“คุณพระช่วย เจ้าชอบเดรัจฉานเช่นนี้หรือนี่ ทั้งที่รู้ว่าเจ้าตั้งครรภ์แล้ว แต่ก็ยังทำแบบนี้กับเจ้า เขามันไม่ใช่คนแล้ว!”ชั่วขณะนี้นายหญิงซ่งแสนจะตกตะลึงพรึงเพริด นางชี้หน้าเสิ่นหวยอันพลางตวาดเสียงแหลม “เสือร้ายยังไม่กินลูกตัวเอง ถ้าเจ้ายังเป็นคนอยู่ก็คงไม่ทำเรื่องต่ำช้าพรรค์นี้ออกมาหรอก!”หลี่ซื่อก็ตกตะลึงเช่นกัน นางมองไปทางลูกชายตนเองโดยสัญชาตญาณ ดวงตาเต็มไปด้วยแววสอบถามซ่งปี้อวิ๋นตั้งท้องลูกของเขา?“จะ…จะเป็นแบบนั้นได้อย่างไร?” เสิ่นหวยอันจิตใจว้าวุ่นสับสน เขานึกว่าซ่งปี้อวิ๋นเสแสร้งเอาเสียอีก แต่เลือดตามเนื้อตัวน่ากลัวยิ่งนัก เป็นไปไม่ได้ที่จะเสแสร้งแกล้งทำ“เจ้าท้องแล้ว ทำไมถึงไม่บอกให้เร็วกว่านี้? ถ้าบอกข้าเร็วกว่านี้ ข้าก็คงไม่ผลักเจ้า”“เจ้ายังไม่รีบหุบปากอีก!” นายหญิงซ่งคำรามสุดเสียง “รีบไปตามหมอมาเร็วเข้า!”ใครก็คิดไม่ถึงว่าการจับคนผิดประเวณีวันนี้จะเลยเถิดมาถึงขั้นนี้ ตอนเริ่มแรกยังนึกว่าเสิ่นหวยอันวางแผนคิดไม่ซื่อเสียอีก ต่อมาจึงทราบว่าคนทั้งสองลักลอบมีสัมพันธ์กันมานานแล้ว ที่คิดไม่ถึงยิ่งกว่านั้นก็คือ หลังจากความวุ่นวายทั้งหมดนี้ กระทั่งว่าลูกน้อยก็ยังมีแล้ว“เสิ่นหวย
“ผ่านมาพอดี เห็นว่าเกิดเรื่องครึกครื้นขึ้นจึงมาจิบชาชมความครึกครื้นดูสักหน่อย”ฉู่จวินถิงให้ซ่งรั่วเจินนั่งลงก่อน เขาค่อยนั่งลงข้างกายนางซ่งจิ่งเซินมองน้องสาวของตนเอง บอกว่าบังเอิญ เขาไม่ค่อยจะเชื่อนัก แต่ถ้าบอกว่าน้องสาวตนเองทำนายเรื่องนี้ออกมาได้ เขากลับรู้สึกว่ามีความเป็นไปได้ข้อนี้อยู่“พี่สะใภ้ คำพูดเมื่อครู่ของท่านหมายความว่าอย่างไรหรือ?” ฉู่มู่เหยาออกจะสนใจใคร่รู้ รู้สึกว่าคำพูดของพี่สะใภ้มักฟังดูลึกลับเสมอซ่งรั่วเจินยิ้มพราย กล่าวอย่างเปิดเผยว่า “เด็กบางคนอยู่ในท้องก็สามารถสัมผัสได้ถึงความรักของคนเป็นพ่อแม่ เด็กทุกคนล้วนหวังว่าจะได้ถือกำเนิดมาท่ามกลางความตั้งตารอคอยของพ่อแม่”“ถ้าความรู้สึกของเด็กคนนี้เฉียบไว ทั้งยังสัมผัสได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่ไม่ดี กระทั่งว่าการเกิดของเขายังไม่เป็นที่ตั้งตารอคอยนัก เขาก็จะเลือกจากไป”“ไม่รู้ว่าเจ้าเคยได้ยินหรือไม่ ขณะที่ผู้หญิงตั้งครรภ์ สามีไม่ควรทะเลาะกับนางบ่อยๆ หากทะเลาะกันรุนแรงเกินไป เป็นไปได้มากว่าอาจสูญเสียลูกน้อยไปได้ นี่เป็นเพราะสรรพสิ่งล้วนมีจิตวิญญาณ”ฉู่มู่เหยาเบิกตาโพลง “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ก่อนหน้านี้ข้าก็เคยได้ย
ในขณะที่ฉู่มู่เหยาพร้อมพรรคพวกทั้งสี่คนกำลังเดินอยู่บนถนนในเมืองหลวง ก็บังเอิญเจอกับเสิ่นหวยอันที่เพิ่งไปตามหมอมา ในชั่วขณะที่ทั้งสองได้พบกัน ใบหน้าของเสิ่นหวยอันก็ฉายแววตื่นตะลึงวูบหนึ่ง แต่เมื่อนึกย้อนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้า ก็ประหนึ่งว่าเข้าใจขึ้นมาโดยถ่องแท้ ตลอดทางนี้ เขาค่อย ๆ สงบสติอารมณ์ลง ก่อนจะตระหนักได้ว่าสถานการณ์มีบางอย่างไม่ชอบมาพากล ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ได้มีนัดหมายว่าจะพบกับองค์หญิงแล้ว แต่เขากลับมิได้เห็นแม้แต่หน้าขององค์หญิง ราวกับว่าถูกคนตีจนหมดสติ ครั้นเมื่อตื่นขึ้นอีกครั้งก็อยู่บนตั่งเดียวกับซ่งปี้อวิ๋นแล้ว อีกทั้งยังมีคนของทางการมาตามหาอีก “มู่เหยา ข้าจริงใจต่อท่าน ไยท่านต้องทำเช่นนี้ต่อข้า?” เสิ่นหวยอันรีบพุ่งเข้ามาอย่างเร่งร้อน พลันเอ่ยถามด้วยความคั่งแค้น ทั้ง ๆ ที่แต่ก่อนพวกเขายังมีใจตรงกันผูกพันมั่น ทั้งที่กำลังไปได้ด้วยดี ไฉนกลับกลายเป็นเช่นนี้? นางถึงขั้นมิยอมให้โอกาสเขาได้เอ่ยอธิบายแจ้งชัดเลยสักครั้ง ก็ลงมือกับเขาอย่างเหี้ยมเกรียมถึงเพียงนี้! วันนี้เมื่อเรื่องนี้เกิดขึ้น ชื่อเสียงของเขาย่อมยับเยินเป็นแน่แท้ หากเด็กใ
ฉู่มู่เหยาอดมิได้ที่จะใฝ่ฝัน นางรู้สึกว่าไม่ว่าจะเสด็จพี่สามหรือเสด็จพี่ห้าล้วนดีทั้งคู่ ก่อนหน้านี้ เสิ่นหวยอันก็สุภาพอ่อนโยนและถ่อมตนต่อหน้านาง นางเคยคิดมาโดยตลอดว่าเขาเป็นสุภาพชนผู้เที่ยงธรรม บัดนี้ เมื่อนางเห็นสิ่งที่เขากระทำลับหลังทั้งหมดนี้ ก็เพียงรู้สึกรังเกียจเป็นอย่างยิ่ง “เดิมทีข้ายังรังเกียจซ่งปี้อวิ๋นอยู่ บัดนี้กลับรู้สึกว่านางก็น่าสงสารอยู่ไม่น้อย แต่งกับบุรุษเช่นนี้ ยังจะหวังสิ่งใดได้อีกเล่า?” ทั้งสองเอ่ยพลางก้าวเข้าไปในร้านค้า แม้ในพระราชวังจะพระราชทานรางวัลมามิใช่น้อย จวนอ๋องยิ่งเตรียมการไว้อย่างพิถีพิถันในทุกที่ แม้แต่ผ้านวมก็ยังเตรียมไว้หลายชุด แต่ในเมื่อคิดจะจัดแต่งห้องใหม่ สิ่งของที่ต้องเติมแต่งก็มีไม่น้อย ซ่งรั่วเจินมองแท่นฝนหมึกในร้านค้า และกำลังจะหยิบมาดู ก็ถูกฉู่มู่เหยาลากไปด้านข้าง “ชู่” ฉู่มู่เหยาชูนิ้วหนึ่งขึ้นแตะบนริมฝีปาก ส่งสัญญาณให้นางอย่าได้เอ่ยวาจา ระหว่างคิ้วของซ่งรั่วเจินฉายแววประหลาดใจวูบหนึ่ง มองตามสายตาของฉู่มู่เหยาไป ก็เห็นสตรีสองนางอยู่เบื้องหน้า หนึ่งในนั้นแต่งกายงดงามตระการ ใบหน้าอ่อนหวานละมุน เพียงเห็นการ
ฉู่มู่เหยมองดูท่าทางพี่สะใภ้ของตน แล้วอดรู้สึกขันมิได้ “พี่สะใภ้ หากเป็นสตรีทั่วไป ที่กำลังจะแต่งเข้าเชื้อพระวงศ์ ย่อมต้องทำความเข้าใจเหตุการณ์เหล่านี้ให้กระจ่างถ้วนถี่เป็นแน่” “หาใช่เพียงแต่เรื่องเสด็จพี่ไม่ เรื่องขององค์ชายและพระชายาอื่น ๆ ย่อมต้องรู้แจ้งเป็นแน่ แต่ดูเจ้าสิ แม้แต่เจียงลู่เสวี่ยเป็นผู้ใด เจ้าก็มิรู้” ซ่งรั่วเจิน “...” นอกจากคนที่สนิทแล้ว นางก็มิได้ใส่ใจเรื่องอื่นมาตั้งแต่ไหนแต่ไร “หรือว่าจะเป็นพระชายาของเซียวอ๋อง ผู้เป็นองค์ชายใหญ่?” ซ่งรั่วเจินคาดเดาออกมา แม้นางจะมิรู้จักเจียงลู่เสวี่ย แต่ดูจากอายุแล้ว ก็คงเป็นพระชายาขององค์ชายใหญ่หรือองค์ชายรอง แต่เช่ออ๋อง องค์ชายรอง บัดนี้หาได้มีพระชายาไม่ เช่นนั้น ความเป็นไปได้มากที่สุดก็คือองค์ชายใหญ่ “ถูกต้อง ก็คือพี่สะใภ้ใหญ่” ฉู่มู่เหยาพยักหน้าเล็กน้อย “ก่อนหน้านี้ก็ได้ยินข่าวนี้มาแล้ว แต่ก่อนเคยพบเจียงฉิงหลานมิใช่แค่เพียงคราเดียว นางเป็นผู้ที่ชอบพึ่งบารมีผู้สูงศักดิ์” “แท้จริงแล้วข้ารู้สึกว่า ต้นตระกูลของนางก็มีอยู่เพียงเท่านั้น ปรารถนาจะแต่งเข้าตระกูลดีมิแปลก เพียงแต่นางกลับหมายตาพี่เขยของตน
ซ่งรั่วเจินหลุบดวงตาคู่งามลงเล็กน้อย สตรีนั้นก็มักแบกรับแรงกดดันอันใหญ่หลวงมาแต่ไหนแต่ไร โดยเฉพาะเมื่อแต่งเข้าสู่เชื้อพระวงศ์ สิ่งที่ต้องแบกรับคือเกียรติยศของตระกูลทั้งตระกูล คิดไปแล้ว สกุลเจียงนำทุกสิ่งทุกอย่างมาสนับสนุนองค์ชายใหญ่ อย่างไรเสียก็เป็นบุตรสายตรง ความเป็นไปได้ที่จะช่วงชิงราชบัลลังก์ในภายหน้าไม่น้อยเลยทีเดียว ฉู่มู่เหยาตกอยู่ในความเงียบ นางเติบโตในพระราชวัง แท้จริงแล้วก็เห็นเล่ห์กลลับลวงที่มิอาจเปิดเผยเหล่านั้นมาไม่น้อย เพียงแต่เสด็จแม่ปกป้องนางเอาไว้เป็นอย่างดีมาโดยตลอด แม้นจะพบพานปัญหาใด ๆ ก็ไม่เคยทำให้นางต้องเป็นทุกข์เลย บัดนี้เมื่อเห็นสถานการณ์ของพี่สะใภ้ใหญ่เช่นนี้ นางก็รู้สึกว่าตนช่างอยู่ในความสุขโดยมิรู้คุณค่าของความสุขนั้นเสียเลย เจียงฉิงหลานเมื่อเห็นว่าเจียงลู่เสวี่ยมิได้ปฏิเสธตรง ๆ ก็พลันปลื้มปีติอยู่ในใจ “ท่านพี่ แท้จริงแล้วที่ข้ามาบอกท่านก่อนนั้น ก็เพราะหวังดีต่อท่าน” “ท่านก็รู้ดีถึงอุปนิสัยของท่านพ่อ เรื่องใดที่เขาตัดสินแล้ว ใครก็มิกล้าโต้แย้ง พวกเรามีใจผูกพันกันที่สุดมาแต่เยาว์ ข้าเองก็มิประสงค์ให้ท่านถูกตำหนิยามกลับไป ด้วยเหตุนี้ข้าจ
ราชวงศ์ฉู่โยว เมืองหลวงเกี้ยวเจ้าสาวสองหลังหยุดเรียงกันหน้าประตูจวนหลินโหว ตามมาด้วยเสียงประทัดฆ้องกลอง ครึกครื้นมากเป็นพิเศษแขกเหรื่อมาร่วมงานเห็นภาพนี้แล้วก็ตกตะลึง “เหตุใดมีเกี้ยวเจ้าสาวสองหลังกันเล่า?”“แม่นางห้าสกุลซ่ง—ซ่งรั่วเจิน รอหลินโหวมานานสองปี ดูแลงานทั้งจวนโหวแทนเขา บัดนี้หลินโหวคว้าชัยชนะกลับมา ตบแต่งแม่นางซ่งก็คือเรื่องดีของเมืองหลวง แต่เกี้ยวเจ้าสาวเข้าประตูพร้อมกัน มิใช่ว่ายังแต่งกับคนอื่นด้วยหรือ?”“คุณหนู ตอนนี้จะทำอย่างไรดีเจ้าคะ?”ซ่งรั่วเจินรู้สึกเพียงเสียงดังเอะอะอยู่ข้างหูพักหนึ่ง ขมวดคิ้วอย่างไม่รู้ตัว ลืมตาทั้งสองข้างก็มองเห็นชุดแต่งงานสีแดงเข้ม?เกิดเหตุอันใดขึ้น?ชุดแต่งงานซิ่วเหอและเกี้ยวเจ้าสาวสีแดงเข้ม นี่มิใช่ขบวนแต่งงานหรอกหรือ?“ท่านโหวทำเกินไปแล้ว ก่อนนี้เขาออกรบอยู่ภายนอก หากมิได้ท่านดูแลฮูหยินผู้เฒ่า ไฉนเลยเขาจะสามารถออกรบอย่างสบายใจได้? บัดนี้กลับมาอย่างยากลำบาก เขาถึงขั้นตบแต่งฉินซวงซวงเป็นภรรยาหลวงลำดับเดียวกันในวันแต่งงาน ไม่บอกกล่าวแม้คำเดียว เห็นได้ชัดว่ากำลังรังแกคุณหนู!”เฉินเซียงยิ่งพูดยิ่งโมโห บัดนี้เกี้ยวเจ้าสาวทั้งสองหลังหยุดอ
ซ่งรัวเจินถามไล่เรียงกระแทกลงไป กระแทกเสียจนสีหน้าหลินจือเยว่เผือดซีด หวุดหวิดจะเป็นลมหมดสติไปแล้วเหตุใดนางกล้าพูดเรื่องเหล่านี้ออกมาต่อหน้าคนมากมายเพียงนี้!“เรื่องนี้ก็ไม่ซื่อสัตย์จริงใจจริงนั่นล่ะ ได้ยินมาว่าหลินโหวและฉินซวงซวงมีใจปฏิพัทธ์ต่อกันมาตั้งแต่แรกแล้ว สองปีก่อนฉินซวงซวงไม่ยอมแต่งกับเขา นี่เขาถึงตกลงหมั้นหมายกับสกุลซ่ง ใครเคยคิดเล่าว่าทำความดีความชอบกลับมา ฉินซวงซวงกลับยอมแต่งกับเขาแล้ว ดังนั้นจึงคิดทำเช่นนี้ จุ๊ ๆ ...”“แม่นางสกุลซ่งไม่กลายเป็นตัวโง่งมไปแล้วหรือ?”ความทุ่มเทตลอดสองปีสูญเปล่าไปแล้ว เย็บชุดเจ้าสาวให้ผู้อื่นสวม ได้รับความทุกข์อย่างแสนสาหัสแต่ยังต้องกลั้นก้อนสะอื้น นี่ใครยังสามารถทนได้กันเล่า?“พี่หญิง อย่าโมโหไปเลย”ฉินซวงซวงก้าวเท้าฉับไวขึ้นมา มิอาจข่มความแปลกใจภายในใจเอาไว้ได้เห็นได้ชัดว่าซ่งรั่วเจินเป็นพลับอ่อนให้คนบดขยี้ แต่งเข้าบ้านพร้อมกันก็เป็นนางและจือเยว่ร่วมกันวางแผน แม้นางไม่ยอมแต่ก็ต้องกล้ำกลืนฝืนรับปาก ไม่โวยวายใหญ่โตอันใดใครคาดคิดนางถึงขั้นเปิดผ้าคลุมหน้าลงจากเกี้ยวเจ้าสาว โวยวายอยู่ที่หน้าประตูเช่นนี้?“ล้วนเป็นความผิดของซวงซวง ท่าน
ซ่งรั่วเจินหลุบดวงตาคู่งามลงเล็กน้อย สตรีนั้นก็มักแบกรับแรงกดดันอันใหญ่หลวงมาแต่ไหนแต่ไร โดยเฉพาะเมื่อแต่งเข้าสู่เชื้อพระวงศ์ สิ่งที่ต้องแบกรับคือเกียรติยศของตระกูลทั้งตระกูล คิดไปแล้ว สกุลเจียงนำทุกสิ่งทุกอย่างมาสนับสนุนองค์ชายใหญ่ อย่างไรเสียก็เป็นบุตรสายตรง ความเป็นไปได้ที่จะช่วงชิงราชบัลลังก์ในภายหน้าไม่น้อยเลยทีเดียว ฉู่มู่เหยาตกอยู่ในความเงียบ นางเติบโตในพระราชวัง แท้จริงแล้วก็เห็นเล่ห์กลลับลวงที่มิอาจเปิดเผยเหล่านั้นมาไม่น้อย เพียงแต่เสด็จแม่ปกป้องนางเอาไว้เป็นอย่างดีมาโดยตลอด แม้นจะพบพานปัญหาใด ๆ ก็ไม่เคยทำให้นางต้องเป็นทุกข์เลย บัดนี้เมื่อเห็นสถานการณ์ของพี่สะใภ้ใหญ่เช่นนี้ นางก็รู้สึกว่าตนช่างอยู่ในความสุขโดยมิรู้คุณค่าของความสุขนั้นเสียเลย เจียงฉิงหลานเมื่อเห็นว่าเจียงลู่เสวี่ยมิได้ปฏิเสธตรง ๆ ก็พลันปลื้มปีติอยู่ในใจ “ท่านพี่ แท้จริงแล้วที่ข้ามาบอกท่านก่อนนั้น ก็เพราะหวังดีต่อท่าน” “ท่านก็รู้ดีถึงอุปนิสัยของท่านพ่อ เรื่องใดที่เขาตัดสินแล้ว ใครก็มิกล้าโต้แย้ง พวกเรามีใจผูกพันกันที่สุดมาแต่เยาว์ ข้าเองก็มิประสงค์ให้ท่านถูกตำหนิยามกลับไป ด้วยเหตุนี้ข้าจ
ฉู่มู่เหยมองดูท่าทางพี่สะใภ้ของตน แล้วอดรู้สึกขันมิได้ “พี่สะใภ้ หากเป็นสตรีทั่วไป ที่กำลังจะแต่งเข้าเชื้อพระวงศ์ ย่อมต้องทำความเข้าใจเหตุการณ์เหล่านี้ให้กระจ่างถ้วนถี่เป็นแน่” “หาใช่เพียงแต่เรื่องเสด็จพี่ไม่ เรื่องขององค์ชายและพระชายาอื่น ๆ ย่อมต้องรู้แจ้งเป็นแน่ แต่ดูเจ้าสิ แม้แต่เจียงลู่เสวี่ยเป็นผู้ใด เจ้าก็มิรู้” ซ่งรั่วเจิน “...” นอกจากคนที่สนิทแล้ว นางก็มิได้ใส่ใจเรื่องอื่นมาตั้งแต่ไหนแต่ไร “หรือว่าจะเป็นพระชายาของเซียวอ๋อง ผู้เป็นองค์ชายใหญ่?” ซ่งรั่วเจินคาดเดาออกมา แม้นางจะมิรู้จักเจียงลู่เสวี่ย แต่ดูจากอายุแล้ว ก็คงเป็นพระชายาขององค์ชายใหญ่หรือองค์ชายรอง แต่เช่ออ๋อง องค์ชายรอง บัดนี้หาได้มีพระชายาไม่ เช่นนั้น ความเป็นไปได้มากที่สุดก็คือองค์ชายใหญ่ “ถูกต้อง ก็คือพี่สะใภ้ใหญ่” ฉู่มู่เหยาพยักหน้าเล็กน้อย “ก่อนหน้านี้ก็ได้ยินข่าวนี้มาแล้ว แต่ก่อนเคยพบเจียงฉิงหลานมิใช่แค่เพียงคราเดียว นางเป็นผู้ที่ชอบพึ่งบารมีผู้สูงศักดิ์” “แท้จริงแล้วข้ารู้สึกว่า ต้นตระกูลของนางก็มีอยู่เพียงเท่านั้น ปรารถนาจะแต่งเข้าตระกูลดีมิแปลก เพียงแต่นางกลับหมายตาพี่เขยของตน
ฉู่มู่เหยาอดมิได้ที่จะใฝ่ฝัน นางรู้สึกว่าไม่ว่าจะเสด็จพี่สามหรือเสด็จพี่ห้าล้วนดีทั้งคู่ ก่อนหน้านี้ เสิ่นหวยอันก็สุภาพอ่อนโยนและถ่อมตนต่อหน้านาง นางเคยคิดมาโดยตลอดว่าเขาเป็นสุภาพชนผู้เที่ยงธรรม บัดนี้ เมื่อนางเห็นสิ่งที่เขากระทำลับหลังทั้งหมดนี้ ก็เพียงรู้สึกรังเกียจเป็นอย่างยิ่ง “เดิมทีข้ายังรังเกียจซ่งปี้อวิ๋นอยู่ บัดนี้กลับรู้สึกว่านางก็น่าสงสารอยู่ไม่น้อย แต่งกับบุรุษเช่นนี้ ยังจะหวังสิ่งใดได้อีกเล่า?” ทั้งสองเอ่ยพลางก้าวเข้าไปในร้านค้า แม้ในพระราชวังจะพระราชทานรางวัลมามิใช่น้อย จวนอ๋องยิ่งเตรียมการไว้อย่างพิถีพิถันในทุกที่ แม้แต่ผ้านวมก็ยังเตรียมไว้หลายชุด แต่ในเมื่อคิดจะจัดแต่งห้องใหม่ สิ่งของที่ต้องเติมแต่งก็มีไม่น้อย ซ่งรั่วเจินมองแท่นฝนหมึกในร้านค้า และกำลังจะหยิบมาดู ก็ถูกฉู่มู่เหยาลากไปด้านข้าง “ชู่” ฉู่มู่เหยาชูนิ้วหนึ่งขึ้นแตะบนริมฝีปาก ส่งสัญญาณให้นางอย่าได้เอ่ยวาจา ระหว่างคิ้วของซ่งรั่วเจินฉายแววประหลาดใจวูบหนึ่ง มองตามสายตาของฉู่มู่เหยาไป ก็เห็นสตรีสองนางอยู่เบื้องหน้า หนึ่งในนั้นแต่งกายงดงามตระการ ใบหน้าอ่อนหวานละมุน เพียงเห็นการ
ในขณะที่ฉู่มู่เหยาพร้อมพรรคพวกทั้งสี่คนกำลังเดินอยู่บนถนนในเมืองหลวง ก็บังเอิญเจอกับเสิ่นหวยอันที่เพิ่งไปตามหมอมา ในชั่วขณะที่ทั้งสองได้พบกัน ใบหน้าของเสิ่นหวยอันก็ฉายแววตื่นตะลึงวูบหนึ่ง แต่เมื่อนึกย้อนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้า ก็ประหนึ่งว่าเข้าใจขึ้นมาโดยถ่องแท้ ตลอดทางนี้ เขาค่อย ๆ สงบสติอารมณ์ลง ก่อนจะตระหนักได้ว่าสถานการณ์มีบางอย่างไม่ชอบมาพากล ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ได้มีนัดหมายว่าจะพบกับองค์หญิงแล้ว แต่เขากลับมิได้เห็นแม้แต่หน้าขององค์หญิง ราวกับว่าถูกคนตีจนหมดสติ ครั้นเมื่อตื่นขึ้นอีกครั้งก็อยู่บนตั่งเดียวกับซ่งปี้อวิ๋นแล้ว อีกทั้งยังมีคนของทางการมาตามหาอีก “มู่เหยา ข้าจริงใจต่อท่าน ไยท่านต้องทำเช่นนี้ต่อข้า?” เสิ่นหวยอันรีบพุ่งเข้ามาอย่างเร่งร้อน พลันเอ่ยถามด้วยความคั่งแค้น ทั้ง ๆ ที่แต่ก่อนพวกเขายังมีใจตรงกันผูกพันมั่น ทั้งที่กำลังไปได้ด้วยดี ไฉนกลับกลายเป็นเช่นนี้? นางถึงขั้นมิยอมให้โอกาสเขาได้เอ่ยอธิบายแจ้งชัดเลยสักครั้ง ก็ลงมือกับเขาอย่างเหี้ยมเกรียมถึงเพียงนี้! วันนี้เมื่อเรื่องนี้เกิดขึ้น ชื่อเสียงของเขาย่อมยับเยินเป็นแน่แท้ หากเด็กใ
“ผ่านมาพอดี เห็นว่าเกิดเรื่องครึกครื้นขึ้นจึงมาจิบชาชมความครึกครื้นดูสักหน่อย”ฉู่จวินถิงให้ซ่งรั่วเจินนั่งลงก่อน เขาค่อยนั่งลงข้างกายนางซ่งจิ่งเซินมองน้องสาวของตนเอง บอกว่าบังเอิญ เขาไม่ค่อยจะเชื่อนัก แต่ถ้าบอกว่าน้องสาวตนเองทำนายเรื่องนี้ออกมาได้ เขากลับรู้สึกว่ามีความเป็นไปได้ข้อนี้อยู่“พี่สะใภ้ คำพูดเมื่อครู่ของท่านหมายความว่าอย่างไรหรือ?” ฉู่มู่เหยาออกจะสนใจใคร่รู้ รู้สึกว่าคำพูดของพี่สะใภ้มักฟังดูลึกลับเสมอซ่งรั่วเจินยิ้มพราย กล่าวอย่างเปิดเผยว่า “เด็กบางคนอยู่ในท้องก็สามารถสัมผัสได้ถึงความรักของคนเป็นพ่อแม่ เด็กทุกคนล้วนหวังว่าจะได้ถือกำเนิดมาท่ามกลางความตั้งตารอคอยของพ่อแม่”“ถ้าความรู้สึกของเด็กคนนี้เฉียบไว ทั้งยังสัมผัสได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่ไม่ดี กระทั่งว่าการเกิดของเขายังไม่เป็นที่ตั้งตารอคอยนัก เขาก็จะเลือกจากไป”“ไม่รู้ว่าเจ้าเคยได้ยินหรือไม่ ขณะที่ผู้หญิงตั้งครรภ์ สามีไม่ควรทะเลาะกับนางบ่อยๆ หากทะเลาะกันรุนแรงเกินไป เป็นไปได้มากว่าอาจสูญเสียลูกน้อยไปได้ นี่เป็นเพราะสรรพสิ่งล้วนมีจิตวิญญาณ”ฉู่มู่เหยาเบิกตาโพลง “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ก่อนหน้านี้ข้าก็เคยได้ย
“คุณพระช่วย เจ้าชอบเดรัจฉานเช่นนี้หรือนี่ ทั้งที่รู้ว่าเจ้าตั้งครรภ์แล้ว แต่ก็ยังทำแบบนี้กับเจ้า เขามันไม่ใช่คนแล้ว!”ชั่วขณะนี้นายหญิงซ่งแสนจะตกตะลึงพรึงเพริด นางชี้หน้าเสิ่นหวยอันพลางตวาดเสียงแหลม “เสือร้ายยังไม่กินลูกตัวเอง ถ้าเจ้ายังเป็นคนอยู่ก็คงไม่ทำเรื่องต่ำช้าพรรค์นี้ออกมาหรอก!”หลี่ซื่อก็ตกตะลึงเช่นกัน นางมองไปทางลูกชายตนเองโดยสัญชาตญาณ ดวงตาเต็มไปด้วยแววสอบถามซ่งปี้อวิ๋นตั้งท้องลูกของเขา?“จะ…จะเป็นแบบนั้นได้อย่างไร?” เสิ่นหวยอันจิตใจว้าวุ่นสับสน เขานึกว่าซ่งปี้อวิ๋นเสแสร้งเอาเสียอีก แต่เลือดตามเนื้อตัวน่ากลัวยิ่งนัก เป็นไปไม่ได้ที่จะเสแสร้งแกล้งทำ“เจ้าท้องแล้ว ทำไมถึงไม่บอกให้เร็วกว่านี้? ถ้าบอกข้าเร็วกว่านี้ ข้าก็คงไม่ผลักเจ้า”“เจ้ายังไม่รีบหุบปากอีก!” นายหญิงซ่งคำรามสุดเสียง “รีบไปตามหมอมาเร็วเข้า!”ใครก็คิดไม่ถึงว่าการจับคนผิดประเวณีวันนี้จะเลยเถิดมาถึงขั้นนี้ ตอนเริ่มแรกยังนึกว่าเสิ่นหวยอันวางแผนคิดไม่ซื่อเสียอีก ต่อมาจึงทราบว่าคนทั้งสองลักลอบมีสัมพันธ์กันมานานแล้ว ที่คิดไม่ถึงยิ่งกว่านั้นก็คือ หลังจากความวุ่นวายทั้งหมดนี้ กระทั่งว่าลูกน้อยก็ยังมีแล้ว“เสิ่นหวย
เสิ่นหวยอันสีหน้าดำคล้ำ กล่าวว่า “เจ้าเลิกโวยวายได้แล้ว!”“ข้าจะตีผู้ชายใจโลเลอย่างท่านให้ตายซะ ท่านทำเช่นนี้กับข้าได้อย่างไร ท่านทำกันเกินไปแล้วนะ!”“ไปให้พ้น!” เสิ่นหวยอันสะบัดมือด้วยความหัวเสีย ซ่งปี้อวิ๋นสูญเสียสมดุล ทั้งตัวคนล้มฟาดโต๊ะอย่างหนักหน่วง บริเวณท้องชนเข้ากับมุมแหลมของโต๊ะเข้าพอดี“โอ๊ย...”ซ่งปี้อวิ๋นกุมท้องร้องครวญ ทรุดลงบนพื้นเผยสีหน้าเจ็บปวดออกมาเสิ่นหวยอันเห็นว่าซ่งปี้อวิ๋นแค่ล้มลงไปเท่านั้นก็แสร้งทำเหมือนเจ็บปวดเหลือกำลัง แววตาเต็มไปด้วยความเยาะเย้ยถากถาง“เจ้าช่างเสแสร้งเก่งจริงๆ ข้าถูกตีตั้งนานก็ยังไม่พูดอะไร เจ้าแค่ล้มนิดหน่อยก็ร้องเสียขนาดนี้?”ซ่งปี้อวิ๋นกลับเจ็บปวดยิ่งนัก “หวยอัน ข้าเจ็บมากจริงๆ นะ รีบไปเรียกหมอมาให้ข้าเร็วเข้า”“อยากหาหมอเจ้าไปหาเอง ข้าไม่เชื่อมารยาสาไถยของเจ้าหรอก!” เสิ่นหวยอันรังเกียจยิ่งนัก เขารับรู้ความสามารถในการเสแสร้งแกล้งมารยาของซ่งปี้อวิ๋นมานานแล้วตอนแรกเขายังนึกว่าแม่นางผู้นี้อ่อนโยนมีจิตใจดีงามจริงๆ เสียอีก แต่บัดนี้หลังจากผ่านอะไรมามากมาย เขาก็ดูออกแล้วว่าทั้งหมดนั้นล้วนแต่เป็นการเสแสร้ง!ธาตุแท้นางจิตใจชั่วร้าย เพื่อใ
“ให้พวกเขาแต่งงานกัน?”นายหญิงซ่งมองท่าทางไม่แยแสที่ราวกับไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใดของหลี่ซื่อ กระทั่งว่าท่าทางยังแลดูฝืนใจอยู่บ้างก็ยิ่งโมโหหนักกว่าเดิม“พูดก็ง่ายสิ ตอนนี้เรื่องกลายเป็นเช่นนี้แล้ว เจ้ากลับพูดง่ายๆ ว่าให้แต่งงานกัน ตอนนี้ชื่อเสียงลูกสาวข้าเป็นอย่างไรไปแล้ว เจ้ายังไม่รู้อีกงั้นรึ?”หลี่ซื่อเห็นว่าตนเองก็รับปากว่าจะให้พวกเขาแต่งงานกันแล้ว นายหญิงซ่งกลับยังไม่ยอมลดราวาศอก สีหน้ายิ่งไม่น่ามองกว่าเดิม “แล้วเจ้าจะเอายังไง? เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นแล้ว จะโทษหวยอันคนเดียวไม่ได้หรอกนะ ถ้าไม่ใช่เพราะลูกสาวเจ้าไม่รักนวลสงวนตัวเอง จะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นงั้นรึ?”“เจ้าว่าอะไรนะ? เจ้าแน่จริงลองพูดอีกครั้งซิ” นายหญิงซ่งโมโหสุดขีด “ถ้าไม่ใช่เพราะลูกชายเจ้ามาหลอกลวงลูกสาวข้า เด็กสาวที่บริสุทธิ์ผุดผ่องคนหนึ่งแบบลูกสาวข้าจะทำเรื่องพรรค์นี้ออกมาได้อย่างไร?”“ทำไมจะไม่ได้? ก่อนหน้านี้ก็เป็นลูกสาวเจ้าที่รบเร้าให้ลูกชายข้าเปิดร้าน พร่ำพูดว่าเปิดร้านปิ้งย่างแล้วจะทำเงินได้เป็นกอบเป็นกำ วันหน้านางก็จะกลายเป็นฮูหยินน้อยของร้าน”“ตอนนี้เปิดร้านแล้ว ลูกชายข้าลงเงินไปตั้งมากมาย ทั้งยังเปิดร้านตามที่
“ข้าได้ยินว่าซ่งปี้อวิ๋นกับเสิ่นหวยอันลักลอบมีสัมพันธ์กันมานานแล้ว ก่อนหน้านี้ก็เคยมีคนเห็น แต่ไม่รู้ว่าเหตุใดจึงไม่ยอมรับมาโดยตลอด ตอนนี้ดีนัก อยากไม่ยอมรับก็ยากแล้ว”ระหว่างที่คุยกันอยู่ก็พลันมีเสียงกรีดร้องและเสียงด่าทอดังมาจากด้านล่าง“สารเลว หน็อยแน่เจ้าเสิ่นหวยอัน กล้าดีอย่างไรมาย่ำยีลูกสาวข้าแบบนี้ วันนี้ข้าจะถลกหนังเจ้าซะ!”หลังจากที่นายหญิงซ่งทราบว่าเกิดเรื่องกับลูกสาวตนเองก็เร่งรุดมา ใครเลยจะคาดคิดว่าพอมาถึงแล้วกลับต้องมาพบสถานการณ์เช่นนี้ สายตาที่ทุกคนมองนางล้วนเจือแววเยาะเย้ยถากถาง“ข้าจะฆ่าเจ้าซะ! ตีคนสารเลวอย่างเจ้าเสียให้ตาย!”เสิ่นหวยอันเพิ่งสวมกางเกงก็ถูกนายหญิงซ่งตามมาทุบตีจึงรีบวิ่งหนีอุตลุดอยู่ในห้องยามนั้น หลี่ซื่อแม่เล็กมารดาบังเกิดเกล้าของเสิ่นหวยอันก็รุดมาแล้วเช่นกัน นางย่อมรู้เรื่องระหว่างซ่งปี้อวิ๋นและเสิ่นหวยอันจึงรีบร้อนห้ามปรามว่า “อย่าตีๆ มีอะไรก็พูดกันดีๆ เจ้าตีเด็กให้มันได้อะไรขึ้นมา?”“ลูกชายเจ้าทำเรื่องงามหน้าเช่นนี้ ทำลายชื่อเสียงของลูกสาวข้า เจ้ายังมีหน้ามาพูดแบบนี้อีกรึ?”นายหญิงซ่งโมโหยิ่งนัก รู้สึกเพียงว่าเสิ่นหวยอันสมกับเป็นลูกที่อนุภรรยา