แชร์

บทที่ 2

ผู้เขียน: จี้เวยเวย
ซ่งรัวเจินถามไล่เรียงกระแทกลงไป กระแทกเสียจนสีหน้าหลินจือเยว่เผือดซีด หวุดหวิดจะเป็นลมหมดสติไปแล้ว

เหตุใดนางกล้าพูดเรื่องเหล่านี้ออกมาต่อหน้าคนมากมายเพียงนี้!

“เรื่องนี้ก็ไม่ซื่อสัตย์จริงใจจริงนั่นล่ะ ได้ยินมาว่าหลินโหวและฉินซวงซวงมีใจปฏิพัทธ์ต่อกันมาตั้งแต่แรกแล้ว สองปีก่อนฉินซวงซวงไม่ยอมแต่งกับเขา นี่เขาถึงตกลงหมั้นหมายกับสกุลซ่ง ใครเคยคิดเล่าว่าทำความดีความชอบกลับมา ฉินซวงซวงกลับยอมแต่งกับเขาแล้ว ดังนั้นจึงคิดทำเช่นนี้ จุ๊ ๆ ...”

“แม่นางสกุลซ่งไม่กลายเป็นตัวโง่งมไปแล้วหรือ?”

ความทุ่มเทตลอดสองปีสูญเปล่าไปแล้ว เย็บชุดเจ้าสาวให้ผู้อื่นสวม ได้รับความทุกข์อย่างแสนสาหัสแต่ยังต้องกลั้นก้อนสะอื้น นี่ใครยังสามารถทนได้กันเล่า?

“พี่หญิง อย่าโมโหไปเลย”

ฉินซวงซวงก้าวเท้าฉับไวขึ้นมา มิอาจข่มความแปลกใจภายในใจเอาไว้ได้

เห็นได้ชัดว่าซ่งรั่วเจินเป็นพลับอ่อนให้คนบดขยี้ แต่งเข้าบ้านพร้อมกันก็เป็นนางและจือเยว่ร่วมกันวางแผน แม้นางไม่ยอมแต่ก็ต้องกล้ำกลืนฝืนรับปาก ไม่โวยวายใหญ่โตอันใด

ใครคาดคิดนางถึงขั้นเปิดผ้าคลุมหน้าลงจากเกี้ยวเจ้าสาว โวยวายอยู่ที่หน้าประตูเช่นนี้?

“ล้วนเป็นความผิดของซวงซวง ท่านอย่าโมโหเลย แม้เป็นภรรยาศักดิ์เทียมกัน ท่านและท่านโหวมีสัญญาหมั้นหมายก่อน ข้าก็ต้องล้วนเชื่อฟังพี่หญิงในทุกด้าน ทั้งหมดล้วนเคารพพี่หญิง”

“ข้ารักท่านโหวด้วยใจจริง ครานั้นเพราะครอบครัวไม่เห็นด้วย จึงไม่สามารถอยู่ร่วมกับท่านโหวได้...”

ฉินซวงซวงพูดไปก็ตาแดงระเรื่อ คล้ายโศกเศร้าเหลือหลาย ร้องไห้สะอึกสะอื้นซับหางตา “หากพี่หญิงไม่เห็นด้วย ข้ายินดีเป็นอนุ ขอท่านอย่าขุ่นเคืองท่านโหวเลย”

“ซวงซวง ข้าจะให้เจ้าเป็นอนุได้อย่างไรกัน?”

หลินจือเยว่เห็นฉินซวงซวงทุกข์ใจถึงเพียงนี้ ภายในก้นบึ้งของสายตาเปี่ยมความปวดใจ “ครานั้นหากมิใช่ครอบครัวเจ้าไม่เห็นด้วย พวกเราก็แต่งงานกันตั้งแต่แรกแล้ว!”

ซ่งรั่วเจินมองฉากรักหวานซึ้งตรงหน้า ปรบมืออย่างสุดระงับ “แสดงได้ยอดเยี่ยมยิ่งนัก!”

“เจ้าทำอันใด?” หลินจือเยว่ถามอย่างรำคาญ

ซ่งรั่วเจินยกมุมปากน้อยๆ “สองปีก่อนท่านเป็นฝ่ายสู่ขอข้า มิใช่ข้าต้องแต่งกับท่านให้ได้ เดิมทีครอบครัวข้าก็ไม่เห็นด้วย เป็นท่านที่คุกเข่าหน้าจวนสกุลซ่งของข้าถึงสองวัน”

“เห็นแก่ความจริงใจของท่าน ฮูหยินผู้เฒ่าพูดรับปากว่าจะดูแลข้าอย่างดิบดี ท่านพ่อท่านแม่ข้าจึงตอบตกลง เหตุใดบัดนี้ทำคล้ายข้ามาตียวนยาวทำลายความรักผู้อื่นกันเล่า?”

“ในเมื่อพวกเจ้ารักกันหวานซึ้งเพียงนี้ ข้าเองก็ไม่ขอเป็นคนชั่วทำลายงานแต่งแล้ว”

“ข้าทำให้พวกเจ้าสมปรารถนาแล้ว งานแต่งนี้ก็ขอให้จบลงเพียงเท่านี้ พี่หญิงน้องหญิงอะไร ดูแล้วอายุเจ้ามากยิ่งกว่าข้าอีกนะ ไฉนเลยจะให้เจ้าเรียกข้าว่าพี่หญิงได้?”

“เจ้าไม่ต้องร้องไห้พูดพร่ำยอมถอยยอมหลีกทางอีก ข้ายกตำแหน่งฮูหยินจวนนี้ให้เจ้าแล้ว”

ซ่งรั่วเจินยิ้มดูเบาทีหนึ่ง นางไม่คิดมอบสินเดิมให้ชายหลายใจหรอกนะ

ในเมื่อทั้งสองคนมีใจปฏิพัทธ์ต่อกัน เหตุใดต้องทำร้ายเจ้าของร่างเดิมด้วยเล่า?

ฉินซวงซวงเองก็ตกตะลึงเพราะการเปลี่ยนแปลงนี้ มิใช่ว่าซ่งรั่วเจินต้องฝืนตอบตกลง ชนิดที่ว่าให้นางเป็นอนุก็ยอมหรอกหรือ?

นางถึงขั้นถอนหมั้น?

นางจะกล้าถอนหมั้นได้อย่างไร!

“พี่หญิง ปีนี้ท่านก็ยี่สิบแล้ว ผ่านช่วงวัยแต่งงานมาแล้ว หากถอนหมั้น น่าจะออกเรือนไม่ได้แล้วกระมัง?”

“เรื่องของข้ายังไม่ต้องให้เจ้าใส่ใจ ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าอายุมากกว่าข้า เจ้ายังสามารถแต่งออกเรือนได้ ข้ามีอันใดให้กังวลกัน?”

ซ่งรั่วเจินเพ่งพิศฉินซวงซวงขึ้นลงแวบหนึ่ง ภายในสายตาหญิงผู้นี้ล้วนแต่คืออุบาย เพียงมองผ่านใบหน้าแวบเดียวก็เห็นแค่ผลประโยชน์ เจ้าเล่ห์เพทุบาย ไร้น้ำใจไร้คุณธรรม เหมาะสมกับหลินจือเยว่ยิ่งนัก

ทั้งสองคนอยู่ร่วมกัน โชตชะตาของจวนโหวที่ดีขึ้นมาอย่างยากลำบากตลอดสองปีนี้จะต้องถูกทำลายอย่างรวดเร็วเป็นแน่

แน่นอน มีนางอยู่ อย่าหวังว่าโชคชะตาของจวนโหวจะดีเลย!

“ซ่งรั่วเจิน เจ้าต้องคิดให้ดี หากวันนี้เจ้าถอนหมั้นแล้ว ก็อย่าได้คิดว่าจะมีโอกาสเข้าจวนโหวอีก!”

สีหน้าหลินจือเยว่แข็งทื่อดุจเหล็ก เขาไม่เชื่อว่าซ่งรั่วเจินจะมีความกล้านี้ ถอนหมั้นในวันแต่งงาน เล่าลือออกไปชื่อเสียงนางก็จบสิ้นแล้ว!

“ใครเสียดายกัน?”

“ดี คำนี้เป็นเจ้าพูดเอง เจ้าอย่าเสียใจภายหลัง!”

“พวกเราก็ถอนหมั้นกันแล้ว อย่าได้ข้องเกี่ยวกันอีก!”

“ช้าก่อน” ซ่งรั่วเจินเปิดปากแล้ว

ภายในสายตาหลินจือเยว่สะท้อนความลำพองใจวูบหนึ่ง ก็รู้ว่าซ่งรั่วเจินมิอาจหักใจจากเขา!

“บัดนี้เจ้านึกเสียใจภายหลังแล้ว...”

ยังไม่ทันพูดจบก็ถูกซ่งรั่วเจินเอ่ยขัดขึ้น “งานแต่งก็ยกเลิกแล้ว แต่จวนโหวกินของข้าใช้ของข้า เครื่องยศสตรีที่ท่านสู่ขอแม่นางฉิน เกี้ยวเจ้าสาว และอีกหลายอย่างล้วนใช้เงินของข้ากระมัง?”

“จวนโหวเตรียมงานมงคล ตกแต่งจัดงานเลี้ยง ล้วนเป็นจวนสกุลซ่งออกค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น ก่อนนี้ท่านกับข้าแต่งงานกัน ข้าย่อมไม่ถือสา บัดนี้ยกเลิกงานแต่งแล้ว ยังคิดใช้เงินของข้าแต่งหญิงอื่นเข้าจวน เกรงว่าจะไม่เหมาะสมกระมัง?”

ถ้อยคำนี้พูดออกไป สายตาทุกคนในงานที่ทอดมองทางหลินจือเยว่ล้วนเปลี่ยนไปแล้ว

“แม้หลินโหวทำความดีความชอบ แต่ยามฝ่าบาทพระราชทานรางวัลเขากลับปฏิเสธรับเงินทองทั้งหมดเพื่อแสดงความภักดี ข้ายังคิดว่าเขาซื่อสัตย์จงรักภักดีเสียอีก ที่แท้ก็ใช้เงินของสกุลซ่งมาโดยตลอดกระนั้นหรือ?”

ตลอดสองปีมานี้จวนหลินโหวอาศัยเงินสกุลซ่งมาโดยตลอด เดิมทีคิดว่าหลินจือเยว่ได้รับยศถาบรรดาศักดิ์พรั่งพร้อมสมบัติพัสถานกลับมาจะคืนเงินเป็นร้อยเท่า ไม่คาดคิดเลยว่าจะใช้เงินของสกุลซ่ง ทั้งยังพูดจาองอาจผ่าเผยเช่นนี้?

สีหน้าหลินจือเยว่แข็งทื่อ เขาไหนเลยจะคาดคิดว่าคนสุภาพนุ่มนวลอย่างซ่งรั่วเจินจะฉีกหน้าเขาต่อหน้าทุกคนเช่นนี้ คิดคำนวณหนี้เก่าต่อหน้าธารกำนัล นี่เห็นได้ชัดว่าไม่ไว้หน้าเขาเลยแม้แต่น้อย!

เหตุใดจึงอำมหิตถึงเพียงนี้?

“ก่อนนี้เป็นเจ้าต้องการช่วยข้า ข้าปฏิเสธหลายครั้งก็ไม่เป็นผล บัดนี้เจ้าถึงขั้นคิดบัญชีกับข้า?”

“เจ้าวางใจเถิด ข้าจะต้องคืนเงินให้เจ้าไม่ขาดไปแม้ตำลึงเดียว!”

“หวังว่าท่านโหวจะพูดจริงทำจริง” ซ่งรั่วเจินปรบมือ กระซิบข้างหูเฉินเซียง “ไปตามพี่สามของข้ามา ให้เขาพาคนมามากหน่อย”

“เจ้าค่ะ คุณหนู”

“ฟังให้ดี บัดนี้จงเข้าไปยกของของข้าในจวนโหวออกมา วันนี้ท่านโหวอยู่จวนพอดี จงคำนวณบัญชีให้ชัดเจน!”

สายตาซ่งรั่วเจินเบือนมองขบวนต้อนรับเจ้าสาวของฉินซวงซวง “เงินค่าจ้างของพวกเจ้าก็เป็นข้าจ่ายกระมัง? ในเมื่อเป็นคนของข้า บัดนี้ก็ไปยกของ ไม่ไปก็อย่าหวังจะได้ค่าจ้างจากข้า”

สีหน้าฉินซวงซวงเปลี่ยนไปแล้ว หากแม้แต่พวกเขาก็ไปทั้งหมดแล้ว เช่นนั้นศักดิ์ศรีตนเองจะยังมีอยู่อีกหรือ?

“จือเยว่ นี่จะทำอย่างไรดี?”

“ซ่งรั่วเจิน เจ้าจะต้องก่อความวุ่นวายที่งานแต่งในวันนี้ให้ได้เลยกระนั้นหรือ?”

ดวงหน้างดงามพริ้มเพราของซ่งรั่วเจินเผยแววฉงน “ท่านโหวพูดผิดไปแล้ว นี่จะเรียกว่าก่อความวุ่นวายได้อย่างไร? ข้าเพียงต้องการรีบคิดบัญชีให้ชัดเจนโดยเร็วก็เท่านั้น”

“เชื่อว่าแม่นางฉินต้องมอบสินเดิมให้ท่านโหวเป็นแน่ ก็ไม่หวังให้ทุกหนแห่งในจวนโหวล้วนมีของของข้าหรอกกระมัง? ทุกคืนพวกท่านนอนบนเตียงที่ข้าซื้อ ห่มผ้าที่ข้าซื้อ เหมาะสมแล้วหรือ?”

ถ้อยคำนี้พูดออกมา ยังไม่ต้องพูดถึงฉินซวงซวง แม้แต่หลินจือเยว่เองก็กระวนกระวายแล้ว

“ใช่แล้ว กำไลมรกตที่แม่นางฉินสวมเป็นสินเดิมที่ท่านแม่ข้ามอบให้ข้า ก็สมควรคืนให้ข้าใช่หรือไม่?”

ฉินซวงซวงชะงักงัน ก่อนจะพูด “กำไลนี้เป็นท่านโหวมอบให้ข้า จะเป็นสินเดิมของเจ้าได้อย่างไร?”

“โอ้? เช่นนั้นมิสู้เจ้าถามท่านโหว ซื้อกำไลนี้มาจากที่ใดราคาเท่าใด มีใบเสร็จหรือไม่? สินเดิมที่ท่านแม่มอบให้ข้า ข้างบนยังแกะสลักชื่อของข้าเอาไว้ด้วย”

หลินจือเยว่หน้าเปลี่ยนสีในทันทีทันใด เขาพบกำไลนี้ในคลังเก็บของ คิดได้ว่าซวงซวงชอบกำไลหยกมากที่สุด มิหนำซ้ำชิ้นนี้ยังคุณภาพยอดเยี่ยม จึงนำไปมอบให้นาง เดิมทีคิดว่าเป็นของซ่งรั่วเจินก็ไม่เป็นไร ถือเป็นของขวัญแรกพบที่นางมอบให้ซวงซวงก็ใช้ได้แล้ว

ไม่คาดคิด...ข้างบนถึงขั้นสลักชื่อของนางไว้แล้ว?
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (2)
goodnovel comment avatar
Pavinee
เรื่องน่าติดตาม
goodnovel comment avatar
Suthida Pornjamroen
สนใจอ่านต่อ
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทล่าสุด

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1602

    “เรื่องวันนี้หากไม่ใช่เพราะเจ้าจงใจหาเรื่องใส่ตัว เรื่องราวก็คงไม่มาถึงจุดนี้ อัครเสนาบดีเดิมทีควรจะเป็นกำลังช่วยเหลือของข้า บัดนี้ทุกอย่างถูกเจ้าทำลายหมดสิ้นในคราวเดียวแล้ว!”เหลียงอ๋องคิดถึงความอัปยศที่ได้รับในห้องทรงพระอักษรวันนี้ ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะนางสตรีผู้นี้ประทานให้ เขาอยากบีบคอนางให้ตายไปเสียพ้น ๆ!หลายปีที่ผ่านมา เขาเก็บซ่อนกรงเล็บมาตลอด เพื่อรอวันจะได้ทำให้ผู้คนทั้งใต้หล้าได้ตื่นตะลึงบัดนี้เมื่อปีกของเขาแข็งแรงขึ้น จนเริ่มมีตัวตนโดดเด่นในสายพระเนตรของเสด็จพ่อแล้ว แต่เพราะตัวถ่วงชิ้นนี้ทำให้เขาตกอยู่ในภาพพจน์เลวร้ายตั้งแต่เริ่มต้นเขาเข้าใจเสด็จพ่อของตนเองดี สีพระพักตร์ในวันนี้ ชัดเจนว่าทรงล่วงรู้บางสิ่งแล้ว!ฉีชิงอีรับรู้ถึงความอึดอัดจากการขาดอากาศหายใจอันน่าสะพรึงกลัว โดยเฉพาะตอนที่สายตาสบเข้ากับนัยน์ตาที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายอาฆาตคู่นั้น นางรู้สึกหวาดกลัวเสียยิ่งกว่าตอนที่ถูกถังเสวี่ยหนิงกรีดหน้าในคุกเสียอีกสองมือของนางพยายามแกะมือของเหลียงอ๋องออก ในใจพลันตระหนักได้ถึงความร้ายแรงของเรื่องราวที่ผ่านมานางไม่เคยคิดเลยว่าท่านอ๋องของตนเองที่ร่างกายอ่อนแอเจ็บป่วยง่ายจะม

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1601

    ซ่งรั่วเจินพร้อมคนอื่นเข้าใจแจ่มแจ้งทันที ดูเหมือนว่าในท้องพระโรงเองก็เกิดความปั่นป่วนขึ้นไม่น้อยกู้ฮวนเอ๋อร์อดสงสัยไม่ได้ “ข้าได้ยินว่าอัครเสนาบดีถังสุขุมรอบคอบและระมัดระวังมาตลอด ตลอดหลายปีที่ผ่านมาไม่เคยปรากฏช่องโหว่ร้ายแรงใด ๆ มาก่อน เป็นขุนนางซื่อสัตย์ที่ใครต่างก็ชื่นชม”“แต่มาตอนนี้กลับเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น หรือว่า…ภายในเองก็มีปัญหาเช่นกัน?”ฉู่อวิ๋นกุยเหลือบสายตามองพวกฉู่จวินถิงสองคนด้านข้าง เข้าใจแจ่มแจ้งแล้วเช่นกันมิน่าเล่าก่อนหน้านี้พวกเขาสองคนถึงได้นิ่งสงบไม่สะทกสะท้านถึงเพียงนั้น เสด็จพี่ไม่เคยทำศึกใดโดยไม่เตรียมการล่วงหน้า ต้องเป็นเพราะเตรียมการทุกอย่างไว้เสร็จสรรพแล้วอย่างแน่นอน“ฮวนเอ๋อร์ เจ้าจงไปกำชับห้องเครื่อง เย็นนี้ปรุงอาหารรสเลิศให้มากหน่อย จะได้รั้งเสด็จพี่และพี่สะใภ้ให้ร่วมโต๊ะรับประทานสำรับเย็นพร้อมกัน” ฉู่อวิ๋นกุยเอ่ยพร้อมรอยยิ้มฮวนเอ๋อร์พยักหน้ารับ “เพคะ หม่อมฉันจะไปเองเดี๋ยวนี้”เห็นกู้ฮวนเอ๋อร์ออกไปแล้ว ฉู่อวิ๋นกุยถึงจะเอ่ยขึ้นว่า “วันนี้เกิดเรื่องใหญ่เช่นนี้ขึ้น คงลือกันทั่วเมืองหลวงแล้ว”“ก่อนหน้านี้ข้าไม่เคยเห็นเหลียงอ๋องในสายตา จนบัดนี้เพิ่งตร

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1600

    ผู้คุมเหล่านั้นเข้าใจในทันที และหนึ่งในนั้นก็กุมท้องของตนเองและกล่าวว่า “ท้องของข้าเจ็บปวดนัก พวกเจ้ารีบพาข้าไปหาหมอก่อนเถิด”“ได้ ๆ ๆ รีบพาเขาไปหาหมอเร็ว!”......ซ่งรั่วเจินกำลังรอฟังข่าวอยู่ที่เรือนกับกู้ฮวนเอ๋อร์ อีกทั้งยังให้ไป๋จื่อไปซื้ออาหารมาให้อีกด้วย“ญาติผู้พี่ ข้าก็มิรู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น หลังจากที่ตั้งครรภ์ จู่ ๆ ก็อยากกินนั่นกินนี่อยู่ร่ำไป ไม่กินก็ไม่ได้”กู้ฮวนเอ๋อร์เขินอายเล็กน้อย แม้ว่าปกตินางจะช่างกินอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ถึงขั้นตะกละตะกลามเช่นนี้เริ่มตั้งแต่ไม่กี่วันมานี้ นางก็ช่างกินมากขึ้นเรื่อย ๆ แม้แต่ของที่ไม่ชอบกินก่อนหน้านี้ จู่ ๆ ก็เปลี่ยนเป็นเอร็ดอร่อยขึ้นมาทันตา“ไหนเลยจะเป็นเจ้าที่อยากกิน เป็นเด็กในท้องที่อยากกินต่างหาก”ซ่งรั่วเจินหัวเราะเบา ๆ “อยากกินอะไร ก็ต้องให้เขาลองชิมดู”กู้ฮวนเอ๋อร์ก็หัวเราะเช่นกัน “ท่านอ๋องก็พูดเช่นนี้เหมือนกัน ญาติผู้พี่ พวกท่านปฏิบัติต่อข้าดีเหลือเกิน”“เจ้าเป็นถึงพระชายาอวิ๋นอ๋อง อาหารชั้นเลิศอะไรที่กินไม่ได้บ้างเล่า? ขอเพียงแค่เจ้าชื่นชอบ ก็สั่งให้คนไปซื้อมาให้ก็พอ แต่ก็อย่ากินมากเกินไป ประเดี๋ยวจะไม่สบายเอาได้”

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1599

    “ใครกันจะมีเวลาว่างมาโกหกเจ้า? นี่เป็นข่าวจากในพระราชวัง เจ้าอย่าคิดเพ้อฝันกลับไปจวนอัครเสนาบดีอีกเลย!”“สร้างบาปสร้างกรรมเองแท้ ๆ อยู่ดีไม่ว่าดีไปผลักพระชายาอวิ๋นอ๋องเข้า ตอนนี้เป็นอย่างไรเล่า ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว มีจุดจบเช่นนี้ก็เพราะหาเรื่องใส่ตัวเองทั้งนั้น!”“ประตูจวนเหลียงอ๋องก็มิอาจเข้าได้อีกแล้ว ต่อไปเกรงว่าคงเป็นได้แค่สาวแก่ผู้หนึ่งเท่านั้น ข้าว่าท่าทางอำนาจบาตรใหญ่ หยิ่งยโสเช่นนี้ จะต้องผิดใจกับใครหลายคนเป็นแน่”“เมื่อได้เข้าพระราชวังจะมีคนสั่งสอนนางเอง และคาดว่าคงจะอยู่รอดได้อีกไม่นาน”บรรดาผู้คุมต่างมองหน้ากัน ถังเสวี่ยหนิงถูกจับเข้ามาเป็นเวลาสั้น แต่พวกเขาได้เห็นเป็นประจักษ์แล้วว่าหญิงผู้นี้สร้างปัญหามากมายเพียงใดหากเข้าพระราชวังไปอยู่กองซักอาภรณ์ คนในนั้นเชี่ยวชาญในการปรับตัวไปตามสถานการณ์ เมื่อรู้ว่าถังเสวี่ยหนิงผิดใจกับคนมากมาย เกรงว่าหากมีคนสั่งแค่ไม่กี่คำ ก็มีหลากหลายวิธีที่จะทำให้ถังเสวี่ยหนิงตายได้เลยถังเสวี่ยหนิงส่ายหัวอย่างบ้าคลั่ง “ช่วงนี้ถึงแม้ว่าข้าจะทำให้ท่านพ่อโกรธก็จริง แต่ท่านพ่อมิอาจตัดขาดบุตรสาวอย่างข้าเป็นแน่!”“ตราบใดที่ท่านพ่อยังเป็น

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1598

    ซ่งรั่วเจิน กู้ฮวนเอ๋อร์ บัญชีแค้นนี้ยังไม่จบหรอก!“ถังเสวี่ยหนิง เจ้าอย่าได้ลำพองใจไปเลย! ข้าต้องถูกโบยสามสิบไม้แล้ว เรื่องที่เจ้าจะเข้าไปในจวนเหลียงอ๋องได้หรือไม่นั้นก็ค่อยว่ากันอีกที!”ฉีชิงอีเหลือบเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของถังเสวี่ยหนิง ภายในใจก็พลันเดือดดาล คาดไม่ถึงว่านังสารเลวผู้นี้จะยังกล้าหัวเราะเยาะนาง!ถังเสวี่ยหนิงหัวเราะเยาะเบา ๆ “ข้าเป็นคนของท่านอ๋องแล้ว เหตุใดถึงจะเข้าจวนอ๋องมิได้เล่า?”ท่านพ่อของนางเป็นถึงอัครเสนาบดี!ตราบใดที่นางมีสถานะขั้นนี้อยู่ เรื่องการแต่งงานครั้งนี้ย่อมไม่อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงได้!ฉีชิงอีก็เริ่มไม่แน่ใจ หากท่านอ๋องช่วยขอความเมตตาแทนนางจริง ๆ เหตุใดนางถึงยังถูกโบยอีกเล่า นี่คงจะมิใช่ว่าท่านอ๋องมิได้ทูลขอความเมตตาให้นางใช่หรือไม่?ด้วยนิสัยของเหลียงอ๋อง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ ย่อมทำให้เขาเดือดดาลเป็นอย่างยิ่ง ด้วยเหตุนี้จึงไม่แน่ว่าเขาจะตำหนินาง และอาจไม่ไปทูลขอความกรุณาต่อฮ่องเต้เพื่อลดโทษให้แก่นางถังเสวี่ยหนิงก็คิดถึงจุดนี้อยู่เหมือนกัน ภายในใจจึงแอบรู้สึกลำพองใจ“เดิมทีเรื่องราวในวันนี้ก็เป็นความผิดของเจ้าอยู่แล้ว เจ้าดึงดันที่จะก่อ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1597

    ในคุกหลวงฉีชิงอีกับถังเสวี่ยหนิงถูกขังไว้ในคุกเดียวกันถังเสวี่ยหนิงร้องโอดครวญไม่หยุด นางรู้สึกว่าก้นของตนเองถูกเฆี่ยนจนแตก ความเจ็บปวดอันรุนแรงถาโถมเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทั้งร่างของนางสั่นระริกด้วยความเจ็บปวด“พวกเจ้ารีบไปเชิญหมอมาเร็วเข้า!”“ท่านพ่อของข้าเป็นอัครเสนาบดี เขาได้เข้าพระราชวังเพื่อทูลขอความเมตตาแทนข้าแล้ว อีกไม่นานก็จะต้องปล่อยข้าออกไป หากข้าเกิดเป็นอะไรตอนที่อยู่ในคุก พวกเจ้าคงจะรับผลที่ตามมามิไหวเป็นแน่!”เพียงแต่ เมื่อเผชิญกับอำนาจคุกคามของถังเสวี่ยหนิง ผู้คุมกลับทำเป็นเหมือนไม่ได้ยิน และมิได้สนใจโดยสิ้นเชิงพวกเขาเป็นคนของฉู่อ๋อง คนที่ฉู่อ๋องสั่งให้จับนาง แล้วตอนนี้จะมาสั่งให้พวกเขาไปตามหมอมาให้นาง ช่างเพ้อฝันเสียจริง ๆ!ฉีชิงอีเห็นถังเสวี่ยหนิงเอะอะโวยวายไม่หยุด ก็อดจะรำคาญมิได้ “เจ้าหยุดโวยวายเสียทีได้หรือไม่? เจ้าไม่เห็นหรือว่าเรียกตั้งนานขนาดนี้ มีใครสนใจเจ้าบ้างเล่า?”ถังเสวี่ยหนิงเดือดดาลขึ้นมาทันที “หากมิใช่เพราะเจ้าจงใจผลักข้า ข้าจะไปผลักพระชายาอวิ๋นอ๋องได้อย่างไรกัน?!”“เรื่องราวในวันนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะเจ้าคิดใส่ร้ายข้า ทำให้ข้าถูกเฆี่ยนตี คา

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status