เราก็แค่จำใจทนอยู่กันไปเพื่อรอวันหย่า แต่การกระทำของเขากลับทำให้ฉันเผลอคิดเข้าข้างตัวเอง ยอมถลำก้าวขาเข้ากองไฟ พอรู้ตัวอีกทีก็ดันรู้ว่าที่ผ่านมา แม่ง ไม่มีอะไรจริงเลยสักอย่าง
View More"ไงคะคุณสามี ปลอบใจคนรักเสร็จแล้วหรือไงถึงโผล่หัวกลับมาบ้านได้" เรือนร่างบอบบางขาวนวลเนียนดั่งน้ำนมซุกซ่อนอยู่ในเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่โคร่งปล่อยชายยาวลงไปคลุมท่อนขาอ่อนเอาไว้
เธอถามพลางเขย่งปลายเท้าหยิบแก้วใสบนเคาน์เตอร์ด้านบน หมุนตัวกลับมาเปิดขวดน้ำส้มรินใส่แก้ว ก่อนจะยกขึ้นกระดกเข้าปากรวดเดียวอย่างไม่มีรักษาภาพลักษณ์กุลสตรีไทย สำหรับคนอื่นอาจคิดว่า เธอเป็นคนเถรตรง ไม่นิยมปั้นน้ำเป็นตัว สร้างภาพให้ดูดี แต่สำหรับเขาที่เนี๊ยบตั้งแต่หัวจรดเท้ากลับมองว่ามันดูไร้มารยาทต่างหาก! ผู้หญิงอะไรไม่รู้จักเสเเศร้าประจบประแจงเอาเสียเลย แลดูน่ารำคาญลูกหูลูกตา! "ว่าไงคะสามี" เธอเลิกคิ้วถามอีกรอบ ทุกการเคลื่อนไหวกลับดูเย้ายวนเหมือนจงใจให้ท่า เพราะเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่โคร่งที่เธอสวมใส่อยู่ขาวบางจนมองทะลุปรุโปร่งไปถึงด้านใน ฉะนั้นยามที่ร่างอ่อนแอ้นโยกย้ายสายตาเขาดันเหลือบเห็นก้อนกลม ๆ อวบอัดคัดอยู่ด้านในกระดุมแทบปริ "ไปปลอบขวัญกันท่าไหนล่ะ ทำไมถึงได้กลับเอาป่านนี้" หญิงสาวเดินเข้าไปแนบชิด ยกฝ่ามือขึ้นลูบกรอบหน้าหล่อเหลาของสามี แล้วไล้ลากผ่านแผงอกล่ำสั่นผ่านเสื้อเชิ้ตที่ปลดกระดุมคออกสองสามเม็ด แต่กลับถูกเขาผลักไสไล่ส่ง ขยับออก คล้ายกับเธอเป็นตัวเชื้อโรคที่ต้องแสดงทีท่ารังเกียจจนออกนอกหน้าขนาดนั้น "หยุดทำตัวน่ารังเกียจแบบนี้สักทีเมริสา! รู้รึเปล่าว่าท่าทีของคุณไม่ได้น่ามองเลยสักนิด" ชายหนุ่มเอี้ยวตัวไปทางอื่น "แหม ๆ ใครมันจะน่ามองเท่าแฟนคนสวยของคุณล่ะหึ สำออยนิด สำออยหน่อย ก็มีสามีชาวบ้านรีบวิ่งแจ้นไปประคบประหงมถึงที่ เหอะ! " เมริสากรอกตามองบนด้วยความหมั่นไส้ เธอคือ เม เมริสา ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนคนเดียวของคุณเกียรตินคร และคุณพรพรรณ วงศ์สุรสมบัติ นามสกุลเธอ ไม่มีใครไม่รู้จัก เพราะคุณพ่อเป็นถึงซีอีโอบริษัทโฆษณายักษ์ใหญ่ รวมทั้งอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจอีกมากมาย ชนิดที่ว่าเธอไม่จำเป็นต้องทำงานทำการก็มีเงินผลาญเล่นไปตลอดทั้งชาติ! ชีวิตเธอสุขสบาย เรียกได้ว่า โคตรดี เรียนจบมางานการก็ไม่เคยต้องทำ เอ้อระเหยลอยชายผลาญเงินไปวัน ๆ ช้อปปิ้ง รูดบัตรเครดิต ขึ้นเหนือล่องใต้ บินข้ามประเทศไปเช้าเย็นกลับเป็นว่าเล่น รุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่นเธอไม่เคยพลาดสักแบรนด์ คุณพ่อคุณแม่ก็ตามใจ สปอยล์เต็มที่เพราะเกิดมาเป็นลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนแค่คนเดียว แต่แล้ว ความสุข ก็ถูกกระชากด้วยพันธะสัญญาบ้าบอ คุณพ่อคุณแม่ที่ตามใจเธอทุกอย่าง อยากได้อะไรก็ต้องหามาให้ หรือ ไม่ชอบใจสิ่งไหนก็พาไปพ้นทาง จู่ ๆ ก็ยื่นคำขาดให้เธอเข้าพิธีวิวาห์กับ ธันวา ธนาธิป ลูกชายเพื่อนสนิท เพื่อดองเป็นทองแผ่นเดียวกัน ได้เกื้อหนุนผลประโยชน์ทางธุรกิจ และเป็นคำมั่นสัญญาของคุณปู่ทั้งสองตระกูลหมั้นหมายกันไว้ตั้งแต่เธอเพิ่งออกมาลืมตาดูโลกได้แค่สามเดือน ถึงหน้าตาเขาจะหล่อเหลาเอาการ รูปร่างล่ำสั่น ตั้งแต่หัวจรดเท้าดูดีสมฐานะตระกูลใหญ่ แต่บุคลิกกลับไม่เป็นมิตร หยิ่ง วางมาด เข้าถึงยาก ซ้ำปากคอเราะราย ชอบดูถูกดูหมิ่นเหยียดหยามเธอผ่านสายตาคู่นั้น เธอนี่ปฏิเสธค้านหัวชนฝา คร้านจะดองกับคนพรรค์นี้ แต่หากสำเร็จปัจจุบันก็คงไม่ต้องตกอยู่ในฐานะ เมียตีทะเบียน หรอก คุณพ่อยื่นคำขาด หากเธอไม่ยินยอม ก็อย่าหวังว่าจะได้ทรัพย์สมบัติสักชิ้น!!! สุดท้ายก็ต้องเข้าพิธีวิวาห์อย่างจำใจ พ่อคนนั้นเขาหลงตัวเองคิดว่าเธอสเน่หา อยากได้ผัวใจจะขาด จึงไม่ปฏิเสธความต้องการของผู้ใหญ่ เธออยากตะโกนใส่หู แล้วบอกว่า หยุดมั่นหน้ามั่นโหนกเสียที สำหรับเมริสาแล้ว เงินเท่านั้นที่ เอเวอรี่ติง ธนบัตร อิสรภาพเธอหายไปในชั่วพริบตา ต้องมาตกล่องปล่องชิ้น จดทะเบียนปั้นหน้าสร้างภาพเป็นคู่ผัวตัวเมียที่รักกันปานจะฉีกวานดม ทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้วเขาคุยกับเธอแทบจะนับคำได้ ซ้ำบางสัปดาห์ก็หายหน้าไปไม่บอกไม่กล่าว กลับมาอีกทีก็ทำเหมือนเธอเป็นวิญญาณไร้ตัวตน “เมริสา” ธนาธิปได้ยินเธอพูดละลาบละล้วงลามปามถึงคนรักก็รู้สึกไม่พอใจ คว้าหมับเข้าที่ข้อแขนเล็กแล้วกระชากอย่างแรงจนร่างบอบบางไถลเข้าไปชิด "คุณไม่มีสิทธิไปว่าพิญญาแบบนั้น และที่สำคัญเผื่อคุณหลงลืมไปว่า สามีชาวบ้าน ที่คุณหมายถึงคบหากับพิญญามาก่อน หากไม่มีผู้หญิงแบบคุณเข้ามา บางทีตอนนี้เราสองคนอาจแต่งงานกันไปแล้วก็ได้" ตั้งแต่แต่งงานกันมาสามเดือน นี่เป็นครั้งแรกที่สามีของเธอพูดด้วยประโยคยาวมากกว่าหนึ่งบรรทัดกับเธอ ช่างน่าอัศจรรย์ใจเสียจริง! "แล้วทำไม ผู้หญิงแบบฉัน แบบฉันมันทำไม เหอะ ยังไงเสียตอนนี้ฉันก็ได้ชื่อว่าเป็นเมียที่ถูกต้องตามกฎหมายของคุณก็แล้วกัน" เมริสาโต้สวนกลับไปอย่างไม่ยอมความ "ฉันรู้ดีว่าคุณกับพิญญาคบหากันมาก่อนที่คุณจะต้องมาจำยอมแต่งงานกับฉันเพราะถูกพ่อแม่บังคับ ซึ่ง!! ฉันเองก็เช่นเดียวกัน อยากแต่งตายล่ะ ผู้ชายพรรค์นี้" "เมริสา ไม่ใช่เพราะคุณอยากแต่งงานกับผมจนตัวสั่นเหรอ ในตอนที่พ่อแม่ผมไปทาบทามสู่ขอคุณกับคุณอา คุณถึงไม่ปฏิเสธ หนำซ้ำยังยิ้มหน้าระรื่นขานรับอย่างเต็มใจเสียอีก" เขายังจำได้ไม่ลืม ตอนนั้นเขาไม่มีทางเลือกจึงต้องยินยอมให้พ่อแม่ทำตามใจ ด้วยคิดว่าอย่างไรเสียผู้หญิงเอาแต่ใจตัวเอง หัวฝรั่งคนนั้นก็ค้านหัวชนฝาปฏิเสธการคลุมถุงชนแน่ ๆ แต่แล้วทุกอย่างกลับผิดคาด เธอยิ้มหน้าระรื่นคล้ายรอคอยเวลานี้มานานแสนนาน ทั้ง ๆ ที่ความจริงเธอสามารถปฏิเสธได้ เพราะใครต่างก็รู้ ลูกสาวคุณอาเกียรตินครคนนี้ เอาแต่ใจ เชื่อมั่นในตัวเองสูง ไปร่ำเรียนถึงเมืองนอกเมืองนานิยมใช้ชีวิตแบบฟากตะวันตก ซ้ำคุณพ่อคุณแม่ยังสปอยล์ไม่เคยทำให้เธอต้องขัดใจเลยสักครั้ง เขาเชื่อว่าหากเธอไม่ยอมซะอย่าง คุณอาเกียรตินคร และคุณอาพรพรรณหรือจะกล้าขัดใจลูกสาวหัวแก้วหัวแหวน เหอะ เว้นเสียแต่ว่า เธออยากมีผัวจนตัวสั่น! หน้าตาสะสวย แต่นิสัยเสียก็คงไม่มีใครอยากเอาทำเมีย! “แหมมม คุณสาคะ วอนหยุดหลงตัวเองสิบวิเน๊อะ ฉันอยากแต่งงานกับคุณตายแหละ ผู้ชายหน้าตาพรรค์นี้โคตรโหล ฉันไปเดินตลาดสำเพ็ง โยนเหรียญหัวก้อยก็ได้มายกโขยง” เมริสาเดินเข้าไปประจันหน้ายังไม่ไม่มียำเกรง “แถมข้างสารสิบกระสอบ ฉันยังต้องคิดแล้วคิดอีกเลยหากต้องมีผัวแบบคุณ” “แล้วตกลงแต่งกับผมทำไม ทำไมตอนนั้นที่คุณพ่อคุณแม่ผมไปทาบทามสู่ขอ คุณถึงไม่ปฏิเสธ” ธนาธิปเลิกคิ้วถาม พลางกระตุกยิ้มมุมปาก คำพูดของเธอคนนี้ย้อนแย้งโคตร ๆ เมริสากรอกตามองบนด้วยความเอือมระอา แม่อยากกรี๊ดดดดดด ก็หากเธอแต่ง สิ่งที่ได้มันมีมูลค่ามากกว่าข้าวสารสิบกระสอบนั่นยังไงล่ะ มากจนสามารถเลี้ยงดูเธอได้ทั้งชีวิตโดนที่ไม่ต้องกระดิกตัวทำงานให้ปวดสมอง เงินซื้ออีเมริสาไม่ได้หรอก ถ้าไม่มากพอ…ซึ่งกรณีนี้มันมากพอ เธอจึงยอมแลกกับอิสรภาพ “สาระแนเหมือนกันนะคะเนี่ย” เมริสาหลุบตามองไปทางอื่น ให้เขาหมั่นไส้เธออย่างนี่แหละสนุกจะตายไป เผลอ ๆ หากทนไม่ไหวก็คงขอหย่าขาดจากเธอเอง ซึ่งกรณีนี้เธอไม่ผิด คุณพ่อคุณแม่จะมาตำหนิเธอไม่ได้! ดีเสียอีก เธอจะได้ไม่ต้องทนอยู่กับผู้ชายพรรค์นี้จนครบหนึ่งปีครึ่งตามสัญญา แผนการชั้นยอด!!! ดูสิ ว่าเขาจะสามารถทนกับผู้หญิงแบบเธอได้นานสักแค่ไหน “แล้วที่ฉันมารอคุณเนี่ย เพราะต้องการจะบอกว่า พรุ่งนี้คุณต้องไปร่วมงานวันเกิดคุณป้าจรรยาเพื่อนคุณแม่คุณที่โรงแรม รายละเอียดฉันจะแอร์ดอปให้ ช่วยแสดงบทบาทผัวเมียที่รักกันปานจะฉีกวานดมให้สมจริง เนียน ๆ อย่าโป๊ะแตกก็แล้วกัน ฉันเบื่อที่จะต้องปั้นหน้าตอบคำถามนักข่าวเต็มทีละ” พูดจบเมริสาก็เดินนวยนาดขึ้นไปชั้นบนของบ้านทันทีงานแต่งงานเล็ก ๆ ที่เรียบง่ายมีแค่คนภายในครอบครัวไม่มีอยู่จริง...ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของหล่อนแต่งงานกับลูกสะใภ้ที่โปรดปรานนักโปรดปรานหนาอย่างหนูเมริสาทั้งทีมีหรือคุณผกาวรรณจะยินยอมให้มันไม่เอิกเกริกยิ่งใหญ่...ซึ่งในช่วงเช้าเป็นพิธีทำบุญตักบาตร สวมแหวน รดน้ำสังข์ ซึ่งมีเพียงคนภายในครอบครัวที่มาร่วมแสดงความยินดีกันอย่างอบอุ่นวันนี้เมริสาสวมชุดไทยสีชมพูหวานมีสไบพาดเฉียงไปด้านหลัง ตัวเนื้อผ้าถูกตัดเย็บและปักสลักอย่างละเมียดละไม แต่งหน้าจนดูสวยผิดหูแปลกตา ทรงผมมัดเป็นหางม้าแต่ม้วนลอนเรียงลงมาคล้ายกับเกลียวคลื่น ดูอย่างไรก็เข้ากัน...ส่วนธนาธิปด้านบนเป็นเสื้อสูทสีชมพูโทนเดียวกับเจ้าสาวแสนสวย ด้านล่างสวมใส่โจงกระเบนสีเข้มกว่าเล็กน้อยกำลังเดินเข้ามาพร้อมกับขันหมากโดยมีพ่อกับแม่ขบาบข้างเป็นญาติผู้ใหญ่ทาบทามสู่ขอ..."โฮ ฮี๊ โห่ ฮี๊ โฮ ฮี๊ โห่ ฮี๊ โฮ โฮ โฮ๊ โฮ โฮ๊" "ฮิ้ววววว" "โฮ ฮี๊ โห่ ฮี๊ โฮ ฮี๊ โห่ ฮี๊ โฮ โฮ โฮ๊ โฮ โฮ๊" "ฮิ้ววววว" "ใครมีมะกรูด มาแลกมะนาว ใครมีลูกสาว มาแลกลูกเขย ฮู้วววว" เสียงร้องรำทำเพลงดังครึกครื้นด้านหน้าบ้าน... ถึงแม้ว่านี่จะเป็นงานแต่งงานครั้งที่สอง แต่ก็เป็นครั้
ธนาธิปประกบจูบลงบนริมฝีปากอวบอิ่มอย่างละเมียดละมัยนุ่มนวลแล้วค่อย ๆ ชำแรกปลายลิ้นเข้าไปควานหาน้ำหวานในโพรงอุ่นดูดดึงหยอกเย้ากอบโกยความสุขเสพสมจากกันและกันนานสองนานจนภายในกายมันอบอวลไปด้วยไอรักอยู่เต็มเปี่ยมไม่รู้ และคงไม่พยายามคิดหาคำตอบว่าต้นรักต้นเล็ก ๆ ที่มันก่อเกิดอยู่กลางใจจนรากของมันชอนไชยึดเหนี่ยวเราทั้งสองคนเอาไว้มันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ทราบเพียงแค่ว่าในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว ก็จะรักษาและดูแลมันให้คงอยู่ไปตลอด ทั้งสองค่อย ๆ ผละจูบออกจากกัน ฝ่ามือของธนาธิปเลื่อนขึ้นไปจับประคองศีรษะของหญิงสาวเอาไว้แล้วให้หน้าผากชนชิดรวมถึงปลายจมูกที่แตะสัมผัสกัน ก่อนจะขยับลงมาจุมพิตพวงแก้มนุ่ม ๆ ฟอดใหญ่ ทุกการกระทำของเขาคล้ายกับขนนกที่ปลิวผ่านปุยเมฆมันทั้งนุ่มนวล อบอุ่นจนใจเธอสั่นสะท้าน เขาไม่ได้รุนแรง หรือรุกอย่างฉาบฉวยแต่กลับทำให้เธอค่อย ๆ รู้สึกโอนเอนอ่อนไหวตามต่างหาก"ขอบคุณนะเมที่ให้โอกาสคนโง่ ๆ แบบผม" "ค่ะ" "กลับมาเป็นเมริสาเหมือนคนเดิมนะ รู้หรือเปล่าตอนที่คุณเปลี่ยนไปใจผมมันหดแทบจะเหลือเท่าปลายนิ้วก้อยอยู่แล้ว" ชายหนุ่มหย่อนสะโพกลงนั่งบนโซฟาแล้วถือวิสาสะรั้งตัวเธอเข้ามาโอบกอดเอาไว้
เมริสาวางไอแพดลงบนที่นั่งก่อนจะลุกขึ้นพูดด้วยสีหน้าเอาจริงเอาจัง เธอไม่สามารถเก็บซ่อนความรู้สึกบ้าบอนี้เอาไว้จนมันหนักอกหนักใจได้อีกต่อไปแล้ว เขามากล่าวโทษว่าเธอพยายามหลบหน้า เปลี่ยนแปลงไป คิดอะไรรู้สึกอะไรทำไมไม่บอกเขาตามตรง แล้วเขาล่ะเคยรู้บ้างหรือเปล่าว่าสิ่งที่ตัวเองทำมันกำลังทำร้ายใครอีกคนที่เขาเผลอคิดไปเอง! "คุณมาทำให้ฉันรู้สึกดี มาทำให้ฉันคิดเข้าข้างตัวเองว่าคุณรู้สึกอะไรกับฉัน จนฉันเผลอถลำตัว...และสุดท้ายคุณก็มาบอกว่าที่คุณทำไปทั้งหมดจริง ๆ แล้วมันไม่มีอะไรเลย คุณแค่ต้องการให้เราจบกันด้วยดี คุณแค่ต้องการให้วันหย่ามันเป็นไปได้อย่างราบรื่น คุณแค่ต้องการตอบแทนที่ฉันช่วยเหลือคุณ คุณไม่ได้คิดอะไรกับฉันเลย! แล้วคุณเคยรู้หรือเปล่าว่าฉันคิด คุณแม่งไม่เคยรู้ไง!!! แต่พอฉันเริ่มตีตัวออกห่าง รักษาระยะห่างเซฟความรู้สึกของตัวเอง คุณกลับพยายามเข้าหา พยายามทำให้ฉันกลับไปอยู่ที่จุดเดิม คุณทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร เป็นเหี้ยอะไรห๊ะ ถ้าไม่รักไม่คิดอะไรด้วยก็ต่างคนต่างอยู่ จอบอ จบ” ได้ยินคำพูดของเมริสาไปธนาธิปถึงกับนิ่งเงียบพูดอะไรไม่ออกแม้แต่ประโยคเดียว "คุณรู้หรือเปล่าคุณธันวา ก็การกระทำของคุณไง ไ
"ก็แปลกสิ คุณลองคิดดูนะเมื่อก่อนโน้นคุณไม่แม้แต่อยากที่จะเสวนาหรือเจอหน้าฉันด้วยซ้ำ เดินผ่านแทบจะชนกันอยู่แล้วคุณก็ยังทำเหมือนฉันเป็นธาตุอากาศไม่มีตัวตน แต่เดี๋ยวนี้คุณ..." หญิงสาวไม่รู้ว่าควรใช้คำพูดแบบใดดีที่จะไม่ดูหลงตัวเองจนเกินไป...ถึงแม้ใจจริงอยากถามมากแค่ไหนที่เขาทำแบบนี้เพราะรู้สึกอะไรกับเธอหรือเปล่า แต่ก็ทำได้เพียงเงียบเอาไว้ เรื่องอะไรทำนองนี้ต้องให้ผู้ชายเป็นคนพูดก่อน...แต่ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ เมื่อไหร่ที่เขาจะสารภาพกับเธอสักที ไหน ๆ การกระทำมันก็ชัดเจนขนาดนี้แล้วเหลือแค่รอพูดออกมาอย่างเดียวเท่านั้น "เอ่อ...ผมก็แค่คิดว่าถ้าเกิดเราสองคนผูกมิตรกันไว้คงไม่ใช่เรื่องแย่อะไร ไหน ๆ ก็ต้องอยู่ด้วยกันอีกตั้งหลายเดือนกว่าจะหลุดพ้นจากพันธะใบทะเบียนสมรส ผมเองช่วงนั้นก็ขอความช่วยเหลือให้คุณมาสวมบทบาทคนรักให้อยู่บ่อยครั้งเหมือนกัน ผมเลยคิดว่าทำดีใส่กันเข้าไว้ ตอบแทนเล็กน้อย ไม่ใช่เรื่องเหนือบ่ากว่าแรงอะไร" ธนาธิปตอบไปตามความจริง เขาเป็นนักธุรกิจไม่มีทางที่จะทำอะไรแล้วไม่หวังผลประโยชน์แน่นอน... ได้ยินแบบนั้นใจเธอมันก็แป้วแปลก ๆ รู้สึกวูบโหวงอย่างไรก็ไม่รู้ ทั้ง ๆ ที่ควรจะเคยชินได้แ
พอหลังจากนั้นประมาณเดือนกว่า ๆ คุณพ่อของเธอก็ล้มป่วยด้วยโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงไม่สามารถกลับไปทำงานได้ตามปกติ จึงตัดสินใจยกตำแหนงให้กับลูกสาวเพียงคนเดียวอย่างเมริสาเข้ามาดูแลและนั่งแท่นซีอีโอบริษัทแทน โชคดีที่เธอมีธนาธิปข้างกาย เขาจึงคอยมอบคำแนะนำและคอยซัพอร์ต ส่งผลให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ด้วยดี แม้จะยังไม่คล่องแคล่วสักเท่าไหร่ แต่ก็ถือว่าพัฒนาขึ้นจากเมื่อก่อนมาก ๆ เพราะพื้นฐานแล้วเมริสาเป็นผู้หญิงที่ทั้งเก่ง และ ฉลาด เพียงแต่เกียจคร้านจะหาเหาใส่หัวพาตัวเองไปลำบากเท่านั้น แต่พอภาระหน้าที่มันมากองรออยู่ด้านหน้าอย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เธอก็ต้องจำใจรับเอามาดูแล ทางโน้นพอรู้ว่าคุณเกียรตินครป่วยหนัก อาจเดินไม่ได้ตลอดชีวิต ซ้ำยังทำพินัยกรรมยกทรัพย์สมบัติทั้งหมดของตนให้กับเมริสาลูกสาว และ อดีตภรรยา ซ้ำยกให้หล่อนเพียงบ้านหลังนี้กับเงินในบัญชีธนาคารยี่สิบกว่าล้านเท่านั้น จึงไม่อยากเก็บเขาไว้เป็นภาระที่จะต้องมาคอยดูแล ป้อนข้าว ป้อนน้ำ อย่างกับคนใช้ ก็เลยถีบหัวส่ง พาคุณเกียรตินครกลับไปให้เมียเก่าดูแล ส่วนหล่อนก็ใช้เงินที่ปอกลอกจากอีกฝ่ายมาได้ด้วยความสเน่หาอย่างสบายใจ หรือไม่ในอนาคตข้างหน้าก็อา
ซ่า!!!! น้ำเย็นยะเยือกถูกสาดใส่รดศีรษะของหญิงสาวในชุดเดรสสีชมพูหวานซึ่งกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ แขนสองข้างไขว้หลังและถูกมัดกันไว้ด้วยเชือกที่ไม่สามารถดิ้นหลุดได้อย่างง่ายดาย"กรี๊ด!!!" พิรญาสะดุ้งตัวโยนด้วยความตกใจก่อนจะเพ่งสายตาหันไปมองคนที่กล้ากระทำกับดาราสาวอันดับหนึ่งอย่างเธอ คอยดูเถอะเธอจะโพสต์ประจานเอาให้ไม่สามารถมีที่ยืนอยู่บนสังคมได้เลย "พวกแกเป็นใคร จับตัวฉันมาทำไม ปล่อย!!! ปล่อยนะ ปล่อย" หญิงสาวพยายามดิ้นพล่านเพื่อให้หลุดออกจากเชือกที่พันธนาการมัดข้อแขนและข้อเท้าอยู่ แต่ก็ไม่สำเร็จเพราะยิ่งออกแรงมากเท่าไหร่ตัวเธอก็เจ็บมากเท่านั้น "ก็เป็นเมียของคนที่แกเล่นชู้ด้วยไง!" จู่ ๆ ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งปรากฏตัวเข้ามา หล่อนคนนั้นสวมใส่กางเกงยีนส์และเสื้อของแบรนด์ชั้นนำพร้อมด้วยสะพายกระเป๋าราคาแพงเฉียดหลักสิบล้าน แต่มีแว่นตาปกปิดอยู่จึงมองไม่ออกว่าเป็นใคร ถึงถอดแว่นออกมา ก็ใช่จะรู้ว่าเมียของคนที่เล่นชู้ด้วยคือใคร! บ้าบอ ผู้ชายในสต็อกที่เคยคั่วด้วยก็มีตั้งหลายคนแล้วจะไปทราบได้ยังไงถ้าเกิดไม่เอ่ยชื่อบอกมา เหอะ ถึงเอ่ยก็ไม่รู้ว่าจะจำได้อีกหรือเปล่า! "ใคร?" "คงจะเล่นชู้กับผัวชาวบ้านมาหลายค
Comments