รอฝั่งว่าอีกฝ่ายจะเอ่ยตอบอะไรกลับมา“บ้าเอ๊ย!” น้ำเสียงทุ้ม
เจ้าของเสียงนุ่มทุ้มโน้มตัวลงไปพูดข้างหูเพราะตั้งใจให้คนไข้แสนงอนได้ฟังเสียงเขาอย่างใกล้ชิด“มาตั้งแต่เมื่อไหร่” นีรชาเอ่ยด้วยความตกใจ ไม่รู้เพราะอะไรถึงแทบจะอยากเอาหน้าแทรกแผ่นดินหนี“ก็มาตั้งแต่…ช่วยไปบอกคุณหมอพายุเขาด้วยว่าพราวจะออกจากโรงพยาบาลวันนี้และตอนนี้ให้คุณหมอเขามาอนุญาตด้วยนะ” เป็นคำพูดที่ไม่ตกหล่นแม้แต่คำเดียวแม้จริตจะกร้านจะไม่เหมือนซะทีเดียวแต่ระดับความประชดประชันก็ใกล้เคียงกันมากเพียงแต่สีหน้าของคุณหมอยังคงความนิ่ง นิ่งเสียจนแม่นักเขียนอยากจะใช้เล็บสวยๆ ของเธอข่วนหน้าหล่อ ๆ ให้หายอับอายภาพเย้าแหย่กันไปมาของคู่รักมีนางพยาบาลยืนเป็นสักขีพยานอย่างรักษามารยาท เรื่องสัญญาลับของพวกเขาและเรื่องที่ทั้งคู่โกหกสังคมว่าคบหากันอยู่ ดูเหมือนว่าเพื่อนร่วมงานของพายุจะไม่มีใครเคลือบแคลงสงสัยเพราะในสายตาของคนอื่นพายุกับพราวดาวคือคู่รักที่ลงตัวและเป็นธรรมชาติแม้ในเวลาส่วนตัวทุกคนมองว่าพวกเขาไม่เสแสร้งหรือชอบสร้างภาพให้ดูดีเหมือนดาราทั่วไป หากจะถือว่าความสัมพันธ์แบบลิ้นกับฟันหรือที่คนอื่นมองว่าเป็นโรคพ่อแง่แม่งอนนี้
ริมฝีปากอิ่มเม้มเข้าหากันอย่างไวราวกับเป็นคำสั่งประกาศิต แก้มนวลเนียนผ่าวร้อนขึ้นมาทันทีทันใดเมื่อนึกถึงจูบวาบหวามในตอนนั้นหัวใจสองดวงเต้นเป็นจังหวะเดียวกันภายใต้ความเงียบเชียบที่ได้ยินเพียงเสียงลมหายใจอันแผ่วเบาแม้นีรชาอยากจะดิ้นหรือโวยวายเพื่อให้พายุลงไปจากเตียงของเธอทว่าความอบอุ่นจากพ่อพระรองที่ส่งผ่านทางร่างกายทำให้เธอยอมปิดปากเงียบในที่สุดทั้งคู่ต่างไม่มีใครพูดอะไรอีกราวกับอยากปล่อยให้เวลามันหยุดนิ่งและหยุดอยู่อย่างนี้ไปเรื่อยๆเนิ่นนาน...ที่นีรชาลอบมองใบหน้าหล่อเหลาเกลี้ยงเกลาของอีกฝ่าย ใครจะไปเชื่อว่าวันหนึ่งตัวละครที่โลดแล่นในนิยายจะมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเธออย่างในตอนนี้หากทั้งหมดเป็นเพียงความฝันก็ช่วยปลุกเธอให้ตื่นเสียทีก่อนที่ทุกอย่างมันจะสายเกินแก้"เลิกจ้องหน้าฉันได้แล้ว" อยู่ๆคนที่นีรชาคิดว่าหลับไปแล้วนั้นก็พูดทั้งที่ยังไม่ยอมลืมตาขึ้นมา"นายยังไม่หลับอีกเหรอ" หัวใจแม่นักเขียนแทบหล่นไปอยู่ตาตุ่มเป็นเจนญาณทิพย์หรือไงยะ"ฉันนอนไม่หลับเพราะเธอเอาแต่จ้องฉันไง" พายุลืมตาขึ้นมาต่อว่าด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“ฉันไม่มีเวลาทำอะไรไร้สาระอย่างที่เธอว่าหรอก” คนเจ้าแผนการเฉสายตาไปทางอื่น ขืนยอมให้สอบสวนต่อมีหวังความแตกกันพอดี แม้ว่าความรู้สึกที่ค่อยๆปะทุออกมาจะเริ่มชัดเจน แต่พายุก็ยังไม่อยากให้อีกฝ่ายรับรู้ความรู้สึกในตอนนี้เขาเลยต้องเก็บซ่อนแววตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกมากมาย ซึ่งในตอนนี้เองที่นีรชาได้รู้ตัวว่าเธอเผลอไผลไปกับแววตาอ่อนโยนคู่นั้น“งั้นฉันไปก่อนนะ” พายุเอ่ยพลางหันหลังเมื่อไม่มีข้ออ้างจะให้เขาอยู่ต่อ“แล้วนั่นนายจะไปไหน” ทันทีที่ได้ยินเสียงหวานไล่ตามหลังมาร่างสูงก็หยุดเดินรอยยิ้มพึงพอใจปรากฏขึ้นที่มุมปากหยักหนาทว่าคนสงวนท่าทีก็หันกลับมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย“ฉันเลิกงานแล้วฉันก็จะกลับบ้านสิถามได้ ฉันก็แค่แวะมาดูว่าเธอขาดเหลืออะไรหรือเปล่าพอดีว่าผู้จัดการเธอฝากเธอฉันไว้กับฉัน” คุณหมอผู้ทำหน้าที่ได้ไม่ขาดตกบกพร่องแอบเอานิ้วไขว้กันไว้ด้านหลังเพื่อให้ความผิดทุเลาเบาบางลงเพราะปกติแล้วเขาไม่ใช่คนจะพูดโกหกและยิ่งไม่ใช่คนไม่รับผิดชอบหน้าที่ แต่คราวนี้เขาถึงขั้นขอแลกเวรกับเพื่อนร่วมงานเพื่อจะได้มาอยู่เป็นเพื่อนพราวดาว เรื่อง
ไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ท้องฟ้าปลอดโปร่งอีกทั้งฝนไม่มีทีว่าจะตั้งเค้าทว่าพออาทิตย์ลับขอบฟ้าเหมือนเปลี่ยนเป็นอีกฤดูกาล สายลมยามค่ำคืนพัดผ่านหน้าต่างบานเกล็ดเข้ามา ให้ความรู้สึกเย็นยะเยือกทั้งที่อยากจะหลับเพื่อหลีกหนีความรู้สึกวังเวงแต่เป็นเพราะนิสัยเคยนอนดึก ทำให้แม่นักเขียนยังคงนั่งอยู่บนเตียงภายในห้องพักฟื้นสำหรับผู้ป่วยพิเศษแห่งนี้ดวงตาคู่สวยกวาดมองไปทั่วทั้งห้องด้วยดวงตาไหวระริก ความเงียบงันและวังเวงทำให้ไม่สามารถข่มตาให้หลับลงได้ ขนอ่อนที่ต้นคอระหงลุกชันเมื่อสมองเอาแต่จินตนาการถึงสิ่งที่มองไม่เห็นแต่ทั้งหมดนี้ต้องโทษใครหากแต่ไม่ใช่เพราะคุณหมอเจ้าของถิ่นเอาเรื่องเจ้าของห้องคนก่อนมาเล่าเธอคงไม่ต้องนั่งหวาดระแวงอยู่อย่างนี้หรอก แม้จะเปิดไฟส่องสว่างในหัวกลับจินตนาการถึงวิญญาณผีสาง ขนาดในห้องน้ำที่ไม่มีใครอยู่แต่แม่นักเขียนก็สร้างจินตนาการเอาว่าอาจจะมีใครยืนตรงหน้ากระจก ใครสักคนที่กำลังเฝ้ามองเธอขนกายอ่อนบนร่างบางลุกชันอีกระรอกสายตาพลอยหวาดระแวงว่าจะมีอะไรโผล่มาจากที่ไหนสักที่อีกทั้งพายุฝนนอกฤดูกาลก็ทำท่าว่าจะกระหน่ำลงมา ลมโชยอันให้ความเย็น
พายุคือคนที่คอยอยู่ข้างพราวดาวเสมอเรื่องนี้เหนือเมฆรับรู้มาโดยตลอดแม้ว่าพวกเขาทั้งสามคนจะเติบโตมาด้วยกันแต่ถ้าเทียบกันแล้วพายุดูจะเข้าอกเข้าใจพราวดาวมากกว่าเพียงแต่ช่วงหลังๆมานี้คนสายตาเฉียบคมอย่างเจ้าของบริษัทโฆษณายักษ์ใหญ่รู้สึกว่าอีกฝ่ายจะดูเป็นห่วงเป็นใยเพื่อนเกินขอบเขต ถ้าไม่รู้ว่าผู้หญิงที่พายุมีใจให้คือน้ำค้างแม่เลขาหน้าห้องของเขาคงจะคิดว่าคุณหมอแอบมีใจให้คนไข้แน่ๆและถ้ามันเป็นอย่างที่ชายหนุ่มคิดเล่นๆล่ะก็…ยังนึกภาพไม่ออกเลยว่าลิ้นกับฟันจะเข้ากันด้วยวิธีไหน“เอางั้นก็ได้” อ่ะอ้าว! แม่นักเขียนได้แต่โอดครวญอยู่ในใจเพราะดันคาดหวังไว้สูงว่าพ่อพระเอกของเธอจะยืนยันที่จะไปส่งให้ได้“คุณพยาบาลครับ” พายุส่งเสียงออกไปด้านนอกนางพยาบาลจึงรีบขานรับพร้อมกับยืนรอคำสั่ง“ช่วยพาญาติคนไข้ออกไปด้วยครับตอนนี้คนไข้ของผมจำเป็นต้องพักผ่อน” พายุถือโอกาสใช้ตำแหน่งหน้าที่ไล่เหนือเมฆให้กลับทางอ้อม จนเจ้าของบริษัทต้องหมายหัวคุณหมอผู้ถืออำนาจเด็ดขาดเอาไว้ก่อนจะหันไปพูดกับดาราสาวคนสนิทพร้อมกับเล่นหูเล่นตา&ldqu