กิจการของร้านอวิ๋นหย่านับวันยิ่งคึกคักมากขึ้นเรื่อย ๆพวกซ่งรั่วเจินสามคนนั่งอยู่ไม่ไกลนัก ฟังสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจน“ความสามารถของคุณชายฉินดีเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด?” อวิ๋นเนี่ยนชูรู้สึกประหลาดใจอวิ๋นเฉิงเจ๋อขมวดคิ้ว “เรียงความนี้ไม่น่าจะเป็นฝีมือของฉินเซี่ยงเหิง แต่กลับเหมือนลักษณะการเขียนของ...สหายอี้อัน”ซ่งรั่วเจินย่อมรู้ดีว่านี่คือผลงานของพี่ชายคนรองของตน เดิมทีคิดว่าฉินเซี่ยงเหิงต้องการสร้างชื่อเสียงในการสอบฤดูใบไม้ผลิ แต่ไม่คาดคิดว่าเขาจะอดทนไม่ไหวถึงเพียงนี้เห็นท่าทางยโสโอหังเช่นนั้น ก็เป็นบุคลิกของเขาอย่างแท้จริงนางหวังให้ฉินเซี่ยงเหิงทำตัวหยิ่งผยองมากกว่านี้อีกสักหน่อย ตอนนี้ยิ่งเขายโสโอหังมากเท่าไร วันที่ความจริงถูกเปิดเผยก็จะยิ่งตกต่ำลงมากเท่านั้น“พี่หญิง ท่านมาทำอะไรที่นี่ หรือว่าถูกความสามารถของคุณชายฉินดึงดูดใจเสียแล้ว?”ดวงหน้าเล็กของอวิ๋นซีหว่านฉายแววประหลาดใจ นางยิ้มแล้วเดินเข้ามาใกล้ขึ้น เมื่อสายตาของนางตกอยู่บนตัวอวิ๋นเฉิงเจ๋อ แววตาลึกซึ้งพลันปรากฏขึ้น“ข้าได้ยินท่านพ่อบอกว่า แม่ใหญ่มีความคิดที่จะให้ท่านแต่งกับคุณชายฉิน ตอนแรกข้าก็ไม่เชื่อ แต่ตอนน
“ข้า...ข้าเพียงแค่บังเอิญมาที่ร้านอวิ๋นหย่าแล้วพบเข้าพอดีเท่านั้นเอง พี่หญิงต้องกล่าวคำให้แสลงใจถึงเพียงนี้ด้วยหรือ?”อวิ๋นซีหว่านเม้มริมฝีปาก พลางเบนสายตาไปหาอวิ๋นเฉิงเจ๋อ “พี่เฉิงเจ๋อ ท่านดูพี่หญิงสิ เหตุใดนางจึงคิดร้ายต่อข้าเช่นนี้?”อวิ๋นเฉิงเจ๋อวางถ้วยชาในมือลง สายตาเย็นชา “แล้วเจ้าพูดจาดีงั้นหรือ?”อวิ๋นซีหว่าน “...!”“ข้าเห็นว่าข้างกายพี่ฉินของเจ้านั้นเหมือนจะมีสตรีอื่นอยู่ด้วยนะ เจ้าจะไม่รีบไปดูหน่อยหรือ หากโดนผู้อื่นแย่งไปจะทำอย่างไร?”ซ่งรั่วเจินยิ้มน้อย ๆ สายตาจับจ้องไปยังจ้าวซูหว่านที่อยู่ไม่ไกล น่าสนุกจริง ๆ เลยเชียว!อวิ๋นซีหว่านหันมอง เมื่อเห็นจ้าวซูหว่านก็ขมวดคิ้วโดยพลัน สตรีนางนี้มาอีกแล้วหรือ?“ในเมื่อพี่หญิงไม่ชอบข้า เช่นนั้นข้าก็ขอตัวกลับก่อนนะเจ้าคะ”อวิ๋นซีหว่านทิ้งคำพูดเสียดสีก่อนจะรีบจากไป ดูแล้วราวกับได้รับความน้อยเนื้อต่ำใจอย่างไรอย่างนั้น อวิ๋นเนี่ยนชูหน้าตาบึ้งตึง ในใจหวนนึกถึงแววตาที่อวิ๋นซีหว่านมองญาติผู้พี่ของตน หรือว่านางจะมีใจให้ญาติผู้พี่เช่นกัน?นางคิดว่าควรกลับไปคุยกับมารดาเรื่องให้อวิ๋นซีหว่านแต่งกับฉินเซี่ยงเหิงเสียเลย ต่อไปจะได้ไม่ต้องเ
เขาได้กำชับไว้แล้วว่า ก่อนการสอบใหญ่ในฤดูใบไม้ผลิ ห้ามไม่ให้นางมาพัวพันใด ๆ กับเขาเด็ดขาด หากชื่อเสียงของเขาถูกทำลาย ย่อมส่งผลกระทบต่อเส้นทางขุนนางของเขาเป็นแน่“คุณหนูจ้าว เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร?” ฉินเซี่ยงเหิงถามด้วยท่าทีแสร้งทำเป็นประหลาดใจสีหน้าของจ้าวซูหว่านเปลี่ยนไปทันที เขาถึงกับเรียกนางว่า ‘คุณหนูจ้าว’ งั้นหรือ?อวิ๋นซีหว่านเห็นท่าทีเย็นชาของฉินเซี่ยงเหิง นางจึงได้รู้สึกโล่งอก รอยยิ้มของนางจึงดูอ่อนหวานและเย้ายวนมากขึ้น“พี่ฉิน ข้าคิดว่าคุณหนูจ้าวเพียงบังเอิญผ่านมาเท่านั้น รีบอ่านบทกวีที่ท่านแต่งให้พวกข้าฟังเถิด ข้ารอคอยมานานมากแล้ว”“ใช่แล้ว ๆ สหายฉิน รีบอ่านให้พวกเราฟังเถิด” เฉียนเหว่ยกล่าวพลางยิ้มเมื่อได้ยินคำชมเหล่านั้น ฉินเซี่ยงเหิงก็ละความสนใจจากจ้าวซูหว่านไปในทันที เขายื่นบทกวีในมือตนให้ผู้อื่นดูอีกครั้งด้วยความลำพองใจ ซึ่งก็ได้รับคำชมเชยอย่างมากมายอีกคราจนกระทั่งเขาไปเข้าห้องน้ำ ก็ถูกจ้าวซูหว่านดึงไปคุยอีกด้านหนึ่ง“พี่เซี่ยงเหิง ไยท่านจึงทำกับข้าเช่นนี้?”ฉินเซี่ยงเหิงหัวเราะเบา ๆ “ดูจิตใจคับแคบของเจ้าเถิด หึงข้าหรือ?”“ท่านกับอวิ๋นซีหว่านมีความสัมพันธ์เช่
เมื่อเห็นว่าอวิ๋นเนี่ยนชูปลอดภัยดี อวิ๋นเฉิงเจ๋อจึงตระหนักได้ว่าตนเองทำเกินขอบเขตไป“ขออภัย”เขาถอยหลังไปหนึ่งก้าว พร้อมกลับไปปั้นหน้าเย็นชาและทำท่าทีห่างเหินเช่นเดิม“เจ้าไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว เดินระวังหน่อย”อวิ๋นเนี่ยนชูพยักหน้าแล้วมองไปที่ซ่งรั่วเจินด้วยความซาบซึ้งใจ “โชคดีที่รั่วเจินช่วยข้าไว้ ไม่เช่นนั้นข้าคงแย่แน่...”“พี่ชาย ข้าเจ็บเหลือเกิน ทั้งใบหน้าและมือของข้าก็เจ็บไปหมด...” อวิ๋นซีหว่านพูดทั้งน้ำตาอวิ๋นเฉิงเจ๋อเดินผ่านอวิ๋นเนี่ยนชูไปยังข้างกายอวิ๋นซีหว่าน เขามองไปยังสาวใช้ของอวิ๋นซีหว่านและพูดว่า “พยุงคุณหนูรองไปที่รถม้า”“เจ้าค่ะ คุณชาย”“เจ้ารีบเชิญหมอไปที่จวน อย่าได้ล่าช้า” อวิ๋นเฉิงเจ๋อหันไปสั่งบ่าวรับใช้ข้างกายผู้จัดการร้านอวิ๋นหย่ารีบวิ่งมาก่อนจะตวาดใส่เสี่ยวเอ้อร์ว่า “เจ้าตาไม่ดีหรือไร กล้าทำน้ำแกงร้อนหกใส่คุณหนูอวิ๋น จะหาเรื่องตายหรืออย่างไร!”เสี่ยวเอ้อร์ที่ถูกน้ำแกงร้อนลวกจนแดงไปทั้งตัว แก้ตัวอย่างน้อยใจว่า “ผู้จัดการ ไม่ใช่ว่าข้าน้อยพลาดเสียหน่อย นางต่างหากที่ชนข้า...”“เจ้ายังกล้าเถียงอีกหรือ!” ผู้จัดการร้านหน้าถมึงทึง ยกมือขึ้นตบไปหนึ่งฉาด แล้วหันไป
“นางใช้เล่ห์กลของตัวเอง มีหน้ามาถามเอาความจากข้าด้วยหรือ?” ซ่งรั่วเจินเลิกคิ้ว “ยิ่งไปกว่านั้น...ข้าดูเหมือนคนที่จะกลัวนางหรือ?”เฉินเซียงอึ้งไปครู่หนึ่ง “คุณหนู ก่อนหน้านี้ท่านมิได้พูดว่าวิญญูชนมิควรทำให้ตนเองอยู่ในภัยอันตรายหรอกหรือเจ้าคะ?”“ใช่” ซ่งรั่วเจินพยักหน้า “แต่ตัวข้านั้นหาใช่วิญญูชน ข้าเป็นสตรี”ฉู่จวินถิงที่กำลังนั่งจิบชาอยู่บนชั้นสองได้ยินคำพูดของหญิงสาวก็อดหัวเราะเบา ๆ ในลำคอไม่ได้สมกับเป็นนิสัยของนางโดยแท้“ช่างบังเอิญนัก มาดื่มชาก็ยังเจอเหตุการณ์เช่นนี้ได้?” ฉู่อวิ๋นกุยอุทานด้วยความประหลาดใจเขาจงใจชวนพี่สามออกมาเพื่อดูว่าแม่นางซ่งจะมาเที่ยวชมทะเลสาบหรือไม่ แต่ผลสุดท้ายก็ไม่ได้อะไรเลยต่อมาได้ยินว่าฉินเซี่ยงเหิงเขียนเรียงความใหม่อันยอดเยี่ยมออกมา และกำลังอ่านอยู่ที่ร้านอวิ๋นหย่า พวกเขาจึงได้มาดื่มชาที่โรงน้ำชาข้าง ๆ กัน คิดไม่ถึงว่าจะได้เห็นเหตุการณ์นี้เข้า“ได้ยินว่าสกุลอวิ๋นตั้งใจจะหมั้นหมายกับสกุลฉิน คนที่กำหนดไว้คืออวิ๋นเนี่ยนชู แต่อวิ๋นซีหว่านกลับได้รับบาดเจ็บ นี่นางก่อเรื่องเองรับกรรมเองหรือ?”ฉู่อวิ๋นกุยส่ายหน้าแล้วถอนหายใจ แม้ว่าตัวเขาจะเป็นบุรุษ แต
“เจ้าค่ะ เป็นข้าเอง” ซ่งรั่วเจินพยักหน้าเบา ๆ“ก่อนหน้านี้ข้าเกรงว่าท่านแม่จะกังวล จึงมิได้บอกอะไร คิดว่าจะรอจนรักษาหายแล้วค่อยแจ้งข่าวดีแก่ท่าน”นี่ไม่ใช่ความคิดของนางคนเดียว แต่ยังเป็นความคิดของพี่ชายทั้งสองด้วยเมื่อเริ่มการรักษา ไม่ว่าจะเป็นซ่งอี้อันหรือซ่งจืออวี้ ต่างก็ไม่เชื่อในความสามารถทางการแพทย์ของนาง พวกเขาตอบตกลงเพียงเพราะคิดเอาใจน้องสาวเท่านั้น“นี่...นี่เจ้าก็เรียนรู้ด้วยหลังจากที่หมดสติไปงั้นหรือ?” หลิ่วหรูเยียนอดถามไม่ได้“ใช่แล้วเจ้าค่ะ” ซ่งรั่วเจินตอบอย่างไม่ลังเลอย่างไรเสียคำอธิบายนี้ก็ยังฟังดูง่ายกว่าการบอกว่าจิตวิญญาณของนางมาเข้าสู่ร่างนี้หลิ่วหรูเยียนเช็ดหยาดน้ำสีใสที่หางตา จับมือนางขึ้นมาพิจารณาอย่างละเอียด เมื่อแน่ใจแล้วว่าเป็นบุตรีที่คุ้นเคย ก็รู้สึกโล่งใจ“เจินเอ๋อร์ โชคดีที่มีเจ้า มิฉะนั้นพี่รองของเจ้าคง...”ซ่งรั่วเจินกุมมือของผู้เป็นมารดา “ท่านแม่ ตระกูลซ่งของพวกเราจะไม่ล้มลงง่าย ๆ เด็ดขาดเจ้าค่ะ ตอนนี้พี่รองกลับมามองเห็นแล้ว รอเพียงผลการสอบฤดูใบไม้ผลิออกมาอย่างดีเยี่ยม แล้วใครจะกล้ามาดูแคลนเราอีกเล่าเจ้าคะ”ซ่งรั่วเจินเห็นความยากลำบากของหลิ่ว
ที่หน้าประตูห้อง บ่าวชายและหญิงใช้ต่างพากันตะโกนเรียกด้วยความร้อนใจ แต่ประตูด้านในถูกลงกลอนอย่างแน่นหนาไม่ว่าจะผลักอย่างไร ประตูก็ไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย และด้านในก็ไร้ซึ่งเสียงตอบรับใด ๆ“คุณชาย ท่านอย่าทำให้พวกบ่าวตกใจกันเลย รีบเปิดประตูเถิดเจ้าค่ะ!”ซ่งรั่วเจินรู้สึกได้ทันทีว่าภายในห้องมีกลิ่นอายแห่งความตายแผ่ซ่านไปทั่ว คิ้วเรียวของนางขมวดเข้าหากัน ทั้งที่เมื่อวานยังไม่เป็นเช่นนี้ เพียงแค่ข้ามคืนเกิดอะไรขึ้นกันแน่?“ปัง!”ประตูใหญ่ถูกถีบเปิดออกอย่างกะทันหัน!ทุกคนต่างตกตะลึงเมื่อเห็นคุณหนูห้าผู้ที่เคยอ่อนแอ บัดนี้กลับยกเท้าขึ้นถีบประตูที่ลงกลอนอย่างแน่นหนาจนเปิดออก ตัวกลอนหลุดออกจากบานประตูร่วงลงมากองที่พื้น แยกออกเป็นสองท่อน…คุณหนูห้าแข็งแกร่งเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด?แต่บัดนี้ ไม่มีใครใส่ใจเรื่องอื่นใดอีกแล้ว ทุกคนต่างพากันรีบวิ่งเข้าไปในห้อง พบว่าซ่งเยี่ยนโจวนอนอยู่บนเตียงด้วยใบหน้าซีดเผือด ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย“คุณชาย ท่านอย่าทำให้กวนเหยียนตกใจเช่นนี้นะขอรับ” คนรับใช้คนสนิทอย่างกวนเหยียนคุกเข่าลงข้างเตียง มือสั่นเทาเอื้อมไปตรวจดูการหายใจ เมื่อพบว่ายังมีลมหายใจ เขาก็ปล
“ท่านหมอ นี่เป็นพิษอะไรกันแน่?” ซ่งอี้อันถามด้วยเสียงเคร่งขรึม“นี่คือพิษหมื่นบุปผา”ทันทีที่ทุกคนได้ยินชื่อพิษนี้ สีหน้าของผู้คนในห้องต่างก็เปลี่ยนไปทันใดพิษหมื่นบุปผานั้นเป็นพิษร้ายแรง ทุกคนล้วนเคยได้ยินชื่อของมัน แต่ไม่คาดฝันว่าจะมีวันหนึ่งที่มันจะปรากฏขึ้นในจวนของพวกเขา“พิษนี้จะเข้าสู่ร่างกายทางปาก จากอาการของคุณชายใหญ่ที่แสดงให้เห็นในตอนนี้ คาดว่าน่าจะได้รับพิษในช่วงเที่ยงวัน”ซ่งรั่วเจินฟังคำวิเคราะห์ของท่านหมอหยาง ซึ่งสอดคล้องกับการประเมินของนางทุกประการ ทำให้นางเห็นว่าท่านหมอหยางเป็นผู้ที่เชื่อถือได้ และฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่เลวเลยทีเดียว“รีบไปสืบหาเดี๋ยวนี้ว่าใครมันบังอาจวางยาพิษเยี่ยนโจว!”ใบหน้าของหลิ่วหรูเยียนเปลี่ยนเป็นเขียวคล้ำ นางมั่นใจว่าจะต้องมีคนซื้อตัวบ่าวไพร่ให้ลงมือวางยาพิษเป็นแน่หากมิอาจหาตัวคนร้ายออกมาได้ เกรงว่าคงไม่ใช่เพียงเยี่ยนโจวผู้เดียวที่ตกอยู่ในอันตราย แต่ทุกคนในจวนก็คงต้องเผชิญกับชะตากรรมเดียวกันซ่งจืออวี้ได้ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยทั้งหมดไว้ล่วงหน้าแล้ว ขณะที่ซ่งอี้อันกับหลิ่วหรูเยียนร่วมกันสอบสวนอย่างละเอียด พวกเขาจะต้องจับตัวคนร้ายให้สำเร็จ
“นึกถึงตอนแรกนางได้พบรั่วเจินก็รู้สึกชอบมากเป็นพิเศษ บัดนี้จะกลายเป็นพี่สะใภ้น้องสะใภ้กันแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าจะบังเอิญมีวาสนาเช่นนี้!”“ยังไม่ใช่อีกหรือ? ข้าเห็นฮวนเอ๋อร์เป็นแม่นางที่ดีคนหนึ่ง อวิ๋นอ๋องเองก็ดีไปหมดทุกอย่าง หลังทั้งคู่แต่งงานกันแล้วจะต้องใช้ชีวิตอย่างดีแน่เจ้าค่ะ” กู้หรูเยียนพูดยิ้มๆ“ข้าได้ยินมาว่าจงเฟยวางแผนให้เช่ออ๋องแต่งงานกับหลิงเชี่ยนเอ๋อร์ เช่ออ๋องคล้ายไม่ยินดีเท่าใดนัก กำลังโวยวายอยู่เชียว”ฮูหยินผู้เฒ่ากู้เล่าข่าวที่เพิ่งได้ยินกลับมา “พระชายาคนก่อนของเช่ออ๋องกลับไม่ได้เรื่อง บัดนี้จะแต่งงานใหม่ หากต้องไปพัวพันกับตระกูลหลิง น่ากลัวว่าจะยุ่งยาก”แม้ว่าปกติราชครูกู้ไม่เล่าเรื่องในราชสำนักให้นางฟังสักเท่าใด แต่กลับมาครั้งนี้ เรื่องที่ซ่งหลินประสบยามอยู่เมืองผิงหยางมีความเกี่ยวพันกับสกุลหลิงหลายส่วน นางเองก็รู้เรื่องนี้“ข้าได้ยินมาว่าทีแรกเช่ออ๋องมีจิตปฏิพัทธ์ต่อหลิงเชี่ยนเอ๋อร์ ทว่าต่อมาคล้ายทิ้งแผนการไป เพราะเหตุใดตอนนี้จงเฟยถึงยังดึงดันเช่นนี้?”กู้หรูเยียนขมวดคิ้ว บัดนี้ความสัมพันธ์ระหว่างซ่งหลินและสกุลหลิงดุจน้ำกับไฟ ต่อให้ไม่ฉีกหน้ากัน แต่ทั้งสองฝ่ายกลับ
จนกระทั่งตบยี่สิบฉาดเรียบร้อยแล้ว ใบหน้าเจียงฉิงหลานถูกตบจนบวมเปล่งใบหน้าที่เดิมทีเรียวเล็กบัดนี้เปี่ยมความเจ็บปวด ร้องไห้จนดวงตาบวมแดง ถลึงตาใส่ซ่งรั่วเจินและฉู่จวินถิงอย่างอดไม่ได้ แต่ไหนแต่ไรมานางไม่เคยได้รับโทษเช่นนี้เลย ช่างอัปยศอดสูโดยแท้!เจียงหลูเสวี่ยเห็นสภาพของเจียงฉิงหลาน สายตาเปี่ยมความสงสาร พูดว่า “ฉู่อ๋อง บัดนี้ตบยี่สิบฉาดไปแล้ว เรื่องนี้ก็สมควรจบลงเช่นนี้แล้วกระมัง?”“ภายภาคหน้าหม่อมฉันจะสั่งสอนนางดีๆ ไม่ให้นางพูดจาเหลวไหลไร้สาระอีก อีกทั้งยังไม่ให้นางพูดจาว่าร้ายแม่นางซ่งอีกแม้ประโยคเดียว”ฉู่จวินถิงไม่คิดถือสาให้มากความ อย่างไรเสียก็ต้องไว้หน้าเซียวอ๋องอยู่บ้างเห็นสองพี่น้องจากไปแล้ว ที่ด้านนอกยังสามารถมองเห็นเจียงฉิงหลานสะบัดมือเจียงหลูเสวี่ยออกอย่างไม่สบอารมณ์ได้อีกด้วย“ล้วนเป็นเพราะท่าน! ถึงขั้นเห็นคนตายแล้วไม่ช่วย! ข้าเป็นน้องสาวแท้ๆ ของท่านนะ รอข้ากลับไปแล้วจะบอกท่านพ่อท่านแม่!”เจียงหลูเสวี่ยเผยสีหน้าระอา “น้องหญิง ใช่ว่าเจ้าไม่รู้อุปนิสัยของฉู่อ๋อง หากไม่ใช่เพราะเจ้าพูดจาเหลวไหลล่วงเกินฉู่อ๋อง เรื่องก็คงไม่กลายเป็นเช่นนี้ เหตุใดถึงโทษข้าเล่า?”“อิงตามท
เห็นได้ชัดว่าเจียงฉิงหลานคิดไม่ถึงว่าซ่งจิ่งเซินจะรู้เรื่องนี้ หน้าแดงก่ำขึ้นมาในทันใด นางไม่คิดว่าการกระทำของตนมีอันใดไม่เหมาะสม เพียงแต่ฟังจากปากของคนอื่น เห็นได้ชัดว่าไม่น่าฟังอย่างมากทั้งๆ ที่นางไปช่วยพี่สาวให้ได้รับความโปรดปราน!เดิมทีนางก็ไม่คิดแย่งสามีจากพี่สาว หากนางไม่ช่วย ก็ไม่สามารถรักษาตำแหน่งพระชายาในอนาคตของพี่สาวเอาไว้ได้!ฉู่มู่เหยาได้ยินถ้อยคำนี้ของซ่งจิ่งเซิน รู้สึกไม่อาจทนไหว นางก็รู้เพียงคนผู้นี้อ้าปากก็ไม่ธรรมดา“พี่สะใภ้ พี่สี่ท่านกลับเหมือนที่ท่านพูด ข่าวว่องไวไม่ธรรมดา ก่อนหน้านี้ข้าพบข่าวนี้เข้าโดยบังเอิญถึงเกิดข้อสันนิษฐาน คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะรู้อยู่แล้ว นี่เก่งกาจเกินไปแล้วกระมัง!”เรื่องพรรค์นี้ก่อนยืนยันให้แน่ใจ สกุลเจียงไม่มีวันเปิดเผยออกมา จนถึงตอนนี้ก็ไม่ได้ยินข่าวทางด้านนี้ ซ่งจิ่งเซินกลับรู้ดี“เขารู้ข่าวแต่ละครอบครัวค่อนข้างดีเพคะ”ซ่งรั่วเจินยิ้มน้อยๆ ทำการค้าขายย่อมสืบข่าวทุกชนิดได้อย่างง่ายดาย แต่ก่อนหน้านี้พี่ไม่ใส่ใจสิ่งเหล่านี้มากนักบัดนี้รู้เรื่องเหล่านี้ น่ากลัวว่าเพราะนางจะแต่งงานกับท่านอ๋อง ดังนั้นเขาจึงตั้งใจไปทำความเข้าใจสถานการณ์
ซ่งรั่วเจินมิได้คาดคิดมาก่อนว่า เรื่องซุบซิบจะพาดพิงไปถึงฉู่จวินถิง สมกับเป็นบุรุษในดวงใจของบุตรีตระกูลสูงศักดิ์ เจียงฉิงหลานก็หวังจะได้แต่งงานกับเขาเช่นกัน ฉู่มู่เหยาก็มิได้คาดคิดถึงเรื่องนี้เช่นกัน สีหน้าแปรเปลี่ยนจากนิ่งงันไร้วาจา เป็นความเกลียดชังอย่างหาที่เปรียบมิได้ “นางช่างเพ้อฝันจริง ๆ มิมองบ้างว่าสตรีทาแป้งแต่งหน้าธรรมดาเช่นนาง อย่าว่าแต่จะคู่ควรกับเสด็จพี่สามเลย แม้แต่เสด็จพี่รองก็มิอาจคู่ควร!” ซ่งรั่วเจิน “…” มิรู้ว่าเช่ออ๋องได้ยินถ้อยคำนี้เข้า จะกระอักเลือดหรือไม่ “ก่อนหน้านี้ฮองเฮาเลือกสตรีที่เหมาะสมไว้มากมาย เพื่อสู่ขอให้แก่ฉู่อ๋อง เรื่องนี้เจ้าก็มิใช่ว่าจะมิรู้ แม้ข้ามิเคยได้พบซ่งรั่วเจิน แต่ก็รู้ได้ว่า สามารถทำให้ฉู่อ๋องให้ความสำคัญถึงเพียงนี้ ย่อมมิใช่สตรีธรรมดาเป็นแน่” “ในพระราชวัง ผู้คนล้วนสรรเสริญนางว่าเป็นสตรีผู้เลอโฉม ยากจะพานพบ ยิ่งมิต้องพูดถึงเรื่องที่นางเชี่ยวชาญในศาสตร์ลี้ลับเลย แม้แต่ฝีมือการแพทย์ก็มิใช่ธรรมดา” “เจ้าลองขบคิดให้ถี่ถ้วนเถิด… เจ้านั้นเทียบนางได้จริงหรือ?” เจียงลู่เสวี่ยมีสีหน้าจริงจัง นับตั้งแต่ที่นางเข้าสู่เชื้อพระว
ซ่งรั่วเจินหลุบดวงตาคู่งามลงเล็กน้อย สตรีนั้นก็มักแบกรับแรงกดดันอันใหญ่หลวงมาแต่ไหนแต่ไร โดยเฉพาะเมื่อแต่งเข้าสู่เชื้อพระวงศ์ สิ่งที่ต้องแบกรับคือเกียรติยศของตระกูลทั้งตระกูล คิดไปแล้ว สกุลเจียงนำทุกสิ่งทุกอย่างมาสนับสนุนองค์ชายใหญ่ อย่างไรเสียก็เป็นบุตรสายตรง ความเป็นไปได้ที่จะช่วงชิงราชบัลลังก์ในภายหน้าไม่น้อยเลยทีเดียว ฉู่มู่เหยาตกอยู่ในความเงียบ นางเติบโตในพระราชวัง แท้จริงแล้วก็เห็นเล่ห์กลลับลวงที่มิอาจเปิดเผยเหล่านั้นมาไม่น้อย เพียงแต่เสด็จแม่ปกป้องนางเอาไว้เป็นอย่างดีมาโดยตลอด แม้นจะพบพานปัญหาใด ๆ ก็ไม่เคยทำให้นางต้องเป็นทุกข์เลย บัดนี้เมื่อเห็นสถานการณ์ของพี่สะใภ้ใหญ่เช่นนี้ นางก็รู้สึกว่าตนช่างอยู่ในความสุขโดยมิรู้คุณค่าของความสุขนั้นเสียเลย เจียงฉิงหลานเมื่อเห็นว่าเจียงลู่เสวี่ยมิได้ปฏิเสธตรง ๆ ก็พลันปลื้มปีติอยู่ในใจ “ท่านพี่ แท้จริงแล้วที่ข้ามาบอกท่านก่อนนั้น ก็เพราะหวังดีต่อท่าน” “ท่านก็รู้ดีถึงอุปนิสัยของท่านพ่อ เรื่องใดที่เขาตัดสินแล้ว ใครก็มิกล้าโต้แย้ง พวกเรามีใจผูกพันกันที่สุดมาแต่เยาว์ ข้าเองก็มิประสงค์ให้ท่านถูกตำหนิยามกลับไป ด้วยเหตุนี้ข้าจ
ฉู่มู่เหยมองดูท่าทางพี่สะใภ้ของตน แล้วอดรู้สึกขันมิได้ “พี่สะใภ้ หากเป็นสตรีทั่วไป ที่กำลังจะแต่งเข้าเชื้อพระวงศ์ ย่อมต้องทำความเข้าใจเหตุการณ์เหล่านี้ให้กระจ่างถ้วนถี่เป็นแน่” “หาใช่เพียงแต่เรื่องเสด็จพี่ไม่ เรื่องขององค์ชายและพระชายาอื่น ๆ ย่อมต้องรู้แจ้งเป็นแน่ แต่ดูเจ้าสิ แม้แต่เจียงลู่เสวี่ยเป็นผู้ใด เจ้าก็มิรู้” ซ่งรั่วเจิน “...” นอกจากคนที่สนิทแล้ว นางก็มิได้ใส่ใจเรื่องอื่นมาตั้งแต่ไหนแต่ไร “หรือว่าจะเป็นพระชายาของเซียวอ๋อง ผู้เป็นองค์ชายใหญ่?” ซ่งรั่วเจินคาดเดาออกมา แม้นางจะมิรู้จักเจียงลู่เสวี่ย แต่ดูจากอายุแล้ว ก็คงเป็นพระชายาขององค์ชายใหญ่หรือองค์ชายรอง แต่เช่ออ๋อง องค์ชายรอง บัดนี้หาได้มีพระชายาไม่ เช่นนั้น ความเป็นไปได้มากที่สุดก็คือองค์ชายใหญ่ “ถูกต้อง ก็คือพี่สะใภ้ใหญ่” ฉู่มู่เหยาพยักหน้าเล็กน้อย “ก่อนหน้านี้ก็ได้ยินข่าวนี้มาแล้ว แต่ก่อนเคยพบเจียงฉิงหลานมิใช่แค่เพียงคราเดียว นางเป็นผู้ที่ชอบพึ่งบารมีผู้สูงศักดิ์” “แท้จริงแล้วข้ารู้สึกว่า ต้นตระกูลของนางก็มีอยู่เพียงเท่านั้น ปรารถนาจะแต่งเข้าตระกูลดีมิแปลก เพียงแต่นางกลับหมายตาพี่เขยของตน
ฉู่มู่เหยาอดมิได้ที่จะใฝ่ฝัน นางรู้สึกว่าไม่ว่าจะเสด็จพี่สามหรือเสด็จพี่ห้าล้วนดีทั้งคู่ ก่อนหน้านี้ เสิ่นหวยอันก็สุภาพอ่อนโยนและถ่อมตนต่อหน้านาง นางเคยคิดมาโดยตลอดว่าเขาเป็นสุภาพชนผู้เที่ยงธรรม บัดนี้ เมื่อนางเห็นสิ่งที่เขากระทำลับหลังทั้งหมดนี้ ก็เพียงรู้สึกรังเกียจเป็นอย่างยิ่ง “เดิมทีข้ายังรังเกียจซ่งปี้อวิ๋นอยู่ บัดนี้กลับรู้สึกว่านางก็น่าสงสารอยู่ไม่น้อย แต่งกับบุรุษเช่นนี้ ยังจะหวังสิ่งใดได้อีกเล่า?” ทั้งสองเอ่ยพลางก้าวเข้าไปในร้านค้า แม้ในพระราชวังจะพระราชทานรางวัลมามิใช่น้อย จวนอ๋องยิ่งเตรียมการไว้อย่างพิถีพิถันในทุกที่ แม้แต่ผ้านวมก็ยังเตรียมไว้หลายชุด แต่ในเมื่อคิดจะจัดแต่งห้องใหม่ สิ่งของที่ต้องเติมแต่งก็มีไม่น้อย ซ่งรั่วเจินมองแท่นฝนหมึกในร้านค้า และกำลังจะหยิบมาดู ก็ถูกฉู่มู่เหยาลากไปด้านข้าง “ชู่” ฉู่มู่เหยาชูนิ้วหนึ่งขึ้นแตะบนริมฝีปาก ส่งสัญญาณให้นางอย่าได้เอ่ยวาจา ระหว่างคิ้วของซ่งรั่วเจินฉายแววประหลาดใจวูบหนึ่ง มองตามสายตาของฉู่มู่เหยาไป ก็เห็นสตรีสองนางอยู่เบื้องหน้า หนึ่งในนั้นแต่งกายงดงามตระการ ใบหน้าอ่อนหวานละมุน เพียงเห็นการ
ในขณะที่ฉู่มู่เหยาพร้อมพรรคพวกทั้งสี่คนกำลังเดินอยู่บนถนนในเมืองหลวง ก็บังเอิญเจอกับเสิ่นหวยอันที่เพิ่งไปตามหมอมา ในชั่วขณะที่ทั้งสองได้พบกัน ใบหน้าของเสิ่นหวยอันก็ฉายแววตื่นตะลึงวูบหนึ่ง แต่เมื่อนึกย้อนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้า ก็ประหนึ่งว่าเข้าใจขึ้นมาโดยถ่องแท้ ตลอดทางนี้ เขาค่อย ๆ สงบสติอารมณ์ลง ก่อนจะตระหนักได้ว่าสถานการณ์มีบางอย่างไม่ชอบมาพากล ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ได้มีนัดหมายว่าจะพบกับองค์หญิงแล้ว แต่เขากลับมิได้เห็นแม้แต่หน้าขององค์หญิง ราวกับว่าถูกคนตีจนหมดสติ ครั้นเมื่อตื่นขึ้นอีกครั้งก็อยู่บนตั่งเดียวกับซ่งปี้อวิ๋นแล้ว อีกทั้งยังมีคนของทางการมาตามหาอีก “มู่เหยา ข้าจริงใจต่อท่าน ไยท่านต้องทำเช่นนี้ต่อข้า?” เสิ่นหวยอันรีบพุ่งเข้ามาอย่างเร่งร้อน พลันเอ่ยถามด้วยความคั่งแค้น ทั้ง ๆ ที่แต่ก่อนพวกเขายังมีใจตรงกันผูกพันมั่น ทั้งที่กำลังไปได้ด้วยดี ไฉนกลับกลายเป็นเช่นนี้? นางถึงขั้นมิยอมให้โอกาสเขาได้เอ่ยอธิบายแจ้งชัดเลยสักครั้ง ก็ลงมือกับเขาอย่างเหี้ยมเกรียมถึงเพียงนี้! วันนี้เมื่อเรื่องนี้เกิดขึ้น ชื่อเสียงของเขาย่อมยับเยินเป็นแน่แท้ หากเด็กใ
“ผ่านมาพอดี เห็นว่าเกิดเรื่องครึกครื้นขึ้นจึงมาจิบชาชมความครึกครื้นดูสักหน่อย”ฉู่จวินถิงให้ซ่งรั่วเจินนั่งลงก่อน เขาค่อยนั่งลงข้างกายนางซ่งจิ่งเซินมองน้องสาวของตนเอง บอกว่าบังเอิญ เขาไม่ค่อยจะเชื่อนัก แต่ถ้าบอกว่าน้องสาวตนเองทำนายเรื่องนี้ออกมาได้ เขากลับรู้สึกว่ามีความเป็นไปได้ข้อนี้อยู่“พี่สะใภ้ คำพูดเมื่อครู่ของท่านหมายความว่าอย่างไรหรือ?” ฉู่มู่เหยาออกจะสนใจใคร่รู้ รู้สึกว่าคำพูดของพี่สะใภ้มักฟังดูลึกลับเสมอซ่งรั่วเจินยิ้มพราย กล่าวอย่างเปิดเผยว่า “เด็กบางคนอยู่ในท้องก็สามารถสัมผัสได้ถึงความรักของคนเป็นพ่อแม่ เด็กทุกคนล้วนหวังว่าจะได้ถือกำเนิดมาท่ามกลางความตั้งตารอคอยของพ่อแม่”“ถ้าความรู้สึกของเด็กคนนี้เฉียบไว ทั้งยังสัมผัสได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่ไม่ดี กระทั่งว่าการเกิดของเขายังไม่เป็นที่ตั้งตารอคอยนัก เขาก็จะเลือกจากไป”“ไม่รู้ว่าเจ้าเคยได้ยินหรือไม่ ขณะที่ผู้หญิงตั้งครรภ์ สามีไม่ควรทะเลาะกับนางบ่อยๆ หากทะเลาะกันรุนแรงเกินไป เป็นไปได้มากว่าอาจสูญเสียลูกน้อยไปได้ นี่เป็นเพราะสรรพสิ่งล้วนมีจิตวิญญาณ”ฉู่มู่เหยาเบิกตาโพลง “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ก่อนหน้านี้ข้าก็เคยได้ย