"มอบใจให้แต่กลับถูกหักหลัง นางเกือบตายด้วยน้ำมือของคนรัก ทว่ากลับรอดมาได้ครั้งนี้นางจะกลับมาแก้แค้นทวงคืนทุกอย่างที่เคยเป็นของนางอย่างไร้ความปราณี จะไม่มีแม้กระทั่งน้ำตาอีกต่อไป ...."
ดูเพิ่มเติมบทนำ
"ข้าเป็นเพียงสตรีที่รักสามีมากกว่าตนเอง ยอมตาบอดตัดขาดญาติมิตรเพราะเขาเพียงผู้เดียว คำว่ารักที่เขามอบให้ทุกวันการกระทำทุกอย่างล้วนทำเผื่อข้า แต่เหตุไฉนสิ่งที่ข้าเห็นกลับกลายเป็นเพียงสิ่งหลอกลวงแม้กระทั่งคำว่ารักก็เช่นเขา เขามิเคยรักข้าที่เข้ามาหาตระกูลของข้าล้วนเป็นแผนของเขาทุกอย่าง คนที่ลงมือฆ่าท่านพ่อและวางยาข้าคือคนที่ข้ารักหมดหัวใจมิหนำซ้ำก่อนตาข้าจะปิดลง ข้าเห็นสตรีอีกนางที่ข้าจำได้ดียืนอยู่ข้างกายเขาพร้อมเผยรอยยิ้มอย่างพึงพอใจก่อนที่เขาจะสั่งให้คนใช้จัดการพาร่างของข้าไปทิ้งและอุ้มร่างของสหายสนิทของข้าเข้าห้องไปด้วยเสียงหัวเราะอย่างสุขสันต์
ความโชคร้ายของข้ายังพอมีความโชคดีสวรรค์เมตตาให้มีคนพบเห็นข้าและช่วยเหลือข้าเอาไว้ สตรีที่เกือบตายอย่างข้าเมื่อรอดพ้นการตายมาได้ ความรักข้าขอละทิ้งไม่คิดมีอีกและมีสิ่งหนึ่งที่ข้าจะต้องทำต่อจากนี้คือการกลับไปทวงแค้นให้ตระกูลของข้า หากมิเช่นนั้นข้าคงตายตาไม่หลับแม้จะต้องเสี่ยงตายอีกครั้งข้าก็ยอม "
บทที่ 1 ไร้ความเมตตา
ท่ามกลางสายฝนตกโปรยปรายลงมาอย่างกระหนำสตรีร่างบางถูกทำร้ายจนไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ ทำได้เพียงนอนทรุดตัวลงแนบพื้นดิน หยาดน้ำจากฝนหล่นลงทำให้ร่างกายของนางเปียกชุ่มอาบด้วยเลือดสีแดงฉาดไหลตามพื้น ทุกส่วนในร่างกายแทบไม่เหมือนคนแม้แต่น้อย นางถูกทุบตีจนกระดูกแตกไปหมดยามนี้ลมหายใจของนางกำลังโรยริน ใบหน้าถูกทั้งของมีคมและเหล็กร้อนนาบที่ใบหน้าจนเละไปหมด ร่างบางจ้องมองใบหน้าของคนที่นางรักสุดหัวใจและเป็นคนที่ลงมือทำกับนางเฉกเช่นไม่ใช่คน
“ฮ่า ฮ่า คิดว่าข้ารักเจ้าอย่างที่บอกอย่างนั้นหรือทุกคืนวันข้าต้องพยายามทนอยู่กับสตรีน่าเบื่อหน่ายจืดชืดไร้ชีวิตชีวา มีดีเพียงแค่เป็นบุตรสาวของขุนนางใหญ่เท่านั้นแต่โง่งมซะเหลือเกิน”
“ทะ..ทำไมท่านถึงเอ่ยออกมาเช่นนี้ท่านเป็นคนบอกรักข้า รักข้าเพียงผู้เดียว ความรักที่ข้ามีต่อท่านพี่เป็นเพียงสิ่งไรค่าอย่างนั้นหรือ? ใจของข้ามีเพียงแต่ท่านทุกสิ่งทุกอย่างเพราะข้าไว้ใจท่านจึงมอบให้โดยไม่ได้ไตร่ตรองนึกคิดให้ดี อึก อึก” ร่างบางร้องสะอึกสะอื้นไห้ความเจ็บปวดภายในใจโหมกระหน่ำยิ่งกว่าสายฝนยามนี้เสียอีก
“เพราะความโง่ของเจ้า ไม่ว่าจะเป็นการตัดขาดญาติของเจ้าหรือแม้แต่การตายของพ่อของเจ้าก็เช่นกัน ฮ่า ฮ่า ช่างโง่เง่าทั้งตระกูลแต่เป็นเรื่องที่ดีมันทำให้ข้าไม่เกิดความยุ่งยาก พวกเจ้าจัดการนางเดี๋ยวนี้แล้วเอาศพไปโยนทิ้งที่เหวลึกหลังหมู่บ้าน” แววตาที่เคยอ่อนโยนคำพูดที่เคยแสนหวานกลับไม่มีอยู่อีกต่อไป สายตาที่เขามองดูเธอช่างไร้ไมตรีไม่แยแสแม้แต่น้อย ยามนี้ร่างบางทำได้เพียงกำมือแน่นจ้องมองไปยังบุรุษที่นางมอบหัวใจทั้งใจให้เขายามนี้ราวเป็นปีศาจที่ได้ครอบครองอำนาจทุกอย่าง บ่าวรับใช้ที่เคยรับใช้ตนต่างพากันเชื่อฟังคำสั่งของนายผู้ใหม่ที่ครอบครองเรือนตระกูลจาง ใช้ไม้ทุบตีนางจนนางแน่นิ่งคาดว่านางทนไม่ไหวต้องตายอย่างแน่นอนจึงหยุดลงมือ เปลือกตาที่หนักอึ้งร่างกายไร้ซึ้งความรู้สึกใด ๆ นอกจากเจ็บปวดทุกอณูสายฝนกระหน่ำลงมาแรงมากกว่าเดิม ครั้นสายตาของนางกำลังเลือนลางลงเห็นสตรีนางหนึ่งที่นางคุ้นเคยเป็นอย่างดีนั้นคือสหายของนางกำลังย่างกรายเดินเข้ามาใกล้บุรุษที่เหี้ยมโหดพลางแสยะยิ้มเมื่อจ้องมองมายังนาง
“สภาพดูไม่ได้สักนิดแต่ก็สมแล้วล่ะผู้ใดบอกให้เจ้าโง่กัน ท่านพี่เจ้าคะในเมื่อจัดการกับนางเสร็จสิ้นแล้วอย่าลืมเรื่องที่เราพูดกันไว้นะเจ้าคะ”
“ได้สิไม่ว่าเจ้าต้องการสิ่งใดข้าจะทำให้เจ้าทุกอย่างที่ต้องการ แต่ต้องให้ข้าแสร้งทำเป็นไว้ทุกข์ให้ฮูหยินของข้าเสียก่อนหลังจากนั้นข้าจะแต่งเจ้าเข้ามาเป็นฮูหยินคนใหม่ของข้า แต่ทว่ายามนี้เราเข้าไปที่ห้องนอนกันเถอะฝนตกพรำเช่นนี้เป็นช่วงเวลาที่ดีจริง ๆ ” บุรุษอุ้มร่างสหายของนางเข้าไปในห้องโดยไม่สนใจจะหันมามองนางด้วยซ้ำ ความเจ็บช้ำที่นางพบเจอกลายเป็นความเจ็บแค้นดวงตาของนางริบรี่ลง ในใจเฝ้าภาวนาอ้อนวอนให้นางรอดและมีชีวิตอยู่ หากนางรอดจากการตายครั้งนี้ได้นางจะกลับมาทวงความยุติธรรมและจัดการคนที่หักหลังพร้อมทั้งทวงทุกอย่างที่เป็นของนางคืนมา
ยามสาม (23.00)
บ่าวรับใช้รีบจัดการกับร่างของหนิงเซียนหรือ จางหลินเซียน บุตรสาวเพียงผู้เดียวของใต้เท้าจางม่านอวี้ แต่เดิมนางเป็นสตรีที่งดงามทุกย่างก้าวเป็นที่โปรดปรานของบุรุษที่พบเห็นแต่ทว่านางกลับมีใจรัก หยางตงฉวน ผู้ที่ท่านพ่อพาเข้ามาในเรือนหลังจากที่พบเจอเขาได้รับบาดเจ็บระหว่างทางที่ออกเดินทางกลับจากวังหลวง หยางตงฉวนเป็นคนขยันขันแข็งและยังมีสติปัญญาที่ดี ใต้เท้าจางจึงรับเข้ามาอยู่ด้วยเขาเป็นเด็กกำพร้าไร้ซึ่งหัวนอนปลายเท้า ความเมตตาของคนตระกูลจางจึงรับมาชุบเลี้ยงและยังส่งไปเล่าเรียนเป็นบัณฑิตและเข้ารับราชการ ใต้เท้าจางเห็นว่าเด็กทั้งสองมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันแม้ว่าหยางตงฉวนจะไม่มีครอบครัวหรือสมบัติแต่ใต้เท้าจางมิได้รังเกียจยอมให้ทั้งสองแต่งงานอยู่ด้วยกัน
หลังจากนั้นมาทั้งสองรักกันชื่นหวานเป็นที่กล่าวขานต่อคนละแวกนั้น จนกระทั่งท่านพ่อของหนิงเซียนจู่ ๆ เกิดไม่สบายร่างกายที่เคยแข็งแรงกลับกลายเป็นเจ็บป่วยไร้การรักษาให้หายขาดและไม่ทราบสาเหตุ ทำให้หนิงเซียนเสียใจเฝ้าคอยดูแลท่านพ่อจนท่านจากไป เรื่องในเรือนทั้งหมดจึงตกเป็นหน้าที่ของนางทันที หนิงเซียนได้รับสมบัติทั้งหมดของใต้เท้าจางโดยมีหยางตงฉวนคอยปลอบใจดูแลอยู่ข้าง ๆ หนิงเซียนเห็นว่าเขารักตนเองและดูแลนางมอบความรักให้นางมาโดยตลอด ท่านพ่อเองก็เอ็นดูเขาราวกับบุตรชายของตนเอง หนิงเซียนจึงยกทุกอย่างที่เป็นของตนเองให้แก่เขาอย่างไรเขาเป็นบุรุษต้องเป็นคนจัดการดูแลตระกูลของนางให้บ่าวรับใช้เกรงขาม
แต่ทว่าหลังจากวันนั้นที่เขาได้สมบัติเป็นของตนเองเขาก็เริ่มเปลี่ยนไป นิสัยที่อ่อนโอนกลับกลายเป็นโหดร้าย ไม่ว่านางจะทำอะไรให้เขามักชักสีหน้ารำคาญใส่นางบ่อยครั้งปลีกตัวออกไปข้างนอกเสมอ หนิงเซียนยังคงเข้าข้างเขาคิดว่าเขาคงเหน็ดเหนื่อยที่จะต้องแบกรับทำหน้าที่มากกว่า นางจึงทำความเข้าใจในตัวเขามากขึ้นและแล้ว สิ่งที่นางไม่คาดคิดได้เกิดขึ้นเมื่อนางตื่นขึ้นกลางดึก ได้ยินเขาพูดอยู่กับบ่าวคนหนึ่งอยู่ด้านนอก นางค่อย ๆ เดินย่องไปแอบฟัง บทสนทนาทำให้นางตกใจสั่นเทาไปทั้งร่างกาย เมื่อรู้ว่าคนที่นางรักต้องการจัดการนางให้หายไปจากโลกใบนี้ จิตใจของนางแตกสลายไปหมดสิ้น สองเท้าก้าวไม่ออกไร้เรี่ยวแรงน้ำตาแห่งความเสียใจรินไหลออกมาอย่างอดกลั้นเอาไว้ไม่อยู่ ไม่ทันที่นางจะได้เดินกลับไปบนเตียงทำราวกับไม่รู้เรื่องรู้ราวก็ถูกเขาจับได้ แทนที่เขาจะตกใจแต่มิใช่เช่นนั้นเขากลับแสยะยิ้มมุมปากอย่างน่ากลัวจับตัวนางเอาไว้ ก่อนที่จะสั่งให้บ่าวทรมานนาง เพราะเขาเกลียดนางมากเหลือเกิน กว่าที่เขาจะมาอยู่จุดนี้ได้ต้องทนกับนางมามากเพียงใด เขาได้เปิดเผยว่าก่อนที่เขาจะมาอยู่ที่นี่เขาเคยเป็นบุตรชายของตระกูลที่ร่ำรวยแต่ท่านพ่อของหนิงเซียนนำพาทหารไปจับกุมท่านพ่อท่านแม่หากผู้ใดขัดขืนเท่ากับว่าเป็นกบฏให้จัดการฆ่าทิ้งในทันที วันนั้นเขาถูกนำตัวไปซ่อนไว้จึงรอดมาได้ โชคชะตาเข้าข้างให้เขามีชีวิตรอดและกลับมาแก้แค้นคนตระกูลจาง แต่ทว่านั้นคือความเข้าใจผิดของเด็กชายที่มีอายุเพียงเจ็ดปี ท่านพ่อท่านแม่ของเขาร่วมมือก่อการกบฏจริง ๆ ในตอนนั้นเขาเป็นเพียงเด็กทำได้เพียงจดใจใบหน้าของคนที่สั่งการให้ลงมือสังหารท่านพ่อท่านแม่ของเขาขึ้นใจนั่นก็คือใต้เท้าจางม่านอวี้
บทที่ 30 หวนคืนที่เดิมหลายวันต่อมาร่างกายของทั้งคู่เริ่มอ่อนล้าความเจ็บปวดที่ถาโถมทุกวัน บาดแผลเริ่มเน่าเปื่อยกลิ่นในห้องเหม็นเน่าของเนื้อ แมลงที่บินมาตอมจนแผลเกิดหนอนซอนไซ ทั้งสองเจ็บร้าวไปจนถึงกระดูกจนกระทั่งเยว่เผิงนางไม่สามารถทนความเจ็บปวดในครั้งนี้ได้หมดลมหายใจในที่สุด ส่วนเจียวเหมยนางได้กลับไปพักอยู่ที่ห้องเดิมของนาง เมื่อเข้ามาด้านในเห็นว่าเยว่เผิงหมดลมไปแล้วนางไม่ได้รู้สึกเสียใจแม้แต่น้อย ในที่สุดนางก็ได้แก้แค้นอย่างสาสมเหลือเพียงหยางตงฉวนที่ยังนอนพะงาบ พะงาบเน่าเปื่อยอยู่บนเตียง เจียวเหมยสั่งการให้ยูร์เหยาเรียกบ่าวรับใช้มานำร่างของเยว่เผิงนำออกไปทิ้งใช้ผ้าคุมร่างและบอกให้แพร่งพรายออกด้านนอกว่าฮูหยินใหญ่แห่งตระกูลจางติดเชื้อโรคตายอย่างฮูหยินคนก่อน ทุกคนไม่แปลกใจเพราะเคยเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นครั้งเมื่อท่านใต้เท้าจางกับจางหนิงเซียนส่วนหยางตงฉวนที่นอนพะงาบ ๆ เจียวเหมยได้ให้บ่าวรับใช้จัดเตรียมรถม้าเพื่อจะพาเขาออกไปที่หน้าผาตรงจุดที่นางเคยโดนนำร่างเอาไปทิ้ง ยามนี้หิมะเริ่มตกโปรยปรายเมื่อออกเดินไปทางด้านนอกจึงไม่ค่อยมีใครสังเกตบ่าวรับใช้ที่นางสั่งการให้ปิดปากทุกคนหากผู้ใดไม่ทำตามนา
บทที่ 29 สะสางแค้นภายในห้องเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดที่คละคลุ้ง ร่างของซูหยวนนอนจมกองเลือดอยู่หน้าประตู กายของหยางตงฉวนนอนอยู่บนเตียงกับเยว่เผิงเมื่อนางเห็นใบหน้าของเยว่เผิงยิ่งสยดสยองไม่คิดว่าฮูหยินจะเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ ก่อนที่นางจะตั้งสติรีบเข้ามาถามด้วยเป็นห่วง"ฮูหยินได้รับบาดเจ็บตรงไปไหนหรือไม่เจ้าคะ""นางซูหยวนใช้ไม้ตีหัวของข้าได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยส่วนเลือดที่เจ้าเห็นมากมายมิใช่เลือดข้า ไปเรียกบ่าวรับใช้มาลากศพของซูหยวนออกไปห่อเอาไว้ก่อนเมื่อฟ้ามืดเมื่อไหร่ค่อยเอาร่างนางไปทิ้ง เจ้าช่วยเก็บกวาดห้องให้ข้าด้วยอย่าให้สาวใช้เข้ามาในนี้ ส่วนหน้าต่างไม่ต้องปิดข้าจะให้แมลงมาตอมแผลของทั้งสอง แต่ก่อนจะทำอันใดเตรียมน้ำให้ข้าล้างกายเสียก่อน ข้าเหนียวไปทั้งตัวใช้แรงไปมากต้องให้พ่อครัวทำอาหารอร่อย ๆ ให้กินเสียแล้ว อ้อ..จริงสิ เจ้าเห็นเนื้อบนโต๊ะหรือไม่ช่วยเอาไปให้พ่อครัวย่างให้ข้าที ข้าจะนำมาป้อนเป็นอาหารกลางวันให้ทั้งสองได้กิน" นางชี้ไปที่ชิ้นเนื้อใบหน้าของเยว่เผิงที่นำมาวางไว้ เยว่เผิงได้ยินส่งเสียงร้องออกมาจากลำคอเพื่อคัดค้าน"อื้อ อื้อ " เจียวเหมยยิ้มกว้างหันไปหาเยว่เผิงพร้อมเอ่ยบอกแก่นาง
บทที่ 28 ตัวตนที่แท้จริงเจียวเหมยยืนขึ้นหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง"ฮ่า ฮ่า ต่อให้พวกเจ้าตะโกนขอความช่วยเหลือไม่มีผู้ใดสามารถช่วยพวกเจาได้หรอก! เมื่อครู่ข้าได้ยินว่าเจ้าต้องการฆ่าข้ามิใช่หรือ? ข้าพร้อมรอรับความตายแล้วแต่ถ้าเจ้าฆ่าข้ามิได้ จะเป็นข้าเองที่ฆ่าพวกเจ้า" น้ำเสียงเย็นยะเยือกผู้ที่ได้ยินถึงกับสั่นสะท้านไปถึงขั้วหัวใจ เยว่เผิงหวาดกลัวจนตัวสั่นจะหนีก็หนีมิได้ยิ่งคิดถึงเรื่องชายฉกรรจ์สองคนที่นางส่งมาจัดการยังถูกเจียวเหมยจัดการได้อย่างง่ายดายแล้วนางเป็นเพียงสตรีจะสู้นางได้อย่างไรกัน"ท่านพี่ช่วยข้าด้วยท่านเห็นหรือยังเจ้าคะสตรีที่ท่านรักนางมิได้เป็นอย่างที่ท่านเห็น ท่านเห็นหรือยังว่าผู้ใดกันแน่ที่รักท่านจริง ๆ ช่วยข้าด้วยนางบ้าไปแล้วนางจะฆ่าข้าเจ้าค่ะ ""ฮ่า ฮ่า ต่อให้เจ้าเรียกหยางตงฉวนอย่างไรเขาก็ไม่สามารถช่วยเจ้าได้ ขนาดตัวของเขาเองยังช่วยตนเองไม่ได้ด้วยซ้ำ" เจียวเหมยค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้ทั้งสองอย่างช้า ๆส่วนหยางตงฉวนทำได้เพียงนอนฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้นเขาอยากจะช่วยเหลือเยว่เผิงแต่ทว่าแค่ขยับแขนเขายังทำไม่ได้ซูหยวนเห็นท่าไม่ดีนางยืนบังหน้าเยว่เผิงเอาไว้หวังปกป้องนายหญิงของตนมิ
บทที่ 27 เจ้าของเรือนผู้ใหม่ยามเหม่า (06.00)เสียงบ่าวรับใช้ในเรือนพากันเอ่ยซุบซิบกันกระฉ่อน เมื่อจู่ ๆ ถูกเรียกให้มารวมตัวกันที่หน้าของนายท่านแต่มิใช่นายท่านเป็นคนเรียกแต่กลับเป็นฮูหยินรอง เมื่อทุกคนมาครบยูร์เหยาได้เข้ามาเรียกเจียวเหมยออกไปพบทุกคน"ฮูหยินยามนี้ทุกคนมาพร้อมหน้าแล้วเจ้าค่ะ ""ดีอย่างนั้นออกไปข้างนอกกันเถอะ" เจียวเหมยเดินออกไปข้างนอกอย่างสง่าผ่าเผยทุกสายตาจ้องมองมาที่นาง"ทุกคนในเรือนจงฟังข้าให้ดีข้ามีเรื่องที่จะต้องแจ้งพวกเจ้าให้ได้รับรู้ ต่อจากนี้ท่านใต้เท้าหยางตงฉวนเจ็บป่วยร่างกายทรุดตัวไม่สามารถดูแลงานในเรือนรวมทั้งงานราชการ ท่านใต้เท้าจึงมอบหมายให้ข้าเจียวเหมยสตรีที่เขารักดูแลทุกอย่างในเรือนแห่งนี้ ต่อจากวันนี้ข้าคือผู้ดูแลเรือนตระกูลจาง ต่อจากนี้พวกเจ้าต้องเชื่อฟังคำสั่งของข้า เพราะข้าคือเจ้าของเรือนหากผู้ใดไม่เชื่อและขัดคำสั่งข้าจะลงโทษอย่างไม่ปราณี" เอ่ยจบนางได้ชูหนังสือประจำตระกูลให้ทุกคนได้ดูแม้บางคนจะอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้แต่ก็พอรู้ว่าหนังสือเช่นนี้เป็นหนังสืออะไร เมื่อทุกคนเห็นต่างพากันแปลกใจแต่ก็ไม่ได้เอ่ยอันใดเพราะกลัวว่าจะถูกลงโทษ หลังจากที่ทุกคนรับรู้นาง
บทที่ 26 รักข้ามั้ยเจ้าคะหลายวันต่อมาร่างกายของหยางตงฉวนเริ่มไม่แข็งแรงเหมือนเดิม เขาไอหนักมากกว่าเดิมสติเริ่มฟั่นเฟือนเลอะเลือน แต่เขายังคงรักเจียวเหมยหนักมากกว่าเดิม นางเฝ้าคอยดูแลเขาเอาอกเอาใจ“เจียวเหมยช่วงนี้ข้ารู้สึกเหนื่อยเหลือเกิน ข้าได้เห็นความรักที่เจ้ามีให้ข้า ข้าอยากหายกลับไปเป็นปกติทำไมท่านหมอมาตรวจข้าหลายต่อหลายคนต่างพากันบอกว่าข้ามิได้เป็นอะไรทำไมร่างกายของข้าถึงซูบผอมไร้เรี่ยวแรงอย่างนี้กันนะ”“ท่านพี่คิดมากไปเองเจ้าค่ะ ท่านพี่เป็นกังวลเกินไปเลยทำให้ร่างกายของท่านซูบผอม ข้ารักท่านพี่นะเจ้าคะข้าเคยสัญญาว่าจะอยู่กับท่านจนกว่าจะถึงวันตายข้าไม่มีทางหนีท่านไปไหนเจ้าคะ ดื่มนี่สักหน่อยนะเจ้าคะข้าให้ยูร์เหยาต้มยาสมุนไพรบำรุงร่างกายให้ท่าน อีกไม่กี่วันร่างกายท่านอาจจะฟื้นตัวกลับมาเป็นปกติ” เจียวเหมยประคองร่างไร้เรี่ยวแรงของหยางตงฉวนขึ้นมานั่งคว้าหมอนมาหนุนหลังของเขาเอาไว้ ยามนี้ร่างกายของเขาซูบผอมจริง ๆ งานราชการเจียวเหมยได้จัดการให้เขาเมื่อมีสารมาที่เรือนนางได้ตอบกลับพร้อมประทับตราของหยางตงฉวนให้บอกว่าช่วงนี้เขาไม่สบายไม่สามารถทำงานได้นางยกยาสมุนไพรเมื่อครู่ให้เขาดื่มจนหมดก่
บทที่ 25 เจ้ามันน่าเบื่อยามโหย่ว (17.00)ฝั่งด้านเยว่เผิงหลายวันมานี้นางเก็บตัวเงียบเสียใจที่หยางตงฉวนเมินเฉยต่อนางความเย็นชาที่นางไม่เคยพบเจอก็ได้เจอ นางเคยขอพบเขาที่ห้องแต่เขากลับให้บ่าวออกมาบอกว่าเขาไม่ต้องการพบนางทำให้นางเสียใจมากกว่าเดิม"ฮูหยินเจ้าคะถึงเวลากินอาหารเย็นแล้วเจ้าค่ะ ช่วงนี้อาหารไม่ถูกปากฮูหยินอยากกินอะไรหรือไม่เจ้าคะ ข้าน้อยจะให้พ่อครัวทำให้""ไม่ข้าไม่อยากอะไรทั้งนั้น " แววตาเหม่อลอยจ้องมองไปนอกหน้าต่างเอ่ยตอบสาวใช้ด้วยน้ำเสียงนิ่งเฉยไร้ชีวิตชีวา ซูหยวนสงสารนายหยิงจับใจครั้นนั้นนางได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามานางรีบหันไปมองเห็นว่าเป็นนายท่านใบหน้าของนางเริ่มปรากฏรอยยิ้มรีบแจ้งนายหญิงทันที"ฮูหยินเจ้าคะนายท่านมาเจ้าค่ะ " เยว่เผิงคิดว่าตนเองหูแว่วจึงคิดจะหันกลับมาต่อว่าสาวใช้แต่เมื่อเห็นชายที่ตนรักและคิดถึงรีบเดินไปหาเขาด้วยความดีใจ"ท่านพี่มาหาข้าหรือเจ้าคะ" น้ำเสียงระรื่นเอ่ยถามเขาทันทีพลางเดินเข้าไปใกล้หวังโอบกอดแต่ก็ต้องถูกเขาผละกายนางออก"ข้ามิได้มาเพราะคิดถึงเจ้า แต่ว่าเจียวเหมยของข้าให้ข้ามาหาเจ้า นางทั้งเห็นใจเจ้าหวังดีต่อเจ้ากลัวเจ้าจะน้อยใจข้าจึงได้มาหา ซู
บทที่ 24 หยางตงฉวนกลับจากวังหลวงไม่นานซูหยวนได้กลับมาใบหน้าตื่นตระหนกเร่งรีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งมาที่ห้องของเยว่เผิง"แฮ่ก ๆ ๆ "ปัง!! เสียงเปิดประตูเข้ามาอย่างแรงเพราะความร้อนใจ ทำให้เยว่เผิงตกใจไม่น้อยตวาดใส่ซูหยวนเสียงดัง"นี่จะรีบไปที่ใดกันทำไมไร้มารยาทเช่นนี้""ฮูหยินเจ้าคะฮูหยินข้าน้อยมีเรื่องมาแจ้งเจ้าค่ะ ข้าไปตามหาชายคนที่ข้าจ้างวานฮูหยินรู้มั้ยเจ้าคะว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกนั้น ""คนพวกนั้นตายหมดแล้ว "ไม่ทันที่ซูหยวนจะพูดจบเยว่เผิงได้เอ่ยโพล่งออกมาทำให้ซูหยวนหน้าเหวอตกใจมากกว่าเดิม"ฮูหยินรู้ได้อย่างไรเจ้าคะ ข้าไปตามหาเห็นชาวบ้านแตกตื่นจ้องมองไปยังแม่น้ำเห็นศพสองศพข้าจึงเดินไปดูด้วยความอยากรู้อยากเห็นแต่เมื่อทั้งสองถูกทางการยกขึ้นมาต้องตกใจเพราะทั้งสองคนเป็นคนที่ข้าจ้างวานเจ้าค่ะ""ข้ารู้ได้อย่างไรนะหรือ? เพราะหลังจากที่เจ้าออกไปข้ากลับที่ห้องมีหีบมือของหนึ่งในสองคนนั้นมาอยู่ที่ห้องของข้าอย่างไรล่ะ ตอนนี้เจ้ากลับมาก็ดีแล้ว ข้าไม่อยากอยู่เพียงลำพังแถมนางยังเขียนมาข่มขู่ข้าอีกไม่ให้ข้ายุ่งกับนาง ตอนนี้ข้าเสียวหลังกลัวว่านางจะมาจัดการข้าอีกคน""นางเป็นใครกันทำไมถึงได้สู้สองคนนั้นได้ "
บทที่ 23 เป็นไปได้อย่างไรฝั่งด้านเยว่เผิงนางตื่นขึ้นมาอย่างอารมณ์ดียืนคิดพลางยิ้มเล็กยิ้มใหญ่“มื้อคืนฮูหยินคงนอนหลับสบายสินะเจ้าคะ ตื่นเช้ามาวันนี้ใบหน้าถึงได้ชื่นบาน”“ใช่นะสิ! เจ้ามาก็ดีแล้วข้าจะไปที่ห้องของท่านพี่จะไปดูด้วยตาตนเองสักหน่อยหวังว่านางคงหายไปจากเรือนตระกูลจาง”“ฮูหยินวางใจได้คนที่ข้าหามาล้วนมีฝีมือจัดการกับสตรีอย่างนางมิใช่เรื่องยากอันใดไปกันเถอะเจ้าค่ะ”“ดี! ช่างดีจริง ๆ ฮ่า ฮ่า” ทั้งสองพากันเดินมาที่ห้องของหยางตงฉวนอย่างอารมณ์ดี แต่ทว่าใบหน้าของนางต้องเปลี่ยนไปทันทีเมื่อสองเท้าก้าวเข้าห้องเห็นเจียวเหมยนั่งจิบน้ำชาร่างกายมิได้รับบาดเจ็บอันใดแม้แต่น้อย สีหน้าของเยว่เผิงพลันเปลี่ยนสี‘เหตุใดนางถึงมานั่งจิบน้ำชาราวกับไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้น หรือว่าชายฉกรรจ์พวกนั้นยังไม่ได้ลงมือ จิ! นี่ข้าพลาดไปแล้วอย่างนั้นหรือ ข้าคิดว่ามาจะไม่เห็นแม้แต่เงาของนางเสียแล้ว’ เยว่เผิงคิดในใจสองเท้าหยุดชะงักที่หน้าประตู เจียวเหมยแสยะยิ้มที่มุมปากเมื่อเห็นสีหน้าของเยว่เผิงผิดหวังไม่เป็นอย่างที่นางตั้งใจเอาได้เจียวเหมยวางจอกน้ำชาลงลุกขึ้นเดินเข้ามาใกล้เยว่เผิง“ฮูหยินมาที่นี่แต่เช้าตรู่มีเรื่อง
บทที่ 22 ถูกลอบทำร้ายเมื่อนางสบายใจที่เห็นของสำคัญจึงดับเทียนเพื่อพักผ่อนเอนกายลงนอนบนเตียงแต่แล้วหูของนางได้ยินเสียงฝีเท้ากำลังย่องมาทางหน้าต่างอย่างแผ่วเบา หากเป็นบ่าวในเรือนที่เดินตรวจตราคงพูดคุยกันมาตลอดทางแต่นี่มิใช่ ใจของเจียวเหมยเต้นระรัวคิดว่าต้องเป็นผู้ประสงค์ร้ายหวังมาทำร้ายนาง นางยังไม่ลุกขึ้นเพราะต้องการดูให้แน่ใจหากเป็นบ่าวรับใช้คงเดินผ่านไปเรื่อย ๆ แต่ทว่านางกลับได้ยินเสียงงัดหน้าต่าง ตอนนั้นเองเจียวเหมยลุกขึ้นค่อย ๆ ดึงหมอนขึ้นเผยให้เห็นมีดเล็กของนางที่นางพกติดตัวไว้ตลอดและย่องไปยืนแอบอยู่มุมมืด ชายฉกรรจ์เข้ามาได้สำเร็จ เจียวเหมยจ้องมองชายที่เข้ามามีสองคนด้วยกัน ทั้งสองแต่งกายด้วยชุดสีดำใช้ผ้าผูกหน้าแถมยังถือมืดในมือ นางแน่ชัดแล้วว่าทั้งสองคงต้องมีคนจ้างวานมาเพื่อกำจัดนางแน่นอน และคนแรกที่เจียวเหมยนึกถึงคงเป็นเยว่เผิงไม่ผิดแน่ชายทั้งสองเมื่อย่องเข้ามาที่เตียงนอนง้างมือที่ถือมีดหวังจะแทงเจียวเหมยในคราเดียวแต่ทว่าเมื่อมาถึงเตียงนอนกลับพบกับความว่างเปล่าทั้งสองมองหน้ากันอย่างงงงวย"คนหายไปที่ใดกัน ไหนเจ้าบอกว่านางอยู่ที่ห้องนี่มิใช่หรือ? หรือว่าเจ้าได้ยินผิด""ไม่ผิดแน่!
ความคิดเห็น