공유

บทที่ 2

작가: จี้เวยเวย
ซ่งรัวเจินถามไล่เรียงกระแทกลงไป กระแทกเสียจนสีหน้าหลินจือเยว่เผือดซีด หวุดหวิดจะเป็นลมหมดสติไปแล้ว

เหตุใดนางกล้าพูดเรื่องเหล่านี้ออกมาต่อหน้าคนมากมายเพียงนี้!

“เรื่องนี้ก็ไม่ซื่อสัตย์จริงใจจริงนั่นล่ะ ได้ยินมาว่าหลินโหวและฉินซวงซวงมีใจปฏิพัทธ์ต่อกันมาตั้งแต่แรกแล้ว สองปีก่อนฉินซวงซวงไม่ยอมแต่งกับเขา นี่เขาถึงตกลงหมั้นหมายกับสกุลซ่ง ใครเคยคิดเล่าว่าทำความดีความชอบกลับมา ฉินซวงซวงกลับยอมแต่งกับเขาแล้ว ดังนั้นจึงคิดทำเช่นนี้ จุ๊ ๆ ...”

“แม่นางสกุลซ่งไม่กลายเป็นตัวโง่งมไปแล้วหรือ?”

ความทุ่มเทตลอดสองปีสูญเปล่าไปแล้ว เย็บชุดเจ้าสาวให้ผู้อื่นสวม ได้รับความทุกข์อย่างแสนสาหัสแต่ยังต้องกลั้นก้อนสะอื้น นี่ใครยังสามารถทนได้กันเล่า?

“พี่หญิง อย่าโมโหไปเลย”

ฉินซวงซวงก้าวเท้าฉับไวขึ้นมา มิอาจข่มความแปลกใจภายในใจเอาไว้ได้

เห็นได้ชัดว่าซ่งรั่วเจินเป็นพลับอ่อนให้คนบดขยี้ แต่งเข้าบ้านพร้อมกันก็เป็นนางและจือเยว่ร่วมกันวางแผน แม้นางไม่ยอมแต่ก็ต้องกล้ำกลืนฝืนรับปาก ไม่โวยวายใหญ่โตอันใด

ใครคาดคิดนางถึงขั้นเปิดผ้าคลุมหน้าลงจากเกี้ยวเจ้าสาว โวยวายอยู่ที่หน้าประตูเช่นนี้?

“ล้วนเป็นความผิดของซวงซวง ท่านอย่าโมโหเลย แม้เป็นภรรยาศักดิ์เทียมกัน ท่านและท่านโหวมีสัญญาหมั้นหมายก่อน ข้าก็ต้องล้วนเชื่อฟังพี่หญิงในทุกด้าน ทั้งหมดล้วนเคารพพี่หญิง”

“ข้ารักท่านโหวด้วยใจจริง ครานั้นเพราะครอบครัวไม่เห็นด้วย จึงไม่สามารถอยู่ร่วมกับท่านโหวได้...”

ฉินซวงซวงพูดไปก็ตาแดงระเรื่อ คล้ายโศกเศร้าเหลือหลาย ร้องไห้สะอึกสะอื้นซับหางตา “หากพี่หญิงไม่เห็นด้วย ข้ายินดีเป็นอนุ ขอท่านอย่าขุ่นเคืองท่านโหวเลย”

“ซวงซวง ข้าจะให้เจ้าเป็นอนุได้อย่างไรกัน?”

หลินจือเยว่เห็นฉินซวงซวงทุกข์ใจถึงเพียงนี้ ภายในก้นบึ้งของสายตาเปี่ยมความปวดใจ “ครานั้นหากมิใช่ครอบครัวเจ้าไม่เห็นด้วย พวกเราก็แต่งงานกันตั้งแต่แรกแล้ว!”

ซ่งรั่วเจินมองฉากรักหวานซึ้งตรงหน้า ปรบมืออย่างสุดระงับ “แสดงได้ยอดเยี่ยมยิ่งนัก!”

“เจ้าทำอันใด?” หลินจือเยว่ถามอย่างรำคาญ

ซ่งรั่วเจินยกมุมปากน้อยๆ “สองปีก่อนท่านเป็นฝ่ายสู่ขอข้า มิใช่ข้าต้องแต่งกับท่านให้ได้ เดิมทีครอบครัวข้าก็ไม่เห็นด้วย เป็นท่านที่คุกเข่าหน้าจวนสกุลซ่งของข้าถึงสองวัน”

“เห็นแก่ความจริงใจของท่าน ฮูหยินผู้เฒ่าพูดรับปากว่าจะดูแลข้าอย่างดิบดี ท่านพ่อท่านแม่ข้าจึงตอบตกลง เหตุใดบัดนี้ทำคล้ายข้ามาตียวนยาวทำลายความรักผู้อื่นกันเล่า?”

“ในเมื่อพวกเจ้ารักกันหวานซึ้งเพียงนี้ ข้าเองก็ไม่ขอเป็นคนชั่วทำลายงานแต่งแล้ว”

“ข้าทำให้พวกเจ้าสมปรารถนาแล้ว งานแต่งนี้ก็ขอให้จบลงเพียงเท่านี้ พี่หญิงน้องหญิงอะไร ดูแล้วอายุเจ้ามากยิ่งกว่าข้าอีกนะ ไฉนเลยจะให้เจ้าเรียกข้าว่าพี่หญิงได้?”

“เจ้าไม่ต้องร้องไห้พูดพร่ำยอมถอยยอมหลีกทางอีก ข้ายกตำแหน่งฮูหยินจวนนี้ให้เจ้าแล้ว”

ซ่งรั่วเจินยิ้มดูเบาทีหนึ่ง นางไม่คิดมอบสินเดิมให้ชายหลายใจหรอกนะ

ในเมื่อทั้งสองคนมีใจปฏิพัทธ์ต่อกัน เหตุใดต้องทำร้ายเจ้าของร่างเดิมด้วยเล่า?

ฉินซวงซวงเองก็ตกตะลึงเพราะการเปลี่ยนแปลงนี้ มิใช่ว่าซ่งรั่วเจินต้องฝืนตอบตกลง ชนิดที่ว่าให้นางเป็นอนุก็ยอมหรอกหรือ?

นางถึงขั้นถอนหมั้น?

นางจะกล้าถอนหมั้นได้อย่างไร!

“พี่หญิง ปีนี้ท่านก็ยี่สิบแล้ว ผ่านช่วงวัยแต่งงานมาแล้ว หากถอนหมั้น น่าจะออกเรือนไม่ได้แล้วกระมัง?”

“เรื่องของข้ายังไม่ต้องให้เจ้าใส่ใจ ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าอายุมากกว่าข้า เจ้ายังสามารถแต่งออกเรือนได้ ข้ามีอันใดให้กังวลกัน?”

ซ่งรั่วเจินเพ่งพิศฉินซวงซวงขึ้นลงแวบหนึ่ง ภายในสายตาหญิงผู้นี้ล้วนแต่คืออุบาย เพียงมองผ่านใบหน้าแวบเดียวก็เห็นแค่ผลประโยชน์ เจ้าเล่ห์เพทุบาย ไร้น้ำใจไร้คุณธรรม เหมาะสมกับหลินจือเยว่ยิ่งนัก

ทั้งสองคนอยู่ร่วมกัน โชตชะตาของจวนโหวที่ดีขึ้นมาอย่างยากลำบากตลอดสองปีนี้จะต้องถูกทำลายอย่างรวดเร็วเป็นแน่

แน่นอน มีนางอยู่ อย่าหวังว่าโชคชะตาของจวนโหวจะดีเลย!

“ซ่งรั่วเจิน เจ้าต้องคิดให้ดี หากวันนี้เจ้าถอนหมั้นแล้ว ก็อย่าได้คิดว่าจะมีโอกาสเข้าจวนโหวอีก!”

สีหน้าหลินจือเยว่แข็งทื่อดุจเหล็ก เขาไม่เชื่อว่าซ่งรั่วเจินจะมีความกล้านี้ ถอนหมั้นในวันแต่งงาน เล่าลือออกไปชื่อเสียงนางก็จบสิ้นแล้ว!

“ใครเสียดายกัน?”

“ดี คำนี้เป็นเจ้าพูดเอง เจ้าอย่าเสียใจภายหลัง!”

“พวกเราก็ถอนหมั้นกันแล้ว อย่าได้ข้องเกี่ยวกันอีก!”

“ช้าก่อน” ซ่งรั่วเจินเปิดปากแล้ว

ภายในสายตาหลินจือเยว่สะท้อนความลำพองใจวูบหนึ่ง ก็รู้ว่าซ่งรั่วเจินมิอาจหักใจจากเขา!

“บัดนี้เจ้านึกเสียใจภายหลังแล้ว...”

ยังไม่ทันพูดจบก็ถูกซ่งรั่วเจินเอ่ยขัดขึ้น “งานแต่งก็ยกเลิกแล้ว แต่จวนโหวกินของข้าใช้ของข้า เครื่องยศสตรีที่ท่านสู่ขอแม่นางฉิน เกี้ยวเจ้าสาว และอีกหลายอย่างล้วนใช้เงินของข้ากระมัง?”

“จวนโหวเตรียมงานมงคล ตกแต่งจัดงานเลี้ยง ล้วนเป็นจวนสกุลซ่งออกค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น ก่อนนี้ท่านกับข้าแต่งงานกัน ข้าย่อมไม่ถือสา บัดนี้ยกเลิกงานแต่งแล้ว ยังคิดใช้เงินของข้าแต่งหญิงอื่นเข้าจวน เกรงว่าจะไม่เหมาะสมกระมัง?”

ถ้อยคำนี้พูดออกไป สายตาทุกคนในงานที่ทอดมองทางหลินจือเยว่ล้วนเปลี่ยนไปแล้ว

“แม้หลินโหวทำความดีความชอบ แต่ยามฝ่าบาทพระราชทานรางวัลเขากลับปฏิเสธรับเงินทองทั้งหมดเพื่อแสดงความภักดี ข้ายังคิดว่าเขาซื่อสัตย์จงรักภักดีเสียอีก ที่แท้ก็ใช้เงินของสกุลซ่งมาโดยตลอดกระนั้นหรือ?”

ตลอดสองปีมานี้จวนหลินโหวอาศัยเงินสกุลซ่งมาโดยตลอด เดิมทีคิดว่าหลินจือเยว่ได้รับยศถาบรรดาศักดิ์พรั่งพร้อมสมบัติพัสถานกลับมาจะคืนเงินเป็นร้อยเท่า ไม่คาดคิดเลยว่าจะใช้เงินของสกุลซ่ง ทั้งยังพูดจาองอาจผ่าเผยเช่นนี้?

สีหน้าหลินจือเยว่แข็งทื่อ เขาไหนเลยจะคาดคิดว่าคนสุภาพนุ่มนวลอย่างซ่งรั่วเจินจะฉีกหน้าเขาต่อหน้าทุกคนเช่นนี้ คิดคำนวณหนี้เก่าต่อหน้าธารกำนัล นี่เห็นได้ชัดว่าไม่ไว้หน้าเขาเลยแม้แต่น้อย!

เหตุใดจึงอำมหิตถึงเพียงนี้?

“ก่อนนี้เป็นเจ้าต้องการช่วยข้า ข้าปฏิเสธหลายครั้งก็ไม่เป็นผล บัดนี้เจ้าถึงขั้นคิดบัญชีกับข้า?”

“เจ้าวางใจเถิด ข้าจะต้องคืนเงินให้เจ้าไม่ขาดไปแม้ตำลึงเดียว!”

“หวังว่าท่านโหวจะพูดจริงทำจริง” ซ่งรั่วเจินปรบมือ กระซิบข้างหูเฉินเซียง “ไปตามพี่สามของข้ามา ให้เขาพาคนมามากหน่อย”

“เจ้าค่ะ คุณหนู”

“ฟังให้ดี บัดนี้จงเข้าไปยกของของข้าในจวนโหวออกมา วันนี้ท่านโหวอยู่จวนพอดี จงคำนวณบัญชีให้ชัดเจน!”

สายตาซ่งรั่วเจินเบือนมองขบวนต้อนรับเจ้าสาวของฉินซวงซวง “เงินค่าจ้างของพวกเจ้าก็เป็นข้าจ่ายกระมัง? ในเมื่อเป็นคนของข้า บัดนี้ก็ไปยกของ ไม่ไปก็อย่าหวังจะได้ค่าจ้างจากข้า”

สีหน้าฉินซวงซวงเปลี่ยนไปแล้ว หากแม้แต่พวกเขาก็ไปทั้งหมดแล้ว เช่นนั้นศักดิ์ศรีตนเองจะยังมีอยู่อีกหรือ?

“จือเยว่ นี่จะทำอย่างไรดี?”

“ซ่งรั่วเจิน เจ้าจะต้องก่อความวุ่นวายที่งานแต่งในวันนี้ให้ได้เลยกระนั้นหรือ?”

ดวงหน้างดงามพริ้มเพราของซ่งรั่วเจินเผยแววฉงน “ท่านโหวพูดผิดไปแล้ว นี่จะเรียกว่าก่อความวุ่นวายได้อย่างไร? ข้าเพียงต้องการรีบคิดบัญชีให้ชัดเจนโดยเร็วก็เท่านั้น”

“เชื่อว่าแม่นางฉินต้องมอบสินเดิมให้ท่านโหวเป็นแน่ ก็ไม่หวังให้ทุกหนแห่งในจวนโหวล้วนมีของของข้าหรอกกระมัง? ทุกคืนพวกท่านนอนบนเตียงที่ข้าซื้อ ห่มผ้าที่ข้าซื้อ เหมาะสมแล้วหรือ?”

ถ้อยคำนี้พูดออกมา ยังไม่ต้องพูดถึงฉินซวงซวง แม้แต่หลินจือเยว่เองก็กระวนกระวายแล้ว

“ใช่แล้ว กำไลมรกตที่แม่นางฉินสวมเป็นสินเดิมที่ท่านแม่ข้ามอบให้ข้า ก็สมควรคืนให้ข้าใช่หรือไม่?”

ฉินซวงซวงชะงักงัน ก่อนจะพูด “กำไลนี้เป็นท่านโหวมอบให้ข้า จะเป็นสินเดิมของเจ้าได้อย่างไร?”

“โอ้? เช่นนั้นมิสู้เจ้าถามท่านโหว ซื้อกำไลนี้มาจากที่ใดราคาเท่าใด มีใบเสร็จหรือไม่? สินเดิมที่ท่านแม่มอบให้ข้า ข้างบนยังแกะสลักชื่อของข้าเอาไว้ด้วย”

หลินจือเยว่หน้าเปลี่ยนสีในทันทีทันใด เขาพบกำไลนี้ในคลังเก็บของ คิดได้ว่าซวงซวงชอบกำไลหยกมากที่สุด มิหนำซ้ำชิ้นนี้ยังคุณภาพยอดเยี่ยม จึงนำไปมอบให้นาง เดิมทีคิดว่าเป็นของซ่งรั่วเจินก็ไม่เป็นไร ถือเป็นของขวัญแรกพบที่นางมอบให้ซวงซวงก็ใช้ได้แล้ว

ไม่คาดคิด...ข้างบนถึงขั้นสลักชื่อของนางไว้แล้ว?
이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요
댓글 (2)
goodnovel comment avatar
Pavinee
เรื่องน่าติดตาม
goodnovel comment avatar
Suthida Pornjamroen
สนใจอ่านต่อ
댓글 모두 보기

최신 챕터

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1354

    “ตอนนั้นข้าได้ยินแล้วก็รู้สึกไม่สบอารมณ์ เกือบทะเลาะต่อยตีกับสวีปินคนนั้น แต่ฟ่านหัวหรงห้ามไว้”สีหน้าคุณชายใหญ่สกุลลู่เคร่งขรึมลงไป “มิน่าเล่า คนดีย่อมคบคนดี คนชั่วย่อมคบคนชั่ว คบหากับคนชั่วกลุ่มนี้ เขาจะดีได้อย่างไร?”“เมื่อแรกเจ้าสมควรต่อยตีพวกเขาแรงๆ สักที หลังกลับมาแล้วก็แจ้งพวกเรา สวีปินไอ้ชั่วคนนั้นข้าเองก็รู้จัก ไม่ใช่คนดีอะไร!”ลู่เป่ยชวนพยักหน้า บัดนี้เขานึกเสียใจภายหลังหากรู้แต่แรกว่าจะเป็นเช่นนี้ เมื่อแรกก็ควรให้ความสำคัญต่อเรื่องนี้ เอ่ยเตือนพี่หญิงไม่ให้ฟ่านหัวหรงไปอยู่รวมกับคนชั่วเหล่านี้ นี่ก็เกิดเรื่องไม่ผิดไปดังคาดทุกคนได้เห็นฟ่านหัวหรงรีบเข้ามาอย่างว่องไวฟ่านหัวหรงคิดไม่ถึงเลยว่าเพียงมาถึงก็จะได้พบการต้อนรับยิ่งใหญ่เช่นนี้ ความกังวลทวีคูณยิ่งขึ้น“หัวหรงคารวะท่านย่า ท่านพ่อ ท่านแม่”ใต้เท้าลู่มองเขาด้วยสีหน้าเย็นชาแวบหนึ่ง ภายในสายตาเปี่ยมความเยาะหยัน “ฟ่านโหวงานยุ่ง ถึงขั้นมีเวลามาที่สกุลลู่ของพวกเรากระนั้นรึ?”“ท่านพ่อ ลูกเขยไม่เข้าใจความนัยของท่าน”ฟ่านหัวหรงเผยสีหน้าจริงใจ “ลูกเขยได้รับคำสั่งให้ไปทำธุระที่คูเมืองอื่น วันนี้เพิ่งกลับถึงเมืองหลวง ได้ยิ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1353

    “ไอ้สารเลวคนนั้นถึงขั้นกล้ามา?”ใต้เท้าลู่ได้ยินข่าวการมาของฟ่านหัวหรงแล้ว สีหน้าเย็นชาลงไป“มาแล้วก็ดี ประเดี๋ยวฉิงเสวี่ยเห็นแล้วเขาจะไม่สบอารมณ์ ไม่สู้รีบตัดให้ขาดไป ให้เขาเขียนหนังสือหย่า แยกย้ายจากไปด้วยดี!”ลู่ฮูหยินพยักหน้าเห็นด้วย “ก่อนหน้านี้สาบานต่อหน้าพวกเรา จะดีต่อฉิงเสวี่ย ปรากฏว่าลับหลังกลับทำเรื่องพรรค์นี้ นางแพศยาคนนั้นตั้งครรภ์ลูกของเขาแล้ว ยังคิดจะหลอกฉิงเสวี่ยไปตลอด!”“ข้ารู้สึกไม่คุ้มค่าแทนฉิงเสวี่ยจริงๆ เมื่อแรกทั้งๆ ที่เลือกคุณชายน้อยสกุลต้วนไว้ให้ฉิงเสวี่ย แต่เขาตามตอแยไม่เลิกรา”“แต่งงานได้เพียงไม่นานก็เลิกทะนุถนอมแล้ว คำพูดของผู้ชายไม่น่าเชื่อถือจริงๆ!”เพียงสิ้นเสียงของลู่ฮูหยิน ใต้เท้าลู่และลูกชายสองสามคนของสกุลลู่ต่างมองหน้ากัน ครู่ต่อมาอยากอธิบาย แต่นึกถึงอารมณ์ของลู่ฮูหยิน แต่ละคนล้วนเลือกจะเงียบปากลง“เพราะฉิงเสวี่ยไม่ตั้งครรภ์มาโดยตลอด จึงรู้สึกผิดต่อเขาอยู่ในใจ เพื่อรักษาอาการป่วย แต่ไหนแต่ไรมาไม่รู้นางกินน้ำแกงยาไปมากน้อยเพียงใด”“ข้าที่เป็นแม่ล้วนเห็นอยู่ในสายตา ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อแรกฉิงเสวี่ยรู้สึกผิดต่อเขา ยังคิดเสนอให้เขารับอนุจิตใจดีมาคนหนึ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1352

    “เกิดเรื่องใดขึ้น?” ฟ่านหัวหรงขมวดคิ้วเอ่ยถาม“ท่านโหว ฮูหยินแท้งขอรับ”ฟ่านหัวหรงเบิกตากว้าง ใบหน้าเปี่ยมความเหลือจะเชื่อ “อะไรนะ?”“เมื่อหลายวันก่อนตอนฮูหยินไปเดินเล่นกับฮูหยินน้อยสกุลเมิ่งไม่ทันระวังลื่นตกบันได ตอนนั้นสกุลลู่เชิญหมอหลวงมา ทุ่มเทไปไม่น้อยถึงสามารถรักษาเด็กเอาไว้ได้”“คิดไม่ถึงเลยว่าจู่ๆ วันนี้ก็เกิดความเปลี่ยนแปลง หมอหลวงรับมือไม่ทัน ไม่อาจรักษาเด็กเอาไว้ได้ขอรับ”พ่อบ้านเผยสีหน้าเจ็บปวดระคนเสียดาย เขารู้ท่านโหวและฮูหยินเฝ้ารอลูกคนนี้มากเพียงใดแต่งงานกันมาหลายปีในที่สุดก็ท้องแล้ว กลับตายไปเช่นนี้ ใครจะสามารถยอมรับได้เล่า?“ฮูหยินตั้งครรภ์ตั้งแต่ยามใด?”ฟ่านหัวหรงตึงเครียดขึ้นมา ต่อให้เขาจากไประยะหนึ่ง แต่ก็ไม่ถึงครึ่งเดือน เหตุใดก่อนหน้านี้ไม่ได้ยินฉิงเสวี่ยพูดเรื่องตั้งครรภ์เลยเล่า?“ฮูหยินตั้งครรภ์ได้สองเดือนแล้ว ท่านโหวไม่รู้หรือขอรับ?”คราวนี้คนงุนงงกลับกลายเป็นพ่อบ้าน ก่อนหน้านี้ทั้งๆ ที่ฮูหยินเชิญหมอมาตรวจแล้ว เพราะคนไม่ค่อยสบาย ไม่อยากอาหารมาโดยตลอดจนกระทั่งได้ยินว่ามีข่าวดี ฮูหยินดีใจอย่างมาก ต่อมาฮูหยินตั้งใจสั่งคนเตรียมมื้อเย็นอู้ฟู่ อีกทั้งยัง

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1351

    ภายในสายตาชุยอิงเอ๋อร์สะท้อนไอแค้น นางไม่รู้ว่าลู่ฉิงเสวี่ยคนนั้นมีดีอันใด ก็แค่ชาติกำเนิดสูงศักดิ์อยู่บ้างไม่ใช่หรือ?เว้นเสียแต่เรื่องนี้ นางไม่มีแม้แต่ความใจกว้างอันเป็นพื้นฐานของนายหญิง ทั้งๆ ที่แต่งงานกันมาหลายปีแล้วกลับยังไม่อาจตั้งครรภ์ ยังขอให้หัวหรงครองคู่กับนางไปชั่วชีวิตอีกด้วยหญิงริษยาเช่นนี้ควรถูกหย่า แต่หัวหรงกลับปกป้องนางอยู่ตลอดทว่า...ต่อให้ปกป้องลู่ฉิงเสวี่ยแล้วอย่างไร?ตอนนี้นางตั้งครรภ์เลือดเนื้อของฟ่านหัวหรง รอเด็กคนนี้คลอดออกมา นางไม่เชื่อหรอกว่าตนเองจะเข้าประตูใหญ่ของสกุลฟ่านไม่ได้!ยิ่งไปกว่านั้น ฟ่านหัวหรงคิดว่าเขาปกปิดไว้ดีมากแล้ว แท้จริงแล้วลู่ฉิงเสวี่ยรับรู้การมีตัวตนของนางตั้งนานแล้วหญิงคนนั้นภายนอกสง่างาม ท่าทางสูงศักดิ์และไม่ต่อสู้แย่งชิง ไม่รู้ว่าบัดนี้หลบไปร้องไห้จนกลายเป็นเช่นไรแล้ว!ถึงตอนนั้นลูกของนางสืบทอดกิจการของสกุลฟ่าน ต่อให้นางเข้าบ้านได้เป็นเพียงอนุ แต่ด้วยฝีมือของนาง จะต้องสง่างามยิ่งกว่านายหญิงที่ไม่อาจคลอดลูกได้อย่างนางแน่!คิดได้ดังนี้ ชุยอิงเอ๋อร์หัวเราะออกมา ยกมือโอบคอของฟ่านหัวหรง เป็นฝ่ายมอบริมฝีปากหอมให้“ขอเพียงภายในใจท่าน

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1350

    จากนั้นฮูหยินผู้เฒ่าลู่ ลู่ฮูหยินไปจนถึงลู่ฉิงเสวี่ยได้รู้ข่าวนี้ ภายในใจรู้สึกตกตะลึง“พวกเขาถึงขั้นกลับมาแล้ว?” ลู่ฮูหยินหรี่ตาลง พูดด้วยความโมโห “วันนี้ข้าจะหักขาไอ้สารเลวคนนั้น!”“เจ้าอย่าเพิ่งวู่วาม ฟังความเห็นของฉิงเสวี่ยก่อน”ฮูหยินผู้เฒ่าลู่เห็นท่าทางโมโหจะไปตีคนด้วยตนเองของลูกสะใภ้ ภายในสายตาสะท้อนความระอาลูกสะใภ้คนนี้ดีไปหมดทุกอย่าง ก็แค่วู่วาม ต่อให้เป็นนายหญิงสกุลลู่มาหลายปีเพียงนี้ อุปนิสัยกลับไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิดลู่ฮูหยินหันหน้ามองทางลู่ฉิงเสวี่ยแล้วถามว่า “ฉิงเสวี่ย เจ้าคิดเห็นเช่นไร?”“ข้าอยากฉวยโอกาสในวันนี้หย่ากับพวกเขา ให้ทุกคนช่วยข้าปิดบังข่าวลูกในท้อง ให้เขาคิดว่าไม่มีเด็กคนนี้เจ้าค่ะ”สีหน้าลู่ฉิงเสวี่ยเผือดซีด สายตากลับมุ่งมั่น นางไม่อยากอดทนอีกต่อไปแล้วอันที่จริงนับตั้งแต่ได้รู้ว่าถูกหักหลัง นางก็ไม่เคยคิดจะกลับมาคืนดีกัน เพียงแต่เพราะความรู้สึกผูกพันตลอดหลายปีที่ผ่านมา จึงไม่อาจตัดขาดได้ในทันทีดังนั้นนางจึงใช้เวลาระยะหนึ่ง มองดูเขาหลอกตนเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า มองดูฟ่านหัวหรงคอยตีสองหน้าอยู่ระหว่างพวกเขาทั้งสอง ในที่สุดตอนนี้นางก็ตัดใจได้อย่างสมบูรณ์แล้

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1349

    ลู่เป่ยชวนดูสีหน้าที่เปลี่ยนไปของมารดาตน รู้สึกเอือมระอาอย่างอดไม่ได้เขาคุ้นชินกับท่าทางเช่นนี้ของมารดาตนแล้ว แต่พี่สะใภ้อาจยังไม่คุ้นชินกระมังจากนั้น ซ่งรั่วเจินกลับพูดราวกับมีศัตรูคนเดียวกันก็มิปาน “ท่านป้า ข้าคิดว่าท่านพูดถูกแล้ว ชายใจทรามลืมบุญคุณคนพรรค์นี้ สมควรสั่งสอนดีๆ จะปล่อยให้เขามีจุดจบที่ดีไม่ได้เป็นอันขาดเจ้าค่ะ!”“หากไม่ใช่เพราะเขา ญาติผู้พี่ก็ไม่ต้องลำบาก เขาไม่เพียงหลอกญาติผู้พี่ ยังทำผิดต่อความเชื่อใจที่พวกท่านมอบให้เขาอีกด้วยเจ้าค่ะ”“ยิ่งไม่ต้องพูดว่าเสด็จพ่อให้เขาออกไปทำงานราชการ เขากลับพาสาวงามไปด้วย เห็นได้ชัดว่าไม่ว่าทำงานหรือเป็นคนดีก็ทำไม่ได้!”ลู่ฮูหยินคิดไม่ถึงเลยว่าซ่งรั่วเจินจะพูดจาเช่นนี้ ตอนแรกชะงักไป ต่อมาใบหน้าเผยรอยยิ้ม“เจินเอ๋อร์ ก่อนหน้านี้ป้าได้พบเจ้าไม่บ่อยนัก คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะเป็นแม่นางฉลาดมากคนหนึ่ง”“ครั้งนี้ขอบคุณเจ้าที่ช่วยญาติผู้พี่เจ้า ข้าไม่รู้จะตอบแทนเจ้าเช่นไร พอดีสองวันนี้ข้าได้โสมร้อยปีมา เจ้าเอากลับไปบำรุงร่างกายดีๆ เถอะ”ลู่ฮูหยินคิดว่าเมื่อครู่เห็นซ่งรั่วเจินรักษาอาการป่วยให้ฉิงเสวี่ย สีหน้ากลายเป็นขาวซีด มองออกว่าเสีย

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status