ราชวงศ์ฉู่โยว เมืองหลวงเกี้ยวเจ้าสาวสองหลังหยุดเรียงกันหน้าประตูจวนหลินโหว ตามมาด้วยเสียงประทัดฆ้องกลอง ครึกครื้นมากเป็นพิเศษแขกเหรื่อมาร่วมงานเห็นภาพนี้แล้วก็ตกตะลึง “เหตุใดมีเกี้ยวเจ้าสาวสองหลังกันเล่า?”“แม่นางห้าสกุลซ่ง—ซ่งรั่วเจิน รอหลินโหวมานานสองปี ดูแลงานทั้งจวนโหวแทนเขา บัดนี้หลินโหวคว้าชัยชนะกลับมา ตบแต่งแม่นางซ่งก็คือเรื่องดีของเมืองหลวง แต่เกี้ยวเจ้าสาวเข้าประตูพร้อมกัน มิใช่ว่ายังแต่งกับคนอื่นด้วยหรือ?”“คุณหนู ตอนนี้จะทำอย่างไรดีเจ้าคะ?”ซ่งรั่วเจินรู้สึกเพียงเสียงดังเอะอะอยู่ข้างหูพักหนึ่ง ขมวดคิ้วอย่างไม่รู้ตัว ลืมตาทั้งสองข้างก็มองเห็นชุดแต่งงานสีแดงเข้ม?เกิดเหตุอันใดขึ้น?ชุดแต่งงานซิ่วเหอและเกี้ยวเจ้าสาวสีแดงเข้ม นี่มิใช่ขบวนแต่งงานหรอกหรือ?“ท่านโหวทำเกินไปแล้ว ก่อนนี้เขาออกรบอยู่ภายนอก หากมิได้ท่านดูแลฮูหยินผู้เฒ่า ไฉนเลยเขาจะสามารถออกรบอย่างสบายใจได้? บัดนี้กลับมาอย่างยากลำบาก เขาถึงขั้นตบแต่งฉินซวงซวงเป็นภรรยาหลวงลำดับเดียวกันในวันแต่งงาน ไม่บอกกล่าวแม้คำเดียว เห็นได้ชัดว่ากำลังรังแกคุณหนู!”เฉินเซียงยิ่งพูดยิ่งโมโห บัดนี้เกี้ยวเจ้าสาวทั้งสองหลังหยุดอ
ซ่งรัวเจินถามไล่เรียงกระแทกลงไป กระแทกเสียจนสีหน้าหลินจือเยว่เผือดซีด หวุดหวิดจะเป็นลมหมดสติไปแล้วเหตุใดนางกล้าพูดเรื่องเหล่านี้ออกมาต่อหน้าคนมากมายเพียงนี้!“เรื่องนี้ก็ไม่ซื่อสัตย์จริงใจจริงนั่นล่ะ ได้ยินมาว่าหลินโหวและฉินซวงซวงมีใจปฏิพัทธ์ต่อกันมาตั้งแต่แรกแล้ว สองปีก่อนฉินซวงซวงไม่ยอมแต่งกับเขา นี่เขาถึงตกลงหมั้นหมายกับสกุลซ่ง ใครเคยคิดเล่าว่าทำความดีความชอบกลับมา ฉินซวงซวงกลับยอมแต่งกับเขาแล้ว ดังนั้นจึงคิดทำเช่นนี้ จุ๊ ๆ ...”“แม่นางสกุลซ่งไม่กลายเป็นตัวโง่งมไปแล้วหรือ?”ความทุ่มเทตลอดสองปีสูญเปล่าไปแล้ว เย็บชุดเจ้าสาวให้ผู้อื่นสวม ได้รับความทุกข์อย่างแสนสาหัสแต่ยังต้องกลั้นก้อนสะอื้น นี่ใครยังสามารถทนได้กันเล่า?“พี่หญิง อย่าโมโหไปเลย”ฉินซวงซวงก้าวเท้าฉับไวขึ้นมา มิอาจข่มความแปลกใจภายในใจเอาไว้ได้เห็นได้ชัดว่าซ่งรั่วเจินเป็นพลับอ่อนให้คนบดขยี้ แต่งเข้าบ้านพร้อมกันก็เป็นนางและจือเยว่ร่วมกันวางแผน แม้นางไม่ยอมแต่ก็ต้องกล้ำกลืนฝืนรับปาก ไม่โวยวายใหญ่โตอันใดใครคาดคิดนางถึงขั้นเปิดผ้าคลุมหน้าลงจากเกี้ยวเจ้าสาว โวยวายอยู่ที่หน้าประตูเช่นนี้?“ล้วนเป็นความผิดของซวงซวง ท่าน
“แม่นางฉิน ได้โปรดถอดออก เพียงมองดูก็จะทราบได้” เฉินเซียงเอ่ยเพียงฉินซวงซวงถอดออก เฉินเซียงก็หยิบกำไลหยกไปให้ทุกคนดูหนึ่งรอบ “ทุกท่านล้วนเห็นอย่างชัดเจนแล้ว ด้านบนแกะสลักชื่อเล่นของคุณหนูข้าเจินเอ๋อร์เอาไว้!”“ยังไม่ต้องพูดว่าท่านโหวและคุณหนูข้ายังไม่แต่งงานกัน ต่อให้แต่งงานแล้วจริง คนมีหน้ามีตาที่ใดยักยอกสินเดิมของฮูหยินตนเองด้วยหรือ?”นับแต่โบราณจนถึงตอนนี้ สินเดิมล้วนเป็นสิ่งของติดตัวฝ่ายหญิง แม้แต่บ้านสามีก็ไม่มีสิทธิ์แตะต้อง เว้นเสียแต่ตนเองยินยอม ทว่าหลินจือเยว่หยิบไปโดยตรงไม่บอกกล่าวเช่นนี้ เรียกว่าขโมยก็ไม่เกินจริงครั้นซ่งจืออวี้พี่ชายสามของซ่งรั่วเจินเร่งเดินทางมาถึงก็ได้ยินว่าหลินจือเยว่ยกกำไลหยกที่ท่านแม่มอบให้เจินเอ๋อร์เป็นสินเดิมให้กับฉินซวงซวง กำปั้นเจือความเกรี้ยวกราดกระแทกเข้าไปโดยตรงหนึ่งหมัด!“ไอ้สารเลว!”หลินจือเยว่ถูกกำปั้นกระแทกหน้าอย่างไม่ทันตั้งตัว ดวงหน้าหันไปอีกฝั่งหนึ่ง เลือดไหลออกจากมุมปากซ่งจืออวี้ไม่คิดยั้งมือเลยแม้แต่น้อย วันนี้เป็นวันมงคลยิ่งใหญ่ของน้องหญิง พวกเขาทั้งครอบครัวส่งนางออกจากจวนอย่างดีใจมีความสุข ใครคาดคิดมาถึงจวนหลินโหวจะถูกหมิ่นแคล
“เรื่องนี้โทษท่านแม่ไม่ได้ พูดได้เพียงว่าหลินจือเยว่แสดงละครได้อย่างยอดเยี่ยม หน้าหนาไร้ยางอาย!”ซ่งรั่วเจินยิ่งพูดยิ่งรังเกียจ โชคดีช่วงเวลาที่นางทะลุมิติเข้ามาในหนังสือยังมิได้แต่งเข้าจวนสกุลหลิน หากแต่งเข้าไปแล้ว นั่นต่างหากถึงจบสิ้น!หลิ่วหรูเยียนเห็นลูกสาวผู้เพียบพร้อมของตนพูดถ้อยคำหล่านี้ออกมา ยิ่งมั่นใจว่านางกำลังเสียใจ น้ำตาคลอหน่วย “ลูกสาวชะตาอาภัพของข้า...”แต่น้ำตาที่หางตายังไม่ทันตกก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายจากด้านนอก ของทั้งใหญ่ทั้งเล็กถูกยกเข้ามา หยาดน้ำตาหยุดชะงักในทันใด“เจินเอ๋อร์ นี่ นี่คืออะไรกัน?”“อย่างไรเสียก็ไม่แต่งแล้ว สิ่งของย่อมต้องนำกลับมา ฉินซวงซวงคนนั้นพูดทุกคำว่ารักชอบท่านโหว ข้าอยากเห็นเหลือเกินว่านางจะยอมหักใจชดเชยจวนโหวโล่งโจ้งนั่นหรือไม่!”ซ่งรั่วเจินเคยอ่านต้นฉบับหนังสือมาก่อน ย่อมรู้ว่าฉินซวงซวงก็คือคนมีอุปนิสัยชมชอบความร่ำรวยคนหนึ่ง หาไม่แล้วเพียงนางเอ่ยปาก หลินจือเยว่ก็ต้องถอนหมั้นนางเป็นแน่!แต่นางกลับไม่ทำ ก็เพื่อเงินของจวนสกุลซ่งบัดนี้เงินตกอยู่ในมือนางแล้ว ฉินซวงซวงทางหนึ่งคิดจะหลับนอนกับบุรุษของเจ้าของร่างเดิม ทางหนึ่งใช้จ่ายเงินของเจ้า
ซ่งรั่วเจินพูดอย่างจริงจัง อาการป่วยนี้สำหรับนางกลับรักษาไม่ยาก แต่ต้องใส่ใจมากก็เท่านั้นเดิมทีซ่งอี้อันคิดว่าน้องหญิงปลอบโยนตนเอง มิได้เก็บมาใส่ใจ ทว่าเห็นนางพูดอย่างตั้งใจมากเป็นพิเศษ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเชื่อขึ้นมาหลายส่วน“น้องหญิงคนดี พี่รองเชื่อเจ้า”ซ่งจืออวี้เห็นซ่งอี้อันคล้ายถูกเกลี้ยกล่อมสำเร็จแล้ว เอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ “พี่รอง ท่านเชื่อจริงหรือ? น้องหญิงห้าไม่เคยเรียนวิชาแพทย์มาก่อนนะ”“น้องหญิงห้าดีใจก็พอ ตอนนี้ข้าก็กลายเป็นเช่นนี้ไปแล้ว หมอทั้งเมืองหลวงล้วนมาดูแล้ว ยังมีอันใดให้กลัวอีกเล่า?”ซ่งอี้อันยกมุมปากยิ้มขมปร่า นับตั้งแต่วันที่ตาบอดอนาคตอันรุ่งโรจน์ของเขาก็สูญสลายกลายเป็นหมอกผ่านตา ถอนหมั้นก็คือเรื่องที่คาดการณ์ไว้แล้ว น้องหญิงไม่ยอมให้เขายอมแพ้ ก็เพราะหวังดีต่อเขาส่วนเป็นเรื่องจริงหรือไม่...สำคัญด้วยหรือ?ซ่งรั่วเจินมิได้ใส่ใจบทสนทนาของทั้งสองคน สายตานางเบือนไปทางด้านหลัง นับตั้งแต่เหยียบเท้าเข้าจวนสกุลซ่ง นางก็สังเกตุเห็นว่าเรือนด้านหลังถูกพลังชั่วร้ายปกคลุมอยู่เห็นได้ชัดเจนว่าเป็นวันแสงแดดจ้า ทว่าด้านหลังกลับอึมครึม ต้องมีบางสิ่งกำลังสร้างปัญหาอย่างแน
“เจ้าหมายถึงสร้อยข้อมือเส้นนี้หรือ?”ซ่งอี้อันถอดสร้อยข้อมือออกแล้วส่งมาให้ ก่อนหน้านี้ตัวสร้อยถูกแขนเสื้อปกคลุมเอาไว้ ซ่งรั่วเจินจึงมองไม่เห็น ครั้นเมื่อเห็นสร้อยข้อมือที่สะท้อนใต้แสงแดด ก็พบว่าของสิ่งนี้มีกระแสไอของความอัปมงคลที่หมุนวนขึ้นมา“เจ้าไม่พูดข้าก็เกือบลืมไปเสียสนิท สร้อยข้อมือเส้นนี้เป็นของที่หลินโหวส่งมาให้ ตอนนี้งานวิวาห์ยกเลิกไปแล้ว สร้อยข้อมือเส้นนี้ก็ไม่ควรเก็บไว้”ผู้เป็นพี่คิดเพียงว่าน้องสาวของเขาแค่ตั้งใจเตือนตนเอง เพราะอย่างไรเสีย ตอนนี้สองตระกูลไม่มีความเกี่ยวข้องกันแล้ว เก็บไว้ก็ไม่เหมาะสมจริง ๆ“ท่านบอกว่าสร้อยข้อมือเส้นนี้เป็นของที่หลินจือเยว่ส่งมาหรือ?”ของสิ่งนี้อาบชโลมด้วยโลหิตมนุษย์ ไออัปมงคลหลอมรวม เป็นของสกปรกขุ่นมัว หลินจือเยว่จงใจหาของแบบนี้มามอบให้ ช่างมีน้ำใจนัก!ซ่งอี้อันพยักหน้า “ครั้งก่อนที่หลินโหวมาเยี่ยมเจ้าที่จวน เขาก็ให้ข้ามา บอกว่ารู้ว่าข้าชื่นชอบ ใช้เงินไปไม่น้อยเพื่อซื้อมาให้โดยเฉพาะ”“หากพี่ชายรองชอบสร้อยข้อมือก็เอาเส้นที่เป็นของข้าไปก่อน ส่วน ‘ของล้ำค่า’ ชิ้นนี้ส่งคืนให้หลินจือเยว่เถิด”ซ่งรั่วเจินหยิบสร้อยข้อมืออีกเส้นส่งไปให้ หล
จวนตระกูลซ่งหลิ่วหรูเยียนค่อย ๆ ตื่นขึ้นมา เมื่อเห็นซ่งรั่วเจินอยู่ตรงหน้าก็รีบเอ่ยถามว่า “เจินเอ๋อร์ จวนตระกูลจ้าวขอถอนหมั้นแล้วจริงหรือ?”ซ่งรั่วเจินพยักหน้า มองดูใบหน้าซีดเผือดของผู้เป็นมารดาด้วยแววตาที่ไม่อาจหักหาญใจ “ท่านแม่ ในเมื่อจวนตระกูลจ้าวเลือกที่จะเลิกหมั้นในช่วงเวลานี้ ก็เห็นได้ชัดว่านางมิใช่คู่ที่ดีของพี่ชาย เราไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องการหมั้นนี้”“เดิมทีจ้าวซูหว่านก็ไม่เหมาะสมกับพี่ชายรองอยู่แล้ว ข้าคิดว่าการถอนหมั้นเป็นเรื่องดี มิฉะนั้น การแต่งงานกับหญิงสาวเช่นนี้ เกรงว่าในอนาคตคงไร้ซึ้งความสุขสงบ”“แม่รู้ดีว่าจ้าวซูหว่านไม่เหมาะกับพี่ชายของเจ้า แม่เองก็ไม่เห็นด้วยกับการหมั้นหมายนี้ตั้งแต่แรก เพียงแต่พี่ชายของเจ้าไม่มีหญิงสาวที่หมายปองเสียที ในเมื่อทั้งสองคนรักกัน แม่ก็ไม่อยากจะขัดขวาง”“ตอนนี้พี่ชายของเจ้าตาบอด หมอจากทั่วเมืองมาตรวจดูแล้วล้วนบอกว่ารักษาไม่ได้ แม่ไม่อยากให้พี่ของเจ้าต้องเจ็บปวดซ้ำ ๆ …”“พ่อของเจ้าจนถึงบัดนี้ก็ยังไม่รู้ว่าอยู่ที่ใด ถ้าเขารู้ว่าในเวลาที่ตนไม่อยู่ ข้าไม่สามารถดูแลพวกเจ้าให้ดีได้…”หลิ่วหรูเยียนพูดพลางน้ำตาก็คลอเบ้า หมู่นี้ในจวนมีแต่
สองปีก่อนเขาไม่อาจแต่งงานกับนางในดวงใจได้จึงรู้สึกหมดหวัง ตอนรู้ว่าผู้เป็นแม่ได้จัดการหมั้นหมายให้แล้ว เขาก็ตอบรับทั้ง ๆ ที่สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ไม่แม้แต่จะชายตามองนางเลยสักนิด คิดเพียงว่าคุณหนูตระกูลใหญ่ส่วนมากจะหัวโบราณและขี้ขลาด ไม่เหมือนกับซวงซวงผู้น่ารักและมีเสน่ห์ดึงดูดใจทว่าในขณะนี้เมื่อเขาเห็นซ่งรั่วเจิน ถึงได้รู้ว่านางนั้นงดงามน่ามองเพียงใดซ่งรั่วเจินเห็นหลินจือเยว่จ้องนางตาไม่กะพริบ ใจของนางก็เต็มไปด้วยความไม่พอใจ มีเพียงความคิดเดียวในหัวคืออยากจะควักลูกตาของคนผู้นี้ออกมาเสียมองอะไร! อัปมงคลเสียจริง!“แม่นางซ่ง เรื่องวันนี้เป็นความผิดของข้าเองที่ไม่ได้บอกเจ้าตั้งแต่แรก ข้าขอโทษ” หลินจือเยว่กล่าวซ่งรั่วเจินหัวเราะเบา ๆ “หลินโหว ตอนขบวนเจ้าสาวของข้ากำลังจะเข้าเรือน ก็พึ่งได้รู้ว่ามีสตรีอีกนางจะแต่งเข้าพร้อมกับข้า วันนี้ท่านยังพูดต่อหน้าแขกมากมายอีกว่าในใจท่านมีเพียงแม่นางฉินเท่านั้น”“ในเมื่อพวกท่านรักกัน ข้าก็ยินดีทำให้สมหวัง ไยต้องมาที่นี่อีก?”เมื่อเห็นหญิงสาวพูดจาไม่น่าฟัง หลินจือเยว่ก็ขมวดคิ้วไม่พอใจ เขายอมมาขอโทษด้วยตัวเองก็ถือว่าให้เกียรติตระกูลซ่งมากแล้ว
“นึกถึงตอนแรกนางได้พบรั่วเจินก็รู้สึกชอบมากเป็นพิเศษ บัดนี้จะกลายเป็นพี่สะใภ้น้องสะใภ้กันแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าจะบังเอิญมีวาสนาเช่นนี้!”“ยังไม่ใช่อีกหรือ? ข้าเห็นฮวนเอ๋อร์เป็นแม่นางที่ดีคนหนึ่ง อวิ๋นอ๋องเองก็ดีไปหมดทุกอย่าง หลังทั้งคู่แต่งงานกันแล้วจะต้องใช้ชีวิตอย่างดีแน่เจ้าค่ะ” กู้หรูเยียนพูดยิ้มๆ“ข้าได้ยินมาว่าจงเฟยวางแผนให้เช่ออ๋องแต่งงานกับหลิงเชี่ยนเอ๋อร์ เช่ออ๋องคล้ายไม่ยินดีเท่าใดนัก กำลังโวยวายอยู่เชียว”ฮูหยินผู้เฒ่ากู้เล่าข่าวที่เพิ่งได้ยินกลับมา “พระชายาคนก่อนของเช่ออ๋องกลับไม่ได้เรื่อง บัดนี้จะแต่งงานใหม่ หากต้องไปพัวพันกับตระกูลหลิง น่ากลัวว่าจะยุ่งยาก”แม้ว่าปกติราชครูกู้ไม่เล่าเรื่องในราชสำนักให้นางฟังสักเท่าใด แต่กลับมาครั้งนี้ เรื่องที่ซ่งหลินประสบยามอยู่เมืองผิงหยางมีความเกี่ยวพันกับสกุลหลิงหลายส่วน นางเองก็รู้เรื่องนี้“ข้าได้ยินมาว่าทีแรกเช่ออ๋องมีจิตปฏิพัทธ์ต่อหลิงเชี่ยนเอ๋อร์ ทว่าต่อมาคล้ายทิ้งแผนการไป เพราะเหตุใดตอนนี้จงเฟยถึงยังดึงดันเช่นนี้?”กู้หรูเยียนขมวดคิ้ว บัดนี้ความสัมพันธ์ระหว่างซ่งหลินและสกุลหลิงดุจน้ำกับไฟ ต่อให้ไม่ฉีกหน้ากัน แต่ทั้งสองฝ่ายกลับ
จนกระทั่งตบยี่สิบฉาดเรียบร้อยแล้ว ใบหน้าเจียงฉิงหลานถูกตบจนบวมเปล่งใบหน้าที่เดิมทีเรียวเล็กบัดนี้เปี่ยมความเจ็บปวด ร้องไห้จนดวงตาบวมแดง ถลึงตาใส่ซ่งรั่วเจินและฉู่จวินถิงอย่างอดไม่ได้ แต่ไหนแต่ไรมานางไม่เคยได้รับโทษเช่นนี้เลย ช่างอัปยศอดสูโดยแท้!เจียงหลูเสวี่ยเห็นสภาพของเจียงฉิงหลาน สายตาเปี่ยมความสงสาร พูดว่า “ฉู่อ๋อง บัดนี้ตบยี่สิบฉาดไปแล้ว เรื่องนี้ก็สมควรจบลงเช่นนี้แล้วกระมัง?”“ภายภาคหน้าหม่อมฉันจะสั่งสอนนางดีๆ ไม่ให้นางพูดจาเหลวไหลไร้สาระอีก อีกทั้งยังไม่ให้นางพูดจาว่าร้ายแม่นางซ่งอีกแม้ประโยคเดียว”ฉู่จวินถิงไม่คิดถือสาให้มากความ อย่างไรเสียก็ต้องไว้หน้าเซียวอ๋องอยู่บ้างเห็นสองพี่น้องจากไปแล้ว ที่ด้านนอกยังสามารถมองเห็นเจียงฉิงหลานสะบัดมือเจียงหลูเสวี่ยออกอย่างไม่สบอารมณ์ได้อีกด้วย“ล้วนเป็นเพราะท่าน! ถึงขั้นเห็นคนตายแล้วไม่ช่วย! ข้าเป็นน้องสาวแท้ๆ ของท่านนะ รอข้ากลับไปแล้วจะบอกท่านพ่อท่านแม่!”เจียงหลูเสวี่ยเผยสีหน้าระอา “น้องหญิง ใช่ว่าเจ้าไม่รู้อุปนิสัยของฉู่อ๋อง หากไม่ใช่เพราะเจ้าพูดจาเหลวไหลล่วงเกินฉู่อ๋อง เรื่องก็คงไม่กลายเป็นเช่นนี้ เหตุใดถึงโทษข้าเล่า?”“อิงตามท
เห็นได้ชัดว่าเจียงฉิงหลานคิดไม่ถึงว่าซ่งจิ่งเซินจะรู้เรื่องนี้ หน้าแดงก่ำขึ้นมาในทันใด นางไม่คิดว่าการกระทำของตนมีอันใดไม่เหมาะสม เพียงแต่ฟังจากปากของคนอื่น เห็นได้ชัดว่าไม่น่าฟังอย่างมากทั้งๆ ที่นางไปช่วยพี่สาวให้ได้รับความโปรดปราน!เดิมทีนางก็ไม่คิดแย่งสามีจากพี่สาว หากนางไม่ช่วย ก็ไม่สามารถรักษาตำแหน่งพระชายาในอนาคตของพี่สาวเอาไว้ได้!ฉู่มู่เหยาได้ยินถ้อยคำนี้ของซ่งจิ่งเซิน รู้สึกไม่อาจทนไหว นางก็รู้เพียงคนผู้นี้อ้าปากก็ไม่ธรรมดา“พี่สะใภ้ พี่สี่ท่านกลับเหมือนที่ท่านพูด ข่าวว่องไวไม่ธรรมดา ก่อนหน้านี้ข้าพบข่าวนี้เข้าโดยบังเอิญถึงเกิดข้อสันนิษฐาน คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะรู้อยู่แล้ว นี่เก่งกาจเกินไปแล้วกระมัง!”เรื่องพรรค์นี้ก่อนยืนยันให้แน่ใจ สกุลเจียงไม่มีวันเปิดเผยออกมา จนถึงตอนนี้ก็ไม่ได้ยินข่าวทางด้านนี้ ซ่งจิ่งเซินกลับรู้ดี“เขารู้ข่าวแต่ละครอบครัวค่อนข้างดีเพคะ”ซ่งรั่วเจินยิ้มน้อยๆ ทำการค้าขายย่อมสืบข่าวทุกชนิดได้อย่างง่ายดาย แต่ก่อนหน้านี้พี่ไม่ใส่ใจสิ่งเหล่านี้มากนักบัดนี้รู้เรื่องเหล่านี้ น่ากลัวว่าเพราะนางจะแต่งงานกับท่านอ๋อง ดังนั้นเขาจึงตั้งใจไปทำความเข้าใจสถานการณ์
ซ่งรั่วเจินมิได้คาดคิดมาก่อนว่า เรื่องซุบซิบจะพาดพิงไปถึงฉู่จวินถิง สมกับเป็นบุรุษในดวงใจของบุตรีตระกูลสูงศักดิ์ เจียงฉิงหลานก็หวังจะได้แต่งงานกับเขาเช่นกัน ฉู่มู่เหยาก็มิได้คาดคิดถึงเรื่องนี้เช่นกัน สีหน้าแปรเปลี่ยนจากนิ่งงันไร้วาจา เป็นความเกลียดชังอย่างหาที่เปรียบมิได้ “นางช่างเพ้อฝันจริง ๆ มิมองบ้างว่าสตรีทาแป้งแต่งหน้าธรรมดาเช่นนาง อย่าว่าแต่จะคู่ควรกับเสด็จพี่สามเลย แม้แต่เสด็จพี่รองก็มิอาจคู่ควร!” ซ่งรั่วเจิน “…” มิรู้ว่าเช่ออ๋องได้ยินถ้อยคำนี้เข้า จะกระอักเลือดหรือไม่ “ก่อนหน้านี้ฮองเฮาเลือกสตรีที่เหมาะสมไว้มากมาย เพื่อสู่ขอให้แก่ฉู่อ๋อง เรื่องนี้เจ้าก็มิใช่ว่าจะมิรู้ แม้ข้ามิเคยได้พบซ่งรั่วเจิน แต่ก็รู้ได้ว่า สามารถทำให้ฉู่อ๋องให้ความสำคัญถึงเพียงนี้ ย่อมมิใช่สตรีธรรมดาเป็นแน่” “ในพระราชวัง ผู้คนล้วนสรรเสริญนางว่าเป็นสตรีผู้เลอโฉม ยากจะพานพบ ยิ่งมิต้องพูดถึงเรื่องที่นางเชี่ยวชาญในศาสตร์ลี้ลับเลย แม้แต่ฝีมือการแพทย์ก็มิใช่ธรรมดา” “เจ้าลองขบคิดให้ถี่ถ้วนเถิด… เจ้านั้นเทียบนางได้จริงหรือ?” เจียงลู่เสวี่ยมีสีหน้าจริงจัง นับตั้งแต่ที่นางเข้าสู่เชื้อพระว
ซ่งรั่วเจินหลุบดวงตาคู่งามลงเล็กน้อย สตรีนั้นก็มักแบกรับแรงกดดันอันใหญ่หลวงมาแต่ไหนแต่ไร โดยเฉพาะเมื่อแต่งเข้าสู่เชื้อพระวงศ์ สิ่งที่ต้องแบกรับคือเกียรติยศของตระกูลทั้งตระกูล คิดไปแล้ว สกุลเจียงนำทุกสิ่งทุกอย่างมาสนับสนุนองค์ชายใหญ่ อย่างไรเสียก็เป็นบุตรสายตรง ความเป็นไปได้ที่จะช่วงชิงราชบัลลังก์ในภายหน้าไม่น้อยเลยทีเดียว ฉู่มู่เหยาตกอยู่ในความเงียบ นางเติบโตในพระราชวัง แท้จริงแล้วก็เห็นเล่ห์กลลับลวงที่มิอาจเปิดเผยเหล่านั้นมาไม่น้อย เพียงแต่เสด็จแม่ปกป้องนางเอาไว้เป็นอย่างดีมาโดยตลอด แม้นจะพบพานปัญหาใด ๆ ก็ไม่เคยทำให้นางต้องเป็นทุกข์เลย บัดนี้เมื่อเห็นสถานการณ์ของพี่สะใภ้ใหญ่เช่นนี้ นางก็รู้สึกว่าตนช่างอยู่ในความสุขโดยมิรู้คุณค่าของความสุขนั้นเสียเลย เจียงฉิงหลานเมื่อเห็นว่าเจียงลู่เสวี่ยมิได้ปฏิเสธตรง ๆ ก็พลันปลื้มปีติอยู่ในใจ “ท่านพี่ แท้จริงแล้วที่ข้ามาบอกท่านก่อนนั้น ก็เพราะหวังดีต่อท่าน” “ท่านก็รู้ดีถึงอุปนิสัยของท่านพ่อ เรื่องใดที่เขาตัดสินแล้ว ใครก็มิกล้าโต้แย้ง พวกเรามีใจผูกพันกันที่สุดมาแต่เยาว์ ข้าเองก็มิประสงค์ให้ท่านถูกตำหนิยามกลับไป ด้วยเหตุนี้ข้าจ
ฉู่มู่เหยมองดูท่าทางพี่สะใภ้ของตน แล้วอดรู้สึกขันมิได้ “พี่สะใภ้ หากเป็นสตรีทั่วไป ที่กำลังจะแต่งเข้าเชื้อพระวงศ์ ย่อมต้องทำความเข้าใจเหตุการณ์เหล่านี้ให้กระจ่างถ้วนถี่เป็นแน่” “หาใช่เพียงแต่เรื่องเสด็จพี่ไม่ เรื่องขององค์ชายและพระชายาอื่น ๆ ย่อมต้องรู้แจ้งเป็นแน่ แต่ดูเจ้าสิ แม้แต่เจียงลู่เสวี่ยเป็นผู้ใด เจ้าก็มิรู้” ซ่งรั่วเจิน “...” นอกจากคนที่สนิทแล้ว นางก็มิได้ใส่ใจเรื่องอื่นมาตั้งแต่ไหนแต่ไร “หรือว่าจะเป็นพระชายาของเซียวอ๋อง ผู้เป็นองค์ชายใหญ่?” ซ่งรั่วเจินคาดเดาออกมา แม้นางจะมิรู้จักเจียงลู่เสวี่ย แต่ดูจากอายุแล้ว ก็คงเป็นพระชายาขององค์ชายใหญ่หรือองค์ชายรอง แต่เช่ออ๋อง องค์ชายรอง บัดนี้หาได้มีพระชายาไม่ เช่นนั้น ความเป็นไปได้มากที่สุดก็คือองค์ชายใหญ่ “ถูกต้อง ก็คือพี่สะใภ้ใหญ่” ฉู่มู่เหยาพยักหน้าเล็กน้อย “ก่อนหน้านี้ก็ได้ยินข่าวนี้มาแล้ว แต่ก่อนเคยพบเจียงฉิงหลานมิใช่แค่เพียงคราเดียว นางเป็นผู้ที่ชอบพึ่งบารมีผู้สูงศักดิ์” “แท้จริงแล้วข้ารู้สึกว่า ต้นตระกูลของนางก็มีอยู่เพียงเท่านั้น ปรารถนาจะแต่งเข้าตระกูลดีมิแปลก เพียงแต่นางกลับหมายตาพี่เขยของตน
ฉู่มู่เหยาอดมิได้ที่จะใฝ่ฝัน นางรู้สึกว่าไม่ว่าจะเสด็จพี่สามหรือเสด็จพี่ห้าล้วนดีทั้งคู่ ก่อนหน้านี้ เสิ่นหวยอันก็สุภาพอ่อนโยนและถ่อมตนต่อหน้านาง นางเคยคิดมาโดยตลอดว่าเขาเป็นสุภาพชนผู้เที่ยงธรรม บัดนี้ เมื่อนางเห็นสิ่งที่เขากระทำลับหลังทั้งหมดนี้ ก็เพียงรู้สึกรังเกียจเป็นอย่างยิ่ง “เดิมทีข้ายังรังเกียจซ่งปี้อวิ๋นอยู่ บัดนี้กลับรู้สึกว่านางก็น่าสงสารอยู่ไม่น้อย แต่งกับบุรุษเช่นนี้ ยังจะหวังสิ่งใดได้อีกเล่า?” ทั้งสองเอ่ยพลางก้าวเข้าไปในร้านค้า แม้ในพระราชวังจะพระราชทานรางวัลมามิใช่น้อย จวนอ๋องยิ่งเตรียมการไว้อย่างพิถีพิถันในทุกที่ แม้แต่ผ้านวมก็ยังเตรียมไว้หลายชุด แต่ในเมื่อคิดจะจัดแต่งห้องใหม่ สิ่งของที่ต้องเติมแต่งก็มีไม่น้อย ซ่งรั่วเจินมองแท่นฝนหมึกในร้านค้า และกำลังจะหยิบมาดู ก็ถูกฉู่มู่เหยาลากไปด้านข้าง “ชู่” ฉู่มู่เหยาชูนิ้วหนึ่งขึ้นแตะบนริมฝีปาก ส่งสัญญาณให้นางอย่าได้เอ่ยวาจา ระหว่างคิ้วของซ่งรั่วเจินฉายแววประหลาดใจวูบหนึ่ง มองตามสายตาของฉู่มู่เหยาไป ก็เห็นสตรีสองนางอยู่เบื้องหน้า หนึ่งในนั้นแต่งกายงดงามตระการ ใบหน้าอ่อนหวานละมุน เพียงเห็นการ
ในขณะที่ฉู่มู่เหยาพร้อมพรรคพวกทั้งสี่คนกำลังเดินอยู่บนถนนในเมืองหลวง ก็บังเอิญเจอกับเสิ่นหวยอันที่เพิ่งไปตามหมอมา ในชั่วขณะที่ทั้งสองได้พบกัน ใบหน้าของเสิ่นหวยอันก็ฉายแววตื่นตะลึงวูบหนึ่ง แต่เมื่อนึกย้อนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้า ก็ประหนึ่งว่าเข้าใจขึ้นมาโดยถ่องแท้ ตลอดทางนี้ เขาค่อย ๆ สงบสติอารมณ์ลง ก่อนจะตระหนักได้ว่าสถานการณ์มีบางอย่างไม่ชอบมาพากล ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ได้มีนัดหมายว่าจะพบกับองค์หญิงแล้ว แต่เขากลับมิได้เห็นแม้แต่หน้าขององค์หญิง ราวกับว่าถูกคนตีจนหมดสติ ครั้นเมื่อตื่นขึ้นอีกครั้งก็อยู่บนตั่งเดียวกับซ่งปี้อวิ๋นแล้ว อีกทั้งยังมีคนของทางการมาตามหาอีก “มู่เหยา ข้าจริงใจต่อท่าน ไยท่านต้องทำเช่นนี้ต่อข้า?” เสิ่นหวยอันรีบพุ่งเข้ามาอย่างเร่งร้อน พลันเอ่ยถามด้วยความคั่งแค้น ทั้ง ๆ ที่แต่ก่อนพวกเขายังมีใจตรงกันผูกพันมั่น ทั้งที่กำลังไปได้ด้วยดี ไฉนกลับกลายเป็นเช่นนี้? นางถึงขั้นมิยอมให้โอกาสเขาได้เอ่ยอธิบายแจ้งชัดเลยสักครั้ง ก็ลงมือกับเขาอย่างเหี้ยมเกรียมถึงเพียงนี้! วันนี้เมื่อเรื่องนี้เกิดขึ้น ชื่อเสียงของเขาย่อมยับเยินเป็นแน่แท้ หากเด็กใ
“ผ่านมาพอดี เห็นว่าเกิดเรื่องครึกครื้นขึ้นจึงมาจิบชาชมความครึกครื้นดูสักหน่อย”ฉู่จวินถิงให้ซ่งรั่วเจินนั่งลงก่อน เขาค่อยนั่งลงข้างกายนางซ่งจิ่งเซินมองน้องสาวของตนเอง บอกว่าบังเอิญ เขาไม่ค่อยจะเชื่อนัก แต่ถ้าบอกว่าน้องสาวตนเองทำนายเรื่องนี้ออกมาได้ เขากลับรู้สึกว่ามีความเป็นไปได้ข้อนี้อยู่“พี่สะใภ้ คำพูดเมื่อครู่ของท่านหมายความว่าอย่างไรหรือ?” ฉู่มู่เหยาออกจะสนใจใคร่รู้ รู้สึกว่าคำพูดของพี่สะใภ้มักฟังดูลึกลับเสมอซ่งรั่วเจินยิ้มพราย กล่าวอย่างเปิดเผยว่า “เด็กบางคนอยู่ในท้องก็สามารถสัมผัสได้ถึงความรักของคนเป็นพ่อแม่ เด็กทุกคนล้วนหวังว่าจะได้ถือกำเนิดมาท่ามกลางความตั้งตารอคอยของพ่อแม่”“ถ้าความรู้สึกของเด็กคนนี้เฉียบไว ทั้งยังสัมผัสได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่ไม่ดี กระทั่งว่าการเกิดของเขายังไม่เป็นที่ตั้งตารอคอยนัก เขาก็จะเลือกจากไป”“ไม่รู้ว่าเจ้าเคยได้ยินหรือไม่ ขณะที่ผู้หญิงตั้งครรภ์ สามีไม่ควรทะเลาะกับนางบ่อยๆ หากทะเลาะกันรุนแรงเกินไป เป็นไปได้มากว่าอาจสูญเสียลูกน้อยไปได้ นี่เป็นเพราะสรรพสิ่งล้วนมีจิตวิญญาณ”ฉู่มู่เหยาเบิกตาโพลง “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ก่อนหน้านี้ข้าก็เคยได้ย