อ๋องอี๋หยางจับจ้องตงฟางหลีสักพัก มุมปากก็ยกโค้งขึ้นน้อย ๆสำหรับเป่ยลู่แล้ว จีอู๋เยียนที่เคยบุกฝ่าเข้าไปชิงเตียงหยกเย็นพันปีตามลำพังก็ไม่ต่างอันใดไปจากน้ำป่าไหลหลากหรือสัตว์ดุร้ายลำพังแค่จีอู๋เยียนคนเดียว ก็สามารถสยบทั่วทั้งเป่ยลู่ได้แล้วเจ้าเจ็ดเสนอให้จีอู๋เยียนเข้าร่วมอยู่ภายใต้ธงของเงา เป็นเพรา
“ข้าจะตีเจ้าคนโชคร้ายอย่างเจ้าให้ตาย!”ตงฟางหลีจึงแค่นเสียงเย็นพลางเดินมาที่ข้างกายฉินเหยี่ยนเย่ว์ลู่จิ้นไม่พอใจยิ่งนัก ก่อนจะพับแขนเสื้อหมายจะทะเลากับตงฟางหลี“พวกท่านสองคนเงียบปากเสียเถอะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ปวดศีรษะ“พี่เจ็ด ท่านนั่งตรงนี้ ศิษย์พี่ ท่านนั่งฝั่งตรงข้าม หากยังทะเลาะกันอีกข้าจะลงโทษให้
“นั่งลงให้ดี ๆ กินของตัวเองไป ผู้ใดยังกล้าคีบอาหารมั่วซั่วอีกล่ะก็ ข้าก็จะเอาเครื่องแกงที่เดือดปุด ๆ หม้อนี้เทราดหัวของผู้นั้นเสีย” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูดเอ็ด “แต่ละคน กินข้าวดี ๆ กันไม่เป็นหรือไร” ตงฟางอิงเห็นว่าฉินเหยี่ยนเย่ว์โมโหขึ้นมาแล้ว ไม่กล้าก่อเรื่องซ้ำอีก นั่งลงอย่างว่านอนสอนง่ายลู่จิ้นนั้นถ
งดงามจนเกินกว่าจะจินตนาการได้“พี่เจ็ด ท่านช่วยหยิกหม่อมฉันสักครั้งสิเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กระตุกชายแขนเสื้อตงฟางหลี “มิใช่ว่าหม่อมฉันกำลังฝันไปอยู่กระมัง?”ตงฟางหลีจึงหยิกจมูกของนาง “คนโง่”“ยามนี้เพิ่งจะมารู้ว่าการมีความรู้ตื้นเขินเป็นเรื่องที่น่ากลัวเพียงใด” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ทอดถอนใจ “ได้เห็นทิวทัศน
“เป็นสามีภรรยากันนานแล้ว ท่านจริงจังกว่านี้สักหน่อยเถิดเพคะ”ตงฟางหลีจึงกอดอก ปั้นสีหน้าเย็นชา บนใบหน้าหล่อเหลานั้นดูมีท่าทีจริงจัง “ข้าคิดมาตลอดว่าข้าค่อนข้างจริงจัง เที่ยงตรง และเปี่ยมไปด้วยความชอบธรรม”ฉินเหยี่ยนเย่ว์ตัวสั่นสะท้านคนผู้นี้ มักชอบใช้รูปลักษณ์ภายนอกที่ดูสูงส่งพูดถ้อยคำที่ทำให้ผู้คน
“อีกอย่าง เพื่ออวี้เอ๋อร์แล้วเขาสามารถทำได้ทุกอย่าง การเข้าร่วมกับเงาเพื่ออวี้เอ๋อร์ย่อมไม่เป็นปัญหาเช่นกัน”เขาในยามนี้ สามารถเข้าใจความรู้สึกของจีอู๋เยียนแล้วหากเขายืนอยู่ในจุดของจีอู๋เยียน และเหยี่ยนเย่ว์ยืนอยู่ในจุดของอวี้เอ๋อร์เขาก็สามารถทำได้ทุกอย่างเพื่อเหยี่ยนเย่ว์เช่นกัน“อ้อ? หม่อมฉันถูก
ตงฟางหลีสีหน้าเริ่มเข้มขึ้น ในเวลาเช่นนี้ บรรยากาศเช่นนี้ พูดถึงเจ้าแมวโง่ตัวนั้นทำไม?“เฮยตั้นไม่อยู่” เขาพูดน้ำเสียงไม่พอใจ“ไม่อยู่? ไปที่ใดกันเพคะ?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เลิกผ้าห่มออก ในผ้าห่ม มุมเตียง หรือว่าใต้หมอน ล้วนไม่เห็นเงาของเฮยตั้นบ่อยครั้ง ที่เฮยตั้นจะชอบมานอนแผ่หลาอย่างสบายใจบนกลางเตียงข
นางกำชับคำถามที่ต้องถามกับเฟยอิ่งคร่าว ๆ จากนั้นก็กำชับให้เขารีบไปรีบกลับเฟยอิ่งรับคำสั่งเสร็จก็จากไปในระหว่างที่กำลังรอข่าวอยู่นั้น ฉินเหยี่ยนเย่ว์เกิดความกระวนกระวายขึ้นในใจ ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกหวาดกลัวเฮยตั้นรู้ว่านางอยู่ในสภาวะว่างเปล่า จึงคอยคุ้มครองอยู่ข้างกายนางอย่างรอบคอบระแวดระวังมาโดยตลอด
ถึงอย่างไร การโยนรูปภาพของตนเองเข้ากองไฟเช่นนี้ ทำเอารู้สึกแปลก ๆ ยิ่งนัก ราวกับว่านางกำลังโดนเผาอย่างไรอย่างนั้น ทว่า เมื่อคิดกลับกันนั้นเรื่องน่าอายเช่นนี้ หากผู้อื่นพบเข้าละก็ ย่อมต้องนำพาให้รู้สึกอับอายเป็นแน่ฉินเหยี่ยนเย่ว์จึงโยนมันเข้าเตาผิงไฟด้วยใบหน้าเย็นชาเมื่อถ่านไฟในเตาผิงเจอกับกระดาษ
ฉินเหยี่ยนเย่ว์เกือบจะหัวเราะออกมาด้วยความโกรธยามที่ได้ยินคำพูดเหล่านี้ในม้วนภาพวาดมีบางรูปที่นางนอนอยู่ กินอยู่ ทั้งยังมีนั่งเหม่อลอยอีก...นี่ยังน้อย ๆ อย่างมากนางก็แค่ดูเหมือนพวกเซ่อซ่าเท่านั้นแต่นอกจากรูปภาพเหล่านี้แล้ว ยังมีที่มากไปกว่านี้อีกภาพในยามที่นางโมโห ยามที่นางหัวเราะอ้าปากกว้างออกม
“เอ่อ…” ตงฟางหลีชะงักไปครู่หนึ่งเมื่อรู้ว่าตนเองพูดหลุดปากออกไปนั้น เขาจึงแย้มยิ้มเจือน ๆ ออกมา “พระชายางดงามดั่งบุปผาเช่นนี้ ข้าย่อมอดคิดถึงรูปร่างหน้าตาของเจ้าไม่ได้ จึงเริ่มลงมือวาดรูปขึ้นมา น่าเสียดายที่ภาพวาดเหล่านั้น ล้วนแต่เป็นภาพที่ข้าจินตนาการขึ้นมาเอง มีเพียงภาพนี้เท่านั้น ที่ข้าให้พระชาย
“สตรีงามที่ตกอยู่ในความกังวล” ตงฟางหลีจุ่มพู่กันขนาดเล็กลงในจาน พลางโค้งกายลงเล็กน้อย ก่อนจะใช้ปลายพู่กันแต่งแต้มลงไปบนเครื่องประดับไข่มุขบนศีรษะของหญิงงามให้กลายเป็นสีแดง“งามหรือไม่?” ตงฟางหลีเอ่ยถาม“หม่อมฉันย่อมงดงามเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พลันพึมพำกล่าวออกมาด้วยความตกใจว่า “ทักษะการวาดภาพของมือขวา
นางกำชับคำถามที่ต้องถามกับเฟยอิ่งคร่าว ๆ จากนั้นก็กำชับให้เขารีบไปรีบกลับเฟยอิ่งรับคำสั่งเสร็จก็จากไปในระหว่างที่กำลังรอข่าวอยู่นั้น ฉินเหยี่ยนเย่ว์เกิดความกระวนกระวายขึ้นในใจ ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกหวาดกลัวเฮยตั้นรู้ว่านางอยู่ในสภาวะว่างเปล่า จึงคอยคุ้มครองอยู่ข้างกายนางอย่างรอบคอบระแวดระวังมาโดยตลอด
ตงฟางหลีสีหน้าเริ่มเข้มขึ้น ในเวลาเช่นนี้ บรรยากาศเช่นนี้ พูดถึงเจ้าแมวโง่ตัวนั้นทำไม?“เฮยตั้นไม่อยู่” เขาพูดน้ำเสียงไม่พอใจ“ไม่อยู่? ไปที่ใดกันเพคะ?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เลิกผ้าห่มออก ในผ้าห่ม มุมเตียง หรือว่าใต้หมอน ล้วนไม่เห็นเงาของเฮยตั้นบ่อยครั้ง ที่เฮยตั้นจะชอบมานอนแผ่หลาอย่างสบายใจบนกลางเตียงข
“อีกอย่าง เพื่ออวี้เอ๋อร์แล้วเขาสามารถทำได้ทุกอย่าง การเข้าร่วมกับเงาเพื่ออวี้เอ๋อร์ย่อมไม่เป็นปัญหาเช่นกัน”เขาในยามนี้ สามารถเข้าใจความรู้สึกของจีอู๋เยียนแล้วหากเขายืนอยู่ในจุดของจีอู๋เยียน และเหยี่ยนเย่ว์ยืนอยู่ในจุดของอวี้เอ๋อร์เขาก็สามารถทำได้ทุกอย่างเพื่อเหยี่ยนเย่ว์เช่นกัน“อ้อ? หม่อมฉันถูก
“เป็นสามีภรรยากันนานแล้ว ท่านจริงจังกว่านี้สักหน่อยเถิดเพคะ”ตงฟางหลีจึงกอดอก ปั้นสีหน้าเย็นชา บนใบหน้าหล่อเหลานั้นดูมีท่าทีจริงจัง “ข้าคิดมาตลอดว่าข้าค่อนข้างจริงจัง เที่ยงตรง และเปี่ยมไปด้วยความชอบธรรม”ฉินเหยี่ยนเย่ว์ตัวสั่นสะท้านคนผู้นี้ มักชอบใช้รูปลักษณ์ภายนอกที่ดูสูงส่งพูดถ้อยคำที่ทำให้ผู้คน
งดงามจนเกินกว่าจะจินตนาการได้“พี่เจ็ด ท่านช่วยหยิกหม่อมฉันสักครั้งสิเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กระตุกชายแขนเสื้อตงฟางหลี “มิใช่ว่าหม่อมฉันกำลังฝันไปอยู่กระมัง?”ตงฟางหลีจึงหยิกจมูกของนาง “คนโง่”“ยามนี้เพิ่งจะมารู้ว่าการมีความรู้ตื้นเขินเป็นเรื่องที่น่ากลัวเพียงใด” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ทอดถอนใจ “ได้เห็นทิวทัศน