อะไรกัน!! ฉันทะลุมิติมาอยู่ในนิยายที่ตัวเองแต่งเหรอเนี้ยะ แล้วฉันจะรับมือกับท่านแม่ทัพพร้อมลูกชายแสนซนของเขาอย่างไรช่างน่าปวดหัวเสียจริง เฮ้อ !!
View Moreบทนำ
หลี่มี่สาวน้อยนักแต่งนิยายที่ไม่ได้โด่งดัง เธอหลับระหว่างกำลังแต่งนิยายแต่ทว่าชีวิตของเธอต้องเปลี่ยนไปเมื่อเธอลืมตาขึ้นมากลับพบว่าตัวเองเข้ามาอยู่ในนิยายที่ตัวเองแต่ง แถมยังมาอยู่ในร่างของนางเอกที่ต้องตายอย่างไร้ความยุติธรรม ไม่ได้การหากเธอจะใช้ชีวิตอยู่ในร่างนี้เธอจะไม่ยอมตายง่าย ๆ และจะเปลี่ยนแปลงตอนจบของนิยายเรื่องนี้เอง แต่ที่น่าปวดหัวที่สุดก็คือท่านแม่ทัพพร้อมลูกชายของเขา เธอจะทำอย่างไรต่อไปติดตามต่อได้นะคะ
บทที่ 1 ลืมตามาแต่งงาน
แคว้นเฉียนเหลียง
ในฤดูใบไม้ผลิท้องถนนเต็มไปด้วยโคมไฟประดับตกแต่งอย่างสวยงาม ขบวนรถม้าเจ้าสาวที่กำลังเคลื่อนขบวนไปที่เรือนของบุรุษอันเป็นที่รักเพื่อทำพิธีมงคล ผู้คนมากมายต่างพากันออกมายืนดูขบวนรถม้าอย่างตื่นตา ต่างพากันอยากยลโฉมสตรีที่อยู่ในรถม้านั้นจะงดงามเพียงใดถึงได้ครองใจท่านแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ได้ แต่หารู้ไม่ว่าการแต่งงานในครั้งนี้มิเกิดจากความรักแต่เป็นคำขอร้องคำสุดท้ายของคนสนิทผู้มีพระคุณของท่านแม่ทัพฝากฝังบุตรสาวให้ท่านแม่ทัพช่วยดูแลก่อนที่เขาจะตายต่อหน้าต่อตาท่านแม่ทัพเนื่องจากรับดาบแทนท่านแม่ทัพ ก่อนจะชนะการต่อสู้เขาจึงจำใจรับคำขอครั้งสุดท้ายและจะดูแลบุตรสาวของท่านรองแม่ทัพเป็นอย่างดี จึงเกิดงานมงคลครั้งนี้ขึ้นหลังจากที่ชนะการต่อสู้และพิธีฝังศพเสร็จสิ้น
เจี้ยวจ้าว เจี้ยวจ้าว.. เสียงผู้คนมากมายวุ่นวายเสียงดัง ให้ความรู้สึกรำคาญเสียงที่รบกวนการนอนของนักเขียนไร้ชื่อเสียงที่เอาแต่ทำงานจนเผลอหลับไป
“ทำไมต้องเสียงดังแต่เช้าแบบนี้ด้วยนะ ไม่รู้หรือไงว่ามันรบกวนคนอื่นนะ” แม้ว่าตายังหลับอยู่แต่ปากของเธอก็ยังต่อว่าคนอื่น แต่แล้วเธอก็นึกอะไรบ้างอย่างได้
“เอ๊ะ! เดี๋ยวสิฉันนอนอยู่ในห้องคนเดียวนี่น่าแล้วเสียงคนมากมายมาจากไหนกันนะ” หลี่มี่ลืมตาตื่นขึ้นมาดูก็พบว่าตอนนี้ตัวเองไม่ได้นอนอยู่บนที่นอนอีกต่อไป
“ที่นี่ที่ไหนทำไมฉันมาทำอะไรอยู่ตรงนี้ เอ๊ะ! ทำไมถึงดูคุ้น ๆ เหมือนเกี้ยวในซีรีส์โบราณอย่างนี้นะ” หลี่มี่มองดูรอบ ๆ ก่อนจะสำรวจมองดูเสื้อผ้าของตัวเองก็ต้องตกใจมากกว่าเดิม เพราะชุดที่นางสวมใส่คล้ายชุดงานมงคลนี่น่า แถมใบหน้ายังถูกปกปิดด้วยผ้าคุมสีแดงกำมะหยี่อีกด้วย
“ไม่นะ! คงไม่ใช่อย่างที่ฉันคิดแน่ ๆ ฉันฝันอยู่ ฮ่าฮ่า แต่งนิยายมากจนเก็บมาฝันสินะ เอาล่ะฉันจะหลับตาพยายามตื่นจากฝันนี่ซะ” หลี่มี่คิดว่าตัวเองฝันรีบหลับตาลงเพื่อให้ตัวเองตื่นจากฝันแต่เมื่อนางลืมตามาอีกครั้งนางก็ยังอยู่ที่เดิม เกี้ยวไม่นิ่งคลื้นเคลงไปมาทำให้นางรู้ว่าตอนนี้ตัวเองไม่ได้ฝันอย่างที่คิด
“ทำไม ฉันยังอยู่ที่เดิมกันนะ ฉันไม่ได้ฝันนี่มันไม่ใช่ความฝันแล้วฉันอยู่ที่ไหน หยุดเกี้ยวเดี๋ยวนี้” หลี่มี่ตะโกนออกไปด้านนอกและแล้วเกี้ยวได้หยุดอย่างที่เธอต้องการแต่ทว่าผ้าม่านของเกี้ยวถูกเปิดเข้ามา หลี่มี่ตกใจขยับกายเข้ามาก่อนจะถามว่าเขาเป็นผู้ใด
“อย่าเข้ามานะ ที่นี่ที่ไหนแล้วเอ่อ..คุณเป็นใคร” บุรุษตรงหน้าเริ่มมีสีหน้าแววตาฉงนก่อนจะตอบนางอย่างอ่อนโยน
“ข้าคือสามีของเจ้าอย่างไรล่ะ รีบลงมาเถิดเดี๋ยวเวลามงคลจะเคลื่อน”
“เดี๋ยวสิ! ฉันยังไม่มีแฟนเลยจะแต่งงานได้อย่างไรนี่มันรายการอะไรกันหรือว่าแอบซ่อนกล้องไว้ตรงไหน ไม่เอานะฉันไม่อยากเล่นอะไรแบบนี้” หลี่มี่มองซ้ายมองขวาหากล้องที่ซ่อนไว้ในเกี้ยวแต่หาอย่างไรก็ไม่พบ ในที่สุดบุรุษตรงหน้าไม่รอช้ารีบดึงมือของนางให้เดินลงมาจากเกี้ยวก่อนจะบอกว่าเขาเป็นใคร
“ข้าไม่รู้ว่าเจ้าเอ่ยอันใด และไม่เข้าใจในสิ่งที่เจ้าเอ่ยออกมาด้วยซ้ำ แต่สิ่งที่เจ้าต้องทำในตอนนี้คือเข้าพิธีมงคลกับข้าเสียก่อน"หลี่มี่ถูกปิดด้วยผ้าคุมผ้ามิอาจมองเห็นใบหน้าของชายที่จับมือเธอเดินลงมา และไม่รู้เลยว่าที่นี่ที่ไหน แต่จะให้เธอแต่งกับคนไม่รู้จักได้อย่างไรเธอยืนนิ่งดึงมือตนเองให้หลุดออกจากเขาพร้อมเอ่ยถาม
“จะให้ฉันแต่งกับคนไม่รู้จักได้อย่างไร บอกมาก่อนสิว่าคุณชื่ออะไรแล้วที่นี่ที่ไหน” ชายตรงหน้าคิ้วขมวดเข้าหากันพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่
“ข้าคือแม่ทัพเทียนหลันเซ่อและที่นี่คือเรือนของข้า แคว้นเฉียนเหลียงในเมื่อเจ้ารู้แล้วจงเดินตามข้ามาและห้ามเอ่ยถามอันใดอีกข้าไม่อยากจะตอบให้ชักช้าเสียเวลาทำไมไม่ฉลาดเหมือนท่านพ่อของเจ้าสักนิด” เมื่อหลี่มี่ได้ยินในสิ่งที่เขาเอ่ยมาสติของเธอว่างเปล่าเดินตามเขาไปอย่างไร้วิญญาณ ครุ่นคิดเรื่องราวที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นชื่อท่านแม่ทัพหรือว่าจะเป็นชื่อแคว้นคล้ายกับนิยายที่เธอยังแต่งไม่จบและเผลอหลับคาโต๊ะทำงานนี่น่า
‘อย่าบอกนะว่าฉันเข้ามาในนิยายตัวเอง คงไม่หรอกมันน่าเหลือเชื่อเกินไป ฉันต้องเล่นตามน้ำไปก่อนไม่แน่นี่อาจเป็นรายการทีวีอะไรสักอย่างก็ได้’ หลี่มี่คิดในใจเพราะไม่เชื่อในสิ่งที่ตนเองกำลังพบเจอแต่แล้วเรื่องที่เธอคิดว่าเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อกลับกลายเป็นความจริงที่เธอเข้ามาในนิยายตนเองตอนที่มีคนเรียกชื่อให้หลี่มี่คำนับฟ้าดิน
“คุณหนูเยิ่นเม่ยเม่ยคำนับฟ้าดิน”
“คุณหนูเยิ่นเม่ยเม่ยคำนับฟ้าดิน” หลี่มี่ไม่เชื่อหูตัวเองนี่มันชื่อนางเอกนิยายของเธอนี่น่าหรือนี่จะเป็นฉากแต่งงานที่เธอเคยแต่งไว้ในนิยาย หลี่มี่รีบโค้งตัวลงนั่งกับพื้นคำนับฟ้าดินเมื่อกำลังถูกสายตาทุกคนจับจ้องมองเพราะเธอถูกเรียกเป็นครั้งที่สอง
สมองของหลี่มี่กำลังทบทวนไปตอนแรกของนิยาย นี่คือฉากการแต่งงานของเยิ่นเม่ยเม่ยบุตรสาวของรองแม่ทัพ แม้ว่าเรื่องนี้นางจะเป็นตัวเอกแต่นิยายเรื่องนี้หลี่มี่แต่งให้นางเอกถูกรังแกไม่ได้รับความยุติธรรมแถมยังต้องตายเพราะความเข้าใจผิด และยังแต่งเรื่องนี้ยังไม่จบด้วยซ้ำ! เมื่อรู้ว่าตัวเองหลุดมาอยู่ในนิยายของตัวเองแถมยังเป็นตัวละครที่ถูกกระทำตลอดจนตาย ในเมื่อนางเข้ามาอยู่ในตัวละครนี้นางจะไม่ยอมให้ตัวเองตายเด็ดขาด
‘ฉันไม่ยอมตายง่าย ๆ หรอก ฉันจะเปลี่ยนแปลงบทนิยายและชีวิตของเยิ่นเม่ยเม่ยเอง’
บทที่ 4 เขาคือคนที่ฉันคิดถึงมาตลอดไม่นานนักเซ่อเหลียนได้กลับมาพร้อมยาที่เขาตั้งใจไปซื้อมาให้เธอเขาเดินเข้ามาในห้องของหลี่มี่ได้ยินเสียงน้ำที่หยดลงพื้น เขาจึงเดินไปที่ห้องครัวของเธอเปิดตู้เย็นเพื่อดูของจะทำอาหารให้เธอได้กินเช้านี่แต่กลับไม่เห็นอาหารที่มีประโยชน์เลยมีเพียงอาหารสำเร็จรูปเท่านั้น"เธอใช้ชีวิตอย่างไรเนี้ยะ! ทำไมไม่มีอะไรกินเลย” เขาบ่นพึมพำอยู่หน้าตู้ก่อนจะคว้าอาหารสำเร็จรูปมาต้มให้เธอได้กินก่อนจะกินยาหลี่มี่อาบน้ำเสร็จเธอเดินออกมาจากห้องน้ำผมยังไม่แห้งดีกลิ่นสบู่อ่อน ๆ ออกมาจากเธอทำให้เขาหันไปมองเพราะตอนนี้เธอมายืนดูเขาอยู่“ทำอะไรเหรอ”“หาอะไรทำให้คุณกินนะสิ ทำไมไม่มีอะไรเลยนอกจากอาหารสำเร็จรูปแบบนี้”“เฮ้อ! นายไม่ต้องสนใจการอยู่การกินของฉันหรอกนะ มานี่ฉันมีเรื่องจะพูดกับนายมากมายเรื่องกินเอาไว้ก่อน” เธอดึงมือของเขาออกจากห้องครัวไปนั่งที่โซฟาเพื่อตกลงเรื่องที่เกิดขึ้น“เรื่องที่จะพูดคงไม่คิดผลักไสไล่ส่งผมหรอกนะ รู้มั้ยว่าคุณคือคนที่พรากความบริสุทธิ์ของผมไป” เซ่อเหลียนกลัวว่าเธอจะไม่ให้เขาได้เจอเธออีกเลยเอ่ยออกมาแบบนี้“เฮ้อ! ฉันไม่เข้าใจนายเลย เอาอย่างนี้หากเรื่องที่เก
บทที่ 3 ฉันจะรับผิดชอบเองเมื่อพาเธอเข้านอนเขาได้จัดแจงนำกระเป๋าของเธอวางไว้บนโต๊ะหัวเตียง สายตาของเขาจ้องมองรอบ ๆ ห้องของหลี่มี่เห็นรูปที่เธอสั่งวาดช่างเหมือนเขาเหลือเกิน ยิ่งทำให้เขาดีใจที่เธอไม่เคยลืมเขาแม้แต่น้อย“ดีใจจังเลยที่เธอไม่เคยลืมฉัน ...คงเสียใจมากสินะที่กลับมาทั้งอย่างนี้ เธอเป็นคนเปลี่ยนแปลงทุกอย่างในชีวิตของฉัน ขอบคุณนะหลี่มี่” เขาหันมามองเธอที่หลับอยู่บนเตียงอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว ก่อนที่เขาจะกลับบ้านของตัวเองได้เข้าไปนั่งข้างเธอยื่นมือไปลูบหน้าของเธอย่างอ่อนโยน“ดูสิไม่ว่าตอนนั้นหรือตอนนี้เธอยังคงงดงามเช่นเดิม” เขาลูบหน้าของเธอก่อนจะลุกเพื่อกลับบ้านแต่แล้วหลี่มี่กลับจับมือของเขาเอาไว้แน่นละเมอออกมาเสียงแผ่วเบา“อย่าไปนะ อย่าจากฉันไป อึก อึก ฉันเหงาเหงามากเหลือเกิน” แม้ว่าเธอจะไม่ลืมตาแต่น้ำตาของเธอไหลรินออกมาอย่างช้า ๆ“เธอใช้ชีวิตโดยที่ไม่มีใครมาตลอดอย่างนั้นเหรอ แล้วอย่างนี้ฉันจะหักห้ามใจตัวเองไม่ให้อยากโอบกอดเธอได้อย่างไร” เซ่อเหลียนใช้มืออีกข้างเช็ดหยาดน้ำตาให้หลี่มี่ส่วนมืออีกข้างของเขาตอนนี้ถูกเธอกอดเอาไว้แน่น เขาพยายามแกะมือของเธอออกอย่างแผ่วเบากลัวว่าเธอจะตื
บทที่ 2 เจอกันอีกครั้งหลังจากที่เขาได้ขึ้นชื่อว่าเป็นนักเขียนจึงได้รู้ว่าอีกไม่กี่วันจะมีการรับรางวัลมีรายชื่อของนักเขียนหลี่มี่ที่เขาต้องการพบ เซ่อเหลียนจึงตั้งใจจะไปพบเธอให้ได้ เขาเฝ้ารอการพบเจอจนกระทั่งได้เห็นเธอขึ้นไปบนเวทีรับรางวัล ใบหน้าของเธอช่างเหมือนเยิ่นเม่ยเม่ยอย่างไรอย่างนั้น ตอนที่เธอพูดถึงหนังสือเรื่องนี้ที่ทำให้เธอได้รับรางวัลในครั้งนี้ เขายิ่งมั่นใจว่าเธอคือคนที่เขาตามหา"นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ฉันรักมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นตัวละครทุกเหตุการณ์ที่ฉันบรรจงแต่งออกมาแต่ละบทความฉันใช้ความรู้สึกของฉันเขียนไปด้วย เมื่อตัวละครมีความสุขฉันก็มีความสุขหากเมื่อไหร่ที่ตัวละครฉันเสียใจฉันเองก็เสียใจไม่น้อยร้องไห้จนไม่เป็นอันทำอะไร ฉันไม่คิดเลยว่านิยายของฉันเรื่องนี้จะเป็นที่ยอมรับของทุกคน ขอบคุณนะคะสำหรับรางวัลนี้และขอบคุณที่ให้โอกาสนักเขียนตัวน้อยได้มาโลดแล่นในวงการนี้ฉันขอสัญญาจะตั้งใจเขียนนิยายออกมาให้ดีที่สุด ขอบคุณค่ะ" รอยยิ้มแววตาที่เขาคุ้นเคยแม้กระทั่งน้ำเสียงของเธอเขาจดจำได้ทุกอย่าง น้ำตาแห่งความดีใจได้หลั่งไหลออกมา เขาที่นั่งอยู่ด้านหลังสุดรีบเช็ดน้ำตาหัวใจของเขาเต้นแรงตึกตั
บทที่ 1 ทะลุมิติ"เฮือก!!! " ชายนอนอยู่บนเตียงลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างงงวย มองซ้ายมองขวาต้องตกใจเข้าไปใหญ่ สถานที่ที่ไม่คุ้นเคยช่างแปลกตายิ่งนัก แม้แต่เตียงที่นอนอยู่ก็มิใช่เตียงที่เขานอนในทุกวัน"ที่นี่ที่ใดกัน!! หรือว่าข้าถูกศัตรูลักพาตัวมา ไม่ได้การแล้วข้าต้องรีบหาทางออกไปจากที่นี่ต้องหาผู้บงการในครั้งนี้เพื่อจัดการให้สิ้นซาก" เทียนหลันเซ่อลุกขึ้นจากเตียงมองพนังสีขาวเป็นห้องสี่เหลี่ยมเดินสำรวจก่อนจะเปิดประตูค่อย ๆ ย่องเพื่อหลบหนีเขาเดินออกมาต้องตกใจมากกว่าเดิม ด้านนอกมีสิ่งแปลกประหลาดมากกมาย เขามองซ้ายมองขวาไม่พบเจอผู้คนเขามองเห็นโต๊ะที่ไม่เคยเห็นจึงนั่งลงเพื่อครุ่นคิดแต่แล้วเขากลับนั่งทับรีโมททำให้ทวีต่อหน้าได้เปิดขึ้นเสียงดัง ทีวีได้ฉายข่าวเทียนหลันเซ่อไม่เคยเห็นเขาตะโกนออกมาเสียงดังด้วยความตกใจ"นั่นใครกัน!! ออกมามาเดี๋ยวนี้นะ เจ้าเป็นใคร" เขาชี้นิวไปด้านหน้าทีวีพลางกระโดดขึ้นโซฟา จู่ ๆ มีหญิงชราเดินเข้ามาในมือถือทัพทีใบหน้าคิ้วขมวด"อะไรของแกกันห่ะ!!! ตื่นมาโวยวายเช่นนี้ได้อย่างไร เวรกกรรมอะไรของฉันมีลูกโตขนาดนี้แล้วแต่ยังต้องคอยหาเลี้ยงอีก " เทียนหลันเซ่อคิ้วขมวดอย่างสงสัยสตรีด้าน
บทที่ 55 นักเขียนหน้าใหม่หลี่มี่ได้ถูกรับเชิญให้ไปรับรางวัลนักเขียนหน้าใหม่ที่ประสบความสำเร็จในงานเลี้ยงฉลองนักเขียนดัง ๆ ระดับแถวหน้าของประเทศ เธอแต่งหน้าอยู่ที่กระจกแม้เวลาผ่านไปหนึ่งปีแต่เธอยังคงคิดถึงเทียนหลันเซ่อพระเอกนิยายตัวเองไม่จางหายเขาไม่เคยหายไปจากใจของเธอเลย แม้กระทั่งน้ำเสียงหรือใบหน้าเธอยังคงจำได้ดีแต่ทว่าตอนนี้เธอไม่ได้ร้องไห้เหมือนที่ผ่านมาเธอกลับยิ้มออกมาอย่างสุขใจ "เทียนหลันเซ่อปานนี้ท่านจะเป็นอย่างไรนะ รู้หรือไม่ว่าฉันคิดถึง วันนี้เป็นวันที่ฉันประสบความสำเร็จถ้ามีท่านอยู่เคียงข้างคงจะดี เอ๊ะ! แต่เดี๋ยวสิยังไงทุกวันนี้ฉันก็มีเทียนหลันเซ่ออยู่ข้างกายอยู่แล้ว วันนี้เราไปรับรางวัลด้วยกันนะ" หลี่มี่หยิบหนังสือของตัวเองพร้อมถือออกจากห้องไปพร้อม ๆ กัน ฝั่งด้านเทียนหลันเซ่อหลังจากที่เขากลับมาจากทะเลวันนั้น เยิ่นเม่ยเม่ยดูอ่อนโยนมากกว่าเดิมวาจานิสัยไม่เหมือนเดิมแถมยังเหมือนสตรีที่สูงส่งแต่ก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดีแต่เหตุใดความรู้สึกของเขาเสมือนว่ามีบางสิ่งบางอย่างขาดหายไป วันนี้เขามายืนจ้องมองดวงจันทร์ที่ลอยอยู่บนฟากฟ้าลมเย็นกระทบกาย จู่ ๆ รอยยิ้มใบหน้าที่เขาคิดถึงก็ปรากฎข
บทที่ 54 ลาจากด้วยความรักเทียนหลันเซ่อจ้องมองสตรีตรงหน้าอย่างสุขใจ ขอบคุณสวรรค์ที่ส่งเขาย้อนเวลามาอีกครั้ง หากเป็นเช่นดั่งอดีตเขาก็คงไม่มีทางรู้ว่ามีสตรีที่เขารักและรักเขามาเพียงใด นางเข้ามาเติมเต็มทุกอย่างในชีวิตของเขาจริง ๆ หลี่มี่วางมือของเทียนหลันเซ่อพร้อมหันหลังไปมองพลุที่ยังคงถูกจุดอีกหลายดอกบนท้องฟ้า น้ำทะเลไหลมาสัมผัสที่เท้าจนหลี่มี่ต้องก้มมองดูแต่แล้วหัวใจของนางต้องหล่นวูบเมื่อบัดนี้ไม่ใช่แค่เท้าหรือขาของนางที่เลือนรางตอนนี้บนตัวของนางก็เริ่มเลือนรางขึ้นมาเรื่อย ๆ นางไม่เข้าใจทำไมคนอื่นไม่เห็นเหมือนนางหรือมีเพียงแค่นางผู้เดียวที่เห็นความเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ นางไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นแค่คิดนางก็ใจหายรีบหันไปมองหน้าของเทียนหลันเซ่ออย่างลึกซึ้งอีกครั้ง "ท่านพี่เจ้าคะ วันนี้ข้าอยากให้ท่านสัมผัสตัวข้าช่วยมอบจูบที่ลึกซึ้งให้ข้าได้หรือไม่เจ้าคะ""ได้สิทำไมข้าจะให้เจ้าไม่ได้แค่เพียงจูบ" พูดจบเทียนหลันเซ่อโอบกอดหลี่มี่ก้มลงประทับจูบที่นุ่มนวลหอมหวานแต่ทว่านางกลับรู้สึกเสียใจ เพราะหากเป็นอย่างที่นางคิดนี่จะเป็นจูบสุดท้ายที่นางจะได้รับจากเขา ทั้งสองจูบกันท่ามกลางแสงพลุที่ส่องประ
บทที่ 53 น้ำตาแห่งความตื้นตันสาย ๆ ของวันหลี่มี่ได้ไปหาอ้ายเยว่ที่ห้องของเขาเพราะไม่รู้อะไรใจของนางถึงอยากไปหาอ้ายเยว่ในวันนี้นัก "คุณชายฮูหยินมาเจ้าค่ะ " แม่นมได้เอ่ยบอกคุณชายเมื่อเห็นฮูหยินเดินเข้ามาใกล้ ๆ อ้ายเยว่ยิ้มกว้างรีบวิ่งเข้ามาหาหลี่มี่อย่างดีใจ"ท่านแม่วันนี้ข้าว่าจะไปหาท่านที่ห้องนะขอรับไม่คิดเลยว่าท่านแม่จะมาหาข้าที่นี่ ข้ามีนิทานเรื่องใหม่จะเล่าให้น้องฟังขอรับ"เด็กชายรีบบอกหลี่มี่อย่างกระตือรือร้น นางลูบหัวของอ้ายเยว่ก่อนจะจับมือของเขาไปนั่งที่เก้าอี้หน้าเรือนที่ถูกจัดวางไว้เพื่อนั่งเล่น"อย่างนั้นหรือ ? ช่างเป็นพี่ชายที่ดีจริง ๆ เพราะข้าคิดถึงเสียงของเจ้าล่ะมั่งเลยมาหาเจ้า" หลี่มี่ยิ้มบางจ้องมองเด็กชายด้วยความเอ็นดู "ท่านแม่รอข้าอยู่ที่นี่ก่อนนะขอรับ ข้าจะเข้าไปเอาของมาให้ท่านแม่นะขอรับ" หลี่มี่พยักหน้าให้อ้ายเยว่เข้ารีบเดินเข้าไปในห้องเพื่อเอาอะไรบางอย่างมาให้หลี่มี่ หลังจากวันที่ถูกจับตัวไปกลับมาอ้ายเยว่มีท่าทีเปลี่ยนไปแถมยังเรียกหลี่มี่ว่ามารดาอย่างเต็มปากเต็มคำ ความรู้สึกรักและผูกพันมากขึ้นทุกวัน ไม่นานเด็กชายได้เดินออกมาพร้อมกับตุ๊กตาปั้นที่เขาตั้งใจทำมาให้แก่ห
บทที่ 52 ความสุขหลายวันผ่านไป ช่วงนี้อากาศเริ่มอุ่นขึ้นเพราะใกล้หมดฤดูหนาว ฟางเหนียงได้เดินทางไปที่วัดตามที่นางเอ่ยไว้แม่ทัพฮูหยินพร้อมอ้ายเยว่ได้เดินทางไปส่ง และขอให้นางกลับมาที่เรือนในช่วงเวลาที่เยิ่นเม่ยเม่ยท้องแก่นางจึงสัญญาว่าจะกลับก่อนที่เยิ่นเม่ยเม่ยจะคลอด เพราะนางเองก็อยากเห็นหลานของตนเองเช่นกัน ช่วงนี้หลี่มี่มีความสุขมากจริง ๆ ทุกวันอยู่กับไป๋ลู่และมีอ้ายเยว่ที่มักจะมาอ่านตำราให้น้องในท้องได้ฟัง แถมตอนนี้มีลูกแมวแสนน่ารักหลงมาอยู่กับอ้ายเยว่หนึ่งตัวขนของมันหรือแม้แต่ใบหน้าเหมือนมูมูยิ่งนัก จึงคิดว่านี่คือน้องของมูมูที่หลงเข้ามาอยู่ด้วย อ้ายเยว่มีความสุขมาก ๆ ที่ทุกคนมอบความรักให้เขา ตอนนี้ท้องของหลี่มี่เริ่มโตขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดท่านแม่ทัพก็กลับมานอนกับนางในทุกค่ำคืน "ฮูหยินตอนนี้ท้องเริ่มใหญ่แล้วคุณหนูในท้องดิ้นหรือยังเจ้าคะ" หลี่มี่ยืนอยู่กลางสวนยืนมองเหล่าผีเสือบินไปมาเมื่อได้ยินไป๋ลู่เอ่ยถามเช่นนั้นจึงมองที่ท้องของตนพลางใช้มือลูบเบา ๆ "ไป๋ลู่ตอนนี้ข้าพึ่งท้องได้ไม่เท่าไหร่เองอีกนานกว่าลูกของข้าจะดิ้น ว่าแต่ตอนนี้ท่านแม่ของเจ้าสบายดีแล้วหรือน้องชายของเจ้าไปเรียนหรือไ
บทที่ 51 บทลงโทษของหลิวอี้เฟ่ย"ฝ่าบาทกระหม่อมขอประทานอภัยในครั้งนี้ขอให้ฝ่าบาทไตร่ตรองด้วยความยุติธรรม บุตรสาวของกระหม่อมเป็นสตรีที่นอบน้อมแม้แต่แมลงตัวน้อย ๆ ยังไม่กล้าเหยียบแล้วเรื่องนี้นางจะกล้าทำได้อย่างไรขอรับ กระหม่อมว่าเรื่องนี้ต้องมีผู้ที่หวังร้ายกับบุตรสาวของกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ ท่านแม่ทัพมีฮูหยินใหญ่ที่เป็นบุตรสาวของท่านรองแม่ทัพผู้ก่อน นางชิงชังบุตรสาวของกระหม่อมที่เข้าไปเป็นอนุของท่านแม่ทัพ กระหม่อมคิดว่าเรื่องนี้อาจจะเป็นแผนของนางขอรับ "ฝ่าบาทครุ่นคิดตามที่ใต้เท้าหลิวเอ่ย จนเทียนหลันเซ่อต้องคุกเข่าลงมือประสานกันพร้อมทูลฝ่าบาทความจริงทั้งหมด "ทูลฝ่าบาทกระหม่อมมีฮูหยินเป็นบุตรสาวของรองแม่ทัพนั้นเป็นเรื่องจริง แต่เรื่องนี้นางไม่ได้รู้เรื่องเลยพ่ะย่ะค่ะ บุตรสาวของท่านใต้เท้าต่างหากที่เป็นสตรีร้ายกาจนางหลอกลวงกระหม่อมหวังเป็นอนุ ในคืนงานเลี้ยงนางใส่ยาปลุกกำหนัดให้กระหม่อมดื่ม แต่คืนนั้นกระหม่อมรู้ทันจึงไม่ได้ร่วมหลับนอนกับนางแต่เมื่อตื่นเช้ามานางกลับหลอกลวงทุกคนว่ากระหม่อมนั้นเป็นผู้ล่วงเกินนางทั้ง ๆ ที่กระหม่อมไม่ได้แตะตัวนางแม้แต่น้อยเรื่องนี้ฝ่าบาทโปรดให้ความเป็นธรรมกับกระห
Comments