รอบด้านคลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่เดินขวักไขว่คหบดีหนุ่มผู้หนึ่งเป็นพ่อค้าซึ่งทำกิจการครอบคลุมทั่วสารทิศหลากหลายพื้นที่ นับเป็นคนกว้างขวางมาก การเดินเที่ยวเช่นนี้แน่นอนย่อมพบเจอคนรู้จักไม่มากก็น้อย“คุณชายหลิว” บุรุษผู้หนึ่งประสานมือค้อมเอวทักทายหลิวไท่หยางทันทีที่มีโอกาสได้เจอกันบนท้องถนนหลิวไท่หยางประสานมือตอบนิ่งๆ “เถ้าแก่หลี่”คนผู้นี้แต่งกายหรูหราท่าทางภูมิฐานดูมีฐานะมั่งคั่ง คงร่ำรวยไม่น้อย ซิงเยว่ลอบมองประเมินเงียบเชียบเถ้าแก่หลี่ไม่รอช้า การได้เจอหลิวไท่หยางยากยิ่งกว่าหาทองคำ “ไม่เจอกันนาน ร่วมดื่มชาสักคราได้หรือไม่? ข้ามีสินค้าใหม่จะเสนอท่าน”หลิวไท่หยางหันมองซิงเยว่แวบหนึ่งก่อนปฏิเสธยิ้มๆ “วันนี้เห็นทีจะไม่สะดวก แต่หากเถ้าแก่หลี่ส่งคนไปนัดหมายกับคนของข้าล่วงหน้า ข้าจะรับพิจารณาแล้วกัน”เถ้าแก่หลี่หน้าเจื่อนเล็กน้อย เพิ่งตระหนักได้ลึกซึ้งว่าการเจรจาการค้ากับคนระดับหลิวไท่หยางมิใช่เรื่องง่าย ทั้งต้องมิใช่การฉกฉวยโอกาสจากการบังเอิญบนท้องถนนเขาประสานหมัดกล่าวลา “เช่นนั้นข้าจะรีบส่งคนไปนัดหมายที่จวนหลิว ไม่รบกวนท่านแล้วขอรับ”หลิวไท่หยางเดินต่ออย่างไม่ใส่ใจซิงเยว่เดินตามหลังเขาเงี
หลิวไท่หยางค่อยๆ เอื้อมมือตนมาลดมือของอีกคนที่มีเข็มแหลมให้พ้นระดับสายตาจะได้มองหน้างามถนัดถนี่“เจ้าเบื่อหรือไม่ที่ทำได้เพียงนั่งมองจากมุมสูง”หญิงสาวพยักหน้า เก็บเข็มเข้าเส้นผมแต่โดยดีเขาเอ่ยอีกว่า “เดิมทีวันนี้ข้ามีนัดหมายเจรจาการค้าที่ชั้นสาม แต่เพื่อเจ้าข้าจะเลื่อนออกไปก่อน เจ้าอยากเที่ยวรอบเมืองเปิดหูเปิดตากับข้าหรือไม่?”ซิงเยว่มุ่นคิ้วครุ่นคิดแน่นอนนางอยากไป“ยามนี้ท่านมิใช่เสี่ยวชางแล้ว ข้าเองก็ไม่อยากเป็นคุณหนูซ่งเช่นกัน อืม...เช่นนั้นให้ข้าแต่งกายเป็นสาวใช้ดีกว่า เดินก้มหน้าตามหลังท่าน ย่อมปลอดภัย”ชายหนุ่มน้อมรับยิ้มๆ “ไม่ขัดใจเจ้า...”ยามสายตะวันสูงอากาศยังคงสดใสมิสร่างซา ตลาดกลางเมืองมีร้านรวงมากมายเต็มสองฝั่งยาวเหยียด ฝูงชนคลาคล่ำเต็มท้องถนนบุรุษรูปงามพาร่างสูงสง่าเดินนำหน้าสาวใช้ของเขาไปตามทางเรื่อยๆ อย่างใจเย็น ผ้าไหมสีน้ำเงินเรียบลื่นตรงชายแขนเสื้อสะบัดพลิ้วคลอเคลียกับนางไม่ห่างสองข้างทางมีสินค้าวางขายเรียงราย หากเป็นสิ่งของสำหรับสตรี บุรุษมักจะแวะซื้อเกือบทุกสิ่ง แล้วส่งให้สตรีด้านหลังถือเอาไว้ทุกอย่างผู้อื่นเห็นเพียงเจ้านายหนุ่มซื้อของแล้วโยนให้สาวใช้ที่เดินตา
หลิวไท่หยางพยักหน้าก่อนปรายตามองซิงเยว่ที่ยืนฟังเงียบๆ ตรงมุมห้อง“เจ้าคิดเห็นเช่นใด?”ชายหนุ่มถามออกไป เพราะรู้ใจนางดีแม้ซิงเยว่จะไร้ความคิดรั้งอยู่ แต่เขาก็พอรู้ว่านางยังต้องการรับข่าวสารจากจวนซ่ง และคนที่นางห่วงใยที่สุดย่อมหนีไม่พ้นเด็กน้อยจวิ้นเอ๋อร์รอยยิ้มบางเบาประดับใบหน้าเนียน เสียงเนิบนาบของหญิงสาวกล่าวขึ้นว่า “เกิดเหตุเช่นนี้ก็ดีจวิ้นเอ๋อร์ในฐานะผู้สืบทอดสกุลซ่งจะได้เติบโตเร็วขึ้นหน่อย ส่วนหลันอวี้ แม้ข้าไม่ชอบนาง แต่ก็นับว่ามีโชคไม่น้อยที่นางยังพอมีเวลาให้ไตร่ตรองถี่ถ้วนถึงคู่ครองเช่นหย่งปิน ส่วนบิดากับจูซื่อ...”ซิงเยว่แค่นเสียงเย็น “ปล่อยไปตามกรรมเถอะ”หลิวไท่หยางเห็นด้วยอย่างยิ่ง“ให้สืบต่อหรือไม่?”หญิงสาวพยักหน้า “ข้าอยากรู้แค่เรื่องจวิ้นเอ๋อร์ ช่วงนี้เด็กน้อยได้รับความลำบากมากหรือไม่”เมื่อได้ฟังถึงบุคคลที่คนใส่ใจเป็นพิเศษจิ้นสิงจึงเอ่ย “ซ่งหลันจวิ้นใช้หน้าไม้คล่องมากแล้ว ทั้งดูแลปกครองจวนแทนนายท่านซ่งได้เป็นอย่างดี เขามีมือขวาที่เก่งกาจไว้ใจได้ เดิมทีคุณชายน้อยคิดออกมาตามหาซิงเยว่กลับไปด้วยตัวเอง แต่ที่จวนเกิดเรื่องเสียก่อนจึงไม่สะดวกออกมาจำต้องวางมือ ส่วนคนที่ออก
ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นแผนการของหลิวไท่หยาง เขามอบหมายจิ้นสิงให้จัดการส่งคนแทรกซึมเข้าจวนซ่ง คอยพูดเป่าหูคนในจวนจากคนหนึ่งไปอีกคนหนึ่งเป็นทอดๆ ถึงเรื่องที่หย่งปินหลงรักซิงเยว่ ถึงขั้นอาจจะแต่งงานทันทีเมื่อพาคนกลับมา และเมื่อเรื่องราวไปถึงหูซ่งหลันอวี้ไม่บอกก็รู้แจ้งว่าสตรีเช่นนี้จะนิ่งนอนใจได้หรือไม่ข่าวจวนซ่งถูกส่งถึงประตูห้องชั้นเก้าในโรงเตี๊ยมจินฟู่หลิวไท่หยางเดินไปเปิดประตูด้วยตนเอง เป็นจิ้นสิงที่มาพบผู้เป็นนายเพื่อรายงานตามคำสั่งหลังนั่งจิบชาตามคำอนุญาตจากหลิวไท่หยางจนลำคอชุ่มชื้นหายเหนื่อย จิ้นสิงจึงเริ่มเปิดปากยาวเหยียด“จวนซ่งกำลังจะมีงานมงคล ซ่งหลันอวี้หมั้นหมายกับหย่งปิน หลังพิธีปักปิ่นจะแต่งงานทันทีในอีกสองเดือน แต่คืนหนึ่งขณะที่ซ่งฮูหยินกำลังยุ่งกับการเตรียมสินเจ้าสาว ซ่งเสวียนชิงดื่มเหล้าเมามายพาสาวใช้ขึ้นเตียง เช้าวันต่อมาสาวใช้นางนั้นถูกฮูหยินสั่งโบยจนตาย ซ่งเสวียนชิงโกรธมาก คาดไม่ถึงว่าจูซื่อจะมีจิตใจคับแคบปานนี้ เขาจึงรับนางรำผู้มีรูปโฉมเป็นเลิศเข้าจวนทั้งยังยกย่องขึ้นเป็นอนุอย่างผ่าเผย ค้างแรมเรือนนางรำทุกคืน มาตรว่าต้องการประชดประชัน สามีภรรยาจึงทะเลาะกัน ประจวบเหม
จวนซ่งเมื่อบุตรสาวผู้เป็นแก้วตาดวงใจร่ำไห้โวยวายมากขึ้น มีหรือมารดาจะทนมองได้จูซิ่วเอ่ยเสียงเบา “อวี้เอ๋อร์ เจ้าใจเย็นก่อนเถิด หย่งปินเพียงทำไปตามหน้าที่ เขาได้รับคำสั่งจากบิดาเจ้า จะไม่ปฏิบัติตามได้หรือ?”ซ่งหลันอวี้คุกเข่าแทบเท้ามารดา “แต่ท่านแม่เจ้าคะ พี่สาวคิดแย่งชิงพี่หย่งปินจากข้า นางคิดจะแก้แค้นท่านแม่นะเจ้าคะ”ว่าพลางร้องไห้สะอึกสะอื้นดั่งดอกสาลีต้องหยาดฝน ก่อเกิดภาพหญิงงามผู้น่าสงสารระคนน่าเอ็นดูได้อย่างน่าชม ยากที่ใครจะปฏิเสธได้“ท่านแม่ต้องบอกท่านพ่อให้ยกเลิกคำสั่งตามหานาง แล้วจัดการหมั้นหมายข้ากับพี่หย่งปินเสียที”นางถลากอดขามารดาอ้อนวอนอย่างน่าเวทนาต่อเนื่องว่า “พี่สาวจากไปแล้ว จากไปพร้อมวาจาตัดรอนเยี่ยงคนอกตัญญู หากพาตัวกลับมาอีกมิใช่เป็นการชักนำเภทภัยเข้าเรือนหรือเจ้าคะ นางเกลียดข้า เกลียดท่านแม่ ที่สำคัญยังเกลียดท่านพ่อนะเจ้าคะ”จูซิ่วมีหรือจะไม่เห็นจริงดังคำบุตรสาว นางคงต้องย้ำจุดนี้ให้สามีได้ตระหนักอย่างถ่องแท้อีกที“เอาล่ะๆ แม่จะไปคุยกับพ่อเจ้า”คล้อยหลังมารดา ซ่งหลันอวี้เพียงยกมือปาดน้ำตาแล้วเหยียดยิ้มไม่โทษมารยาสตรีแต่ต้องโทษบุรุษที่หูเบาเพียงจูซิ่วกล่าวใส่ไ
บนเก้าอี้ตัวยาว บุรุษหนุ่มแน่นเปลือยร่างท่อนบนเผยแผ่นอกกว้างน่าซุกซบแก่สายตาเขานั่งเอนหลังพิงกายเท้าแขนสองข้างขนานกับพนักพิง เปิดเปลือยกล้ามเนื้ออันงดงามตั้งแต่ช่วงไหล่หนาจรดเอวสอบ แลดูสมบูรณ์แบบหาใดเปรียบซิงเยว่ทำแผลด้วยนิ้วมือนิ่งสงบแต่หัวใจกลับสั่นหวิวสัดส่วนเปี่ยมเสน่ห์ที่ทำให้คนรู้สึกหวามไหวครั่นเนื้อครั่นตัวนี้ถูกขอบกางเกงหมิ่นเหม่กลืนหายไป ยังผลให้นางต้องมองอย่างรู้สึกอยากค้นหาอยากรู้ว่าจะมีสิ่งใดซุกซ่อนอยู่ในกางเกง...หลิวไท่หยางไม่รู้ถึงความหื่นกระหายของใครบางคน เพราะเขากำลังนั่งหลับตา สูดปากเบาๆ เจ็บแผลเหลือเกินอดีตประมุขสำนักตะวันเดือดผู้มีฝีมือเชิงยุทธ์สูงส่งเคยเพลี่ยงพล้ำถูกใครแทงในระยะประชิดที่ใดที่สำคัญอาวุธลับกลับเป็นเพียงไม้แหลมผิวขรุขระ หาใช่อาวุธประณีตชั้นเลิศไม่“เจ้า...อา...ทำเบาๆ หน่อย” เสียงทุ้มแหบพร่าทรงเสน่ห์ปานนั้น ทำสตรีที่กำลังมีความคิดลึกล้ำเฉกคนไม่ซื่อถึงขั้นขนลุกชูชัน เสียดเสียวสิ้นดีซิงเยว่ขมวดคิ้วเครียด“ท่านนั่งนิ่งๆ ไม่ต้องตัวกระตุก ไม่ต้องครางด้วย” แต่คนเจ็บมีหรือจะหยุดคราง ชายหนุ่มยังสูดปากด้วยกระแสเสียงกระเส่าที่อาจทำใครก็ตามที่บังเอิญผ่า