แสงยามเช้าส่องผ่านม่านโปร่ง สาดแสงอุ่นเข้ามาในห้องนอนเพนต์เฮาส์สุดหรู เสียงนาฬิกาปลุกเรือนเงินดังขึ้นอย่างแผ่วเบา
“...อือ…”
ลลิลพลิกตัวช้า ๆ บนเตียง เส้นผมกระเซิงนิดหน่อย ปากยังงึมงำเหมือนคนเพิ่งตื่นจากฝันลึก และมันเป็นฝันที่เธอยังจำได้อย่างชัดเจน
ดวงตากลมค่อย ๆ ลืมขึ้นช้า ๆ ก่อนจะเบิกเล็กน้อย
“...หกโมง?”
เธอพึมพำ พลางยันตัวขึ้นนั่งช้า ๆ บนเตียง ดวงตาเริ่มปรับแสงได้ เผยให้เห็นแสงอาทิตย์แรกผ่านม่านโปร่งสีขาวที่ปลิวไหว
แต่สิ่งที่ทำให้เธอต้องนิ่งคิดอยู่นาน ไม่ใช่พระอาทิตย์…
แต่คือ ‘สัมผัส’ ในความฝันเมื่อคืน
ฝ่ามือข้างหนึ่งลูบที่แก้มตัวเอง...ซึ่งยังร้อนอยู่เล็กน้อย ใบหน้าขึ้นสีจาง ๆ อย่างช่วยไม่ได้
“เมื่อคืน...”
หัวใจของลลิลเต้นโครมครามขึ้นมาทันที ภาพความฝันเมื่อคืนผุดขึ้นมาเต็มสมองไปหมด...
ริมฝีปากอุ่นที่ไล่จากไหล่
เสียงครางต่ำที่ดังในความมืด
ปลายนิ้วที่แทรก…
ลิ้นที่วนตรง—
“อ๊ะ…ไม่!”
เธอร้องเบา ๆ แล้วใช้สองมือปิดหน้าไว้แน่น แก้มร้อนวาบจนแทบระเบิด เธอทั้งอับอาย สับสน และ...หัวใจยังเต้นไม่หยุด
“มันก็แค่ฝัน...ใช่ไหม…?”
“ฝะ...ฝันแบบนั้นกับบอสเนี่ยนะ…?”
เธอเม้มปากแน่น รีบหันขวับไปมองข้างเตียง
ว่างเปล่า ไม่มีร่องรอยใด ๆ
แม้แต่กลิ่นน้ำหอมที่เธอจำได้แม่นจากในฝัน…ก็ไม่มี
เธอรีบสลัดผ้าห่มออกทันที ก่อนจะกลืนน้ำลาย แล้วค่อย ๆ ก้มสำรวจตัวเองอย่างละเอียด
ชุดนอนยังอยู่ดี
ไม่มีรอยจูบ ไม่มีรอยข่วน
ไม่มีคราบอะไรตรงนั้นเลยสักนิด...แม้แต่น้อย
เธอนิ่งค้างไปครู่หนึ่ง
...แล้วเมื่อคืนน่ะ ฉัน...ฝันไปเหรอ?
ฝันว่าเขาไล้ลิ้น ฝันว่าเธอครางออกมา ฝันว่า—
“อ๊า!”
ลลิลเอาหมอนฟาดหน้าเบา ๆ แล้วทิ้งตัวลงนอนอีกครั้ง
“บ้าเอ๊ย…ทำไมฉันฝันทะลึ่งกับบอสได้ขนาดนี้…”
ฝันที่ชัดเสียจนหัวใจยังเต้นไม่เป็นจังหวะ
แต่พอไม่มีหลักฐานอะไรเลย เธอก็เริ่มเชื่อแล้วว่าฝันจริง ๆ ยิ่งทำให้ความอายทวีขึ้นเป็นสิบเท่า!
“ฉันนี่มันบ้าชัด ๆ ... ฝันถึงเขาแบบนั้นได้ไงกัน”
ยังไม่ได้รู้จักกันจริงจังเลยด้วยซ้ำ!
ทันใดนั้น...เสียงเคาะประตูเบา ๆ ดังขึ้น
“คุณลิน ตื่นหรือยังครับ?”
เป็นเสียงของไทเลอร์
“ตะ...ตื่นแล้วค่ะ!”
เธอตะโกนตอบออกไปอย่างลนลาน พร้อมกระโดดลงจากเตียง เสียงไทเลอร์พูดต่ออย่างเรียบ ๆ
“บอสจะออกไปพบลูกค้าตอนเช้า ขอให้คุณลงไปพบที่ห้องอาหารก่อน 7 โมงนะครับ”
“บะ...บอสเหรอคะ?”
เธอพูดเบา ๆ เหมือนจะกลั้นใจ
ทันทีที่ได้ยินชื่อเขา...เธอหน้าร้อนวาบอีกครั้ง หัวใจเต้นแรงขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
...
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงต่อมา
ลลิลในชุดเดรสเรียบหรูสีครีมหวานเดินลงมายังห้องอาหารส่วนตัวของเพนต์เฮาส์ แต่พอเห็นชายหนุ่มที่นั่งไขว่ห้างอยู่ริมโต๊ะ—หัวใจเธอก็กระตุกอีกรอบ
อลิสแตร์ ราเมียส ยังหล่อเหมือนเมื่อคืน
เขาสวมเสื้อเชิ้ตขาวกับกางเกงผ้าวูลเทาอ่อน ใบหน้าเรียบนิ่งเหมือนหินอ่อน
ไม่มีรอยยิ้ม ไม่มีคำทักทายพิเศษ
ไม่มีแม้แต่แววตาที่บ่งบอกว่า ‘เคยทำอะไร’ กับเธอมาก่อน
เขาเพียงแค่…เงยหน้าขึ้นพยักหน้าสั้น ๆ
“นั่งสิ ลิน”
...เท่านั้นเอง
เธอกะพริบตาปริบ ๆ ใจหวิววาบ
ไม่มีคำว่า ‘เมื่อคืนนอนหลับสบายไหม’
ไม่มีคำว่า ‘ฝันอะไรหรือเปล่า’
ไม่มีแม้แต่รอยยิ้มกรุ้มกริ่มแบบที่เธอคิดว่าเขาจะทำ
…เหมือนกับว่า เมื่อคืนมันไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นจริง ๆ เขาทำตัวเป็นปกติทุกอย่าง
เธอเม้มปากแน่น หัวใจสับสน
แล้วนี่ฉันจะมองหน้าเขายังไงทั้งวันเนี่ย…
ลลิลนั่งลงตรงข้ามเขาอย่างเกร็ง ๆ พยายามไม่สบตา
เธอหยิบขนมปังปิ้งขึ้นมาทาเนยบาง ๆ พลางเหลือบสายตามอง เห็นเขากำลังตั้งใจอ่านบางอย่างบนไอแพดด้วยท่าทางปกติ
จนกระทั่ง—
“เมื่อคืน...บอสหลับเร็วเหรอคะ?”
เสียงเธอหลุดออกมาก่อนจะรู้ตัว มือที่กำลังจับส้อมสั่นเล็กน้อย ทันทีที่พูดจบ ลลิลก็เบิกตากว้าง
— เฮ้ย! ฉันพูดอะไรออกไปเนี้ยยยยย
อลิสแตร์เงยหน้าขึ้นมาช้า ๆ ดวงตาสีเทานิ่งงันมองตรงมา คิ้วเขากระตุกเล็กน้อย เหมือนเพิ่งสังเกตอะไรบางอย่าง
“มีอะไรรึเปล่า?”
“มะ...ไม่ค่ะ ลินแค่...ถามเฉย ๆ น่ะค่ะ” เธอรีบปฏิเสธทันที พลางหัวเราะแห้ง ๆ แล้วใช้ส้อมจิ้มไส้กรอกใส่ปากแก้เก้อ
เขาวางไอแพดลงบนโต๊ะ ยกแก้วกาแฟขึ้นจิบ ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเกินจริง
“อื้อ หลับเร็ว...หลับดีมากด้วย” ดวงตาคมยังจับจ้องเธอขณะพูด
“ไม่รู้ทำไมผมถึง...นอนหลับฝันดีผิดปกติ”
“บอสฝันเหรอคะ?” เธอถามอย่างเผลออีกครั้ง
เขายกยิ้มที่มุมปากนิด ๆ ก่อนตอบอย่างมีเลศนัย
“เรียกว่าฝันได้มั้ยนะ...ผมแค่รู้สึกเหมือนได้ ‘ลิ้มรส’ อะไรบางอย่างเมื่อคืนนี้”
“…..!!!”
ลลิลหน้าร้อนวาบ จังหวะนั้นขนมปังในมือแทบร่วงลงใส่จานบนโต๊ะ เธอหันหน้าหนีแทบไม่ทัน
“แล้วเธอล่ะ? หลับฝันดีมั้ย?”
“ลลิล...ปะ เปล่านะคะ หนูหมายถึง—ไม่ใช่ฝันของบอ—ของลิน! เอ๊ย!”
เธอรีบปฏิเสธอย่างลนลาน หน้าแดงแปร๊ดเหมือนคนเป็นไข้
อลิสมองเธอนิ่ง ๆ ก่อนเอ่ยประโยคสุดท้ายที่ทำให้เธอแทบสำลักน้ำส้ม
“คุณคงฝันดีมากสินะ...ถึงได้หน้าแดงขนาดนี้”
เขายกยิ้มเจ้าเล่ห์
“...แปลว่ามัน ‘ชัด’ พอสมควรเลยสินะ”
ลลิลแทบจะลุกหนีโต๊ะอาหาร แต่เสียงของเขายังไม่จบ
“ไว้ถ้าคุณ...ฝันแบบนั้นอีก”
เขาพูดเรียบ ๆ ขณะหยิบโทรศัพท์ขึ้น
“ช่วยครางชื่อผมเบา ๆ ด้วยล่ะ”
ลลิลช็อก!! เขาได้ยิน!!
เธอกลั้นหายใจ ตาโตขึ้นอีกสองระดับพร้อมกับหัวใจที่แทบจะกระเด็นออกมาเต้นรำอยู่บนโต๊ะ
อลิสลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างสง่างาม ริมฝีปากยังยิ้มละมุนในขณะที่เอ่ยสั้น ๆ
“ผมออกไปพบลูกค้าก่อนนะครับ...คุณเลขา”
“หวังว่า...สิบโมงจะเจอคุณที่ห้องประชุมบริษัทนะครับ”
แล้วเขาก็หมุนตัวเดินจากไป ปล่อยให้ลลิลฟุบหน้าลงกับโต๊ะอาหาร มือทาบอกแน่น แขนขาอ่อนแรง
“บ้าชะมัด...ฉันนี่มันบ้าจริง ๆ ที่ไปฝันถึงเขา...”
»——————◦•♛•◦——————«
“คุณลิน?”
เสียงทุ้มสุภาพคุ้นหูทำให้ลลิลหันควับ
หน้าห้องประชุมส่วนตัวของบอสหนุ่มผู้แสนเจ้าเล่ห์...คิมหันต์ยืนอยู่ตรงนั้น
เลขาผู้ชายหน้าหวานผิวขาวจัดในสูทเข้ารูปที่ทำให้ใครต่อใครต้องเหลียวมอง แต่ดวงตาเรียวคมนั้น...กลับไม่เคยหวานเหมือนรอยยิ้มเลยสักครั้ง
“คุณคิม...หันต์” ลลิลตอบกลับเบา ๆ พร้อมรอยยิ้มเก้อเขิน
“มาเร็วจังนะครับ...คุณเลขา”
เขาพูดพลางเปิดประตูด้านข้าง เชื้อเชิญให้เธอเข้าไป
“บอสให้ผมเตรียมห้องนี้ไว้ให้คุณเช็กเอกสารก่อนประชุม”
“อ้อ...ขอบคุณค่ะ”
ลลิลพยักหน้ารับ แล้วเดินตามเข้าไป
ภายในห้องประชุมหรูเงียบสงบ กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของไม้สนลอยประสานกลิ่นกาแฟเบา ๆ จากเครื่องชงที่อยู่ตรงมุมห้อง
แสงแดดเช้าอ่อน ๆ ตกกระทบกระจกใส สะท้อนเงาร่างของเธอในสูทสีงาช้างขับผิว และ...ตอกย้ำความจริงว่าเมื่อคืนเธอ ‘ฝัน’ ถึงอะไรบางอย่างที่ไม่ควรจะฝัน
ฝันนั้น...มันรู้สึกเหมือนจริงเกินไป
ลลิลเผลอแตะหน้าท้องเบา ๆ ใบหน้าร้อนวาบขึ้นอีกครั้ง
“คุณโอเคนะครับ?”
เสียงคิมหันต์ดังขึ้นเบา ๆ ไม่ดังแต่ชัดพอจะทำให้เธอสะดุ้ง
“เอ่อ...คะ? โอเคค่ะ โอเค...แค่แบบ...นอนน้อยนิดหน่อย”
เธอรีบบอกปัด ยิ้มแห้งให้
คิมหันต์หัวเราะเบา ๆ
“เมื่อคืนบอสสั่งให้ผมจัดแฟ้มส่งให้คุณตอนเที่ยงคืน...ผมนึกว่าเขาจะให้งานคุณหนักตั้งแต่วันแรก”
น้ำเสียงราบเรียบ แต่ฟังดูมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ในน้ำเสียงนั้น
ลลิลหน้าแดงขึ้นอีกหนึ่งระดับ
“คะ...ค่ะ ก็...หนักพอควรเลยค่ะ”
เธอรีบหันกลับไปเปิดแฟ้ม รู้สึกได้ว่าความร้อนบนหน้า ตอนนี้น่าจะทำให้ห้องประชุมอุ่นขึ้นอีกสามองศา
คิมหันต์เดินอ้อมโต๊ะมายืนข้าง ๆ แล้วหยิบแฟ้มอีกชุดมาวาง
“คุณนี่ ตลกดีนะครับ...”
“คะ?” ลลิลเงยหน้าขึ้น
“เวลาเขิน ชอบพูดวนไปมาอยู่เรื่อย”
เสียงเขานุ่ม แต่เฉียบพอจะทำให้มือที่เธอถือปากกาสั่นนิด ๆ
ลลิลรีบหลบตา หัวเราะกลบเกลื่อน
“ฉันเปล่าเขินนะคะ—แค่...ทำงานน่ะค่ะ”
เธอเม้มปากแน่น
คิมหันต์ยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะกระซิบชิดหูเธออย่างเจตนา
“ผมนึกว่าวันนี้ คุณจะไม่มีแรงมาทำงานแล้วซะอีกนะครับ”
...
ลลิลตัวแข็งทื่อ
หูแดงวาบ จมูกชา ราวกับมีคลื่นบางอย่างแล่นผ่านแนวสันหลัง
เขารู้เหรอ? เขาพูดถึงอะไร? หรือแค่แซวเล่น...
เธอไม่กล้าถามซ้ำ
เพราะรอยยิ้มมุมปากของคิมหันต์ มันนิ่งเกินไป...นิ่งเกินกว่าคนที่ไม่รู้อะไรเลยจะพูดแบบนั้นได้
“เห็นคุณบอกว่า บอสใช้งานคุณหนัก?”
เขาพูดเรื่อย ๆ พลางช่วยจัดแฟ้มเอกสาร แต่นั่นกลับทำให้ลลิลหน้าร้อนผ่าวขึ้นมา
“เอ่อ...ฉันขอตรวจแฟ้มก่อนนะคะ...”
เธอก้มหน้าแนบกระดาษแทบจะทันที
คิมหันต์ไม่พูดอะไรอีก แค่หมุนตัวกลับไปจัดเอกสารเพิ่มที่ปลายโต๊ะ แต่ดวงตาคมดุนั้น...เหลือบมองมาทางเธอ
...ริมฝีปากสวยได้รูปแอบยกยิ้มที่มุมปาก
‘ของเล่นใหม่ของบอส...ดูท่าจะไม่รู้ตัวเลยว่าโดนบอสเล่นอยู่’
...และเขาเองก็เป็นคนหนึ่งในทีมที่ ‘วางหมาก’ ด้วยมือของตัวเอง
ตอน: ย้ายบ้านแล้ว แต่ยังย้ายบนเตียงไม่พอหลังจากงานแต่งงานสุดเรียบหรูริมทะเลอลิสแตร์กับลลิลไม่ได้จัดทริปฮันนีมูนอะไรหรูหราให้เวอร์วัง เพราะเขาเลือกที่จะทำสิ่งหนึ่ง…ที่เธอไม่ทันตั้งตัวเลยสักนิดเดียว“เอ่อ...นี่มันไม่ใช่คอนโดของเรานี่คะ?”ลลิลยืนเก้ ๆ กัง ๆ อยู่หน้าตึก Penthouse ใจกลางลอนดอน ที่ปิดล้อมด้วยระบบรักษาความปลอดภัยระดับเดียวกับทำเนียบขาวอลิสแตร์แค่ปรายตามองเธอ แล้วพูดนิ่ง ๆ“นี่บ้านเรา”“ย้ายบ้านโดยที่ไม่ได้ถามลินเลยเหรอคะ?”เขาหันมามองเธอช้า ๆ ก่อนจะก้มลงมากระซิบข้างหู“ก็ในเมื่อ...ฉันอยากย้ายมาใช้ชีวิตกับเมียทุกตารางเมตรจะต้องถามทำไม?”ลลิลหน้าแดงซ่านทันที...และยังไม่ทันตั้งสติได้—เขาก็ช้อนตัวเธอขึ้นในอ้อมแขน แล้วพาเข้าห้องไปทั้งอย่างนั้น!—คืนนั้น ห้องนอนใหม่หรูหราระดับ President Suite ก็ได้กลายเป็นสนามรบรักขนาดย่อมอีกครั้ง“บะ…บอส เดี๋ยวก่อนค่ะ ลินยังไม่ได้จัดของเลย!”“ไม่เป็นไร เดี๋ยวจัด...ให้หมดทุกท่า”เขายิ้มร้ายก่อนจะกดร่างเธอลงบนเตียงขนาด King Size ที่เพิ่งปูใหม่เอี่ยม เสื้อคลุมไหมของเธอถูกปลดออกในชั่วพริบตา เนื้อตัวเปลือยเปล่าสะท้อนกับไฟในห้องที่หรี่ลงอย่างพอดิ
ณ มหาวิทยาลัย R.C.U. (Royal Commerce University) – คณะบริหารธุรกิจระหว่างประเทศ (IB) ชั้นปีที่ 4แสงแดดยามสายลอดผ่านผ้าม่านบางของห้องสัมมนาขนาดกลาง โต๊ะไม้เรียงเป็นระเบียบสำหรับแขกรับเชิญพิเศษที่นั่งอยู่แถวหน้า...และหนึ่งในนั้นคือเขาอลิสแตร์ ราเมียสCEO หนุ่มลูกครึ่งไทย-อังกฤษแห่ง Ramius Group ผู้มาในฐานะกรรมการรับฟังหัวข้อเสนอทุนวิจัยร่วมต่างประเทศเขาสวมสูทสีน้ำเงินเข้มเข้ารูป ปลดกระดุมสูทตัวนอกอย่างเป็นกันเอง ข้างกายมีคิมหันต์ เลขาหนุ่มหน้าหวาน ยืนเงียบขรึมเหมือนเงาตามตัว — ในสายตาอาจดูเหมือนมาเพื่อตรวจงานปกติแต่...ไม่ใช่เลยเขาแค่ ‘เบื่อ’ และบังเอิญผ่านมาที่นี่...จนกระทั่งเสียงหนึ่งดึงความสนใจเขาทันที“ลลิล คหบดีวัฒน์ค่ะ — โปรเจกต์ที่ลินจะเสนอวันนี้ คือ ‘AI Ethics กับความเปราะบางของข้อมูลในโลกทุน’”เสียงของหญิงสาวคนหนึ่งชัดเจน มั่นใจ น้ำเสียงไม่ได้หวานเลี่ยน แต่มีจังหวะราวกับแกรนด์เปียโนที่กลั่นจากสมองดวงตาของเขาเงยขึ้น…แล้วนิ่งค้างไปชั่วขณะสาวร่างเล็กผิวขาวจัด ผูกผมหางม้าต่ำเรียบร้อย สวมสูทนักศึกษาสีกรมแบบเรียบที่สุด แต่กลับทำให้เธอโดดเด่นเกินใคร โดยเฉพาะสัดส่วนที่โตเกินร่าง
หลังเหตุการณ์ลอบสังหารและการล่มสลายของกลุ่มไฮดราผ่านไปเพียงสองเดือน—ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงเร็วกว่าที่ลลิลจะตั้งตัวทันเธอแทบจะลืมความระห่ำของคืนวันนั้นไปหมดแล้ว...เพราะผู้ชายคนนั้น—บอสของเธอ—จัดการทุกอย่างได้รวดเร็วเกินคาดอลิสแตร์พาคุณหญิงทัชชญาไปสู่ขอลลิลถึงเรือนไม้สักของตระกูลคหบดีวัฒน์ จังหวัดเชียงใหม่และนั่นเป็นครั้งแรกที่คุณสุรพงศ์กับคุณหญิงอมรา—บิดามารดาของเธอ ได้พบกับผู้หญิงที่ขึ้นชื่อว่า ‘แม่สามีแห่งชาติ’ ของอังกฤษเซอร์ไพรส์ยิ่งกว่าการหมั้น ก็คือความจริงที่ว่า...คุณหญิงทัชชญา และคุณหญิงอมรา เคยเป็นเพื่อนสนิทสมัยเรียนที่ลอนดอนเมื่อหลายสิบปีก่อน—เรื่องสู่ขอจึงกลายเป็นเพียงการระลึกถึงความสัมพันธ์เก่าก่อนอย่างเป็นทางการเท่านั้น“แม่จะถือว่านี่เป็นพรหมลิขิตของพวกหนูสองคนแล้วกันนะลูก”ประโยคนั้นจากแม่ของเธอ ทำให้ลลิลแทบจะหลบสายตาอลิสแตร์ทั้งงานแม้เรื่องหัวใจจะดูอบอุ่นราบรื่นแต่เรื่องโลกในเงามืด...กลับยังคงเป็นไฟที่ยังไม่มอดจากรายงานลับที่คิมหันต์เอามาเล่าให้เธอฟัง—ไวรัสที่เขาเสี่ยงชีวิตเข้าไปฝังในเซิร์ฟเวอร์หลักของไฮดรา ได้ทำลายทุกเครือข่าย ทุกข้อมูล ทุกเซลล์ของโครงการนั้นอย่า
📍Safehouse ริมทะเล – 00:17 น.คลื่นซัดชายฝั่งอย่างราบเรียบ เสียงกระทบทรายแผ่วเบาเหมือนกล่อมเมืองให้หลับใหล...แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นภายในอาคารหลังเก่า ทาสีดำด้านซ่อนตัวหลังแนวสนชายหาดในห้องประชุมชั้นล่างที่ไม่มีหน้าต่าง มีเพียงแสงไฟนีออนดวงเดียวส่องลงบนโต๊ะโลหะรูปวงกลม เฮราในชุดรัดรูปสีดำสนิท นั่งไขว่ห้างอยู่หัวโต๊ะ ดวงตาสีเขียวอ่อนของเธอสะท้อนจอแผนที่ดิจิทัลเบื้องหน้าฝั่งตรงข้ามคือ ฮันส์ – มือสังหารเยอรมัน ผิวขาวซีดราวกับไม่เคยโดนแดด ผมหยักศกสีบลอนด์อ่อนกับรอยแผลเป็นจาง ๆ ที่ข้างแก้มยังเป็นลายเซ็นความตายของเขา“วิลล่าของเขา มีระบบเฉพาะป้องกันทุกทางเข้าออก…” เฮราเอ่ยเสียงเรียบ“แค่ขอให้เขาออกมาจากที่นั่นเมื่อไหร่ นั่นคือโอกาสของเรา”ฮันส์จุดบุหรี่เงียบ ๆ“อลิสแตร์ต้องตายก่อนที่ไฮดรา เฟสสองจะถูกเปิดเผย”เฮราวางแท็บเล็ตลงบนโต๊ะ ก่อนเลื่อนหน้าจอไปยังภาพของลลิล—หญิงสาวผิวขาวในเดรสยาวบนชายหาดดวงตาเธอเย็นเยียบขึ้นทันที“และเธอคนนี้...คือจุดอ่อนของเขา”ฮันส์กระตุกยิ้ม เหมือนเสือที่ได้กลิ่นเลือด“งั้นแผน A กำจัดอลิสแตร์ แผน B จับตัวผู้หญิงไว้เป็นตัวประกัน ...ไม่ว่าแผนไหน เราก็ชนะ”เฮ
📍หาดส่วนตัว – ภูเก็ต เวลา 10:38 น.คลื่นทะเลสาดซัดฝั่งอย่างเนิบช้า แสงแดดอุ่น ๆ ส่องกระทบเม็ดทรายระยิบระยับ เสียงนกทะเลแว่วเบา ๆ คลอไปกับเสียงหัวเราะของหญิงสาวคนหนึ่งที่เล่นน้ำอยู่ห่างจากฝั่งไม่ไกลนักอลิสแตร์ยืนอยู่ใต้ร่มไม้ริมชายหาด สวมแว่นกันแดดสีชาแบรนด์ดัง ใบหน้าเรียบขรึม ในมือถือแก้วน้ำมะพร้าวเย็น ๆ ที่เขายังไม่ได้แตะ...เพราะสายตาเขา จับจ้องอยู่ที่คน ๆ เดียวลลิลกำลังหัวเราะเบา ๆ ขณะเดินลุยน้ำทะเลที่ซัดสาดเป็นระลอกเล็ก ๆ รอบข้อเท้าบิกินี่สีแดงสดเข้ารูป โอบแนบผิวขาวผ่องตัดกับแสงแดด และผ้าซีทรูเนื้อบางสีขาวสะอาดที่ผูกไว้ลวก ๆ รอบเอว ถูกลมทะเลพัดปลิวไหวจนทำให้ใจเขาแทบหยุดเต้นไหล่เปลือยระยิบระยับด้วยหยดน้ำ ผิวที่กระทบแสงแดดสว่างขึ้นอีกระดับ จนไม่ว่าใครเดินผ่าน—ก็ต้องเหลียวมอง…และนั่นแหละ ปัญหาเขาขบกรามแน่น ไม่ดื่มแม้แต่น้ำมะพร้าวในมือ เพราะสมองเขามัวแต่คิดว่า—เธอกำลังโดนใครมองอยู่บ้าง?ไอ้ผ้าบาง ๆ นั่น มันกั้นอะไรได้บ้างวะ!!คนที่ควรเห็นเธอในสภาพนี้...ควรมีแค่เขามั้ยวะ?เขายื่นแก้วน้ำมะพร้าวให้บัตเลอร์ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก่อนจะเดินตรงไปยังศาลาไม้ หยิบเสื้อคลุมชายยาวเนื้อบางติดมืออ
ภายในห้องทำงานไม้เก่าแก่ของคฤหาสน์ริมหน้าผา กลิ่นกระดาษเก่าและควันบุหรี่กลิ่นคลาสสิคลอยแผ่วในอากาศ หน้าต่างเปิดออกสู่ทะเล เสียงคลื่นซัดโขดหินดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอ เหมือนเสียงลมหายใจของอดีตที่ยังไม่ยอมจางเซอร์ไคล์นั่งลงหลังโต๊ะไม้โอ๊คเก่า อลิสแตร์ยืนอยู่ตรงข้าม คิมหันต์ยืนพิงผนังเงียบ ๆ รอคอยความจริงที่กำลังจะได้รับรู้“ไม่คิดเลย…ว่าจะมีโอกาสได้เห็นหน้าลูกอีกครั้ง”เซอร์ไคล์พูดขึ้นในที่สุด เสียงแหบต่ำผ่านลำคอที่กร้านกรำด้วยเวลาอลิสแตร์ไม่ตอบ…เพียงสบตาเขานิ่งเซอร์ไคล์ยิ้มออกมาเล็กน้อย ดวงตาสีเทาอ่อนของเขาคล้ายกับผู้ชายอีกคนหนึ่ง…ที่ไม่มีชีวิตอยู่แล้ว“พ่อกับวินเซนต์เป็นเพื่อนกัน...ไม่สิ มากกว่าเพื่อนด้วยซ้ำ”“เราคือ ‘เงา’ ที่ทำงานเป็นหนึ่งเดียวกัน...ในนาม MI6”เสียงจุดไฟแช็กดังเบา ๆ ก่อนเขาจะจุดบุหรี่ แล้วพ่นควันบาง ๆ ขึ้นฟ้า ควันนั้นลอยตัดแสงไฟสีอุ่นในห้องราวกับฉากหนังเก่า“เราสองคนเริ่มจากภารกิจเล็ก ๆ ...ล้วงข้อมูลในเบลเกรด ไล่ล่าหัวหน้าขบวนการค้าอาวุธในเบอร์ลิน แต่เมื่อ ‘โครงข่ายไร้เงา’ โผล่ขึ้นมา MI6 ก็รู้...ว่าเราไม่ได้เจอแค่ศัตรูธรรมดาอีกต่อไป”เขาเงียบไปอึดใจหนึ่ง“ไฮดราโปรเจก