ในขณะเดียวกันภายในกระโจมที่พัก พระวรกายงามสง่านั่งอยู่บนตั่งที่ประทับทอดพระเนตรรายงานข่าวสารจากทั่วทุกเขตชายแดนให้พระองค์ล่วงรู้ความเคลื่อนไหวของแคว้นเพื่อนบ้านใกล้เคียงที่อยู่ติดกับแคว้นซางของพระองค์
ซึ่งทางทิศเหนือติดกับแคว้นเฉิน ทิศตะวันออกติดกับแคว้นหยาง ทิศตะวันตกติดกับแคว้นเกา ทิศใต้ติดกับแคว้นไค่ ก่อนจะเงยพระพักตร์ขึ้นทอดพระเนตรเมื่อร่างสันทัดก้าวเข้ามาภายในกระโจมดังกล่าว ใบหน้าคมคายของผู้มาเยือนหันกลับไปสำรวจรอบกระโจมก่อนจะได้ยินแม่ทัพผู้กล้าเอ่ยขึ้น “ข้าอยู่เพียงลำพัง เจ้ามิต้องกังวลมีเหตุสิ่งใดเกิดขึ้นกระนั้นรึ จึงมาหาข้าถึงเขตชายแดนแห่งนี้”แม่ทัพไร้พ่ายถามอีกฝ่ายกลับไป “ข้ามีข่าวด่วนส่งตรงมาจากทางวังหลวง!”เนี่ยนเจินรายงานทันทีที่มาถึง “ข่าวด่วนจากวังหลวงคงไม่พ้นงานพระราชทานพิธีอภิเษกสมรสบรรดาองค์หญิงของเจ้าผู้ครองแคว้นอีกแล้วละสิ แล้วนี่องค์หญิงยี่สิบกว่าพระองค์ อภิเษกไปจนครบหมดแล้วกระมัง ข้าได้ยินข่าวด่วนของเจ้าปีหนึ่งแบบนี้หลายรอบแล้วนะเนี่ยนเจิน”แม่ทัพใหญ่บ่นพึมพำพลางส่ายหน้าไปมาด้วยความระอาเมื่อทรงได้ยินเช่นนั้น “คราวนี้ด่วนของแท้และของจริงเลยนะ เพราะครั้งนี้เกี่ยวข้องกับเจ้าโดยตรงเลยเชียวละ ข่าวที่ข้ากำลังนำมาบอกเจ้ามิได้มาจากวังหลวงต้าซางแต่มาจากซีโจวต่างหากเล่า”เนี่ยนเจินพระสหายสนิทที่คบหากันตั้งแต่เยาว์วัยบอกกลับไป และนั่นทำให้พระขนงเข้มขมวดเข้าหากันทันใดครั้นทรงได้ยินเช่นนั้น “เกี่ยวกับข้าโดยตรงอย่างนั้นเหรอ! มันเรื่องอะไรกัน”รับสั่งถามกลับไปทันทีก่อนจะได้ยินเสียงอีกฝ่ายตอบสวนกลับมาอย่างรวดเร็ว “อู๋ฮองเฮามีพระบัญชาให้พระโอรสลับจินเฟิ่งเสด็จกลับคืนสู่ราชสำนักซีโจวแล้ว!” และนั่นทำให้วงองค์ใหญ่ชะงักงันไปชั่วขณะทันทีเมื่อทรงได้ยินรายงานข่าวเช่นนั้น พร้อมเสียงพระสหายคนสนิทรีบรายงานข่าวที่ยังคงมีอย่างต่อเนื่องออกมาไม่หยุดเลยทีเดียว “นอกจากนี้ข่าวยังมีเล็ดรอดออกมาอีกว่า พระสนมเอกฮั่วซีส่งนักฆ่าหมายลอบปลงพระชนม์พระโอรสลับของอู๋ฮองเฮาเพราะไค๋หยวนฮ่องเต้ทรงหมายพระทัยจะแต่งตั้งพระโอรสลับซึ่งประสูติจากอู๋ฮองเฮากับพระองค์แต่ถูกซุกซ่อนเอาไว้อย่างเป็นความลับตอนยังไม่ก่อกบฏให้ขึ้นเป็นรัชทายาทสืบบัลลังก์ต่อไป!” “เช่นนั้นรึ!”รับสั่งออกมาเพียงสั้นๆ พร้อมลุกออกจากตั่งที่ประทับ “นี่ก็หมายความว่า หญิงชั่วผู้นั้นเรียกลูกที่ไม่ต้องการของตนกลับคืนวังหลวงเพื่อสู้ศึกชิงตำแหน่งรัชทายาทกระนั้นสิ ในที่สุดราชสำนักซีโจวกำลังจะเกิดเหตุการณ์นองเลือดขึ้นให้เสียแล้ว”รับสั่งกับพระสหาย “แหม...ไม่น่าถามเลยว่าจะนองเลือดมากแค่ไหน ข้ามองข้ามไปเลยว่าไม่ใช่เฉพาะราชสำนักที่นองเลือดแต่ลามไปทั่วทิศแน่นอน เพราะพระสนมเอกฮั่วซีต้องการฆ่าองค์ชายจินเฟิ่งให้ได้ ในขณะที่อู๋ฮองเฮาพยายามปกป้องสายเลือดของตัวเองเพื่อให้บัลลังก์ตกอยู่กับลูกของตนเรื่องนี้เดิมพันด้วยตำแหน่งรัชทายาทซีโจว ที่จะต้องสืบทอดบัลลังก์ แล้วนี่เจ้าไม่คิดจะทำอะไรบ้างเลยรึ”เนี่ยนเจินพระสหายสนิทรายงานเป็นชุดๆ แม่ทัพลือนามทรงหันกลับไปทอดพระเนตรพระสหายซึ่งมียศศักดิ์เป็นถึงองค์ชายรัชทายาทจากแคว้นถังซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือติดกับแคว้นฉี และมักถูกบุกโจมตีเพื่อหมายยึดครองดินแดนอยู่หลายครั้งหลายครา ด้วยเป็นแคว้นที่อยู่ติดกับทะเลมีความชำนาญในการล่องเรือในทะเลกว่าแคว้นอื่นๆ องค์ชายหนุ่มชอบใช้ชีวิตเร่ร่อนพเนจรไปทั่วทุกสารทิศ ก่อนจะถูกพิษร้ายแรงเมื่อมีพระชนมายุ 12 ชันษา และมิสามารถถอนพิษดังกล่าวออกไปจากพระวรกายได้ จึงเดินทางมาที่เทือกเขาหลิวไถ่เพื่อรับการรักษาถอนพิษดังกล่าว และเทือกเขาหลิวไถ่ ทำให้พระองค์ได้พบกับองค์ชายโจวโย่วเฉิงนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา องค์ชายเนี่ยนเจินจึงได้กลายเป็นพระสหายสนิทเติบโตมาพร้อมกับองค์ชายไร้บัลลังก์และล่วงรู้เรื่องราวของพระสหายรักเป็นอย่างดี หึหึหึหึหึ!!! เสียงพระสรวลคำรามลั่นอยู่ในพระศอของแม่ทัพไร้พ่ายด้วยความขบขัน “เหตุใดข้าจะไม่คิดเล่า ในเมื่ออู๋ฮองเฮาต้องการพระราชโอรสกลับคืนข้าก็จะสนองให้นางสมหวัง”รับสั่งตอบพระสหายกลับไปพลางแสยะยิ้มเหยียด “ปัดโธ่เอ้ย! แล้วเจ้าจะจัดการเยี่ยงไรต่อไปเล่า เพราะตอนนี้จินเฟิ่งผู้นั้นซ่อนเร้นตัวตนอยู่แห่งหนใดก็มิรู้ นี่ก็พากันเล่าลือไปทั่วแคว้นแล้วว่าองค์ชายผู้นั้นถูกสังหารไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หากเป็นเช่นนั้นจริงๆ แผนที่อุตสาห์วางมานานมิล้มเหลวไม่เป็นท่าอย่างนั้นหรอกรึ!”เนี่ยนเจินกล่าวออกมาจากข้อมูลที่ตนได้ไปสืบรู้มาทั้งหมด “อีกอย่างนะ คนที่ล่วงรู้ว่าองค์ชายจินเฟิ่งผู้นั้นประทับอยู่ที่ไหนก็มีแต่เจ้าผู้ครองแคว้นต้าซางเท่านั้น แล้วดูตอนนี้สิได้ข่าวว่าพระองค์ประชวรด้วยเพราะโรคชราจนต้องสละราชบัลลังก์ให้แก่รัชทายาทขึ้นครองแคว้นแทนแล้วถ้าเกิดพระองค์สิ้นพระชนม์ลงไป จะล่วงรู้สถานที่ซ่อนเร้นองค์ชายผู้นั้นได้เยี่ยงไร เหตุใดใยเจ้าจึงมิทุกข์ร้อนแม้แต่น้อย”พระสหายสนิทบ่นพึมพำด้วยความกังวล “แล้วไงรึ! ข้าแลดูมิทุกข์ร้อนดั่งคำกล่าวของเจ้าถึงเพียงนั้นเชียวรึ” “เอ้า! ก็ดูเจ้าตอนนี้สิแลดูมิกริ่งเกรงหรือกังวล มิทุกข์ร้อนเรื่องของจินเฟิ่งแต่อย่างใด เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วไซร้หากอู๋ฮองเฮาสามารถติดตามพระโอรสของนางพบก่อนพวกเรา ตำแหน่งรัชทายาทแห่งซีโจวซึ่งจะต้องเป็นของพระราชโอรสพระองค์ใหญ่ก็ต้องเป็นของจินเฟิ่งผู้นั้นอย่างแน่นอน”พระสหายแสดงความคิดเห็นออกไป ทว่าพระพักตร์หล่อเหลากลับส่ายไปมาครั้นทรงได้ยินเช่นนั้น “เจ้าคาดการณ์ผิดถนัดไปเสียแล้วอาเจิน คนอย่างจื่อโหยวไม่มีทางให้ผู้ใดครอบครองตำแหน่งรัชทายาทนี้อย่างแน่นอน และต้องพยายามขัดขวางมิให้จินเฟิ่งได้ขึ้นครองแผ่นดินซีโจวนี้ได้เป็นอันขาด”รับสั่งตอบพระสหายกลับไป ในขณะที่พระสหายสนิทยืนครุ่นคิดตามไปพร้อมกัน “นี่เจ้าหมายความว่าจื่อโหยวกำลังวางแผนการณ์บางอย่างเอาไว้ใช่ไหม” พระพักตร์หล่อเหลาคมคายพยักขึ้นลงติดต่อกัน “ถูกต้อง! และเชื่อเถอะว่าทันทีที่ไค๋หยวนฮ่องเต้คิดจะแต่งตั้งและเลือกเฟ้นรัชทายาท จื่อโหยวจะต้องสังหารจินเฟิ่งเป็นอันดับแรกและพ่อของตัวเองไปพร้อมกันเพื่อป้องกันมิให้มีการแต่งตั้งผู้ใดขึ้นเป็นรัชทายาท หรือไม่ก็...”รับสั่งเพียงเท่านั้นพลันหยุดลงเสียดื้อๆ “เอ้า!หยุดทำไมเล่า ข้ากำลังฟังเจ้าอยู่นะ”พระสหายสนิทบ่นพึมพำด้วยความขัดใจ “หากเป็นเจ้าจะคิดแผนจัดการศัตรูที่ขวางทางการก้าวขึ้นสู่อำนาจนี้ได้เยี่ยงไร”แม่ทัพหนุ่มถามกลับไป “หากเป็นข้าอย่างนั้นเหรอ..อืมมม”พระสหายสนิทกล่าวพร้อมทำท่าทางครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ “ถ้าหากเป็นข้าละก็จะจัดการเก็บจินเฟิ่งให้สิ้นซาก เพราะไค๋หยวนมีโอรสเพียงแค่สองพระองค์เท่านั้นคือจินเฟิ่งกับจื่อโหยว เมื่อไร้ศัตรูขวางทาง ตำแหน่งรัชทายาทจะไปไหนเสีย ส่วนจะกำจัดไค๋หยวนพ่อของตัวเองหรือเปล่านั้นก็ขึ้นอยู่กับว่ากระหายอำนาจมากน้อยแค่ไหน” พระโอษฐ์ยกยิ้มออกมาบางๆ ครั้นทรงได้ยินพระสหายสนิทแสดงความคิดเห็นออกมาเช่นนั้น “ฉลาด! แต่คนอย่างจื่อโหยวนะหรือจะรั้งรอเชื่อเถอะว่าไค๋หยวนมีชีวิตอยู่ต่อได้ไม่นานหรอก”ถ้อยรับสั่งของพระองค์เช่นนั้นเล่นเอาพระสหายเบิกตากว้างขึ้นมาทันที พร้อมมีรับสั่งตามติดมา “อีกอย่างตราบใดถ้ายังไม่มีพระบรมราชโองการแต่งตั้งแล้วไซร้แต่สามารถปลงพระชนม์ไค๋หยวนได้ก่อนเป็นผลสำเร็จ แน่นอนว่าจื่อโหยวในฐานะพระโอรสเพียงพระองค์เดียวแม้ว่าจะประสูติจากพระสนมเอกก็ตาม จะต้องถูกอัญเชิญให้ขึ้นครองแคว้นแทนอย่างแน่นอน คนอยู่ใกล้ตัวย่อมได้เปรียบกว่าคนที่ถูกซุกซ่อนมิได้รับการเปิดเผยตัวตนมาตั้งแต่แรกกำเนิด”รับสั่งอธิบายกลับไป “หา!ใจคอจื่อโหยวจะฆ่าพ่อตัวเองได้ลงคอจริงๆ รึ! โอโห่ช่างเหี้ยมโหดเสียนี่กระไร”เนี่ยนเจินบ่นพึมพำ “เชื่อเถอะว่าไม่ผิดไปจากที่คาดการณ์เอาไว้ และคิดว่าข่าวที่เจ้าได้ยินมาล้วนเป็นข่าวลวงทั้งสิ้น”แม่ทัพหนุ่มรับสั่งอย่างมั่นพระทัย และนั่นทำให้พระสหายสนิทขมวดคิ้วเข้มเข้าหากันทันใด “เหตุใดจึงมั่นใจว่าข่าวที่ข้าสืบรู้มาเป็นกลลวง”พระสหายสนิทถามกลับไปทันทีด้วยความสงสัย “เพราะเหตุใดกระนั้นรึ! ก็....”แม่ทัพหนุ่มรูปงามรับสั่งได้เพียงเท่านั้น พระองค์มีอันต้องหยุดชะงักไปโดยพลันครั้นทรงทอดพระเนตรเหตุการณ์บางอย่างกำลังเกิดขึ้นตรงพระพักตร์อย่างไม่คาดฝันคฤหาสน์ตระกูลไป๋ในยามนี้ทั่วบริเวณพื้นที่ด้านในของคฤหาสน์เจ้าพ่อไป๋โหย่งอี๋ เต็มไปด้วยสมาชิกแก๊งสามพยัคฆ์ซึ่งมาร่วมงานศพหัวหน้าใหญ่รุ่น 3 ที่เพิ่งฝังร่างลงสู่ผืนดิน ณ.สุสานของตระกูลไป๋เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมาและสมาชิกแก๊งต่างเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียงกัน ตามบัตรเชิญของไป๋เริ่นเจิน บุตรชายคนโตของเจ้าพ่อใหญ่ซึ่งสมาชิกภายในแก๊งยังไม่มีใครล่วงรู้ว่าแท้จริงแล้วเป็นเพียงลูกติดท้องของภรรยารอง หาใช่สายเลือดโดยแท้จริงสมาชิกแก๊งสามพยัคฆ์ที่มีมากมายนับหลายหมื่นคนต่างส่งตัวแทนเข้ามาร่วมการประชุมตามบัตรเชิญดังกล่าวกันอย่างพร้อมเพรียง ในแผ่นดินจีนสมาชิกกระจัดกระจายอยู่ทั่วทุกภูมิภาค จึงส่งตัวแทนของแต่ละมณฑลซึ่งมีตำแหน่งเป็นหัวหน้าของแต่ละเมืองเข้าร่วมประชุมแทนในขณะที่ทางฮ่องกงและไต้หวันมีหวังเหล่ยเป็นตัวแทนเข้าร่วมประชุมและไป๋หลันฮวาลูกสาวแท้ๆ ของเจ้าพ่อผู้ยิ่งใหญ่เป็นตัวแทนเข้าร่วมประชุมจากทางประเทศญี่ปุ่นและประเทศฮ่องกง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในสาขาใหญ่ของแก๊งหากแต่ทั้งสองกลับไร้สิ้นเงาและตัวตนไม่ปรากฏกายแม้กระทั่งพิธีส
“หลันฮวา! รีบหนีออกมา!!!” เสียงตะโกนก้องของหวังเหล่ยดังขึ้นท่ามกลางความเงียบงันร่างสันทัดของหัวหน้าแก๊งฮ่องกงพยายามยันกายของตนออกจากหลุมทรายขึ้นมาอย่างทุลักทุเล จนสามารถประคองร่างของตัวเองให้ลุกขึ้นยืนได้เป็นผลสำเร็จ และเสียงตะโกนดังกล่าวปลุกสติและความเป็นตัวตนของแม่สาวน้อยคนงามให้หวนกลับคืนมาพรึ่บ!!! ดวงตากลมโตคู่งามเปิดขึ้นทันใด ขนตางามงอนกะพริบขึ้นลงติดต่อกันเมื่อเธอพบว่ากำลังจุมพิตตอบโต้ซากโครงกระดูกที่บัดนี้คืนร่างกลับมาเป็นคนได้อีกครั้ง“ยะ..แย่แล้ว! ทำไมเราจะต้องเคลิบเคลิ้มฟินไปกับการจูบด้วยวะเนี่ย นี่ฉันกำลังจูบกับผีอยู่นี่หว่า” หญิงสาวรำพึงในใจตุบ! ตุบ! ตุบ! กำปั้นน้อยๆ ทุบลงบนแผ่นอกกว้างตรงหน้าเธออย่างไม่ยั้งมือเลยทีเดียวทว่าแทนที่ร่างใหญ่นั้นจะรู้สึกแต่ตรงกันข้ามแรงทุบตีของหญิงสาว มิได้สะเทือนผิวกายหรือระคายเคืองแม้แต่น้อย แม่ทัพในตำนานยังคงระดมจุมพิตสตรีสาวโฉมงามตรงพระพักตร์อยู่เช่นนั้น ในขณะที่อีกฝ่ายพยายามขืนร่างของเธออย่างเต็มที่ให้หลุดพ้นจากร่างใหญ่ที่เริ่มจะทำท่าดึงรั้งกายอรชรของไป๋หล
ในขณะที่กลุ่มชายฉกรรจ์ที่เต็มไปด้วยอาวุธครบมือต่างก็เห็นเฉกเช่นเดียวกัน แต่ละคนดวงตาเบิกค้างด้วยความตกใจเมื่อจู่ๆ เห็นผู้ชายร่างสูงใหญ่กำยำกลายร่างเป็นโครงกระดูกของคนตายเข้ามาแทนที่ และแต่ละคนยังมิได้ทันลงมือแต่อย่างใด โครงกระดูกผีที่กระชับมีดอยู่ในมือวิ่งเพียงแค่สามก้าวเท่านั้นพลันถึงตัวพวกมันทุกคนฉัว!ฉัว!ฉัว!ฉัว!!!! โครงกระดูกแม่ทัพในตำนานเคลื่อนไหวราวล่องหน เมื่อพระองค์ทรงใช้วรยุทธ์ที่ถูกฝึกฝนมาเป็นอย่างดีเมื่อสามพันปีก่อน ปลิดชีพชายโฉดทั้งเจ็ดด้วยการใช้มีดสั้นของพระองค์ตรงเข้าเชือดลำคอของแต่ละคนจนเป็นแผลเหวอะหวะโดยไม่รู้ตัวอ๊าคคคค!!! เสียงร้องโหยหวนดังออกมาอย่างไม่ขาดสายฉูดดด!!! เลือดแดงฉานพุ่งกระฉูดทะลักออกจากลำคอของแต่ละคนหลั่งไหลเป็นสายธาราดั่งน้ำก๊อกตุบ!ตุบ!ตุบ!ตุบ! ร่างกลุ่มชายโฉดที่ถูกโครงกระดูกแม่ทัพในอดีตกาลจับเชือดคอเป็นว่าเล่นหงายท้องล้มลงไปนอนกับผืนทราย แต่ละคนถูกเชือดคอเกือบขาดห้อยร่องแร่งจบสิ้นชีวิตไปโดยไม่รู้ตัวว่าตัวเองตายเสียด้วยซ้ำ“บะเจ้า!เก่งโคตรๆ เลย”ไป๋หลันฮวาเอ่ยออกมาทันใดครั้นเห็นเหตุการณ์เช่
บัดนี้แม่ทัพไร้พ่ายในตำนานได้ฟื้นคืนชีพหวนกลับคืนมาอีกครั้งอย่างไม่คาดฝัน ครั้นเมื่อกระดองเต่าศักดิ์สิทธิ์ซีกที่อยู่กับไป๋หลันฮวาและที่อยู่กับองค์ชายโจวโยว่เฉิงประกบเข้าหาเป็นชิ้นเดียวกันด้วยความบังเอิญ ประจวบเหมาะกับได้เลือดของมาเฟียสาวคนสวยหลั่งรินลงบนพระศพซึ่งเป็นซากโครงกระดูกที่ตายมานานกว่า 3000 ปี ด้วยพลังเวทย์ที่อยู่บนกระดองเต่าและเลือดของสตรีสาวพรหมจรรย์ของไป๋หลันฮวา จึงทำให้แม่ทัพในตำนานหวนคืนพระชนม์ชีพกลับมาอีกครั้งชนิดที่ว่าเขียนเป็นนิยายยังอ่านแล้วต้องอึ้ง คนอ่านคงว่าเพ้อเจ้อสิ้นดีแต่ของจริงในเวลานี้คนที่เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างตั้งแต่ต้นจนจบแทบจะสติแตกไปตามๆ กัน “ผะ..ผะ...ผี..ผี!!!”หวังเหล่ยเอ่ยเสียงตะกุกตะกัก ในขณะที่ริมฝีปากหยักได้รูปสวยของแม่ทัพในอดีตองค์ชายโจวโยว่เฉิง ได้สัมผัสกับริมฝีปากอวบอิ่มเต็มไปด้วยความเย้ายวนของสตรีสาวปริศนาตรงพระพักตร์เป็นครั้งแรกในพระชนม์ชีพ ครั้นกลับมามีชีวิตอีกครั้ง แม่ทัพรูปงามเริ่มบอดเบียดริมฝีปากของตนที่เต็มไปด้วยความร้อนรุ่มลงทาบทับอย่างหนักหน่วง ระดมจุมพิตเร่าร้อนอย่างลืมตัว ลิ้นเก
ทันใดนั้นเองกระแสลมแรงพลันเกิดขึ้นอย่างมิรู้สาเหตุ พัดพาฝุ่นทรายจนฟุ้งกระจายเต็มไปหมดพรืด !หัวหน้าร่างยักษ์สำลักฝุ่นทรายออกมาทันใดแค่ก!แค่ก! เสียงไอดังออกมาติดต่อกันก่อนจะยกมือขึ้นบังฝุ่นทรายที่คละคลุ้งไปทั่ว มองไปที่ใดทั่วบริเวณมีแต่ความพร่ามัวเต็มไปหมด“พายุทราย!”หัวหน้าร่างยักษ์ตะโกนแข่งกับสายลม“วิ่งที่ไปเฮลิคอปเตอร์!เข้าไปหลบพายุทรายในนั้นก่อน!วิ่งไป!!!”หัวหน้าร่างยักษ์ตะโกนสั่งท่ามกลางพายุทรายที่จู่ๆ ก็เกิดขึ้นอย่างไม่มีสาเหตุกำลังโหมพัดกระหน่ำแรงขึ้นกลุ่มชายฉกรรจ์ซึ่งตอนนี้เหลือเพียงเจ็ดคนรีบวิ่งกลับขึ้นไปบนเฮลิคอปเตอร์อย่างรวดเร็ว ก่อนจะรีบปิดประตูจนสนิทแต่ยังไม่บินขึ้นแต่อย่างใดเพราะทัศนะวิสัยไม่ดี ต้องรอจนกว่าพายุทรายสงบจึงจะสามารถนำเครื่องขึ้นบินได้และมิรู้ว่าจะต้องรอนานเพียงใดกว่าที่พายุทรายที่กำลังโหมกระหน่ำอย่างรุนแรงในขณะนี้จะผ่านพ้นไป ทุกสายตาเพ่งมองเหยื่อที่ถูกนำมาฆ่าซึ่งถูกโยนลงไปในหลุมทรายดูดเป็นตาเดียวกัน“พวกมันสองคนโชคร้ายเป็นบ้าที่ถูกพามาฆ่ากลาง
ยุคปัจจุบันทะเลทรายบาเดนจารัน ทะเลทราย บาเดน จารัน (Badain Jaran) ครอบครองพื้นที่ส่วนหนึ่งของประเทศจีนและมองโกเลียในพื้นที่กว่า 49,000 ตารางกิโลเมตร จึงกลายเป็นทะเลทรายที่ใหญ่เป็นอันดับสามของประเทศจีน แม้ว่าผู้คนจะไม่ค่อยคุ้นเคยกับทะเลทรายที่อยู่ไกลออกนอกประเทศ แต่ก็เป็นที่รู้กันเป็นอย่างดีว่า บาเดน จารัน เป็นทะเลทรายที่มีเนินทรายสูงที่สุดในโลกทั้งนี้มีการวัดระดับของเนินทรายและพบว่ามีความสูงกว่า 500 เมตรเลยทีเดียว โดยทะเลทรายแห่งนี้มีสภาพภูมิอากาศแห้งแล้ง มีฝนตกประจำปีระหว่าง 50-60 มิลลิเมตร โดยจะมีอุณหภูมิเปลี่ยนแปลงไปทำให้น้ำฝนจะระเหยเป็นไอก่อนที่จะเป็นเม็ดฝนตกลงมาทะเลทรายที่มีสภาพอากาศแห้งแล้งแบบนี้เป็นลักษณะเด่นอย่างหนึ่งของ บาเดน จารัน แต่ภายใต้ความแห้งแล้งนั้นยังมีทะเลสาบหรือโอเอซิสกลางทะเลทรายเกือบ 140 แห่ง ตั้งอยู่ระหว่างเนินทรายโดยไม่มีใครทราบกระทั่งถูกพบมากขึ้นโดยภาพถ่ายดาวเทียม ซึ่งชาวมองโกเลียจึงเรียกทะเลสาบเหล่านี้ว่า “ทะเลสาบลึ