กลิ่นลาเวนเดอร์เจือจางผสานกลิ่นไวน์แดงลอยคลุ้งในห้องนอนหรูที่ประดับด้วยโทนสีดำทอง แสงไฟอุ่นละมุนจากโคมตั้งโต๊ะหัวเตียงทอดเงาอ่อนบนพื้นไม้ โซฟาหนังแท้ริมหน้าต่างมีผ้าคลุมกำมะหยี่พาดไว้เรียบหรู ทุกอย่างดูดี...ดีเกินไปสำหรับเลขาชั่วคราวที่เพิ่งย้ายเข้ามาเมื่อไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง
ร่างบางของลลิลยืนอยู่กลางห้อง ในชุดคลุมอาบน้ำสีครีมนวล ผมยาวเปียกหมาดแนบลู่กับผิวไหล่ข้างหนึ่ง ลมหายใจอุ่นยังคงผสานกับไอจากร่างที่เพิ่งออกมาจากห้องน้ำ
เธอเดินไปหยิบผ้าขนหนูเล็กซับปลายผมอย่างช้า ๆ ก่อนสายตาจะเหลือบไปเห็นกล่องไม้เล็ก ๆ บนโต๊ะเตี้ยข้างเตียง
“Welcome to your new job, Ms. Lalin.”
ลายมืออังกฤษหวัดสวย ถูกเขียนด้วยปากกาหมึกดำลงบนการ์ดเล็ก ๆ ข้าง ๆ กันคือขวดไวน์แดงที่ถูกเปิดฝาไว้เรียบร้อยแล้ว พร้อมแก้วใสที่มีหยดน้ำเกาะข้างแก้ว ราวกับมีคนเพิ่งรินให้หมาด ๆ
“จงใจชัด ๆ ...”
ลลิลพึมพำ พลางยิ้มเอียงคอเบา ๆ อย่างคนรู้ทันเกม เธอหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาหมุนเล็กน้อยก่อนยกขึ้นจิบ กลิ่นไวน์เข้มผสานกลิ่นลาเวนเดอร์บาง ๆ ชวนให้หัวใจเธอผ่อนคลายในทันที
รสชาติฝาดนุ่มละมุนลิ้น...แต่กลับมีบางอย่างซ่อนอยู่ในกลิ่น—บางสิ่งที่ทำให้หัวใจเธอเต้นเชื่องช้า ดวงตาเริ่มพร่ามัว และหนังตาหนักขึ้นโดยไม่รู้ตัว
เธอย่อตัวลงนั่งบนเตียง ก่อนจะเอนกายอย่างผ่อนคลาย
ผ่านไปไม่ถึงสิบนาที...
ร่างบางเปลี่ยนชุดนอนเป็นเดรสสายเดี่ยวผ้าซาตินบางเบาสีขาวไข่มุก ชายเดรสสั้นเหนือเข่า สายเดี่ยวหลวมคล้องไหล่ ลู่แนบไปตามส่วนโค้งเว้าอย่างไร้สิ่งกั้น
ใต้ผ้าซาตินไม่มีชั้นในใด ๆ อยู่ใต้ผิวเนียนขาวนั้นอีกแล้ว—เพราะเธอไม่ได้คิดว่าจะมีใครมาเห็น
…เธอคิดแค่ว่า จะดื่มไวน์ แล้วก็นอน
…ไม่รู้เลยว่า ‘คนที่รินไวน์’ ยังคงยืนอยู่ในเงามืดของประตูเชื่อม
เสียงประตูเปิดอย่างไร้เสียง
กลิ่นน้ำหอมของเขา—กลิ่นเฉพาะตัวที่อบอวลไปด้วยกลิ่นหนังสัตว์ วู๊ดดี้ และความร้อนแรงที่ทำให้กลิ่นลาเวนเดอร์ถูกแทนที่ในทันที
อลิสแตร์ยืนพิงกรอบประตู สวมแค่เสื้อเชิ้ตดำปลดกระดุมสองเม็ด กับกางเกงแสล็กผ้าบางเรียบ
สายตาคมกริบจ้องมองร่างบางบนเตียงนิ่งงันราวกับเงามืดที่ซ่อนอยู่ในใจ
“ฝันดีรึยัง...คุณเลขา”
เสียงกระซิบแผ่วเบาดังขึ้นตรงข้างใบหู ริมฝีปากอุ่นแตะแก้มของเธอช้า ๆ ลมหายใจรินรดซอกคอจนผิวเนื้อลลิลสะท้านในความฝัน
“อืมม…” เสียงครางเบา ๆ หลุดจากริมฝีปากเธอราวกับละเมอ
เขายิ้มมุมปากเล็กน้อย ก้มลงจูบที่ไหล่เปลือยของเธอ ก่อนจะไล้ลิ้นอุ่นแตะตรงไหปลาร้า
มือหนึ่งค่อย ๆ ลูบผิวเนียนจากแขนขึ้นไปถึงต้นคอ ปลายนิ้วลากผ่านช้า ๆ คล้ายกำลังสะกดความรู้สึก
“คุณคิดว่าฝันอยู่ใช่ไหม?”
เขากระซิบ พร้อมใช้ริมฝีปากขบเบา ๆ ตรงเนินอกด้านข้างที่โผล่พ้นผ้าซาตินบาง เธอบิดตัวเล็กน้อยบนเตียง เสียงครางแผ่วดังขึ้นอีกครั้ง
“อ๊ะ…อือ...”
เขาใช้นิ้วเกี่ยวสายเดรสบางให้ไหลจากไหล่ ร่างบางเผยให้เห็นทรวงอกเนียนละเอียดที่กระเพื่อมตามลมหายใจ ปลายลิ้นของเขาแตะยอดอกสีชมพูเรื่อ—และดูดกลืนมันเข้าไปในปากอย่างแผ่วเบา เสียงดูดสลับกับเสียงลมหายใจของเธอที่ขาดเป็นช่วง ๆ
“อะ…ฝันเหรอ…แบบนี้…”
เสียงครางแหบพร่าที่หลุดจากริมฝีปากนุ่มนั้น ทำให้ดวงตาคมกริบมืดมนมากกว่าเดิม
เขาดูดสลับเลีย ปลายลิ้นวนที่ยอดอกทั้งซ้ายและขวาอย่างมีจังหวะ ทุกครั้งที่เขาครางเสียงต่ำขณะดูด—ร่างเธอก็สะดุ้งตาม
กลีบปากสีแดงระเรื่อของลลิลเผยอขึ้นเล็กน้อยในความฝัน เธอรู้สึกเหมือนถูกโอบกอดด้วยหมอกอุ่น ร่างกายเบาโหวงเหมือนไร้น้ำหนัก แต่ทุกจุดสัมผัสกลับ...ร้อนวาบอย่างน่าแปลก
ปลายนิ้วของใครบางคนยังไล้ต่ำจากหน้าท้องแบนราบ ผ่านช่วงเอว ลงไปยังสะโพก แล้วสอดเข้าไปในชายเดรสบางเบาอย่างระมัดระวัง นิ้วกลางแตะกลีบนุ่มเบา ๆ ก่อนจะกดผ่านเข้าไประหว่างร่อง
เธอสะดุ้งเล็กน้อย ร่างกายตอบสนองอย่างไร้การควบคุม
“อือ...อย่าทำแบบนี้ในฝันสิ...”
เธอพึมพำเสียงออดอ้อน ลมหายใจสะท้านเป็นระลอก ราวกับเธอกำลังคิดว่าเขาไม่ใช่คนจริง
กล้ามเนื้อตรงนั้นหดเกร็งโดยอัตโนมัติ แต่กลับไม่มีแรงแม้แต่จะลืมตาขึ้น
“อือ…”
เสียงครางหลุดออกมาจากลำคอเต็มไปด้วยความเสียวซ่าน
อลิสแตร์มองเธอจากปลายเตียง ดวงตาคมกริบวาววับในเงามืด ริมฝีปากหยักได้รูปยกยิ้มเพียงนิด...แต่กลับแฝงแรงดึงดูดร้ายกาจเกินกว่าจะละสายตาได้
เขาคุกเข่าลงระหว่างขาเรียวของเธอ...
มือใหญ่จับข้อเท้าเธอแผ่วเบา แล้วค่อย ๆ ดันต้นขาทั้งสองแยกออกช้า ๆ ปลายลิ้นของเขาแตะลงที่ต้นขาด้านใน ไล้ขึ้นเป็นทางอย่างเชื่องช้า ก่อนจะซุกหน้าแนบกับกลีบนุ่มและจูบลงไปเต็ม ๆ
ลลิลบิดเอวเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว ปลายนิ้วกำผ้าปูเตียงแน่น ทุกอย่างเบาหวิวเหมือนกำลังล่องลอยอยู่ในความฝัน
“ม-มะ...ไม่จริง...ฝันอีกแล้วเหรอ...”
เธอพึมพำเสียงแผ่ว ลมหายใจสั่นเมื่อความชื้นจากปลายลิ้นแตะตรงกลางร่องอ่อนไหว
เขาไม่ได้ตอบ แต่ใช้ปลายลิ้นแหวกกลีบกลางแล้วลากขึ้นยาวจากด้านล่างถึงติ่งเสียวด้านบน เขาหายใจผ่านจมูกหนักขึ้นในขณะที่ดูดกลืนกลีบอ่อน ปลายลิ้นหมุนวนจงใจที่ปุ่มกระสันในจังหวะช้า…แนบแน่น
เธอกระตุกเล็กน้อย เสียงหลุดจากปากอย่างห้ามไม่ได้
“อ๊ะ…อ๊า…อย่า…แบบนั้น”
เสียงครางแหบต่ำของลลิลเริ่มสั่นพร่า ปะปนกับลมหายใจที่สะท้อนกลับจากผิวกลีบเนื้อเปียกชื้น อลิสแตร์ตวัดปลายลิ้นเร็วขึ้น จงใจรัวเบา ๆ ตรงจุดอ่อนไหวที่กำลังสั่นระริกเพราะแรงปรารถนา ปลายนิ้วเรียวยาวของเขากางกลีบเนื้อนุ่มออกช้า ๆ
แล้วในจังหวะถัดมา—เขาซุกใบหน้ากลับเข้าไปแนบแน่นอีกครั้ง จูบลงไปอย่างหนักแน่น ดุดัน จนเสียงเฉอะแฉะจากสัมผัสเปียกชื้นดังก้องชัดในห้องที่เงียบ
เสียงดูดดัง ‘จ๊วบ...’ ทำให้ร่างบางของลลิลสะดุ้งกระตุกเบา ๆ ...แรงสั่นสะท้านแล่นจากจุดที่เขาสัมผัส ไล่ไปทั่วร่าง
เขาใช้ลิ้นแทรกเข้าไประหว่างกลีบกลาง เลียช้า ๆ ด้านในอย่างตั้งใจ พอแตะจุดลึกก็วนลิ้นแล้วดันกดอยู่ตรงนั้น สร้างแรงสะท้อนคล้ายแรงสั่นสะเทือน
ลลิลครางกระเส่า ร่างกายไต่ระดับความเสียวจนควบคุมไม่ได้ ทุกครั้งที่เขาดูดแรงขึ้น เสียงครางของเธอก็ขาดห้วง
“อะ…อ๊า…อืมมม…”
เธอครางอย่างคนติดอยู่ในความฝัน ใบหน้าสะบัดไปมาตามแรงกระตุกของร่างกาย มือเรียวขย้ำผ้าปูเตียงแน่น
เสียงจิบไวน์ในความฝันกลายเป็นเสียงดูดกลืนจริง ๆ ที่ทำให้ลลิลตัวเกร็ง จิกผ้าปูเตียงแน่น
“บอส…อ๊า...อย่า…แบบนั้น...อืมม...มัน…”
เสียงเธอเริ่มสั่นไหว ริมฝีปากแห้งสะท้าน
อลิสแตร์ดูดแรงขึ้น จังหวะเร็วขึ้น แต่ยังคงนิ่งเฉพาะปลายลิ้น
ทุกครั้งที่ปลายลิ้นแตะปุ่มเสียว ร่างเธอก็กระตุก
ทุกครั้งที่เขาคำรามต่ำในลำคอ ขณะใช้ปากกับเธอ...มันยิ่งทำให้ร่างกายตอบสนองรุนแรงขึ้น
“อะ...อะ...ไม่ไหวแล้ว...”
เสียงครางเธอขาดเป็นช่วง ๆ พร้อมกับร่างกายที่สั่นสะท้าน ปลายนิ้วเท้าจิกพื้นเตียง
เขากระซิบตรงกลีบเปียก
“ฝันหรือไม่ฝัน เธอก็ต้องเป็นของฉัน…”
แล้วลิ้นเขาก็รัวใส่ปุ่มไวต่อสัมผัสทันที
ลลิลกรีดร้องเสียงสั่น ตัวกระตุกแรงจนสะโพกยกลอยจากที่นอน ร่างกายของเธอเกร็งสุดตัวก่อนจะหลั่งออกมาอย่างไร้การควบคุม
“อ๊าาาา...!”
น้ำหวานไหลทะลักผ่านร่องรักจนเปียกเต็มริมฝีปากของเขา
อลิสแตร์ค้างลิ้นไว้ที่ปลายกลีบ กดแรงนิ่งในขณะที่ดูดกลืนรสหวานจนหยดสุดท้าย แล้วเลียลิ้นวนช้า ๆ เหมือนยังไม่พอใจ
“...หวานยิ่งกว่าไวน์ขวดไหน ๆ เสียอีก...”
เสียงกระซิบแหบพร่าของเขาชิดเนินเนื้อ ก่อนจะผละตัวช้า ๆ ใช้นิ้วเกลี่ยกลีบนุ่มที่ยังสั่นอยู่เบา ๆ อย่างอ้อยอิ่ง
เขาก้มลงแนบจูบที่หน้าผากเธอแผ่วเบา
“ฝันดีนะ...คุณเลขา”
ลลิลนอนหอบถี่ หัวใจเต้นแรงเหมือนยังไม่ยอมสงบ เปลือกตาหนักค่อย ๆ ลืมขึ้นเพียงเล็กน้อย เธอมองเห็นเพียงเงาร่างสูงที่กำลังผละไป ทุกอย่างพร่ามัว ราวกับมีหมอกสีเทาจาง ๆ คลุมอยู่ในดวงตา
‘...บอสเหรอ…? หรือว่า…ฝันไป...’
เธอปรือตามองแผ่นหลังกว้างที่เดินหายไปกับประตูไม้โอ๊ค จิตใจเธอยังสับสน สติพร่าเลือน หัวใจยังสั่นไม่หาย
อลิสแตร์ไม่ได้หันกลับมา ไม่พูดอะไร เหลือไว้เพียงเสียงลมหายใจของเธอ...และกลิ่นกายของเขาที่ยังคงติดอยู่บนต้นขา...ชัดเจนเกินกว่าจะเป็นแค่ฝัน
🍷✨ “ฝันแรกในบ้านของอลิสแตร์ ราเมียส…คือการเสร็จคาปากของเขา” แต่ลลิลยังไม่รู้เลยว่า “นั่น...ไม่ใช่ฝัน” 🍷✨💋
กลิ่นลาเวนเดอร์เจือจางผสานกลิ่นไวน์แดงลอยคลุ้งในห้องนอนหรูที่ประดับด้วยโทนสีดำทอง แสงไฟอุ่นละมุนจากโคมตั้งโต๊ะหัวเตียงทอดเงาอ่อนบนพื้นไม้ โซฟาหนังแท้ริมหน้าต่างมีผ้าคลุมกำมะหยี่พาดไว้เรียบหรู ทุกอย่างดูดี...ดีเกินไปสำหรับเลขาชั่วคราวที่เพิ่งย้ายเข้ามาเมื่อไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงร่างบางของลลิลยืนอยู่กลางห้อง ในชุดคลุมอาบน้ำสีครีมนวล ผมยาวเปียกหมาดแนบลู่กับผิวไหล่ข้างหนึ่ง ลมหายใจอุ่นยังคงผสานกับไอจากร่างที่เพิ่งออกมาจากห้องน้ำเธอเดินไปหยิบผ้าขนหนูเล็กซับปลายผมอย่างช้า ๆ ก่อนสายตาจะเหลือบไปเห็นกล่องไม้เล็ก ๆ บนโต๊ะเตี้ยข้างเตียง“Welcome to your new job, Ms. Lalin.”ลายมืออังกฤษหวัดสวย ถูกเขียนด้วยปากกาหมึกดำลงบนการ์ดเล็ก ๆ ข้าง ๆ กันคือขวดไวน์แดงที่ถูกเปิดฝาไว้เรียบร้อยแล้ว พร้อมแก้วใสที่มีหยดน้ำเกาะข้างแก้ว ราวกับมีคนเพิ่งรินให้หมาด ๆ“จงใจชัด ๆ ...”ลลิลพึมพำ พลางยิ้มเอียงคอเบา ๆ อย่างคนรู้ทันเกม เธอหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาหมุนเล็กน้อยก่อนยกขึ้นจิบ กลิ่นไวน์เข้มผสานกลิ่นลาเวนเดอร์บาง ๆ ชวนให้หัวใจเธอผ่อนคลายในทันทีรสชาติฝาดนุ่มละมุนลิ้น...แต่กลับมีบางอย่างซ่อนอยู่ในกลิ่น—บางสิ่งที่ทำให้หัวใจ
เสียงดนตรีแจ๊สบรรเลงคลอเบา ๆ ท่ามกลางแสงไฟนวลหรูของฮอลล์กลางงานเลี้ยงอลิสแตร์ ก้าวนำลลิลเข้าไปยังอีกฝั่งของห้องโถง ที่ตอนนี้มีชายเกาหลีท่าทางเนี้ยบจัด สวมสูทเข้ารูปและผูกไทด์ลายเอกลักษณ์เขาหันมาทันทีเมื่อเห็นอลิส พร้อมรอยยิ้มเปื้อนริมฝีปาก“Mr. Alistair! You came, good!” ชายเกาหลียื่นมือออกมา“Mr. Seo.” อลิสจับมือแน่นแต่สั้น ตามแบบคนที่ถือไพ่เหนือกว่าพอลลิลเดินตามมาถึง เธอก็ยกมือไหว้แบบไทย ๆ อัตโนมัติ แต่ชายเกาหลีผู้นั้นหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดขึ้นว่า“You brought a new assistant this year, huh?”“More than that,” อลิสตอบเรียบ ๆ พร้อมปรายตามองลลิล“She's my personal secretary now. Lalin, this is Mr. Seo Min-hyun —CEO ของ SKI Holdings ฝั่งโซล”ลลิลยิ้มแบบมีมารยาท และตอบกลับด้วยภาษาอังกฤษที่ค่อนข้างคล่อง“Nice to meet you, Mr. Seo.”เขาดูพอใจ หัวเราะเบา ๆ แล้วชำเลืองมองอลิส“เธอดูเฉียบดีนะ มิสเตอร์อลิสแตร์... ฉันชอบความฉลาดในสายตาแบบนี้”อลิสไม่ได้พูดอะไร แค่ยิ้มมุมปากบาง ๆ ก่อนจะโน้มตัวกระซิบข้างหูลลิล“จำไว้นะ—เขาแยกคำพูดกับสายตาไม่ออก อย่าเชื่อทุกอย่างที่เขาชม”เธอพยักหน้าช้า ๆ ก่อนจะ
ค่ำนี้คือคืนของ ‘งานเลี้ยงมอบรางวัลนักธุรกิจดีเด่นแห่งปี’ เป็นงานหรูที่เต็มไปด้วยคนดังระดับประเทศ และแขก VIP ที่มีกระเป๋าหนักพอจะซื้อประเทศได้ครึ่งหนึ่งท่ามกลางกลิ่นไวน์ฝรั่งเศส ล็อบบี้โรงแรมห้าดาวที่สว่างไสวจนแทบมองเห็นรูขุมขนผู้คน —เสียงแชมเปญเปิดดัง ‘ป๊อบ’ ตามมาด้วยเสียงหัวเราะของเหล่าผู้บริหารระดับประเทศแต่ทั้งหมดนั่น...เงียบลงทันทีเมื่อเห็นชายหนุ่มเจ้าของความสูงกว่า 185 เซนติเมตร ก้าวเข้ามาในงานอลิสแตร์ ราเมียสCEO แห่ง Ramius Group — ชุดสูทสีดำเข้ารูปตัดเย็บเฉียบเฉือนด้วยผ้าเกรดสูงสุดจากอังกฤษเส้นผมสีดำสนิทเซ็ตเรียบเนี้ยบรับกับกรอบหน้าคมคาย ปลายคิ้วเข้ม ดวงตาคมลึกที่เหมือนกลืนทุกอย่างให้จมหาย ริมฝีปากหยักตรงที่ดูสุขุม...แต่หากจ้องนานไป อาจเผลอจินตนาการว่ามันจะสัมผัสยังไงเวลาเขาจูบเขาหล่อจนแม้แต่ภรรยาท่านรัฐมนตรี ยังเหลือบมองโดยไม่รู้ตัว สูทสีดำสนิทของทอม ฟอร์ดที่สวมอยู่บนร่างสูงราวเทพเจ้าโรมันปิดหน้ากากเยือกเย็นเอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ จนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เสียงส้นสูงกระทบพื้นดังเบา ๆ ...ตามด้วยกลิ่นหอมเย้ายวนที่ลอยมาก่อนตัวข้างกายเขา —คือหญิงสาวในเดรสยาวผ้าซาตินสีมุกเน
เสียงของลลิลยังคงดังในห้องเงียบ…เซ็นเรียบร้อยแล้ว—แม้ใจจะยังไม่แน่ใจว่าเพิ่งจรดปากกาบนเอกสารฝึกงาน หรือเอกสารสัญญาวิญญาณชั้นดีให้ซาตานที่สวมสูทเซอร์เมดอินอิตาลีอลิสแตร์จ้องลายเซ็นเธอครู่หนึ่งก่อนจะเก็บเอกสารเข้าซองอย่างเรียบร้อย ราวกับไม่ใช่แค่เอกสารธรรมดา...แต่คือ “ของสำคัญ” ที่เขารอจะได้ครอบครองเขาเงยหน้าขึ้น สบตาเธอตรง ๆ“มีคำถามเพิ่มเติมไหม มิสคหบดีวัฒน์?”ลลิลส่ายหน้าเบา ๆ อย่างเกร็ง แต่สายตาเธอยังมีแววแข็งกล้าอยู่บ้าง เขาเห็นมัน—และมันทำให้รอยยิ้มบางที่มุมปากเขาขยับขึ้นนิดหน่อย“งั้นผมขอถามอะไรสักอย่าง...”เขาเอนตัวพิงโต๊ะเล็กน้อย มือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋ากางเกง ขณะที่อีกข้างควงปากกาทองบนปลายนิ้วอย่างช้า ๆ“ปกติคุณเรียกตัวเองว่าอะไร เวลาคุยกับเพื่อน?”ลลิลกะพริบตาปริบ ๆ“หืม...หมายถึงแทนตัวเองน่ะเหรอคะ?”“ใช่” เขาพยักหน้าเบา ๆ“เช่น...ฉัน ลลิล เค้า หรือ...อะไรแบบนั้น”เธอเม้มปากนิดหน่อย ก่อนตอบออกไปแบบงง ๆ“ก็...ลินค่ะ”“ลิน?” เขาทวนคำช้า ๆ คล้ายจงใจกลืนคำลงลำคอ พร้อมกับสายตาที่ไม่ละไปไหน“ค่ะ...” เธอตอบเบา ๆเขาพยักหน้าเบา ๆ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่เต็มไปด้วยอำนาจแปลกป
เช้าวันถัดมา...ท้องฟ้าแจ่มใสเกินเบอร์ เหมือนฟ้ากำลังตบไหล่บอกว่า “สู้ ๆ นะยัยบ้า ไปตายซะดี ๆ”ลลิล คหบดีวัฒน์ ยืนอยู่หน้าตึกกระจกสูงระฟ้าของ Ramius Group ในมือถือกระเป๋าหนังแบรนด์เนม ชุดเดรสสีครีมที่เธอเลือกใส่มาอย่างตั้งใจดูเรียบหรู แม่เรียกว่าเรียบร้อย — แต่เธอเรียกมันว่า ‘ชุดสารภาพบาป’ภายนอกดูเป็นคุณหนูผู้ดี แต่ภายใน...เหมือนใส่เกราะเหล็กพร้อมระเบิดเวลาไว้ตรงอกแน่นไปหมดหายใจก็ไม่สุด หัวใจก็สั่น ระดับความเครียดพุ่งเท่าภาษีที่ต้องจ่ายตอนรู้ว่าเธอทำน้ำไวน์ราดสูทคนมีอำนาจที่สุดในเมืองนี้เธอกลืนน้ำลายอย่างยากเย็นสายตาเงยขึ้นไปมองโลโก้ “Ramius Group” ตัวอักษรสีดำเงาเรียบหรูบนกระจกใสที่สูงเสียดฟ้าข้างใต้เขียนว่า Power. Precision. Privacy.“...เออ ใช่สิ พาวเวอร์จนฉันอยากเป็นลม เพรซิชันจนฉันราดไวน์ใส่เขา แล้วพรายเวซี่...เออ แม่งจะลากฉันไปทำอะไรหลังม่านอีกก็ไม่รู้!”เธอสาปแช่งตัวเองในใจพลางสูดลมหายใจลึก“โอเค ลลิล...แกแค่ไปขอโทษ เขาคงไม่ใจร้ายมั้ง—ถึงแม้เขาจะหน้าหล่อแบบฆ่าได้โดยไม่กะพริบตาก็ตาม”เธอพึมพำ“…แล้วก็อธิบายไปตรง ๆ ว่าแกไม่มีเงินจ่ายค่าสูทบ้า ๆ นั่น! ขอผ่อน 48 งวดกับดอกเบี้
หลังจากปล่อยให้เรื่องของ ฌอง บราซัวส์ ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง อลิสแตร์ ก็กลับออกมาสู่ห้องจัดเลี้ยงที่ยังเต็มไปด้วยเสียงพูดคุย ไวโอลิน และแชมเปญเขาหยิบแก้วไวน์แดงจากถาดของบริกรอย่างไม่ใส่ใจนัก ก่อนจะหันตัวตั้งใจเดินไปยังระเบียงกระจกมุมเดิม—ที่เขาหวังจะได้ยืนพักจิบไวน์เงียบ ๆ สักครู่...แต่เขายังไม่ทันจะก้าวเท้าเดินออกไปพรึ่บ!แรงกระแทกเล็ก ๆ ปะทะเข้าที่อกเต็มแรงจนของเหลวในแก้วกระฉอก“อ๊ะ! ขอโทษค่ะ—!”เสียงหวานดังขึ้นพร้อมร่างเล็กของหญิงสาวคนหนึ่งที่ชนเขาเข้าเต็มเปา ไวน์แดงราดเป็นทางบนสูทสีเงินอ่อนของเขา รอยเปื้อนแดงฉานโดดเด่นบนเนื้อผ้าเนียนเฉียบประหนึ่งเลือดในสมรภูมิรบอลิสก้มมองสีสูทที่เลอะเสียจนแทบพังทั้งชุด ก่อนจะเงยหน้าขึ้นอย่างช้า ๆร่างตรงหน้าเขาคือหญิงสาววัยประมาณยี่สิบต้น ๆ ผมยาวสีน้ำตาลประกายทองดูยุ่งเหยิงจากการวิ่งใบหน้าขาวแดงจัดจากความเหนื่อยและความตกใจ ดวงตากลมโตเบิกกว้างเธอกำลังหอบหายใจ—และดูเหมือนเพิ่งหนีออกมาจากสงคราม...หรือไม่ก็การจับคลุมถุงชนชุดเดรสเกาะอกสีงาช้างสั้นเหนือเข่าดูจะหรูเกินไปสำหรับคนที่หน้าตาตื่นขนาดนี้แต่ก็ไม่ใช่ว่าเธอแต่งตัวไม่สวย—ตรงกันข้าม เธอสวยมาก