ฉินเหยี่ยนเย่ว์เกือบจะหัวเราะออกมาด้วยความโกรธยามที่ได้ยินคำพูดเหล่านี้ในม้วนภาพวาดมีบางรูปที่นางนอนอยู่ กินอยู่ ทั้งยังมีนั่งเหม่อลอยอีก...นี่ยังน้อย ๆ อย่างมากนางก็แค่ดูเหมือนพวกเซ่อซ่าเท่านั้นแต่นอกจากรูปภาพเหล่านี้แล้ว ยังมีที่มากไปกว่านี้อีกภาพในยามที่นางโมโห ยามที่นางหัวเราะอ้าปากกว้างออกม
ถึงอย่างไร การโยนรูปภาพของตนเองเข้ากองไฟเช่นนี้ ทำเอารู้สึกแปลก ๆ ยิ่งนัก ราวกับว่านางกำลังโดนเผาอย่างไรอย่างนั้น ทว่า เมื่อคิดกลับกันนั้นเรื่องน่าอายเช่นนี้ หากผู้อื่นพบเข้าละก็ ย่อมต้องนำพาให้รู้สึกอับอายเป็นแน่ฉินเหยี่ยนเย่ว์จึงโยนมันเข้าเตาผิงไฟด้วยใบหน้าเย็นชาเมื่อถ่านไฟในเตาผิงเจอกับกระดาษ
เมื่อฉินเหยี่ยนเย่ว์เห็นว่าตนเองเฉไฉไปไม่รอดแล้วนั้น ใบหน้าของนางพลันแดงระเรื่อขึ้นมานางเอนตัวเข้าไปหาตงฟางหลี ก่อนจะกระซิบข้างหูว่า “หม่อมฉันมิได้บอกท่านไปก่อนหน้านั้นแล้วหรือ ว่าหม่อมมิอาจควบคุมแหวนได้ทั้งหมด?”ตงฟางหลีพยักหน้าลง “แค่นี้หรือ? เช่นนั้น เหตุใดถึงมิยอมเอ่ยปากพูดออกมาด้วยเล่า?”“ท่าน
นางนึกเสียใจที่เอ่ยคำพูดเหล่านั้นกับตงฟางหลียิ่งนักก่อนหน้านั้น บุรุษผู้นี้ยังเป็นห่วงเป็นกังวลในสุขภาพของนาง จนมิกล้าทำอะไรรุนแรงเกินไปอยู่เลย หลังจากเมื่อวานรู้ว่าร่างกายและจิตใจของนางกลับมาแข็งแรงแล้วนั้น เขาก็ยิ่งทำตัวไร้ยางอายมากขึ้นไปอีก“ตื่นแล้วหรือ?” ไป๋โค้วเดินแย้มยิ้มเข้ามา พร้อมกับน้ำร
ฉินเหยี่ยนเย่ว์พลันเลิกคิ้วขึ้นนางหาได้เคยถามเรื่องไป๋โค้วอย่างละเอียดไม่ทั้งยังนึกสงสัยมาโดยตลอดว่า เหตุใดตงฟางหลีถึงได้เลือกสตรีทำร้ายบ้านช่องมาไว้ในจวนเช่นนี้“ก่อนหน้านั้นเจ้าทำอันใดมา?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์นึกสนใจขึ้นมาในทันที “เปิดบ่อนพนันงั้นหรือ?”“ใช่และไม่ใช่” ไป๋โค้วกล่าว “หม่อมฉันมีฉายาหนึ่
ไป๋โค้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ก่อนหน้านั้น หม่อมฉันใช้ชีวิตอย่างอิสระ ทั้งยังมีชื่อเสียงโด่งดังในใต้หล้าอีก หลังจากที่หม่อมฉันคิดอยากจะให้บ่อนพนันทั่วทั้งใต้หล้ามีกิจการรุ่งเรื่องอู้ฟู้นั้น หม่อมฉันก็ได้มาพบกับท่านอ๋องเข้า”“ท่านอ๋องบอกกับหม่อมฉันว่า การพนันเป็นเรื่องที่ผิดศีลธรรม มีคนไม่น้อยเลยที่ต
หนาว!น้ำเย็นจัดที่ไหลเข้าจมูกและลำคอนั้น ทำเอาไม่สามารถหายใจได้ในทันทีฉินเหยี่ยนเย่ว์พลันรู้สึกได้ว่า ศีรษะของนางกำลังถูกใครบางคนกดเอาไว้ทำให้มิอาจลุกออกมาจากน้ำเย็นได้ในระหว่างที่นางกำลังดิ้นทุรนทุรายอยู่นั้น ฉินเหยี่ยนเย่ว์พลางเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มชั่วร้ายผ่านคลื่นน้ำที่กระจายไปมาได้ใน
“เฮ้อ พูดถึงโจโฉโจโฉก็มาหา” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เอ่ยขึ้นมาด้วยสีหน้าที่เย็นชาท่านอ๋องสามในความทรงจำของเจ้าของเดิมนั้น เป็นบุรุษเจ้าชู้โดยแท้ฉินเหยี่ยนเย่ว์จึงลุกขึ้นมาสวมใส่เสื้อผ้า พร้อมทั้งเป่าผมให้แห้งอย่างลวก ๆเดิมทีร่างกายนี้ยังอ่อนแอมากนัก แม้ว่าจักจะอาบน้ำต้มยาเพื่อขับไล่ความหนาวเย็นออกไปแล้วก
ไป๋โค้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ก่อนหน้านั้น หม่อมฉันใช้ชีวิตอย่างอิสระ ทั้งยังมีชื่อเสียงโด่งดังในใต้หล้าอีก หลังจากที่หม่อมฉันคิดอยากจะให้บ่อนพนันทั่วทั้งใต้หล้ามีกิจการรุ่งเรื่องอู้ฟู้นั้น หม่อมฉันก็ได้มาพบกับท่านอ๋องเข้า”“ท่านอ๋องบอกกับหม่อมฉันว่า การพนันเป็นเรื่องที่ผิดศีลธรรม มีคนไม่น้อยเลยที่ต
ฉินเหยี่ยนเย่ว์พลันเลิกคิ้วขึ้นนางหาได้เคยถามเรื่องไป๋โค้วอย่างละเอียดไม่ทั้งยังนึกสงสัยมาโดยตลอดว่า เหตุใดตงฟางหลีถึงได้เลือกสตรีทำร้ายบ้านช่องมาไว้ในจวนเช่นนี้“ก่อนหน้านั้นเจ้าทำอันใดมา?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์นึกสนใจขึ้นมาในทันที “เปิดบ่อนพนันงั้นหรือ?”“ใช่และไม่ใช่” ไป๋โค้วกล่าว “หม่อมฉันมีฉายาหนึ่
นางนึกเสียใจที่เอ่ยคำพูดเหล่านั้นกับตงฟางหลียิ่งนักก่อนหน้านั้น บุรุษผู้นี้ยังเป็นห่วงเป็นกังวลในสุขภาพของนาง จนมิกล้าทำอะไรรุนแรงเกินไปอยู่เลย หลังจากเมื่อวานรู้ว่าร่างกายและจิตใจของนางกลับมาแข็งแรงแล้วนั้น เขาก็ยิ่งทำตัวไร้ยางอายมากขึ้นไปอีก“ตื่นแล้วหรือ?” ไป๋โค้วเดินแย้มยิ้มเข้ามา พร้อมกับน้ำร
เมื่อฉินเหยี่ยนเย่ว์เห็นว่าตนเองเฉไฉไปไม่รอดแล้วนั้น ใบหน้าของนางพลันแดงระเรื่อขึ้นมานางเอนตัวเข้าไปหาตงฟางหลี ก่อนจะกระซิบข้างหูว่า “หม่อมฉันมิได้บอกท่านไปก่อนหน้านั้นแล้วหรือ ว่าหม่อมมิอาจควบคุมแหวนได้ทั้งหมด?”ตงฟางหลีพยักหน้าลง “แค่นี้หรือ? เช่นนั้น เหตุใดถึงมิยอมเอ่ยปากพูดออกมาด้วยเล่า?”“ท่าน
ถึงอย่างไร การโยนรูปภาพของตนเองเข้ากองไฟเช่นนี้ ทำเอารู้สึกแปลก ๆ ยิ่งนัก ราวกับว่านางกำลังโดนเผาอย่างไรอย่างนั้น ทว่า เมื่อคิดกลับกันนั้นเรื่องน่าอายเช่นนี้ หากผู้อื่นพบเข้าละก็ ย่อมต้องนำพาให้รู้สึกอับอายเป็นแน่ฉินเหยี่ยนเย่ว์จึงโยนมันเข้าเตาผิงไฟด้วยใบหน้าเย็นชาเมื่อถ่านไฟในเตาผิงเจอกับกระดาษ
ฉินเหยี่ยนเย่ว์เกือบจะหัวเราะออกมาด้วยความโกรธยามที่ได้ยินคำพูดเหล่านี้ในม้วนภาพวาดมีบางรูปที่นางนอนอยู่ กินอยู่ ทั้งยังมีนั่งเหม่อลอยอีก...นี่ยังน้อย ๆ อย่างมากนางก็แค่ดูเหมือนพวกเซ่อซ่าเท่านั้นแต่นอกจากรูปภาพเหล่านี้แล้ว ยังมีที่มากไปกว่านี้อีกภาพในยามที่นางโมโห ยามที่นางหัวเราะอ้าปากกว้างออกม
“เอ่อ…” ตงฟางหลีชะงักไปครู่หนึ่งเมื่อรู้ว่าตนเองพูดหลุดปากออกไปนั้น เขาจึงแย้มยิ้มเจือน ๆ ออกมา “พระชายางดงามดั่งบุปผาเช่นนี้ ข้าย่อมอดคิดถึงรูปร่างหน้าตาของเจ้าไม่ได้ จึงเริ่มลงมือวาดรูปขึ้นมา น่าเสียดายที่ภาพวาดเหล่านั้น ล้วนแต่เป็นภาพที่ข้าจินตนาการขึ้นมาเอง มีเพียงภาพนี้เท่านั้น ที่ข้าให้พระชาย
“สตรีงามที่ตกอยู่ในความกังวล” ตงฟางหลีจุ่มพู่กันขนาดเล็กลงในจาน พลางโค้งกายลงเล็กน้อย ก่อนจะใช้ปลายพู่กันแต่งแต้มลงไปบนเครื่องประดับไข่มุขบนศีรษะของหญิงงามให้กลายเป็นสีแดง“งามหรือไม่?” ตงฟางหลีเอ่ยถาม“หม่อมฉันย่อมงดงามเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พลันพึมพำกล่าวออกมาด้วยความตกใจว่า “ทักษะการวาดภาพของมือขวา
นางกำชับคำถามที่ต้องถามกับเฟยอิ่งคร่าว ๆ จากนั้นก็กำชับให้เขารีบไปรีบกลับเฟยอิ่งรับคำสั่งเสร็จก็จากไปในระหว่างที่กำลังรอข่าวอยู่นั้น ฉินเหยี่ยนเย่ว์เกิดความกระวนกระวายขึ้นในใจ ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกหวาดกลัวเฮยตั้นรู้ว่านางอยู่ในสภาวะว่างเปล่า จึงคอยคุ้มครองอยู่ข้างกายนางอย่างรอบคอบระแวดระวังมาโดยตลอด