“แต่งกับหญิงอัปลักษณ์ใบหน้าของนางน่าเกลียดน่ากลัวจนคนเห็นเป็นลมล้มพับไปก็หลายคนแล้ว ท่านอ๋องฝ่าบาททรงคิดอะไรอยู่”
ดูเพิ่มเติม“แต่งกับหญิงอัปลักษณ์ใบหน้าของนางน่าเกลียดน่ากลัวจนคนเห็นเป็นลมล้มพับไปก็หลายคนแล้ว ท่านอ๋องฝ่าบาททรงคิดอะไรอยู่”
ขันทีเสี่ยวอูบ่นงึมงำด้วยเห็นใจชินหวางอ๋องที่บทจะได้แต่งงานก็ต้องแต่งกับหญิงที่มีใบหน้าอัปลักษณ์ที่สุดในสามแคว้น
“ก็ทรงคิดว่าต้องการยัดเยียดบุตรีของบ้านเสิ่นให้กับข้าเพียงเพราะโปรดปรานใต้เท้าเสิ่นกลัวว่าบุตรีเพียงคนเดียวจะหาสามีไม่ได้” น้ำเสียงหยามเหยียดยิ่งนัก
“ท่านอ๋องท่านเองก็รูปงามอีกทั้งยังมีคุณหนูตระกูลหลางผู้งดงามทำไมไม่ปฏิเสธไปแต่งนางในฐานะเมียเอก แล้วคนที่รักแต่งเมียรองท่านอ๋องท่านไม่สงสารคุณหนูบ้านหยางหรือไร”
“ข้าให้หญิงอัปลักษณ์นั่นได้แค่ตำแหน่งเมียรองเท่านั้นข้าจะยื่นคำขาดกับฝ่าบาทเรื่องที่จะแต่งนางในฐานะเมียรอง” สีหน้าบึ้งตึงรบชนะกลับมาตั้งใจแต่งฟางหราน แต่กลับถูกฝ่าบาทประทานงานแต่งงานกับบุตรีบ้านเสิ่น
บ้านเสิ่น
“คุณหนูเจ้าขา จะต้องแต่งจริงๆ เจ้าค่ะ”
“ก็ดีแล้ว เขายอมแต่งกับข้าด้วยหรือ ในเมื่อชินหวางอ๋องรูปงามที่สุดในเจ็ดคาบสมุทร เขายอมแต่กับคนอัปลักษณ์เช่นข้าหรือ” น้ำเรียบเฉยหากแต่เจือไปด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ
“เจ้าค่ะแต่คุณหนูจะต้องแต่งในฐานะชายารอง แต่อย่าน้อยใจไปเลยเจ้าค่ะฝ่าบาททรงมีเงื่อนไขว่าจะแต่งชายเอกได้ก็ต่อเมื่อคุณหนูตั้งครรภ์” ซีหรูยิ้มเศร้าๆ
“ตั้งครรภ์อย่างนั้นหรือ เขาจะอยากร่วมแท่นนอนกับหญิงอัปลักษณ์เช่นข้าหรือฝ่าบาททรงยื่นเงื่อนไขที่เป็นไปไม่ได้แล้วชินหวางอ๋องยินยอมด้วยหรือ”
“ไม่ยินยอมเจ้าค่ะ หากว่าไม่ยินยอมก็จะไม่ได้แต่งกับชายาเอกที่หมายปอง คงจะเพราะอยากแต่งชายาเอกมากแน่ๆ เขาว่าเป็นคุณหนูผู้งดงามของตระกูลหยาง” เสิ่นซีหรูหลับตาลงช้าๆ นั่นยิ่งทำให้ชินกวานอ๋องเกลียดชังเสิ่นซีหรูเงื่อนไขแบบนี้ก็ยิ่งทำให้ทุกอย่างมาลงที่ซีหรูอย่างเลี่ยงไม่ได้
สามวันผ่านไป
งานจัดขึ้นยิ่งใหญ่ราวกับงานแต่งตั้งฮองเฮาก็ชินหวางอ๋องเป็นถึงอ๋องไร้พ่ายที่ทำศึกสงครามรบชนะสามแคว้นจึงปูนบำเหน็จเป็นหญิงอัปลักษณ์ที่มีบิดาเป็นที่โปรดปราน
ใต้เท้าเสิ่นกวงหลิวยืนนิ่งมองบุตรีคนเดียวที่กำลังจะเดินเข้าไปในห้องหอ ชินหวางอ๋องยืนนิ่งอยู่ด้านหน้า
“หวังว่าท่านอ๋องจะเมตตานาง” พูดได้เพียงเท่านั้นรอยยิ้มหยันจากริมฝีปากหล่อเหลาก็ยกยิ้มตรงหน้าของเสิ่นกงหลิว กระนั้นบิดาของซีหรูก็แค่เพียงยิ้มเศร้าๆ รู้ทั้งรู้ว่าผลจะต้องออกมาแบบนี้คนหนึ่งหล่อเลหาราวเทพบุตร แต่บุตตรีซีหรู นั้นอัปลักษณ์เหลือเกิน
“ข้ารับรองจะเมตตานางเหมือนที่ฝ่าบาท ทรงกดดันให้เป็นเช่นนั้น” บุรุษไร้ใจปากคอเลาะร้ายเหลือเกิน
เสิ่นกงหลิวได้แต่ประสานมือนอบน้อมมีเพียงฝ่าบาทเท่านั้นที่กดดันชินหวางได้อย่างที่ชินหวางบอก
เสิ่นซีหรูนั่งนิ่งบนแท่นนอนผ่อนลมหายใจเข้าออกแม้จะคิดว่า..เขาไม่มีทางเข้าหอกับซีหรูแน่แต่อดตื่นเต้นเสียไม่ได้นึกวาดภาพใบหน้าที่หยิ่งยโสกับแววตาหยามเหยียดของชินหวางอ๋อง
สาวใช้ที่เดินเข้ามาท่าทีกล้าๆ กลัวๆ ไม่กล้าแม้กระทั่งมองใบหน้าอัปลักษณ์ของซีหรู ก็มันน่าเกลียดน่ากลัวเพียงนั้นใครกันจะอยากจ้องมอง
“พระชายาเจ้าขา ท่านอ๋องให้ข้าน้อยมาบอกพระชายารองว่าไม่ต้องรอเจ้าค่ะนอนได้เลย หากอยากจะตั้งครรภ์ก็ให้รอไปก่อนวันนี้ท่านอ๋องทรงออกไปปลอบขวัญเอ่อ…เอ่อ คุณหนูตระกูลหยาง” คำพูดที่ฝากมาบอกช่างหยามเหยียดคิดว่าซีหรูอยากจะแต่งกับเขาหรือไร
“ขอบใจเจ้า” สาวใช้ผงะกับเสียงหวานปานน้ำผึ้งผิดกับหน้าตา
ซีหรูยิ้มเศร้าๆ คนอะไรปากร้ายเพียงนี้แล้วยังทำอะไรไม่เห็นแก่ความเป็นสามีภรรยาแม้แต่น้อยใครกันอยากจะตั้งครรภ์หากตั้งครรภ์เขาก็แต่งชายาเอกได้เร็วขึ้น ซีหรูดึงผ้าคลุมหน้าออกด้วยมือตัวเองไม่มีการเปิดผ้าคลุมหน้าไม่มีแววตาตื่นเต้นเขินอาย
เดินไปหย่อนกายลงในอ่างไม้ที่สาวใช้ผสมน้ำอุ่นให้เรียบร้อยแล้ว สาวใช้คนเดิมเดินมาช่วยซีหรูปลดเปลื้องอาภรณ์ตัวหนักหนาสีแดงออกจากร่างกายบอบบาง
“เจ้ามีนามว่าอย่างไร”
“ข้าน้อย เสี่ยวไป๋เจ้าค่ะ”
“ไม่ต้องยุ่งยากหรอกเสี่ยวไป๋ข้าจัดการเองได้เจ้าไปเถอะ”
“เจ้าค่ะ” เหลือบตามองแผ่นหลังขาวผิวเนื้อเนียนละเอียด เบื้องหลังที่งดงามจนแทบหยุดหายใจ ผมยาวสลวยละแผ่นหลังผมสีเข้มตัดกับผิวขาวเนียนเสี่ยวไป๋กลืนน้ำลายลงคอช้าๆ ทำไมร่างเปลือยของหญิงอัปลักษณ์จึงงดงามเพียงนี้
เสี่ยวไป๋ถอนหายใจสวรรค์ใยกลั่นแกล้งผิวเนื้อขาวเนียนของวัยสาวกับน้ำเสียงหวานหยดนั้นไม่อาจทดแทนใบหน้าที่อัปลักษณ์
ซีหรูถอนหายใจเหนื่อยกับพิธีการมาทั้งวัน พอได้พักรู้สึกสบายอย่างที่สุดอาจจะนอนไม่ค่อยหลับเพราะแปลกที่แต่วันนี้เหนื่อยมากแล้วเรื่องนอนไม่เป็นปัญหา
ทิ้งตัวลงนอนในอาภรณ์บางเบาหลับใหลไปง่ายดาย
่จนฟ้าใกล้จะสางร่างสูงของชินหวางอ๋องเดินโซซัดโซเซเข้ามา ทิ้งตัวลงนอนบนแท่นนอนข้างๆ ซีหรู
มือข้างหนึ่งดึงสายรัดเอวของตัวเองออกโยนทิ้งกลิ่นสุราคละคลุ้งเมามายหรอกหรือไม่เช่นนั้นคงไม่มาถึงนี่มืออีกข้างไขว่คว้า
“ท่านกลับมาแล้ว...” ซุนเจ๋อหนี่เอ่ยเบา ๆ เสียงแผ่วราวกลัวว่าหากพูดดังเกินไป เขาจะหายไปเหมือนความฝันเขาก้าวเข้ามาใกล้ทีละก้าว สายตาไม่ละไปจากใบหน้างามแม้แต่น้อย“ข้าไม่ได้มาเพราะหน้าที่... ไม่ใช่เพราะคำสั่งของใคร ข้ากลับมา... เพราะใจของข้าเอง เพราะใจของข้าอยู่ที่นี่”ซุนเจ๋อหนี่เบือนหน้าหลบ แต่เสวี่ยเต๋ออ๋องกลับยื่นมือออกมาสัมผัสไหล่นางเบา ๆ“เจ้ารู้หรือไม่ ตลอดเวลาที่ข้าอยู่ไกลจากเจ้า สิ่งเดียวที่คิดถึงมากที่สุด... คือรอยยิ้มของเจ้า” เขายิ้มบางๆ แต่จริงใจยิ่งแล้ว“แม้ก่อนนั้นเจ้าจะเย่อหยิ่ง และกิริยาไม่ได้งดงามเหมือนหญิงอื่นใด แต่ทุกสิ่งนั้น ข้าชอบมันทั้งหมด และรักหมดทั้งสิ้น”ซุนจ๋อหนี่อมยิ้มก่อนส่งเสียงหัวเราะเบา ๆ จะเล็ดลอดจากริมฝีปาก “ท่านเรียกว่านั่นคือความรักงั้นหรือ”“อืม..แน่นอนสำหรับองค์หญิงนักรบสิ่งนั้นข้าเรียกว่าความรัก” เขาก้าวเข้ามาใกล้อีกก้าว ดวงตาสบประสาน “และจะไม่ปล่อยให้มันจุกอกข้าคนเดียวแน่”ซุนเจอ๋อหนี่ยังไม่ตอบทันที ดวงตาคู่งามขององค์หญิงมีแววสั่นไหวอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะก้มหน้าและพยักหน้าช้าๆ“ข้า... ก็จุกอกเช่นกัน เสวี่ยเต๋ออ๋อง คิดว่าท่าจะไม่มาแล้วคิดแค่เพีย
“ป้ายหยกนี่หมายความว่าอย่างไร”“ท่านจำหยกนี่ได้หรือไม่” ชินหวางอ๋องยิ้มบางๆ ดวงตาเป็นประกาย“คุณหนูผู้นั้นคือเจ้าหรอกหรือ คุณหนูที่ใจดียอมมอบขนมให้ข้าเพื่อไปให้กับหญิงที่หมายปองใช่ไหม” ซีหรูพยักหน้ายิ้มๆ ชินหวางอ๋องรีบเข้าไปประคองร่างอวบมานั่งที่แท่นหินในสวน“แล้วเหตุใดจึงนำหยกนี่มาคืนข้า ตอนนั้นเจ้าเองยื่นมันคืนมาให้กับข้า แต่อีกหลายวันต่อมาข้าก็ฝากหยกนี่ไว้กับพ่อค้าขนมเพราะข้าไปรอเจ้าที่นั่นทุกวันเพื่อมบบมัน แต่เจ้ากลับไม่เคยไปที่ร้านขนมอีกเลย และในที่สุดมันก็อยู่ในมือเจ้าสินะ”“เพราะครั้งหนึ่งชินหวางอ๋องเคยสัญญาว่าหากข้ามีเรื่องใดที่อยากจะให้ช่วย”“แน่นอนข้าฝากคำพูดนี้ไว้กับพ่อค้าร้านขนมและยังจ่ายเงินค่าขนมให้เจ้าทั้งปี” ซีหรูยิ้มบางๆ“ข้าแค่ขอแลกมันกับชีวิตของหยางฟางหรานและบิดา ท่านเนรเทศเขาเสียก็พอไม่ต้องถึงทำร้ายชีวิตเขา” ชินหวางอ๋องถอนหายใจ ยกมือโอบรอบไหล่บาง“เจ้ากล้าขอข้ากล้าให้ แต่บอกไว้ก่อนหากข้าเห็นนางกับบิดาเมื่อไหร่ข้าจะฆ่าพวกเขาทันทีแบบไม่ถามไถ่”“ทำไม”“เพราะข้าปกป้องเจ้าอย่างไรเล่า” ซีหรูยิ้มชินหวางอ๋องกอดรวบร่างอวบไว้ในอ้อมแขนแนบแน่น“เพราะเจ้าและลูกคือดวงใจของข้าข้าจ
“หม่อมฉันคิดว่า... มารดาของหม่อมฉันบนสวรรค์คงอยากให้ข้าซีหรูที่ยังมีชีวิตอยู่ด้วยหัวใจที่บริสุทธิ์ ไม่ใช่ใจที่เต็มไปด้วยความแค้น”อี้หรานสะอื้นเงียบ ๆ แล้วค้อมตัวลงต่ำ… คำนับอย่างแท้จริง ไม่ใช่ด้วยฐานันดร ไม่ใช่ด้วยพิธี แต่เป็นการคำนับด้วยหัวใจที่สำนึกผิด“ขอบคุณที่ให้อภัย...”ซีหรูมองภาพนั้นด้วยแววตาสงบ ความเจ็บปวดในอดีต... เริ่มเบาบางลงในเงาของการให้อภัยยามเฉิน (ประมาณ 7 โมงเช้า) เรือนหยกหอมแสงแดดอ่อน ๆ ยามเช้าทอลงผ่านผ้าม่านโปร่งลายเมฆบนหน้าต่าง เสียงเคลื่อนไหวในครัวเล็ก ๆ หลังเรือนดังขึ้นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างมากนัก ไอน้ำจากหม้อโจ๊กเดือดเบา ๆ ลอยกรุ่นกลิ่นหอมอบอวลไปทั่วเรือนร่างสูงในชุดสบาย ๆ กำลังใช้ทัพพีคนข้าวในหม้ออย่างตั้งอกตั้งใจ ใบหน้าที่เคร่งขรึมยามรบพุ่ง บัดนี้กลับอ่อนโยนจนผิดตาชินหวางอ๋อง ที่ใคร ๆ ต่างกล่าวว่าเย็นชาไร้หัวใจ เวลานี้กลับกำลังบรรจงวางตะกร้าผักสด ใส่ข้าวต้มเครื่องหอม ๆ ลงถ้วยเคลือบลายมังกร พร้อมไข่ลวกหนึ่งฟองจัดไว้อย่างประณีตเสียงฝีเท้าของเสี่ยวตูดังขึ้นเบา ๆ พร้อมเสียงไฉ่หานที่เอ่ยตามมา“ท่านอ๋องเองหรอกหรือพ่ะย่ะค่ะ… เอ่อข้าน้อยทั้งสองคิดว่าเป็นโจรร้ายเส
ณ คุกหลวงใต้พระราชวังหลวง เสียงโซ่ตรวนกระทบกันเบา ๆ พร้อมลมหายใจอ่อนแรงของหญิงงามที่เคยงามเลิศในเมืองหลวง เวลานี้กลับซูบซีด ผมเผ้ายุ่งเหยิง ใบหน้าไร้สีเลือด ร่างกายเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ หยางฟางหรานยืนพิงผนังหินเย็นเฉียบด้วยสายตาว่างเปล่า"ท่านพ่อ..." เสียงแผ่วเบาเอ่ยออกมาใต้เท้าหยางซูซินที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม เงยหน้าขึ้นจากความคิดอันรุงรัง ใบหน้าชราภาพลงอย่างเห็นได้ชัด ราวกับชั่วคืนเดียวกลืนกินความเย่อหยิ่งทั้งหมดที่เคยมี"ข้าขอโทษ...พ่อขอโทษลูกพ่อ"หยางซูซินเอ่ยด้วยเสียงแหบพร่า "ข้าไม่น่าดึงเจ้าลงมาด้วยเลย...เจ้าควรมีคืนวันที่งดงามกว่านี้"หยางฟางหรานหัวเราะเบา ๆ ทั้งที่น้ำตาไหลริน "ถ้าข้าไม่อยากจะทำ ข้าคงไม่ทำ... ท่านไม่ต้องแบกรับความผิดแทนข้า ท่านพ่อมาถึงขั้นนี้แล้วจะต้องพูดอะไรอีก"เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่เสียงฝีเท้าของทหารจะดังขึ้น...ประตูเหล็กของคุกหลวงถูกเปิดออกอย่างเชื่องช้า แสงตะเกียงสาดลอดเข้ามาในห้องขังเล็ก ๆ"ถึงเวลาแล้ว" ทหารยามประกาศด้วยน้ำเสียงเย็นชา“ฮ่องเต้มีพระราชโองการให้ประหารชีวิตในรุ่งสางวันพรุ่งนี้"หยางฟางหรานหลับตาลงช้า ๆ น้ำตาหยดสุดท้ายร่วงหล่น"ท่านคงเกลียดข
ท้องพระโรงยามสายบรรยากาศกลับตึงเครียด"ชินหวางอ๋อง" ยืนอยู่กลางท้องพระโรง ใบหน้านิ่งสงบ แววตาแน่วแน่ ใต้ชุดคลุมขาวสะอาดตายามนี้ไม่มีสิ่งใดสั่นคลอนจิตใจของเขา"เสวี่ยเต๋ออ๋อง" ผู้เคยเร้นกาย ณ ชายแดน ยืนอยู่เบื้องหน้าฮ่องเต้ในฉลองพระองค์เต็มยศ นัยน์ตาของเขาทอแววหนักแน่นและสำนึกผิด"เสวี่ยเต๋ออ๋องถวายพระพรฝ่าบาท ข้ากลับมาแล้ว" เสวี่ยเต๋ออ๋องกล่าวเสียงหนักแน่น “อืมมมม” ชินเตอหลางกล่าวเพียงเบาๆ ในใจเคลือบแคลงอยู่8ในสิบส่วนกับคำพูดซัดทอดของหยางซูซิน"มิใช่เพื่อชี้แจง มิใช่เพื่อร้องขอ แต่เพื่อแสดงความจริงใจให้แคว้นและฝ่าบาทเห็น ว่าข้ายังภักดีต่อราชสำนัก และไม่เคยคิดทรยศ"ชินหวางอ๋องหรี่ตาลงเล็กน้อย แต่ไม่กล่าวคำใด ทว่าแววตากลับวัดความจริงในคำพูดของเสวี่ยเต๋ออ๋องอย่างไม่ปิดบัง"แล้วเหตุใดในตอนนั้น เจ้าจึงร่วมเดินหมากกับใต้เท้าหยางคำพูดนี้ไม่เกินจริงใช่หรือไม่" น้ำเสียงของชินหวางอ๋องเย็นเยียบแต่ไม่โกรธเกรี้ยวเสวี่ยเต๋ออ๋องหลุบตาลงชั่วครู่ ก่อนตอบด้วยน้ำเสียงเรียบแต่แน่วแน่ "เพราะข้าโง่... เสวี่ยเต๋ออ๋องหลงผิดไปชั่วขณะ การกลับมาครั้งนี้เพื่อยืนยันว่าข้ามิได้มีใจกบฏและพร้อมยอมให้ฝ่าบาทและชิ
ท้องพระโรงเงียบงันเหล่าขุนนางน้อยใหญ่ต่างก้มหน้าเงียบกริบ เมื่อเสียงของชินหวางอ๋องดังกังวานกลางห้องบัลลังก์“ขอฝ่าบาทโปรดไตร่ตรอง…ข้ากระหม่อมชินหวาง ขอไขความจริงในคดีเมื่อยี่สิบปีก่อนและคดีที่เกิดขึ้นกับพระชายาซีหรูตลอดช่วงที่ผ่านมา”สายตาของทุกผู้คนเบิกกว้างเมื่อชินหวางอ๋องกล่าวต่อ“การวางเพลิงสังหารอย่างอำมหิตในคืนหนึ่งของฤดูหนาวเมื่อยี่สิบปีก่อน เบื้องหลังคือคนผู้หนึ่งที่ใครเล่าจะคาดถึงนั่นคือสวีเหยี่ยน...ซึ่งเป็นฮูหยินรองในตอนนั้น”เสียงฮือฮาดังขึ้นระลอกหนึ่ง สีหน้าของฮองเฮาอี้หรานซีดเผือดทันที น้ำตาไหลซึมลงจากดวงตาโดยไม่ทันรู้ตัว“ฮูหยินสวีเหยี่ยนต้องการกำจัดภรรยาเอกของใต้เท้าเสิ่น…เพื่อเปิดทางให้เป็นหนึ่งในตระกูลเสิ่น และบุตรีนั่นคือชายาของข้าเสิ่นซีหรู…ก็เป็นหนึ่งเดียวของผู้ที่รอดชีวิตจากเปลวเพลิงในคืนนั้น” เขาหยุดสูดลมหายใจพลางกำหมัดแน่น“ไม่เพียงเท่านั้น สวีเหยี่ยนฮูหยินคนนั้นยังเป็นผู้วางยาซีหรูถึงสองครั้ง และอีกผู้หนึ่ง…หยางฟางหราน บุตรีของใต้เท้าหยางซูซิน ใช้เล่ห์กลวางยา ลอบสังหาร และจับตัวพระชายาซีหรูเพื่อหวังตำแหน่งชายาเอกในภายภาคหน้า—ขณะนี้ถูกคุมขังอยู่ในคุกหลวง”ชินเต
ความคิดเห็น