หนูจ๋าเปิดกล่องโน้นกล่องนี้ จับชิ้นนั้นชิ้นนี้มาทาบลอง มือเรียวบางจับเครื่องประดับแต่ละชิ้นอย่างทะนุถนอม เธอชื่นชมด้วยสายตาและการสัมผัสอย่างมีความสุข เธอทำราวกับโลกนี้มีแค่เธอกับกองเครื่องเพชรเครื่องพลอยมูลค่าพันล้านตรงหน้า
เพลิงตะวันนั่งมองน้องสะใภ้แล้วก็ได้แต่ส่ายหน้า ช่างแพ้ท้องได้สมฐานะลูกสะใภ้พ่อเพชรและแม่กระแตเหลือเกิน ชายหนุ่มมองซ้ายขวา ก่อนล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง เหลือบมองคนโน้นคนนี้ดูท่าทีลาดเลา เมื่อไม่มีใครมองมาทางเขา เขาจึงกดถ่ายรูปหนูจ๋าหลายๆรูปแล้วส่งไปให้น้องชาย
หนูจ๋าเลือกเครื่องเพชรอยู่นาน เธอรู้สึกว่าชิ้นโน้นก็สวยชิ้นนี้ก็ดี เธอตัดสินใจเลือกไม่ถูก ใจเธออยากเก็บเอาไว้ทั้งหมด แต่มันมากเกินไป แม่กระแตจะมองเธอว่าโลภมากหรือเปล่า เมื่อเลือกไม่ได้ เพราะว่าอยากเก็บไว้ทั้งหมด หนูจ๋าจึงทำหน้าหงอยคิดหนัก แม่กระแตเห็นดังนั้นจึงแย้มยิ้มก่อนเอ่ยถามว่า
“ไม่ถูกใจซักชิ้นหรือจ๊ะ ถ้างั้นเดี๋ยวแม่ให้คนเอามาให้เลือกใหม่นะ”
หนูจ๋าเงยหน้าสบตาผู้สูงวัย เธอส่ายหน้าน้อยๆ ก่อนบอกเสียงเบาว่า
“หนูชอบทุกชิ้นเลยค่ะคุณแม่ สวยทุกชิ้นเลยค่ะ แต่หนูคงไม่กล
“เอ่อ...พี่กระต่ายถอดเสื้อออกก่อนนะคะ ไม่งั้นมันเช็ดไม่สะดวกค่ะ” หนูจ๋าบอกเสียงเบา หลบตาเขินอาย เธอเป็นคนบอกเขาถอดเสื้อ แต่เธอก็ต้องกลายเป็นคนหน้าแดงเสียเอง หนูจ๋าก้มหน้ามองผ้าในมือ ขณะรอให้คนป่วยถอดเสื้อ“พี่ปวดเมื่อยไปทั้งตัวเลยครับ ไม่มีแรงยกแขนเลย หนูจ๋าช่วยถอดเสื้อให้พี่หน่อยได้ไหมครับ” พ่อคนได้ที อ้อนน้องเสียงอ่อนเสียงเบาน่าสงสารหนูจ๋าเงยหน้าสบตาเขา หญิงสาวทำปากยื่นบ่นอุบอิบ แต่ก็ยอมทำตามที่เขาขอร้อง“ก็ได้ค่ะ ยกแขนขึ้นสิคะ”กระต่ายน้อยยกแขนขึ้น อำนวยความสะดวกให้น้องถอดเสื้อยืดสีขาวด้วยความเต็มใจ เขาเป็นผู้ป่วยนิสียดี ให้ความร่วมมือกับน้องทุกอย่างหนูจ๋าก้มหน้าก้มตาเช็ดตัวให้เขาอย่างเบามือ ระหว่างเช็ดตัวให้เขาหนูจ๋าไม่กล้ามองสบตาด้วย แม้ยามถูกรุมเร้าไปด้วยพิษไข้ แต่สายตาคมปลาบของเขาก็ยังคงทำให้เธอเขินสะเทิ้นอายได้เหมือนเดิมหนูจ๋าเช็ดหน้าอก หลัง และแขนเรียบร้อย หญิงสาวจึงลุกขึ้นยืนถือกะละมังขึ้น เพื่อจะเอาไปเก็บในห้องน้ำ แต่คนป่วยก็รีบคว้าข้อมือเธอไว้ก่อน“หนูจ๋ายังเช็ดไม่เสร็จเลย” กระต่ายน้อยว่าแล้วหลุบตามองท่อนล่างของตน พยาบา
“คงไม่เป็นไรหรอก ดูท่าทางแล้วแข็งแรงอยู่ คงออกกำลังกายประจำ ดูๆไปก่อนถ้าพี่เขาไม่ไหวจริงๆค่อยบอกให้มานั่งพัก” เจ้าดินบอกให้น้องๆสบายใจ เพราะพอเจ้าไฟบอกว่าคุณแม่จะจัดการขั้นเด็ดขาด สีหน้าของน้องๆอีกสองคนก็เปลี่ยนไปทันที มีความหวาดกลัวฉาบฉายอยู่บนใบหน้าอย่างเห็นได้ชัด ก็อย่างที่รู้ๆกัน แม้คุณป๋าผู้สั่งการให้พวกเขานั่งเฝ้าพี่เขยทำงานจะเป็นหัวหน้าครอบครัว แต่เหนือคุณป๋าก็ยังมีคุณแม่ที่คอยกำกับดูแล และเป็นใหญ่ที่สุดในบ้านเพชรนิลต้องขุดดินตากแดดตลอดทั้งวัน ขนาดช่วงพักเที่ยงเขายังไม่ได้กลับบ้าน ป๋าฟ้าสั่งให้คนงานเอาข้าวกลางวันมาให้เขาและเหล่าสี่กุมารถึงท้ายไร่ ความหวังว่าจะเห็นหน้าเมียสักแป๊บหนึ่งเพื่อเป็นกำลังใจก่อนจะทำงานต่อภาคบ่ายเป็นอันต้องพับเก็บไปได้เลย จะบ่นมาก จะโวยวาย จะประท้วงก็ไม่กล้า เพราะกลัวว่าหากทำอะไรให้เป็นที่ไม่พอใจของพ่อตาแล้ว ท่านจะไล่เขากลับบ้าน แล้วยกเอาเหตุผลที่เขาทำงานได้ไม่ตลอดรอดฝั่งทั้งวันมาเป็นข้ออ้างได้ว่า งานแค่นี้ยังทำไม่ได้ แล้วจะเอาปัญญาที่ไหนมาดูแลลูกสาวท่านได้กระทั่งตะวันตกดิน เจ้าสี่กุมารขับซาเล้งพาเขากลับบ้าน เพชรนิลสู้อุตส่าห์รีบอาบน้ำเ
“รับทราบครับ” เพชรนิลยิ้มให้เด็กหนุ่มทั้งสี่ แล้วเลื่อนประตูปิด ไม่ถึงห้านาทีเขาก็เปลี่ยนชุดเสร็จ ชายหนุ่มสวมรองเท้าผ้าใบ กางเกงยีนส์ เสื้อยืดและสวมทับด้วยเสื้อยีนส์แขนยาว เขาสวมหมวกแก๊ปของทีมฟุตบอลทีมโปรด สัญลักษณ์บนหมวกที่เด่นชัด ทำให้เจ้าสี่กุมารที่นั่งรออยู่บนมอเตอร์ไซด์พ่วงซาเล้งตาลุกวาว“หมวกพี่กระต่ายเท่สุด” เจ้าไฟที่นั่งอยู่ส่วนพ่วงด้านข้างทักขึ้น เขามองด้วยสายตาหลงใหลเพชรนิลยิ้ม สัญชาตญาณผู้บริหารทำให้เขาฉกชิงโอกาสทันที“แลกกันไหม” เพชรนิลถาม เจ้าไฟตาลุกวาวเพชรนิลถอดหมวกยื่นให้ไฟ แฝดน้องคนสุดท้องมองตาพี่ทั้งสามขอความเห็น เจ้าดินที่นั่งประจำตำแหน่งคนขับส่ายหน้าเป็นเชิงบอกว่าไม่ให้รับ แต่เจ้าน้ำที่นั่งซ้อนท้ายดินอยู่ และเจ้าลมที่นั่งอยู่บนพื้นซาเล้งรีบพยักหน้าบอกให้รับ เมื่อมติเสียงข้างมากบอกว่ารับได้ เจ้าไฟก็รีบถอดหมวกของตนยื่นไปเปลี่ยนกับหมวกของพี่กระต่ายทันทีรถมอเตอร์ไซค์ซาเล้งพ่วงข้างเคลื่อนตัวออกจากบ้านตรงไปยังท้ายไร่ มีเจ้าดินเป็นคนขับมอเตอร์ไซค์และเจ้าน้ำนั่งซ้อนท้ายดิน เพชรนิลนั่งที่นั่งส่วนพ่วงด้านข้างคู่กับเจ้าไฟ บนพื้นซาเล้งมีเ
กระต่ายน้อยถอนหายใจครุ่นคิด เขาชูแก้วเหล้าไปทางวาโย แล้วดื่มรวดเดียวหมดแก้ว“ถ้ามันเสี่ยงแล้วคุ้มค่าก็เสี่ยงเถอะ นี่อาจจะเป็นเวรกรรมที่นายเคยทำไว้กับใครก็ได้” พบรักพูดเหมือนให้กำลังใจ แต่ใครๆก็รู้ว่านี่มันช่วงพบรักเอาคืนชัดๆเพชรนิลไม่ตอบโต้พบรัก เขามองเหม่อไปไกล ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ยอมรับแหละว่า นี่อาจจะเป็นเวรกรรมที่เขาเคยทำไว้กับพบรักก็ได้ ตอนนั้นที่เขารู้ว่า พบรักทำอะไรเกินเลยกับกระติ๊บน้องสาวเขาโดยที่ยังไม่ทันได้แต่งงานกัน เขาตามไปกระทืบพบรักถึงรีสอร์ต และกีดกันต่างๆนานา แต่ในที่สุดแล้วพบรักก็ได้แต่งงานกับกระติ๊บ ได้มาเป็นน้องเขยเขานี่นา เออ...ถ้ามันจะเริ่มต้นด้วยความวุ่นวาย ต้องถูกกระทืบเจ็บตัวเหมือนกัน เขาก็ขอให้มันลงท้าย ด้วยการได้แต่งงานกัน และอยู่กินกันอย่างมีความสุขเหมือนคู่พบรักกับน้องสาวของเขาด้วยเถิด“บางทีมันอาจจะไม่มีอะไรเลวร้ายอย่างที่คิดกันก็ได้ อย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้เลย คิดในแง่ดีสิ อย่างน้อยต่ายก็ได้เข้าไปอยู่ในบ้านหลังนั้น ได้อยู่ใกล้ลูกใกล้เมีย ระหว่างนี้ ต่ายก็เร่งทำคะแนน ทำให้ทางนั้นเห็นว่าเรารักจริงหวังแต่ง และดูแลหนูจ๋าได้ พี่เชื่อว่าสักว
“หนูจ๋าจ๊ะ วันนี้ญาติทางฝั่งของกระต่าย เขามาแสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นกับหนู แม่กับพ่อ คุณตา คุณยายตัดสินใจเรื่องนี้แทนหนูไม่ได้ เพราะนี่คือชีวิตในอนาคตของหนู หนูจ๋าจะว่าอย่างไร ต้องการให้พี่เขารับผิดชอบไหม” แม่ปันปันเอ่ยถามลูกสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนหนูจ๋ายิ้มให้แม่จ๋าของเธอ ก่อนหันมาบอกสิ่งที่เธอคิดไว้ก่อนหน้านี้ให้ทุกคนได้รับทราบพร้อมกันด้วยน้ำเสียงเด็ดเดี่ยวทว่ากังวานหวาน"ถึงหนูยังไม่บรรลุนิติภาวะ แต่หนูก็โตพอที่จะรู้ว่าอะไรควรไม่ควรแล้ว แต่หนูกลับไม่มีความยับยั้งชั่งใจ ปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล หากหนูเตือนสติและห้ามพี่กระต่ายจริงจังกว่านี้ เรื่องแบบนั้นก็คงไม่เกิดขึ้น ดังนั้นถ้าจะต้องมีการการรับผิดชอบ หนูก็ต้องผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยค่ะ หนูขอรับผิดชอบพี่กระต่ายเองค่ะ"ครอบครัวของเพชรนิลกลับกันไปหมดแล้ว ในห้องรับแขกจึงเหลือเพียงครอบครัวของหนูจ๋า ทุกคนเดินออกไปส่งแขกแล้วกลับมานั่งที่เดิม ป๋าฟ้าดูจะมีอาการเคร่งเครียดมากกว่าคนอื่น ใบหน้าเคร่งขรึมตลอดเวลา หนูจ๋ายังคงนั่งอยู่บนพื้นเหมือนเดิม เจ้าสี่กุมารขยับมานั่งขนาบข้างพี่สาวข้าง
“ป๋าคะ ค่อยๆพูดค่อยๆคุยกันค่ะ เกรงใจผู้หลักผู้ใหญ่นะคะ” ป๋าฟ้ามองหน้าเมียแล้วถอนหายใจแรง“กระต่ายมานั่งที่เดิมก่อน รอผู้ใหญ่คุยกันก่อนลูก” แม่กระแตกลัวว่าป๋าฟ้าอารมณ์ร้อนจะยกเท้าถีบหน้าลูกชายเสียก่อนที่จะได้เจรจาอะไร จึงรีบบอกให้ลูกชายถอยออกมาก่อนพ่อเพชรมองคนหวงลูกด้วยสายตาหมั่นไส้เล็กน้อย แต่ก็พอเข้าใจอารมณ์ห่วงหวงลูกอยู่หรอก เพราะขนาดกระติ๊บบรรลุนิติภาวะแล้วตอนที่ท้องกับพบรักก่อนจะแต่งงานกันนั้น เขาก็ยังโกรธจนอยากจะฆ่าลูกเขยทิ้ง แต่นี่หนูจ๋าเพิ่งสิบเก้า ยังไม่บรรลุนิติภาวะด้วยซ้ำ ก็น่าโกรธน่าเคือง น่ากระทืบไอ้กระต่ายน้อยให้ตายคาตีนอยู่หรอก แต่ในเมื่อเรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว ก็ควรต้องให้ความร่วมมือช่วยกันคิดหาทางออก ให้ทุกอย่างมันลงตัวลงเอยด้วยดี ดีกว่าจะตั้งแง่เอะอะมะเทิ่งกันอยู่แบบนี้“ฟ้าอยากให้ทางเรารับผิดชอบอย่างไรว่ามาได้เลยนะ ขออย่างเดียวขออย่าได้ปฏิเสธความรับผิดชอบในครั้งนี้ อาจะไม่สบายใจเลยถ้าฟ้าไม่ยอมรับความรับผิดชอบจากทางเรา”“ผมไม่ต้องการความรับผิดชอบอะไรทั้งนั้นครับคุณอา สิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว มันกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ก็ปล่อยให้มันผ่านเลยไป แต่ผมจ