จ้าวมี่อิง แอร์โฮสเตสสาวสวย พ่อแม่ตายหมดและเป็นโสด หญิงสาวมีความใฝ่ฝันอยากมีแฟนเป็นตัวเป็นตนเหมือนกับคนอื่นๆ บ้าง คุณสมบัติไม่ต้องมาก แค่ขอให้หล่อ รวย ภูมิฐาน โคตรเก่ง หน้าที่การงานเป็นเลิศ และที่สำคัญพ่อแม่ตายหมด เพราะขี้เกียจมีปัญหากับพ่อแม่สามีในอนาคต ในขณะที่รอขึ้นบินไฟท์ต่อไปที่ซีอาน ที่นั่นจัดเทศกาลชีซี โดยธีมงานต้องแต่งชุดฮั่นฝู เข้าร่วมชมงานเพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมโบราณเมื่อครั้งเมืองแห่งนี้เคยเป็นนครฉางอาน เมืองหลวงในอดีตอันยิ่งใหญ่มาแล้วหลายราชวงศ์เมื่อหลายพันปีก่อน มี่อิงเข้าร่วมงานนั้น ด้วยชุดฮั่นฝูโบราณ ในคืนนั้นเธออธิษฐานขอพรจากสวรรค์และเกิดดาวตกร่วงหล่นลงมา เธอขอพรจากสวรรค์เบื้องบนชนิดที่เรียกว่าครบสูตรและจัดเต็ม ข้อความยาวเหยียดจนสวรรค์ บันทึกข้อมูลแทบไม่ทัน มิหนำซ้ำยังลงท้ายด้วยว่าขอให้พบเนื้อคู่ทันที ในเมื่อเธอกล้าขอสวรรค์ก็กล้าให้์ ทันทีที่ลืมตาขึ้นมา ก็ได้พบกับแม่ทัพหนุ่มแห่งต้าถัง จางเย่วฉินเพียบพร้อมไปด้วยคุณสนมัติที่เธอขอทุกประการ ไม่มีขาดตกบอกพร่อง ทว่าดันเกิดกันคนละยุคเมื่อสาวสวยจากยุคศตวรรษที่ 21 ได้เนื้อคู่ในยุคอดีตสมับราชวงศ์ถัง มิหนำซ้ำในสายตาของเขา เธอคือโจรสาว “หัวขโมย”
View Moreมหานครเซี่ยงไฮ้
อาคารสูงระฟ้ามากมายผุดพรายขึ้นภายในเมืองที่ใหญ่ที่สุดของจีน มีท่าเรือที่มีจำนวนเรือคับคั่งที่สุดในโลก และมีคนอาศัยอยู่อย่างหนาแน่นมากที่สุดในจีน ที่ผสมผสานความเป็นเมืองเก่าและเมืองใหม่ได้อย่างลงตัว ที่เป็นทั้งศูนย์กลางการพาณิชย์และการเงินที่สำคัญ เอกลักษณ์อันโดดเด่นของมหานครแห่งนี้นั่นก็คือหอไข่มุก (The Oriental Pearl Tower) หรือไข่มุกเอเชีย เป็นสัญลักษณ์ของนครเซี่ยงไฮ้ เป็นจุดชมวิวที่สูงที่สุดในเอเชียและสูงเป็นอันดับ 3 รองจากแคนนาดาและรัสเซีย สูง 468 เมตร ภายในหอไข่มุกเป็นปล่องลิฟท์ความเร็ว 7 เมตร/ 1 วินาที สาเหตุที่เรียกว่าหอไข่มุก เนื่องจากด้านบนหอสร้างเป็นรูปไข่มุก 3 เม็ด 3 ขนาดลดหลั่นกันไปกันในแนวตั้ง โดยไข่มุกเม็ดที่ 1 ที่แสดงถึงวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของนครเซี่ยงไฮ้ เม็ดที่ 2 เป็นส่วนที่ใช้เป็นสถานีรับส่งสัญญาณวิทยุและโทรทัศน์ของเซี่ยงไฮ้ และเม็ดที่ 3 เป็นส่วนของร้านอาหารและโรงแรม สามารถขึ้นไปชมวิวทิวทัศน์ของแม่น้ำหวงผู่ ซึ่งในเวลากลางคืนจะมีการเปิดไฟประดับตกแต่งไว้อย่างสวยงาม เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดแห่งหนึ่งของนครเซี่ยงไฮ้อีกด้วย คอนโดสูงสำหรับใช้เป็นที่พักอาศัยเรียงรายเต็มพื้นที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วไปภายในมหานครแห่งนี้ ผู้ที่มีรายได้สูงสามารถใช้ชีวิตอยู่กับความหรูหราและสิ่งทันสมัยล้ำยุคในปัจจุบัน ในขณะที่คนมีรายได้ปานกลางก็จะอยู่ในบ้านที่เป็นตึกสูงขนาดหลายห้องสำหรับอยู่กันเป็นครอบครัว บ้านในมหานครเซี่ยงไฮ้ราคาแพงลิบลิ่วเพราะการเจริญเติบโตของประเทศและของเมืองทำให้อสังหาริมทรัพย์สูงขึ้นเป็นเงาตามตัว แสงไฟหลากสีสันมากมายส่องแสงระยิบระยับแข่งขันกับดวงดาวที่ปรากฏอยู่บนฟากฟ้าในยามราตรี แม้ดวงตะวันจะลาลับแต่ชีวิตในรัตติกาลยังคงดำรงอยู่ต่อไป ท่ามกลางอากาศที่กำลังเย็นสบายมีสายลมอ่อนๆ พาดผ่านเข้ามาภายในห้องนอนของหญิงสาวโฉมคราญวัย 22 ปี นามว่าจ้าวมี่อิง ใบหน้าเรียวสวยขาวนวลเนียนดั่งไข่ปอก คิ้วเข้มเรียวยาวเรียงตัวได้รูป รับกับจมูกโด่งสูงขึ้นเป็นสันคมด้วยมีเชื้อสายผสมสามชาติ ด้วยเพราะคุณพ่อของเธอจ้าวอี้หลินเป็นชาวเมืองเซี่ยงไฮ้ ส่วนคุณแม่ของเธอเฉียนจินหลิงมีเชื้อสายจีนอังกฤษและตรุกี แต่ถือสัญชาติสิงค์โปร์จึงทำให้จ้าวมี่อิงกลายเป็นเด็กสาวเลือดผสมสามชาติ มีใบหน้าคม สวยเฉี่ยว ดวงตากลมโต จมูกโด่งสูงสวยกริบและมีดวงตาสีชาหวานซึ้งสวยงดงามมากเป็นลักษณะโดดเด่นเฉพาะตัวของเธอ หญิงสาวพำนักอาศัยอยู่ในคอนโดสูงระฟ้าซึ่งพ่อของเธอซื้อมาด้วยน้ำพักน้ำแรงนับตั้งแต่แต่งงานกับแม่ของหญิงสาวซึ่งเป็นชาวสิงค์โปร์ มี่อิงลืมตาดูโลกและอาศัยอยู่ในคอนโดซึ่งเป็นบ้านของเธอมาตั้งแต่เกิด ในขณะที่แม่ของเธอจากไปตั้งแต่หญิงสาวมีอายุเพียงแค่สามขวบเท่านั้น และทำให้จ้าวอี้หลินกลายเป็นพ่อหม้ายคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวนับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมาจวบจนกระทั่งถึงวาระสุดท้ายของชีวิตด้วยโรคมะเร็งในสมอง ในขณะที่มี่อิงเรียนจบในระดับมหาวิทยาลัยพอดี เหลือเพียงลูกสาวเพียงคนเดียวที่จะต้องอยู่เผชิญชีวิตต่อไปภายในเมืองใหญ่แห่งนี้อยู่ตามเพียงลำพังเมื่อคุณพ่อของเธอจากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ แม่สาวน้อยเจ้าของใบหน้างดงามน่ารักและรูปร่างขนาดกำลังพอดีไม่สูงจนเกินไปดั่งเช่นสาวจีนยุคใหม่ที่ต้องมีความสูง175 ขึ้นไป ในขณะที่มี่อิงเป็นเจ้าของส่วนสูง 167 ตัวเล็กน่าทะนุถนอม เอวบางร่างน้อยใครเห็นก็เอ็นดูนางในความน่ารักสดใสสมวัยสาวแรกแย้ม คิ้วเข้มเรียงตัวสวยค่อยๆ ขมวดเข้าหากันราวกับว่ากำลังสงสัยอะไรบางอย่างริมฝีปากอวบอิ่มค่อยๆ คลี่ยิ้มออกมาทำท่าจะหัวเราะก็ไม่ใช่จะยิ้มก็ไม่เชิง ทั้งๆ ที่กำลังหลับสนิทอยู่ในขณะนั้นด้วยเธอกำลังตกอยู่ในห้วงเวลาแห่งความฝันอยู่นั้นเอง ในฝันของมี่อิงเธอกำลังเห็นสถานที่แห่งหนึ่ง คล้ายเป็นที่พักอาศัยขนาดใหญ่ พื้นที่ภายในกว้างขวางเต็มไปด้วยห้องมากมายและเรือนขนาดใหญ่ถูกสร้างขึ้นอย่างวิจิตรตระการตา สถาปัตยกรรมและสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวจะพบเห็นได้ในจีนแผ่นดินใหญ่ หากแต่มิใช่รูปแบบสิ่งปลูกสร้างสมัยใหม่แต่มันคือสมัยโบราณและที่พักอาศัยดังกล่าวเรียกว่าจวนนั่นเอง ภายในพื้นที่ดังกล่าวเต็มไปด้วยผ้าแดงมงคลถูกประดับทุกที่ราวกับว่ากำลังมีงานมงคลเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ ผู้คนมากมายสวมอาภรณ์หลากสีสันราวกับว่าหลุดออกมาจากซีรีสย้อนยุค พิธีแต่งงานในสมัยโบราณกำลังเริ่มขึ้นเมื่อเกี้ยวเจ้าสาวมาหยุดอยู่ตรงหน้าประตูทางเข้าจวนพร้อม “เจ้าสาวลงจากเกี้ยว!”เสียงแม่สื่อพูดนำพิธีพร้อมประตูซึ่งทำจากผ้าแดงค่อยๆ ถูกเปิดออก เจ้าสาวในชุดสีแดงเพลิงก้าวออกมาจากเกี้ยวท่ามกลางสายตาของผู้มาร่วมงานที่กำลังยืนชื่นชมกันอย่างถ้วนหน้า ทว่าเจ้าสาวในชุดสีแดงเพลิงช่างมีร่างกายใหญ่โตและสูงบึกบึนดั่งเช่นบุรุษเสียนี่กระไร “แน่ใจนะว่านี่คือเจ้าสาวอย่างนั้นเหรอ! นี่มันผู้ชายชัดๆ”มี่อิงพูดออกมาทันทีครั้นเห็นเจ้าสาวตัวใหญ่มหึมาก้าวออกมาจากเกี้ยว ก่อนจะค่อยๆ ยื่นมือพร้อมทำท่ากรีดกรายส่งให้แม่สื่อเพื่อนำนางมาส่งเจ้าบ่าว “โอโห่! ตัวใหญ่เหมือนกับยักษ์ขนาดนั้นยังต้องพึ่งพาคนจูงมือไปส่งเจ้าบ่าวอีกเหรอเนี่ย น่าสงสารผู้ชายที่จะมาแต่งงานด้วยจริงๆ เลย โชคร้ายอะไรขนาดนี้มีเมียตัวโตยังกับตึกแถมเหมือนผู้ชายเสียมากกว่าผู้หญิงอีกให้ตายเถอะนะ”แม่สาวน้อยยืนพึมพำพลางส่งเสียงหัวเราะอยู่ในลำคอด้วยความขบขันเป็นการใหญ่ แต่แล้วกลับต้องหยุดชะงักทันที เมื่อแม่สื่อยื่นมือใหญ่ขนาดมหึมาของเจ้าสาวส่งมาให้เธอรับไว้พร้อมพูดบางอย่างออกมา “ท่านแม่ทัพรับเจ้าสาวไปเข้าพิธีกราบไหว้ฟ้าดินได้แล้วเจ้าค่ะ”แม่สื่อคนดังกล่าวส่งเสียงจีบปากจีบคอบอกเธอ สิ้นเสียงของแม่สื่อดวงตาสีชาคู่สวยเบิกกว้างขึ้นมาโดยพลัน “ห๊ะ! ว่าอะไรนะ! ใครกันเจ้าบ่าว! พูดอีกทีดิ”จ้าวมี่อิงถามกลับไปด้วยความตกใจสุดขีดครั้นได้ยินเช่นนั้นตุบ! ตุบ! สองมือตกลงข้างลำตัว อาการดิ้นรนพยายามตะเกียกตะกายค่อยๆ สงบลงและหยุดนิ่งไปในที่สุดเมื่อลมหายใจของมันหลุดลอยออกจากร่าง ครั้นสิ่งมีชีวิตที่อยู่ด้านหลังไร้สิ้นการตอบสนองใดๆ เช่นนั้น สองมือที่ออกแรงดึงสายแส้ดังกล่าวปล่อยลงทันใด พร้อมยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาดูเมื่อรู้สึกเจ็บที่ฝ่ามือดังกล่าว สายแส้บาดลึกเข้าไปในฝ่ามือนุ่มนิ่มคู่นั้นจนทำให้เกิดบาดแผล เต็มไปด้วยโลหิตแดงฉาน จางเย่วฉินซึ่งอยู่ในร่างของจ้าวมี่อิงถึงกับส่ายหน้าไปมาทันทีเมื่อเห็นเช่นนั้น “เพียงแค่ออกแรงน้อยนิดมือนี้กลับแตกยับเต็มไปด้วยโลหิตถึงเพียงนี้เชียวเหรอ”แม่ทัพหนุ่มเอ่ยออกมาด้วยความไม่เข้าใจ แต่แล้วกลับต้องตาเหลือกลานขึ้นมาทันที รีบวิ่งออกจากห้องขังตรงดิ่งไปที่ห้องฝั่งตรงกันข้ามอย่างรวดเร็ว “นางมารน้อย!”จางเย่วฉินร้องเรียกจ้าวมี่อิง ก่อนจะหยุดยืนมองโซ่ตรวนที่ใช้คล้องอยู่หน้าประตูมีแม่กุญแจขนาดใหญ่ในยุคสมัยนั้นคล้องเอาไว้ ครั้นมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าห้องขังและได้เห็นทุกอย่างชัดเจนและเต็มตาเช่นนั้น จางเย่วฉินค่อยๆ ส่ายใบหน้าแสนสวยของจ้าวมี่อิงไปมาติดต่อกัน พร้อมกับเงยหน้ามองร่างของตัวเองที่กำลัง
“ว้าว! ทำไมตัวของฉันถึงได้เก่งอะไรเช่นนี้! เก่งจัง! เก่งจัง!”หญิงสาวชื่นชมตัวเองออกมาไม่ขาดปากพลางส่ายตัวที่ทั้งใหญ่และหนาของจางเย่วฉินไปมาตรงหน้าเจ้าของร่าง “นี่เจ้าทำอะไรนะ! หยุดส่ายตัวของข้าไปมาแบบนั้นได้แล้ว! ช่างน่าเกลียดสิ้นดี..ข้าเป็นถึงชายชาติบุรุษกลับแสดงอาการดั่งเช่นสตรีแบบนี้ แล้วข้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน!”จางเย่วฉินคำรามเสียงต่ำๆ อยู่ในลำคอบอกจ้าวมี่อิงกลับไป “จะเอาไปเก็บไว้ที่ไหนก็เชิญเถอะยะ! ไม่เกี่ยวกับฉันเสียหน่อย บังเอิญหน้าไม่เยอะมีหน้าเดียวแต่ดันหน้าหนามากกว่าชาวบ้านทั่วไปก็เลยไม่สะทกสะท้าน และอย่าหวังว่าจะเอาร่างของฉันไปทำอะไรไม่ดีไม่ร้ายนะเพราะฉันจะตามติดคุณไม่ให้คลาดสายตาเลย”มี่อิงยืนลอยหน้าลอยตาตอบอีกฝ่ายกลับไป “นะ...นี่..นี่เจ้า!”จางเย่วฉินอยากจะกลั้นใจตายเสียให้ได้เมื่อถูกร่างของตัวเองแต่เป็นวิญญาณของคนอื่นตอกหน้ากลับมาเช่นนั้น โดยเฉพาะในเวลานี้วิญญาณของทั้งสองดันมาสลับอยู่คนละร่างด้วยแล้ว หนทางแก้อื่นใดก็ยังไม่มี มีทางเดียวเท่านั้นคือต้องอยู่ด้วยกันตลอดเวลาเพื่อหาหนทางให้ดวงวิญญาณกลับคืนเข้าร่างตัวเองให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ แม่
“นี่พวกเจ้าสองคนคิดว่าข้าจะหลงเชื่อแผนการตื้นๆ ที่แสร้งทำขึ้นมาอย่างนั้นเหรอ! บอกเลยนะว่าพวกข้าล้วนเป็นคนฉลาดไม่มีทางหลงกลผู้ใดง่ายๆ หรอกนะ เถียงกันมากนักจับพวกมันกรอกยาสะจะได้เลิกบ้าเสียที!”เจ้าอ้วนร่างยักษ์ตะโกนก้องแทรกขึ้นมา ร่างของลูกสมุนของเจ้าอ้วนที่ยืนอยู่ด้านหลัง ต่างพากันเดินออกมาข้างหน้าพร้อมถาดไม้ซึ่งมีชามสองใบ มีกลิ่นของตัวยาโชยออกมาลอยฟุ้งเป็นควันขาว จนจางเย่วฉินซึ่งอยู่ในร่างของจ้าวมี่อิงได้กลิ่นยาดังกล่าวอย่างชัดเจน “นี่มันกลิ่นจี้หยี่หวัน ยาลบเลือนความทรงจำ”จางเย่วฉินรำพึงอยู่ภายในใจ ด้วยเพราะในสงครามจะใช้ตัวยาดังกล่าวนำมาลบเลือนความจำของศัตรูอีกฝ่าย เมื่อสามารถสอบเค้นความจริงออกมาได้เป็นผลสำเร็จ ก็จะใช้ยาตัวดังกล่าวให้อีกฝ่ายดื่มเพื่อทำลายความทรงจำซึ่งเป็นตัวตนดั้งเดิมทั้งหมดเปลี่ยนมาเป็นฝ่ายของตัวเอง ก่อนจะปล่อยตัวกลับไปเพื่อหาข่าวและรายงานให้กับต้าถัง “จัดการให้นางผู้หญิงกินยาก่อนแล้วค่อยไปจัดการผู้ชาย นางคนนี้พิษสงของมันไม่มีสมคำร่ำลือหรอก คนของพรรคมารโลหิตมันมีดีก็แค่เปลือกนอกที่แลดูน่ายำเกรงเท่านั้น แต่แท้จริงแล้วไม่ม
บ้านพ่อค้าทาสบริเวณรอบนอกของเมืองลั่วหยาง เป็นหมู่บ้านชนบทตั้งอยู่ประปรายกระจัดกระจายไปตามพื้นที่ก่อนจะเข้าเขตเมืองที่เคยถูกสถาปนาให้เป็นเมืองหลวงมาแล้วหลายราชวงศ์ในยุคก่อนหน้านั้น และหนึ่งในจำนวนหมู่บ้านที่อยู่รอบนอกของเมืองลั่วหยางเป็นสถานที่พำนัก ของกลุ่มพ่อค้าทาสซึ่งมีอาชีพจับชาวบ้านทั่วไปนำไปขายที่ตลาดค้าทาสในเมืองฉางอานโดยที่พวกเขาเหล่านั้นไม่เต็มใจขายตัวเองแต่อย่างใด พวกมันไม่ใช้เงินซื้อตัว แต่กลับใช้กำลังของชายฉกรรจ์ที่มีมากกว่าจับคนทั่วไปที่มีชีวิตอิสระนำมากักขังจนไร้สิ้นอิสรภาพ จากคนธรรมดาทั่วไปต้องกลายเป็นทาสของผู้อื่นด้วยความจำยอม พวกพ่อค้าทาสโดยการนำของหยวนซือเปา ชายร่างยักษ์ที่มีความอ้วนและร่างสูงใหญ่เป็นเอกลักษณ์ กรอบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเครายาวรกรุงรังไร้สิ้นการตัดแต่งแต่อย่างใด เอกลักษณ์ของคนผู้นี้คือเคราที่ยาวเฟื้อยจะถักเปียแยกออกเป็นสามสาย มีเสียงใหญ่และโวยวายชอบใช้น้ำเสียงของตนข่มขวัญผู้อื่นให้กลัวเกรง แต่ในความเป็นจริงแล้วโดยเนื้อแท้หยวนซือเปาเต็มไปด้วยความขลาดและโง่เขลา ภายในบ้านพ่อค้าทาสมีขนาดพื้นที่กว้างขวาง ใหญ่โตกว
ดวงตาปูดโปนจ้องเขม็งไปที่ร่างของหญิงสาวชาวบ้านทั้งสามนางด้วยสายตาเต็มไปด้วยความน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่งยวด มือใหญ่กำแส้ที่อยู่ในมือยกขึ้นชี้หน้าทันที “บังอาจมากนักนะ! ที่หนีจากการปกครองของข้าไป! เป็นทาสของข้าหาญกล้าหลบหนีเช่นนี้เห็นทีจะเลี้ยงต่อไปไม่ได้เสียแล้ว”เจ้าคนร่างยักษ์พูดโกหกหน้าตาเฉยในขณะที่หญิงชาวบ้านต่างพากันกลัวจนลนลานครั้นได้ยินเช่นนั้น “โกหก!”เสียงของสตรีดังแทรกขึ้นมาทันที ทุกสายตาหันกลับไปยังทิศทางของเสียงเป็นตาเดียวกัน และพบว่าร่างของสตรีนางหนึ่งสวมอาภรณ์ดำสลับแดงกำลังกระโดดข้ามหน้าแดงมาอย่างคล่องแคล่ว หลังจากซ่อนตัวอยู่ในถังไม้แต่แล้วก็ทนไม่ได้เมื่อได้ยินคำพูดของผู้ชายหน้าด้านกลุ่มนั้นที่พยายามทำให้ทุกคนเชื่อว่า หญิงชาวบ้านทั้งสามเป็นทาสของตนที่หนีมา “โอโห่!”เสียงเอ็ดอึงดังขึ้นครั้นเห็นความงามของสตรีสาวชุดดำ แต่แล้วผู้คนภายในโรงเตี๊ยมกลับต้องเงียบงันเมื่อหลายอย่างเป็นตัวสตรีสาวตรงหน้าบ่งบอกว่าเป็นคนมาจากพรรคมารโลหิต โดยเฉพาะปานแดงรูปเปลวไฟตรงกลางหน้าผาก แต่ละคนพร้อมใจก้าวเดินถอยหลังไปยืนมองเหตุการณ์อยู่ห่างๆ เดี๋ยวจะโดนลูกหลงเข้าให
โรงเตี๊ยมมือบุรุษทั้งใหญ่และหนาหากแต่มีนิ้วเรียวยาวสวย ทว่ากลับผ่านการทำศึกสงครามมาแล้วอย่างโชกโชน กำลังเอื้อมหยิบจับถ้วยชาตรงหน้าที่มีไอควันขาวลอยขึ้นสูง ก่อนจะยกขึ้นจิบทีละน้อยเพื่อบรรเทาความหนาวเย็น ผู้บัญชาการทหารแห่งต้าถังจางเย่วฉิน กำลังนั่งอยู่ภายในโรงเตี๊ยมซึ่งตั้งอยู่ห่างจากเทือกเขาไถ่ซานไม่ถึง 100 ลี้ หากมองจากโรงเตี๊ยมแห่งนี้จะเห็นเทือกเขาไถ่ซานสูงเสียดฟ้าอยู่ตรงหน้าไม่ไกลเท่าใดนัก แต่ในความเป็นจริงแล้วถ้าควบม้าเร็วจะใช้เวลาประมาณครึ่งวัน หากเดินเท้าจะใช้เวลาประมาณหนึ่งวัน อีกทั้งบริเวณแถบนี้หิมะยังไม่ตกลงมามีเพียงความเย็นยะเยือกเท่านั้นที่แผ่ปกคลุมจนจับขั้วหัวใจ ภายในโรงเตี๊ยมดังกล่าวมีคนเข้าพักประปราย ส่วนใหญ่เป็นพ่อค้าเดินทางจากเมืองลั่วหยางไปนครฉางอาน เทือกเขาไถ่ซานอยู่นอกเมืองลั่วหยาง เป็นเส้นทางลัดที่จะผ่านไปเมืองหลวงฉางอาน จึงทำให้โรงเตี๊ยมแห่งนี้ไม่เคยขาดไร้ผู้เข้าพักแรมค้างคืนแต่อย่างใด ทุกคนที่จะเดินทางไปฉางอานจะต้องแวะพักที่นี่กันแทบทั้งสิ้น และผู้คนจากนครอันมั่งคั่งจะเข้าเมืองลั่วหยางก็จะพากันแวะพักที่นี่เช่นเดียวกัน “อาหารที
ในขณะที่แส้ถูกเหวี่ยงตรงเข้าตวัดร่างของจ้าวมี่อิง แม่ทัพแห่งต้าถังซึ่งยืนสังเกตเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ด้านหลังของจ้าวมี่อิงตลอดเวลา รีบเร้นกายกระโดดข้ามศีรษะของหญิงสาวใช้มือทั้งสองข้างของตนเองตรงเข้าตวัดปลายแส้ก่อนจะถึงร่างมี่อิงเอาไว้ได้อย่างฉิวเฉียด “นางมารน้อยหลบไป!!!”จางเย่วฉินตะโกนบอกมี่อิงเสียงดังก้อง จ้าวมี่อิงซึ่งยืนขาแข็งทำอะไรไม่ถูกอยู่ในขณะนั้น ได้ยินผู้ชายร่างใหญ่ที่กระโดดเข้ามาขวางตรงหน้าและจับสายแส้ที่กำลังจะตวัดร่างของเธอเอาไว้ได้อย่างหวุดหวิด ครั้นได้ยินเสียงสั่งดังก้องออกมาเช่นนั้น หญิงสาวไม่รอช้ารีบหลบตามคำสั่งอย่างว่องไว “OK! OK! รีบหลบเดี๋ยวนี้เลย! วิ่งก่อนแล้วเว้ย!!!!”จ้าวมี่อิงพูดพร้อมรีบวิ่งหนีให้ตัวเองพ้นไปจากบริเวณดังกล่าวอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางสายตาของเจ้าอ้วนร่างยักษ์ที่เต็มไปด้วยความอาฆาตกำลังจับจ้องมี่อิงตาไม่กระพริบ เมื่อมีคนออกหน้ากระโดดรับสายแส้แทนเหยื่อของมัน “แส้สามสายจัดการ!!!”เจ้าอ้วนตะโกนสั่งลูกสมุนของมันดังก้อง ทันทีที่เจ้าอ้วนร่างยักษ์ตะโกนสั่งเช่นนั้น ลูกสมุนที่เหลือตวัดแส้ที่อยู่ในมือของทุกคนพุ่งตรงเข้าไปที่ร่างมี
“นึกเอาไว้แล้วว่าทำไมจึงมีรอยแปลกๆ ที่แท้ก็มีโพรงนี่เอง ลำต้นใหญ่ขนาดนี้ท่าทางข้างในคงจะมีพื้นที่พอจะเข้าไปหลบได้สามสี่คนเลยทีเดียว”เสียงของพ่อค้าทาสเอ่ยพร้อมล้วงเข้าไปในอกเสื้อหยิบท่อนไม้ไผ่เล็กๆ เปิดจุกออกเป่าลมลงไปเพียงไม่กี่ครั้งเกิดประกายไฟขึ้นมาทันใด “หัวหน้าท่านระวังด้วยนะภายในโพรงมีอะไรบ้างก็ไม่รู้”เสียงลูกน้องร้องเตือนตามหลัง “ข้ารู้แล้วนะไม่งั้นจะเป็นเจ้านายพวกเจ้าได้อย่างไงในเมื่อข้าเฉลียวฉลาดกว่าอยู่แล้ว”พ่อค้าทาสตะโกนตอบกลับไป ก่อนจะมุดศีรษะเข้าไปในโพรงไม้ตรงหน้า ฟู้วววว!!! ทันทีที่ยื่นหน้าเข้าไปในโพรงมีบางอย่างพวยพุ่งเข้าใส่เต็มแรง อ๊าคคคค!!! เสียงโหยหวนดังกึกก้องด้วยบริเวณใบหน้าและดวงตาถูกสเปรย์พริกไทยของมี่อิงฉีดเข้าให้อย่างจัง เกิดอาการแสบร้อนไปทั่วผิวหน้า โดยเฉพาะดวงตา ร่างของพ่อค้าทาสนอนดิ้นทุรนทุรายอยู่กับพื้น “ข้าถูกงูพ่นพิษ! ช่วยข้าด้วย! ช่วยด้วย!”เสียงพ่อค้าทาสร้องคร่ำครวญให้ช่วยจนเสียงหลง ท่ามกลางอาการตื่นตระหนกของทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ในขณะนั้น “ไอ้พวกโง่ไม่ได้ยินหรืออย่างไง! มาพยุงข้าออก
ยุคอดีต หยุนไถ่ซานในอดีตคือป่าดงดิบเต็มไปด้วยต้นไม้สูงอายุนับพันปีสามารถพบเห็นได้ไม่ยาก สายลมพาดผ่านมาพร้อมกับความหนาวเหน็บเย็นยะเยือกจับไปจนถึงขั้วหัวใจเลยทีเดียว ด้วยเพราะเวลานี้คือฤดูหนาวเกล็ดหิมะเริ่มโปรยปรายลงมาอย่างไม่ขาดสาย จนใบไม้และยอดหญ้าเริ่มปกคลุมเต็มไปด้วยสีขาวโพลนทั่วบริเวณ ในขณะเดียวกันร่างระหงของจ้าวมี่อิงค่อยๆ ปรากฏอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ซึ่งยืนต้นมานานหลายร้อยปีจนถึงยุคสมัยราชวงศ์ถังและยังคงยืนสูงตระหง่านท่ามกลางกาลเวลาที่หมุนเวียนเปลี่ยนไปจวบจนถึงปัจจุบันมีอายุพันกว่าปีเลยทีเดียว ร่างระหงยังคงนอนหลับสนิทไม่รู้เรื่องอยู่เช่นนั้น กล่องกระดาษที่มีข้าวของสำคัญต่างๆ ก็ปรากฏติดตามมาด้วยเช่นกัน เกล็ดหิมะเริ่มโปรยปรายหนักขึ้นอากาศเย็นยะเยือกเข้าไปทุกขณะ เปลือกตาที่ปิดสนิทเต็มไปด้วยเกล็ดหิมะเกาะพราวตามขนตาและเริ่มกะพริบขึ้นลง พร้อมร่างแน่งน้อยเริ่มขดตัวงอเข้าหากันด้วยความหนาวเย็นแผ่ซ่านไปทั่วทุกอณู ในขณะที่เธอสวมชุดโบราณในบทบาทนางมารเพื่อถ่ายทำซีรีสสั้นๆ เพียงแค่ห้าชั้นเท่านั้น จะสามารถป้องกันอากาศหนาวเหน็บเช่นนี้ได้อย่างไรกันเชียว “อือ! อือ! ทำไมหนาวจัง..หนา
Comments