ข้าหลิวหงเถามีข้อดีเยอะมากแต่มีข้อเสียอยู่หนึ่งอย่างคือ ‘ขี้อิจฉา’ จนออกนอกหน้า
ข้าอิจฉาทุกคน สิ่งใดที่คนอื่นมีแต่ข้าไม่มี ข้าก็จะอิจฉา!
สิ่งใดที่คนอื่น ‘เป็น’ แต่ข้าเป็นไม่ได้ ข้าก็จะอิจฉา!
อิจฉาจนขึ้นสมอง!
อิจฉาจนคนอื่นยังสัมผัสได้!
“น้องหญิงเล็กช่วยเก็บอาการหน่อยได้หรือไม่ ไฟแห่งความริษยาที่แผ่ออกมาจากตัวเจ้ากำลังจะคลอกพี่หญิงใหญ่ตายอยู่แล้ว”
พี่หญิงใหญ่ของนางนามว่าหลิวตันตันกล่าวขึ้นเมื่อเห็นสายตาอิจฉาริษยาของน้องสาวร่วมบิดามารดาเดียวกัน
“ได้อภิเษกกับชินอ๋องเช่นนี้ มีผู้ใดไม่อิจฉาพี่หญิงใหญ่บ้างเจ้าคะไม่สิ! มีผู้ใดไม่อิจฉาชินหวางเฟยบ้าง”
วันนี้เป็นวันอภิเษกสมรสระหว่างชินอ๋องกับหลิวตันตันพี่สาวในวัย 19 หนาวของหลิวหงเถา แต่ละแคว้นฮ่องเต้ย่อมมีเพียงแค่คนเดียว องค์ไท่จื่อและชินอ๋องก็ยังมีเพียงแค่คนเดียวอีก
แล้วเช่นนี้จะไม่ให้ข้าอิจฉาได้อย่างไร
“กิริยาเช่นนี้ของเจ้าจงแสดงต่อหน้าคนในครอบครัวเป็นพอ อย่าริอ่านไปแสดงต่อหน้าผู้อื่นเป็นอันขาด วันนี้เป็นวันสำคัญของพี่ อย่าทำให้ตระกูลหลิวต้องเสียหน้า!”
หลิวตันตันกล่าวเสียงแข็งปรามน้องเล็กของตนไว้ก่อน สายตาเอาจริงของนางทำให้หลิวหงเถาหลบตา
พี่สาวของข้าเป็นคนเช่นไรมีหรือข้าจะไม่รู้
“เจ้าค่ะ”
หลิวตันตันยกยิ้มพอใจ ภาพลักษณ์ภายนอกของนางดูเรียบร้อยอ่อนหวานก็จริง แต่แท้จริงแล้วนางเป็นคนที่ฉลาดล้ำลึก อ่อนหวานแต่ไม่อ่อนแอ เหมาะสมกับชินอ๋องแห่งแคว้นชิงชิวทุกประการ
ห่มหนังแกะเหมือนกันไม่มีผิด
“มาช่วยพยุงพี่หญิงใหญ่ไปนั่งรอที่เตียง”
หลิวหงเถาแสดงท่าทางฮึดฮัดออกมาเล็กน้อย แต่ก็ยอมเดินเข้าไปพยุงพี่สาวแต่โดยดี ใบหน้าเล็กไม่วายมองไปยังร่างงามของหลิวตันตันด้วยความริษยาอีกครั้ง
ชุดหงส์สีแดงเพลิงข้าก็ชอบ มงกุฎหงส์ก็ชอบ ปิ่นปักผมสีทองก็ชอบ กำไลก็ชอบ โอ้ย! ชอบไปหมดทุกอย่างเลย ข้าอิจฉา
สองชั่วยามผ่านไป
กว่าขบวนเจ้าบ่าวจะมารับไปวังอ๋อง กว่าบ่าวสาวจะไหว้ศาลบรรพชนตระกูลหลิวเสร็จ กว่าเจ้าสาวจะขึ้นเกี้ยวแปดคนหาม กว่าจะผ่านไปได้ในแต่ละเค่อ หลิวหงเถาแทบจะขาดใจตาย
“สินสอดทองหมั้นยาวเป็นหางว่าว กี่ชาติกว่าจะใช้หมด ฮือ…ข้าอิจฉา”
หลิวหงเถากระทืบเท้าตนเองเร่า ๆ ตอนนี้คนในครอบครัวกำลังกินเลี้ยงกันอย่างมีความสุข มีเพียงนางเท่านั้นที่กำลังจะหิวตายเพราะความอิจฉา
ด้วยไม่อยากแสดงท่าทางเช่นนี้ของตนให้ใครได้พบเห็นตามการกำชับของหลิวตันตัน จึงได้ขังตนเองอยู่ในห้องตั้งแต่ที่ขบวนเจ้าบ่าวจากไป แล้วตอนนี้นางก็หิวมาก ๆ
ใครก็ได้นึกถึงหลิวหงเถาทีเจ้าค่ะ
ก๊อก ก๊อก!
เสียงเคาะประตูดังขึ้นมา หากเป็นสาวใช้ส่วนตัวของนางปกติจะเดินเข้ามาในเรือนนอนเลย แต่นี่มีการเคาะประตูด้วย เพราะเช่นนี้หลิวหงเถาจึงทราบว่าเป็นคนอื่น
“พี่เถาเถ่าขอรับ หมินมิ่นเองขอรับ”
เฮือก! สวรรค์ได้ยินเสียงคำขอร้องของหลิวหงเถาหรือเจ้าคะ
“พี่เถาเถ่า…”
“อ้อ เข้ามาได้เลย”
หลิวหงเถาเอ่ยอนุญาต ร่างบางยิ้มเมื่อเห็นชิงหมินเด็กหนุ่มที่ท่านพ่อของนางเก็บมาเลี้ยงตั้งแต่วัย 4 หนาว เดินอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ เข้ามาหานางในเรือนนอน
ปีนี้ชิงหมินอายุได้ 17 หนาวแล้ว ร่างกายสูงชะลูดจนนางยังต้องแหงนหน้ามอง รูปร่างหน้าตาของเขาหล่อเหลาเอาการ แต่เพราะท่าทางเด๋อด๋า ขี้อาย ไม่กล้าสู้คน ทำให้ความดูดีเหล่านี้ลดน้อยลงไปหลายส่วน
กล่าวตามตรงก็คือไม่ใช่บุรุษในแบบที่สตรีแคว้นชิงชิวชอบ!
ต้นแบบของบุรุษในแคว้นชิงชิวต้องเหมือนองค์ไท่จื่อ ห้าวหาญ ดูน่าเกรงขาม ทุกท่วงท่าเต็มไปด้วยความแข็งแกร่งและมั่นใจ เก่งทั้งบู๊และบุ๋น
หรือหากบุรุษผู้ใดเป็นแบบไท่จื่อไม่ได้และคิดว่ามันไม่ใช่แนว แบบชินอ๋องก็เป็นที่นิยม นั่นคือต้องมีภาพลักษณ์นุ่มนวลดั่งสายน้ำ มีรอยยิ้มอ่อนโยนติดใบหน้าอยู่ตลอดเวลา ดูเป็นบัณฑิต ภูมิฐาน เก่งบุ๋นแต่บู๊ก็ต้องได้
เดินออกไปหน้าเรือน หากไม่เห็นบุรุษคนใดเป็นเช่นสองแบบนี้ ถือว่าไม่ใช่คนของแคว้นชิงชิว แต่ตัดภาพมาที่ชิงหมินของนาง เขาไม่ได้ทั้งแข็งแกร่งและอ่อนโยนเลย ไม่แปลกหากใครที่ได้เห็นเขาจะรู้สึกไม่ชอบใจ
อย่างเช่นพี่ชายฝาแฝดข้าล่ะคนหนึ่ง เขาเกลียดชิงหมินของข้าเข้าไส้!
“พี่เถาเถ่า หมินมิ่นเอาของว่างมาให้ขอรับ”
ชิงหมินยื่นถาดเล็กไปให้หลิวหงเถา พอจมูกได้กลิ่นอาหารหอมกรุ่นอยู่ตรงหน้า นางก็รีบเอื้อมมือไปหยิบตะเกียบพุ้ยข้าวเข้าปากในทันที คีบกับคำหนึ่งข้าวคำหนึ่ง ซดน้ำแกงไปอีกนิดหนึ่งสลับกันไปแบบนี้ เพียงไม่นานอาการหน้ามืดตาลายของนางก็หายไป
“ขอบคุณนะหมินมิ่น เพราะเจ้าเลยพี่เถาเถ่าถึงได้ไม่หิวตาย” แม้อาการหิวไม่อาจทำคนตายได้ในเพียงวันเดียว แต่ถ้าเกิดอาการหน้ามืดแล้วสลบหัวฟาดพื้นไปก็ตายได้เหมือนกัน
“หามิได้ขอรับ”
ชิงหมินเกาแก้มเบา ๆ เมื่อได้รับคำขอบคุณจากหลิวหงเถา ร่างสูงย่อกายนั่งลงบนพื้นข้างๆ เตียงของนาง
“หมินมิ่นจะไปในครัวพอดี ฮูหยินท่านจึงใช้หมินมิ่นยกของว่างมาให้พี่เถาเถ่า คำขอบคุณเช่นนี้หมินมิ่นไม่กล้ารับไว้ขอรับ”
หลิวหงเถายิ้มเอ็นดูชิงหมิน
น้องชายของข้าน่ารักถึงเพียงนี้ แต่เหตุใดใคร ๆ ถึงได้ไม่ชอบเขานะ
จ๊อก~
อยู่ ๆ เสียงท้องของชิงหมินก็ดังขึ้นมา ทำให้นางรู้ว่าเขาก็ยังไม่ได้ทานอะไรเหมือนกัน แต่เหลือบมองจานของว่างที่เขายกมาให้กลับไม่เหลืออะไรให้ทานแล้ว นางจึงได้ลุกขึ้นแล้วจูงมือเขาไปในครัวด้วยกัน
ถ้าไปโดยไม่มีข้าแล้วละก็ ได้ทานของเหลือจากของเหลืออีกทีแน่
หลิวหงเถาเป็นแฝดน้องมีพี่ชายฝาแฝดนามว่าหลิวหลี่เฟย บิดานามว่าหลิวหย่งเป็นเสนาบดีฝ่ายขวาขุนนางคู่พระทัยของฮ่องเต้แคว้นชิงชิว
หลิวหย่งมีใจรักมั่นต่อฮูหยินเอกของตนมาก จึงไม่ได้ตบแต่งสตรีอื่นเข้ามาในจวนอีกเลย ชื่อของบุตรชายหญิงล้วนเป็นชื่อที่ฮูหยินตั้งให้
ท่านแม่ของหลิวหงเถาชอบสีแดงมาก หลิวตันตัน ‘ตัน’ แปลว่า สีแดง
หลิวหลี่เฟย ‘เฟย’ แปลว่า สีแดง
หลิวหงเถา ‘หงเถา’ แม้จะเป็นอีกความหมายหนึ่งของคำว่า ‘หัวใจ’ แต่ก็ถือมีคำว่า ‘สีแดง’ อยู่ในนี้ด้วย
ซึ่งหลิวหงเถาก็ไม่ค่อยพอใจอยู่ดี นางรู้สึกว่าท่านแม่ไม่รักตน รักพี่สาวมากกว่าจนในชื่อมีสีแดงถึงสองคำ ท่านพ่อยิ่งแล้วใหญ่ รักและสนับสนุนพี่ชายฝาแฝดของนางจนออกนอกหน้า
“เฟยเอ๋อร์ กระบี่ที่พ่อสั่งช่างตีเหล็กทำเป็นพิเศษเสร็จแล้วนะลูก ประเดี๋ยวพ่อให้คนไปรับให้”
“จริงหรือขอรับ เช่นนี้ก็ดีเลย ลูกจะได้เอาไปลองฝึกกับเหล่าองครักษ์”
“พ่อจัดไว้ให้สักสามสี่คนดีหรือไม่ หรือถ้าไม่พอใจจะเอากี่คนก็ว่ามา”
ท่าทางพะเน้าพะนอกันของสองคนพ่อลูกบนโต๊ะอาหาร ทำเอาหลิวหงเถากลอกตาไปมาอย่างห้ามตัวเองไม่ได้
ความรู้มีไม่ถึงเรียกว่า ‘ความรู้เท่าหางอึ่ง’ แล้ว ‘ฝีมือมีไม่ถึง’ นี่เรียกว่าอะไร? บุตรชายตัวเองก็ความสามารถงั้น ๆ ยังจะจัดองครักษ์มาให้อะไรตั้งสามสี่คน…ข้าหมั่นไส้ ข้าอิจฉา!
“น้องหญิงเล็กแสดงท่าทางเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร ข้าวเหลือตั้งเยอะหรือว่าไม่อยากทานแล้ว พี่จะได้เอาไปให้ไอ้ชิงหมิน”
หลิวหงเถาขมวดคิ้วทันทีเมื่อได้ยินว่าพี่ชายฝาแฝดจะเอาของเหลือไปให้ชิงหมินทานอีกแล้ว
“เหตุใดชิงหมินต้องมาทานของเหลือเดนจากข้าหรือจากใครด้วย ถ้าตัวเองทานของเหลือจากคนอื่นไม่ได้ ก็อย่ามายัดเยียดให้ชิงหมิน”
“เหอะ! แล้วอย่างไร มันก็แค่เด็กเก็บมาเลี้ยง”
“หลิวหลี่เฟย!”
หลิวหงเถาตะโกนเรียกพี่ชายเสียงดังจนจูม่านหลิงผู้เป็นมารดาต้องเอ่ยปราม
“จบ ๆ อย่ามาเถียงกันต่อหน้าแม่นะ คลานตามกันออกมาแท้ ๆ ยังจะทะเลาะกันเหมือนเป็นคนอื่นคนไกล”
“ก็เพราะว่าไม่ใช่คนอื่นจึงทะเลาะกันอย่างไรเล่าขอรับ ลูก…”
“ยังจะเถียงแม่อีก”
คราวนี้จูม่านหลิงเสียงแข็งใส่หลิวหลี่เฟย ทำให้บุรุษในที่นี้แต่ละคนหงอไปตาม ๆ กัน
เสนาบดีหลิวต่อหน้าคนทั้งพระราชสำนักดูน่าเกรงขาม ดุดันดั่งพยัคฆ์ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าฮูหยินของตนก็ไม่ต่างอะไรกับแมวตัวน้อย ๆ ภายในจวนรู้กันดีว่าผู้มีอำนาจเหนือเสนาบดีฝ่ายขวาแท้จริงนั้นคือใคร
“เฟยเอ๋อร์อย่าเถียงแม่อีกเลยลูก” เสนาบดีหลิวเอ่ยเสียงอ่อย ยกธงขาวขอยอมแพ้
เมื่อสุดท้ายไม่มีใครเข้าข้างเขาแล้ว หลิวหลี่เฟยจึงได้แพ้ไปอย่างราบคาบ ตราบใดที่หลิวหย่งยังกลัวจูม่านหลิง เขาก็ไม่มีวันชนะน้องสาวฝาแฝดของตนเองได้
เพราะว่าจูม่านหลิงนะรักหลิวหงเถาที่สุด เรื่องนี้เขารู้! ทุกคนรู้!! มีแต่นางที่ไม่รู้!!! แล้วก็พาลไปอิจฉาคนอื่นเขาไปทั่ว
น้องหญิงเล็กหนอน้องหญิงเล็ก
ณ เรือนท้ายจวน
หลังจากที่หลิวหงเถาทานอาหารอิ่มแล้ว นางก็ไปที่ครัวแล้วเอ่ยปากขอกับข้าวที่ไม่ใช่ของเหลือจากใครเพื่อเอาไปให้ชิงหมินที่เรือนท้ายจวน
“เป็นอย่างไรบ้างเต้าหู้น้ำแดงของโปรดเจ้า วันนี้อร่อยหรือไม่”
“รสชาติถูกปากมากเลยขอรับ”
“เช่นนั้นก็ทานเยอะ ๆ”
หลิวหงเถายิ้มอย่างอ่อนโยนเมื่อเห็นชิงหมินทานอาหารที่ตนนำมาให้ด้วยความเอร็ดอร่อย
ชิงหมินเป็นเด็กที่ถูกเลี้ยงดูไม่ต่างจากทาสในเรือนเบี้ย แต่ที่แตกต่างคือเขาไม่ได้มีสัญญาค้าทาสและไม่ได้ประทับตราทาสแบบคนที่ขายตัวให้ผู้มีเงิน แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น ฐานะของเขาในใจคนในจวนก็เหมือนเป็นแค่บ่าวรับใช้ผู้หนึ่งเท่านั้น ไม่ได้พิเศษอะไรเลย
แต่สำหรับหลิวหงเถาแล้วชิงหมินเปรียบดั่งน้องชาย เขาเป็นเพื่อนเล่นกับนางและพี่ชายฝาแฝดมาตั้งแต่เด็ก จึงได้รับความเอ็นดูจากหลิวหงเถาล้นเปี่ยม แม้แต่เสื้อผ้าที่เขาใส่หลิวหงเถาก็แย่งจากหลิวหลี่เฟยมาให้ สภาพเนื้อผ้าแต่ละตัวล้วนใหม่เอี่ยมไม่ต่างจากของมือหนึ่ง
หลิวหลี่เฟยไม่เคยใส่เสื้อผ้าซ้ำกัน คนอะไรฟุ่มเฟือยกว่าข้าเสียอีก!
“ขอบคุณพี่เถาเถ่าขอรับ”
สายตาของชิงหมินตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับหมาน้อยมองเจ้าของเลย ข้าเอ็นดูเขา!
“เฮ้อ ถ้าพี่รวยก็คงดีสินะ จะได้เลี้ยงน้องชายเช่นเจ้าได้ดีกว่านี้ จะได้ไม่ต้องรบรากับหลิวหลี่เฟยเพื่อแย่งเสื้อผ้าอาหารมาจากเขา พี่เบื่อเขาเจ้าคนน่ารังเกียจนั่น!”
ชิงหมินกะพริบตาปริบ ๆ ใบหน้าหล่อเหลาก้มลง ถ้าเขามีหางด้วย มันคงทั้งลู่และหูตกไปแล้ว
“เท่าที่ได้รับจากท่านทุกวันนี้มันก็ดีเกินพอสำหรับหมินมิ่นแล้วขอรับ หมินมิ่นแทบไม่ต่างจากคุณชายคนหนึ่งแล้ว”
“ต่างสิ! เพราะอย่างไรเจ้ามันก็เป็นแค่เด็กข้างถนนที่ถูกเก็บมาเลี้ยง”
พอได้ยินประโยคนี้เข้าหูอีกครั้ง หลิวหงเถาก็หมดความอดทนในทันที และยิ่งมันออกมาจากปากคน ๆ เดียวภายในวันเดียวกันแล้วด้วย ทำให้นางไม่ลังเลเลยที่จะลุกขึ้นแล้วปล่อยหมัดไปที่อกเขาแรง ๆ
“อัก! น้องหญิงเล็ก เจ้ากล้าลงมือกับพี่”
“ถ้ายังอยากให้ข้าเรียกเจ้าว่าพี่อยู่ อย่าให้ข้าได้ยินว่าเจ้าไปกล่าวประโยคนี้กับใครอีก!”
หลิวหลี่เฟยเม้มปากแน่น ท่าทางพร้อมตัดขาดความเป็นพี่น้องกันของนางทำให้เขากลัว จึงได้หันไปแยกเขี้ยวใส่ชิงหมินที่รีบหลุบตาลงต่ำเพราะกลัวว่าคุณชายตรงหน้าจะบันดาลโทสะใส่ตน
“ชิงหมิน ข้าเกลียดเจ้า!”
ตะเบ็งเสียงใส่หน้าชิงหมินแล้วก็รีบวิ่งหนีออกไปในทันที ท่าทางของเขาไม่ต่างอะไรจากเด็กโข่งที่สร้างความสัมพันธไมตรีต่อผู้อื่นไม่เป็นจึงแสดงออกด้วยวิธีการแกล้งผู้อื่นแทน
“มาพ่นพิษเสร็จแล้วก็ไป” หลิวหงเถาส่ายหน้าให้พี่ชายฝาแฝดที่วิ่งออกไปไกลจนหายลับตาไปแล้ว จากนั้นก็หันมาปลอบชิงหมินเสียงอ่อน
“อยู่กับเราสองคนพี่น้อง ลำบากหน่อยนะชิงหมิน”
Comments