ขณะเดียวกัน หลี่เซิงหันไปต่อสู้กับชายอีกคน ส่วนชายร่างใหญ่ เมื่อเห็นเพื่อนถูกสังหารไปหนึ่งคน ก็เริ่มใจไม่ดี เขาไม่คาดคิดว่าหลี่เซิงจะมีฝีมือร้ายกาจเช่นนี้ ขณะเดียวกัน เขาก็เหลือบไปเห็นหยางฉิงที่อยู่บนเกวียนวัว นึกแผนบางอย่างขึ้นมาได้ ‘หากอยากรอด มีทางเดียวคือต้องจับหญิงสาวเป็นตัวประกัน!’เขาไม่รอช้า รีบพุ่งไปทางหยางฉิงทันที!หยางฉิงที่จับตาดูอยู่แล้ว เห็นชายผู้นั้นวิ่งเข้าหานาง นางรีบง้างคันธนูแล้วปล่อยลูกศรออกไปอย่างแม่นยำ นางรู้สึกโกรธชายผู้นี้มานานแล้ว และคำพูดต่ำช้าของมันก็ทำให้นางสะอิดสะเอียนลูกธนูพุ่งตรงเข้าปักที่ช่วงท้องของชายร่างใหญ่พอดี!“อึก! เจ้ายิงข้าหรือ?!” เขาคำรามเสียงดุดัน มือข้างหนึ่งกุมบาดแผลแน่น ส่วนอีกมือกำมีดแน่นด้วยความโมโห ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยโทสะ ขณะที่กำลังจะพุ่งเข้าใส่นางต่อแต่ทันใดนั้น!หลี่เซิงที่เพิ่งฟันชายอีกคนล้มลง หันไปเห็นชายร่างใหญ่กำลังพุ่งไปหาภรรยาของเขา เขาไม่รอช้า รีบพุ่งตัวตามไปแล้วฟันดาบลงกลางหลังของชายร่างใหญ่อย่างแม่นยำ!ชายร่างใหญ่ล้มลงสิ้นใจทันทีหลี่เซิงก้าวข้ามศพของมันไป รีบวิ่งเข้าไปหาหยางฉิง จับตัวนางพลิกไปมาเพื่อตรวจดูว่านางได้รับบาด
“เจ้าโกหก! ข้าทำงานนี้มาหลายปี ไม่เคยขโมยเงินของใคร!” โจวเฉียวเถียงกลับทันทีชาวบ้านที่มุงดูเหตุการณ์เริ่มซุบซิบกัน บางคนที่อยู่แถวนี้มานาน ต่างรู้จักสองตาหลานดี และรู้ว่าพวกเขาเป็นคนดี ไม่เคยมีประวัติขโมยของ“พวกเจ้าจำไม่ได้หรือ? สองตาหลานไม่เคยขโมยของใครเลย” หญิงชาวบ้านคนหนึ่งพูดขึ้นเสียงดังเมื่อมีคนพูดเริ่มก่อน ชาวบ้านคนอื่น ๆ ที่รู้จักสองตาหลานก็ต่างพากันช่วยยืนยันชายร่างใหญ่เห็นท่าไม่ดี จึงตะโกนเสียงแข็งขึ้นมา “ถ้าไม่ใช่พวกเจ้า แล้วใครจะเอาเงินของข้าไป!”“ถ้าเป็นเช่นนั้น ให้ทหารมาตัดสิน หรือไม่ก็ไปให้เจ้าเมืองสอบสวนดู จะได้รู้ว่าใครเป็นคนโกหก” หลี่เซิงกล่าวเสียงหนักแน่นชายร่างใหญ่เริ่มรู้สึกว่าเรื่องราวบานปลายเกินไป เดิมทีเขาแค่ต้องการกลั่นแกล้งสองตาหลานเท่านั้น ไม่คิดว่าเรื่องจะใหญ่โตถึงเพียงนี้ “ถ้าเจ้าไม่ได้เอาไป ก็แล้วไป! ทำไมต้องทำให้เรื่องมันใหญ่ขนาดนี้ด้วย?” เขาเริ่มพูดตะกุกตะกัก“ก็เจ้าเป็นคนกล่าวหาท่านตาเองมิใช่หรือ? เช่นนั้นให้เจ้าเมืองตัดสินให้ความเป็นธรรมดีกว่า” หยางฉิงกล่าวพลางยิ้มเย็น นางไม่ได้หวาดกลัวเขาแม้แต่น้อยชายร่างใหญ่รู้สึกโกรธมาก นี่เป็นพวกมันอีกแล้ว! ส
ส่วนเรื่องสัตว์ที่ใช้ลากเกวียน เขาก็คิดเช่นเดียวกับหยางฉิง ม้าจะช่วยให้เดินทางได้รวดเร็วขึ้น และในเมื่อตอนนี้พวกเขาไม่ต้องกังวลเรื่องเงินแล้ว ก็ถึงเวลาหาซื้อม้าดี ๆ สักตัวความคิดของทั้งสองคนตรงกันในเรื่องซื้อม้าตัวใหม่หยางฉิงคิดถึงเรื่องการทำยา นางจำเป็นต้องไปดูวัตถุดิบสำหรับปรุงยาเสียแล้ว อาจต้องสั่งให้ท่านน้าหลี่เสี่ยทำอุปกรณ์ให้เพิ่มอีกหลายอย่าง เมื่อคิดได้เช่นนั้น นางก็เปิดกระเป๋าเงินดู พบว่าเงินเริ่มร่อยหรอลงเรื่อย ๆ จึงต้องรีบขายสินค้าให้เร็วที่สุดหากวันเปิดร้าน ท่านแม่ทัพมาซื้อของที่ร้านก็คงเป็นเรื่องดี อย่างน้อยนางก็จะมีคนคอยคุ้มกันในอนาคต เพราะนางสังเกตเห็นชายหน้าตาน่ากลัวหลายคนที่แอบสอดส่องร้านอยู่นางเชื่อว่าหลี่เซิงก็คงสังเกตเห็นเช่นกัน...การเปิดร้านขายของในเมืองหลวงอย่างสบายใจ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริง ๆ …หยางฉิงเดินกลับเข้าไปในร้านค้า นางเห็นว่าหลี่เซิงกำลังกวาดพื้นอยู่ จึงเอ่ยถามเขาด้วยน้ำเสียงจริงจัง ดูเหมือนว่าเขาจะไม่เดือดร้อนอะไรเลย“หลี่เซิง ท่านเห็นชายหน้าตาน่ากลัวที่ยืนอยู่หน้าร้านของเราหรือไม่? ข้าสังเกตว่าพวกมันแอบซุ่มมองพวกเราอยู่นานแล้ว”หลี่เซิงหยุดมือแล้
หวังจวิ้นเจี้ยงหยิบขวดแก้วขึ้นมา ก่อนจะยกดื่มรวดเดียวจนหมด เพียงแค่ยาน้ำไหลผ่านลงลำคอ เขาก็รับรู้ได้ถึงความมหัศจรรย์ของยาขวดนี้ทันที ร่างกายรู้สึกเบาสบายขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่ไม่นานนัก เขากลับรู้สึกคลื่นไส้ ผะอืดผะอม ราวกับอยากอาเจียน บ่าวรับใช้ที่เฝ้าอยู่ไม่ไกลเห็นท่าทางผิดปกติของเขา จึงรีบวิ่งไปหยิบโถมาให้ หวังจวิ้นเจี้ยงอาเจียนออกมาเป็นน้ำสีดำข้น ส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่ว เขาอาเจียนจนรู้สึกโล่งท้อง หายใจหอบเหนื่อย บ่าวรับใช้รีบยื่นน้ำให้เขาล้างปาก ทุกคนที่อยู่ในห้องต่างพากันมองไปยังแขกทั้งสองที่ยืนอยู่ข้างกันด้วยสายตาไม่ไว้วางใจ “จับพวกมันไว้! มันต้องวางยาท่านแม่ทัพแน่!” ผู้คุ้มกันคนสนิทกล่าวเสียงเข้ม เมื่อเห็นเจ้านายมีอาการผิดปกติ หวังจวิ้นเจี้ยงยกมือห้าม “ข้าไม่เป็นอะไร อย่าเสียมารยาทกับแขกของข้า!” “ขอรับ ท่านแม่ทัพ!” ผู้คุ้มกันรีบลดอาวุธลงทันที เสียงถอนหายใจของหยางฉิงดังออกมาเบา ๆ นางลูบอกพลางเหลือบมองโถที่เต็มไปด้วยของเสียจากร่างกาย กลิ่นเหม็นคละคลุ้งทำให้นางต้องเบือนหน้าหนี ‘ดูเหมือนท่านแม่ทัพจะปลอดภัยแล้ว’ นางคิดพลางสังเกตร่างกายของเขาอีกครั้ง เสียงบ้วนน้ำ
รุ่งเช้า เสียงไก่ขันดังขึ้นจากหลังบ้าน นางตื่นมานานแล้ว วันนี้นางนำเมล็ดเฉ่าเหมยไปปลูกและเร่งให้มันเจริญเติบโต จนกระทั่งออกผลขนาดใหญ่เท่าฝ่ามือ โชคดีที่เมื่อวานหลี่เซิงทำกล่องไม้ไว้ นางจึงนำมันมาใช้บรรจุสตรอว์เบอร์รี ด้านล่างรองด้วยผ้าอย่างดีเมื่อเตรียมทุกอย่างเรียบร้อย นางจึงร้องเรียกคนที่ยังอยู่ในบ้าน “หลี่เซิง ท่านแต่งตัวเสร็จหรือยัง?” นางเดินเข้าไปดูพลางเอ่ยถาม“ภรรยา ดูข้าหน่อย ข้าแต่งตัวดีแล้วหรือไม่? เป็นอย่างไรบ้าง?” เขาถามเสียงจริงจังหยางฉิงมองหลี่เซิงด้วยความตกตะลึง ‘เขาแต่งแบบนี้ก็ดูดีเหมือนกัน’ ชุดที่นางตัดให้ช่างเข้ากับตัวเขามากนัก เส้นผมที่เริ่มยาวถูกรวบมัดขึ้นสูง เผยให้เห็นใบหน้าคมคายชัดเจน บริเวณเอวมีหยกที่นางเคยให้เขาห้อยไว้ นางเริ่มรู้สึกหวงเขาขึ้นมาแล้วสิหยางฉิงเดินเข้าไปจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่ “ท่านดูดีมากแล้ว” นางลูบแก้มเขาเบา ๆ ‘ตอนนี้ข้ากำลังหลงสามีตัวเอง’หลี่เซิงยิ้มกรุ้มกริ่ม เขามองนางที่ปักปิ่นซึ่งเขาเป็นคนให้ นางแต่งกายเข้ากับมันได้เป็นอย่างดี วันนี้นางยังแต่งหน้าอ่อน ๆ อีกด้วย “เจ้าก็งามนัก” เขากล่าวชมนาง“เรารีบไปกันเถอะ ไม่รู้ว่าท่านแม่ทัพจะอยู่ที่จวนหร
“แบบนั้นยิ่งดี พรุ่งนี้ท่านจะเข้าเมืองยามไหน? ข้าจะรอท่านอยู่ที่ร้าน” นางตั้งใจจะเข้าไปดูร้านอีกครั้ง และขนมะพร้าวไปก่อนบางส่วน“พรุ่งนี้ยามเซิน ข้าจะเอาของไปส่งที่นั่น” หลี่เสี่ยกล่าว พร้อมคิดว่าต้องใช้คนช่วยขนของไปด้วยเมื่อพวกเขาตกลงเรื่องราคาเสร็จแล้ว ทั้งสองก็พากันเดินทางกลับบ้าน โชคดีที่วันนี้ออกจากบ้านแต่เช้า เมื่อกลับถึงบ้าน ฟ้ายังไม่มืดสนิท แสงแดดยังคงพอมองเห็นอยู่เมื่อถึงบ้าน หยางฉิงลงมือทำอาหารให้หลี่เซิง พร้อมทั้งทำเผื่อไป๋หูและไป๋หลาง ตอนนี้พวกมันวิ่งเล่นอยู่ในสวน ทุกครั้งที่ออกไปข้างนอก นางไม่ได้พาพวกมันไปด้วย นางเลี้ยงพวกมันไว้ให้คอยเฝ้าบ้าน และมันก็ช่างฉลาดและแสนรู้ยิ่งนัก พวกมันเชื่องเฉพาะกับนางและหลี่เซิง แต่หากมีผู้บุกรุกเข้ามา มันจะกระโจนเข้าใส่ทันทีเมื่อคิดถึงหลี่เซิง นางก็นึกถึงอาการแปลก ๆ ของเขา นางมัวแต่ยุ่งกับการหาเงินจนลืมไปว่า เดือนนี้รอบเดือนของนางขาดหายไปหยางฉิงทบทวนความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับร่างกาย นางกินอาหารมากขึ้น แต่ก่อนหน้านี้นางคิดว่าคงเป็นเพราะเหนื่อยและหิวมากเกินไป‘แต่ที่หลี่เซิงเป็น มันแปลกมากจริง ๆ ...’นางเอามือสัมผัสที่ท้อง พลางตรวจดูร่