อีกด้านหนึ่ง ภายในเรือนของเซียวเหอ แสงโคมยังคงส่องสว่างอยู่เฉียวเนี่ยนใช้เวลากว่าครึ่งชั่วยามจึงชำระร่างกายเสร็จเรียบร้อยหนิงซวงยืนอยู่ด้านหลังเฉียวเนี่ยน ขณะใช้ผ้าเช็ดเส้นผมที่ยังเปียกหมาดไปพลาง ก็ลอบเช็ดน้ำตาของตนเองไปพลางเมื่อครู่ นางเห็นทุกอย่างอย่างชัดเจนร่างกายของคุณหนูเต็มไปด้วยรอยแผลเป็น และบาดแผลที่ถูกกรีดใหม่ในวันนี้ ทำให้หัวใจของนางแทบแหลกสลายแม้แต่เส้นผมก็กระจายหลุดร่วงไปไม่น้อย หนังศีรษะยังมีรอยขีดข่วนให้เห็น เห็นได้ชัดว่า คืนนี้คุณหนูของนางต้องทนทุกข์ทรมานเพียงใด!แต่พวกคนด้านนอกนั้น กลับกล่าวโทษคุณหนูของนางว่าเป็นฝ่ายหนีเอาตัวรอดคนเดียว!ช่างเป็นพวกตาบอดกันทั้งหมด!หากไม่ใช่เพราะเป็นเรื่องเป็นตาย คุณหนูของนางจะยอมทำให้ตัวเองเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร!หนิงซวงทั้งโกรธทั้งสงสารแทบขาดใจ แต่ก็ทำได้เพียงกลั้นเสียงสะอื้นไว้ในลำคอ กลัวว่าเฉียวเนี่ยนจะได้ยินเข้าแต่เฉียวเนี่ยนก็ยังได้ยินอยู่ดีนางหันกลับไปมองหนิงซวงพลางกล่าวปลอบโยน "ไม่เอาน่า ข้าก็กลับมาอย่างปลอดภัยแล้วนี่มิใช่หรือ?”ใครจะรู้ว่าเพียงคำปลอบของเฉียวเนี่ยนประโยคนี้ กลับทำให้หนิงซวงร้องไห้หนักกว่าเดิม “เ
หนิงซวงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็คิดพิจารณาอย่างลึกซึ้ง "หรือว่า หลังจากชิวอวี่ฟื้นขึ้นมา เขายังรู้สึกไม่พอใจ จึงคิดจะทำร้ายคุณหนูรอง ผลสุดท้ายกลับโดนคุณหนูรองฆ่าเสียเอง?”เซียวเหอขมวดคิ้วเล็กน้อย น้ำเสียงเย็นชากล่าวว่า “อาจเป็นไปได้ แต่ความเป็นไปได้ที่หลินยวนฆ่าเขาเพื่อปิดปากกลับสูงกว่า”เฉียวเนี่ยนพยักหน้าตาม “นางน่าจะฆ่าเขาตอนที่ชิวอวี่ยังหมดสติอยู่ ถ้าไม่เช่นนั้น นางคงไม่สามารถต่อกรกับชิวอวี่ได้”เพราะหลินยวนแทบไม่เคยฝึกวรยุทธเลยจี้เยว่รู้สึกตกใจเล็กน้อย “นายหญิงน้อยรองที่ดูเหมือนอ่อนแออย่างนี้ จริง ๆ แล้วสามารถลงมือได้ทารุณขนาดนี้เชียวหรือ?”หนิงซวงเย็นเสียงไม่พอใจออกมา “นางแค่ทำเป็นแกล้งอ่อนแอเท่านั้นเองเจ้าค่ะ! ก่อนหน้านี้ยังจ้างคนฆ่า ตอนนี้ก็ลงมือเอง! ไม่รู้ว่าต่อไปจะทำอะไรอีก!”หนิงซวงยิ่งรู้สึกว่า หลินยวนช่างเป็นคนที่น่ากลัวจริง ๆ!เซียวเหอเงียบไปไม่พูดอะไร แต่ก็เห็นด้วยกับคำพูดของหนิงซวงอย่างมากจากนั้นเฉียวเนี่ยนก็ค่อยพูดขึ้นว่า "ตอนนี้ ข้ากลับเริ่มกังวลเรื่องเสี่ยวหวน”เมื่อได้ยินเช่นนั้น เซียวเหอก็มีสีหน้าหนักใจขึ้นเสี่ยวหวนคือสาวใช้ที่รู้ความลับของหลินยวนมากที่สุด ด
ไม่นานนัก ก็ผ่านไปเป็นเวลาสามวันหลินยวนนั่งอยู่ในเรือน มองดูเหล่าสาวใช้ที่กำลังทำความสะอาดอยู่ในสวน แต่ในสติกลับจมดิ่งอยู่กับความคิดตนเองเสี่ยวหวนเดินเข้ามาพร้อมชาอุ่น ๆ หนึ่งถ้วย ไม่ร้อนจนเกินไป ในฤดูร้อนเช่นนี้จึงเหมาะเจาะพอดีหลินยวนรับชามาและจิบไปคำหนึ่ง ก่อนจะถามว่า "ช่วงนี้ หนิงซวงได้มาหาเจ้าหรือไม่?"เสี่ยวหวนส่ายหัวไปมา "มีเพียงวันแรกที่พูดคุยกันบ้าง หลังจากนั้นเวลาที่เจอบ่าวก็ไม่พูดอะไรเลยเจ้าค่ะ"หลินยวนได้ยินดังนั้นก็รู้สึกตกใจเล็กน้อย "ตอนนั้นนางพูดอะไรกับเจ้าบ้าง?""ไม่ได้พูดอะไรมากเจ้าค่ะ แค่เตือนบ่าวอย่ากลายเป็นคนที่สองที่เหมือนเสี่ยวชุ่ยอะไรทำนองนั้นเจ้าค่ะ"เสี่ยวหวนบอกความจริงตามตรง ทำให้หลินยวนถึงกับนั่งตัวตรงขึ้นทันที นางหันศีรษะมามองสำรวจเสี่ยวหวนอย่างพินิจพิเคราะห์เสี่ยวหวนมีสีหน้าสงบนิ่ง นางจึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามว่า “แล้วเจ้าตอบนางไปว่าอย่างไร?”เสี่ยวหวนยิ้ม “บ่าวย่อมไม่สนใจนางอยู่แล้วเจ้าค่ะ เสี่ยวชุ่ยต้องพบจุดจบเช่นนั้นก็เพราะนางเลือกหันหลังให้กับคุณหนู บ่าวไม่มีวันแยกจากคุณหนูเด็ดขาด”ได้ยินดังนั้น หลินยวนยังคงไม่ปักใจเชื่อ นางจ้องเสี่ยวหวนอีกคร
ในตอนนี้เอง ราชครูชิวก็ได้เอ่ยขึ้น“ข้าคงจะแก่เกินไปแล้วกระมัง” ราชครูชิวกล่าวพลางทอดถอนใจ “ถึงไม่ทันสังเกตเลยว่ามีคนในจวนก่อเรื่องใหญ่โตถึงเพียงนี้ จนต้องให้ท่านใต้เท้าเซียวเข้าวังกราบทูลฝ่าบาท ข้าช่างมีโทษมหันต์จริง ๆ !”พอได้ยินเช่นนั้น พ่อเซียวก็รีบกล่าวขึ้นว่า “ท่านอย่าได้พูดเช่นนั้นเลย ท่านทุ่มเทเพื่อแผ่นดิน เพื่อประชาชน นับเป็นโชคดีของแคว้นต้าจิ้งต่างหาก”เซียวเหอเองก็กล่าวเสริม “เป็นเพราะชิวอวี่จิตใจโหดเหี้ยมก่อเรื่องขึ้นมาเอง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับท่านราชครูเลย"แม่เซียวก็พลอยช่วยพูดด้วย "นั่นสิ ท่านราชครู เรื่องนี้มิใช่ความผิดของท่านเลย"ทว่าตระกูลชิว ย่อมต้องรับผิดชอบต่อตระกูลเซียวราชครูชิวเข้าใจข้อนี้ดี จึงเพียงพยักหน้าเล็กน้อยจากนั้น เขาก็มองไปยังหลินยวน "ข้าขอถามฮูหยินน้อยรองสักคำหนึ่ง หลานชายที่ไม่เอาถ่านของข้า... สรุปแล้วตายอย่างไร?"หลินยวนคาดไม่ถึงว่าราชครูชิวจะเอ่ยถามเช่นนี้มิใช่ว่าคนตระกูลชิวเห็นสภาพการตายของชิวอวี่กันหมดแล้วหรือ?เมื่อนึกเช่นนั้น นางก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นตระหนกชั่วขณะ ยังไม่ทันได้ตอบคำใด ก็ได้ยินราชครูชิวกล่าวต่อว่า "ข้ามิได้มีเจ
คำพูดของเซียวชิงหน่วนเป็นการให้กำลังใจหลินยวนอย่างชัดเจน ทำให้หลินยวนรู้ว่านางไม่ได้อยู่คนเดียวในการเผชิญหน้ากับการ ‘ซักถาม’ จากกลุ่มคนเหล่านี้ในทันทีนั้น หลินยวนก็น้ำตาร่วง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองราชครูชิว น้ำเสียงเต็มไปด้วยความจริงใจ "เหตุการณ์วันนั้นเกิดขึ้นอย่างกระทันหัน ข้าตกใจมากจนข้าไม่รู้จัวเลยว่าฆ่าชิวอวี่อย่างได้ไร ข้าไม่รู้เลย รู้แค่พอข้าฟื้นตัวมา ข้าก็พบว่ามีปิ่นอยู่ในมือ และชิวอวี่เขา... เขา..."หลินยวนมีท่าทีเหมือนกับว่ากลัวจนพูดไม่ออก นางเช็ดน้ำตาอย่างแรงฮูหยินหลินมองอย่างเห็นใจ รีบเข้าไปกอดหลินยวนเพื่อปลอบประโลม “ไม่เป็นไรแล้ว ยวนเอ๋อร์ลูกแม่ ไม่เป็นไรแล้ว..."แม่เซียวเองก็รู้สึกสงสาร นางขมวดคิ้ว "เอาล่ะ เอาล่ะ เรื่องทั้งหมดมันผ่านมาแล้ว อย่าได้พูดถึงมันอีกเลย! เราทุกคนต่างก็ตกใจกันทั้งนั้น”คำพูดนี้เหมือนเป็นการเตือนราชครูชิวว่า เรื่องที่พวกนางถูกชิวอวี่จับตัวไปนั้น พวกนางถือเป็นเหยื่อที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้ราชครูชิวขมวดคิ้วเล็กน้อยและไม่ได้กล่าวอะไรออกมาแต่เฉียวเนี่ยนกลับเป็นผู้เริ่มพูดขึ้น "ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องหาความจริงของเรื่องนี้ให้ได้ หรือว่าหน่วนห
"เจ้าพูดเหลวไหล!" หลินยวนรีบปฏิเสธ "ข้า ข้าไม่เคยพบชิวอวี่มาก่อน!"เพียงแต่ความตื่นตระหนกในดวงตานั้นถูกทุกคนมองเห็นหมดแล้วและก่อนที่เสียงปฏิเสธของนางจะสิ้นสุดลง เซียวเหอก็พูดด้วยน้ําเสียงเย็นชาว่า "เรื่องนี้ ผู้ดุแลร้านกับเสี่ยวเอ้อของโรงเตี๊ยมสามารถเป็นพยานได้ คนอยู่นอกห้องโถงแล้ว สามารถเข้ามาได้ตลอดเวลา"ได้ยินดังนั้น หลินยวนก็เบิกตากว้างทันที น้ําตายิ่งไหลก็ยิ่งเชี่ยวกรากแต่ไม่คิดเลยว่าแม้แต่ฮูหยินหลินก็ยังมองเธออย่างสงสัย "ยวนเอ๋อร์ ตกลงมีเรื่องนี้เกิดขึ้นหรือไม่?"พยานอยู่ข้างนอก หลินยวนไม่สามารถปฏิเสธได้ตอนนี้นางทําได้แค่ร้องไห้และพูดว่า "ท่านแม่ ข้า ข้าถูกชิวอวี่ข่มขู่ ข้าเคยเจอเขาจริงๆ แต่ข้าไม่ได้รับปากอะไรเขาเลยนะเจ้าคะ!"เพียงแต่คําพูดนี้ออกจากปาก ก็ไม่มีใครเชื่อเลยแม้แต่เซียวชิงหน่วนที่ยืนอยู่ข้างหลินยวนมาตลอดก่อนหน้านี้ ก็ยังอดขมวดคิ้วไม่ได้ พูดเสียงเข้มว่า "เคยรับปากอะไรไว้หรือไม่ ถามเสี่ยวหวนน่าจะรู้ดีที่สุดแล้ว""งั้นก็ให้เสี่ยวหวนเข้ามา" เซียวเหอรีบพูดทันที ไม่ให้หลินยวนได้มีเวลาคิดอะไรเลยในที่สุดหลินยวนก็พบว่าในห้องโถงวันนี้ไม่มีคนรับใช้แม้แต่สักคนเลย
ในเรื่องนี้ เฉียวเนี่ยนยอมรับแต่ยังไม่ทันที่เฉียวเนี่ยนจะเอ่ยปาก เซียวเหอก็รับไปเสียก่อน "เมื่อคืนก่อน ข้าให้จี้เยว่ไปขู่เสี่ยวหวนให้กลัวเอง แต่ข้าก็ทำไปเพื่อให้เสี่ยวหวนพูดความจริงเท่านั้น หากมีสิ่งใดล่วงเกินน้องสะใภ้แล้วล่ะก็ ได้โปรดให้อภัยด้วย"คําพูดนี้พูดอย่างเกรงใจก็จริง แต่น้ำเสียงกลับไม่มีความรู้สึกขอโทษเลยแม้แต่น้อยแม้กระทั่งดวงตาคู่นั้นที่มองหลินยวนก็ยังเต็มไปด้วยความเย็นชาหลินยวนเหมือนจับจุดอ่อนอะไรไว้ได้ รีบพูดกับฮูหยินหลินว่า "ท่านแม่ ท่านได้ยินหรือไม่ เขาใส่ร้ายข้าจริงๆ! เป็นพวกเขาที่ใส่ร้ายข้า!"แต่หลังจากได้ยินคําพูดของเสี่ยวหวน แม้แต่สายตาของฮูหยินหลินที่มองมายังนาง ก็กลายเป็นความไม่คุ้นเคยและในเวลานี้เอง เสียงทุ้มต่ําก็ดังมาจากนอกห้องโถง "ข้าจะดูว่าใครใส่ร้ายเจ้า!"น้ำเสียงเย็นชา นํามาซึ่งกลิ่นอายอันทรงพลังที่บดขยี้ผู้คนได้ทั้งหมดก็เห็นเซียวเหิงเดินมาจากนอกห้องโถงอย่างรวดเร็ว ทั้งตัวล้วนถูกย้อมไปด้วยความหนาวเหน็บหลินยวนแยกไม่ออกแล้ว นางได้ยินคําพูดของเซียวเหิง ยังคิดว่าเซียวเหิงมาเพื่อสนับสนุนตัวเอเสียอีกจึงรีบลุกขึ้นพุ่งไปหาเซียวเหิง "ท่านพี่เหิง ข้า
ส่วนเฉียวเนี่ยน เซียวเหอ หลินเย่ว์ เซียวเหิง...พวกเขาร่วมมือกันผลักดันตัวเองไปสู่เหวลึก!ทันใดนั้นหลินยวนก็ตระหนักได้ว่าสิ่งที่นางกลัวมาตลอดได้กลายเป็นความจริงแล้ว...นางกลัวว่าจวนโหวจะไม่ต้องการนาง และจะทอดทิ้งนางแต่ตอนนี้ดูเหมือนว่านางจะถูกทุกคนรังเกียจแล้วจริงๆ...เมื่อเห็นหลินยวนไม่พูด เฉียวเนี่ยนก็อดไม่ได้ที่จะลุกขึ้นและเดินไปหานาง "ถ้าเจ้าไม่พูด ข้าจะพูดแทนเจ้าเอง เจ้ากับชิวอวี่สมคบคิดกันมานานแล้ว คิดจะร่วมมือกันทําร้ายข้า พอดีสามวันก่อนวัดฝ่าหัวมีพระชั้นสูงมาเทศนา พวกเจ้ารู้สึกว่านั่นเป็นโอกาสอันยอดเยี่ยม จึงซื้อตัวนักลอบสังหารในยุทธภพ จับตัวสตรีตระกูลเซียวไปเป็นเชลย""แน่นอน เป้าหมายของพวกเจ้าคือข้าเท่านั้น ลักพาตัวสตรีตระกูลเซียวทั้งหมด เป็นเพียงระเบิดควันที่เจ้าสร้างขึ้นเองเท่านั้น จุดประสงค์คือต้องการใช้ฐานะของเหยื่อเป็นเกราะกําบังให้ตัวเอง""ชิวอวี่แต่ไหนแต่ไรก็เป็นคนเจ้าชู้อยู่แล้ว ดังนั้นคนของเขาจึงส่งหน่วนหน่วนมาด้วย คิดว่าชิวอวี่จะชอบ แต่ใครจะรู้ว่าชิวอวี่ไม่กล้าขัดใจตระกูลเซียว จึงสั่งให้คนส่งหน่วนหน่วนออกไปใหม่ ส่วนข้าก็ฉวยโอกาสตอนที่ชิวอวี่หละหลามการป้องกันต
ในเวลาเดียวกัน ที่หมู่บ้านเหอวานห่างออกไปถึงสามร้อยลี้ เฉียวเนี่ยนยังคงเหม่อมองกำไลหยกที่แตกเป็นเสี่ยง ๆ นั้นนางไม่ใช่คนที่ชอบคิดวกวนไปมา เมื่อเห็นกำไลหยกแตก นางย่อมรู้สึกเศร้าและเจ็บปวดแต่เมื่อนางลองคิดกลับกัน การที่นางลอยมาตั้งไกลจากเมืองหลวงถึงที่นี่แล้วยังรอดชีวิตมาได้ อาจเป็นเพราะกำไลหยกที่แม่ของจิ่งเหยียนให้มานั้นช่วยปัดเป่าเคราะห์ภัยก็เป็นได้ความคิดเช่นนี้ แม้จะทำให้นางยิ่งรู้สึกเสียใจ แต่ในใจก็พลันมีไออุ่นลอยแทรกขึ้นมานางมักจะรู้สึกว่า ในความลี้ลับเหนือธรรมชาติ จิ่งเหยียนได้ปกป้องนางไว้ครั้งแล้วครั้งเล่าฉู่จืออี้นั่งลงหน้ากองฟืนอีกครั้งหยิบขวานขึ้น วางฟืนให้มั่น เสียง 'ผั่บ' ดังขึ้น ฟืนก็แยกออกเป็นสองท่อนเรียบร้อยเขาเงยหน้าขึ้นโดยไม่รู้ตัว มองเข้าไปในเรือนหน้าต่างไม้เปิดแง้มอยู่ เห็นเลือนลางถึงมือของนางที่กำลังประคองกำไลหยกไว้ฉู่จืออี้รู้ว่าจิ่งเหยียนมีน้องสาวคนหนึ่งเมื่อหลายปีก่อน ตอนที่เขากับจิ่งเหยียนถูกล้อมอยู่ในหุบเขา เขาเคยถามจิ่งเหยียนว่าในครอบครัวยังมีใครเหลืออยู่บ้างจิ่งเหยียนบอกว่า เขามีน้องสาวคนหนึ่ง ความปรารถนาสูงสุดของเขาตลอดชีวิต คืออยากให้น้
เซียวเหิงโดนต่อยหนึ่งหมัด เขาไม่ได้หลบ กลับชกสวนกลับไปอย่างรวดเร็วหนึ่งหมัด "ไม่ใช่ว่าเจ้าไม่ต้องการนางแล้วหรือ? วันนั้นตอนที่นางถูกพาตัวไปยังกรมซักล้าง เหตุใดเจ้าถึงได้ปกป้องแต่หลินยวน!"หลินเย่ว์รับหมัดไปหนึ่งหมัด ถอยหลังไปสองก้าว แล้วก็พุ่งเข้ามาอีกครั้ง "แล้วเจ้าเล่า! หากเจ้ารักนางจริง เหตุใดถึงไม่ปกป้องนาง? ในเมื่อเมื่อก่อนก็ไม่ได้รักนางถึงเพียงนั้น แล้วเหตุใดตอนนี้ถึงกลับมากักขังนางไว้อีก! เป็นเจ้าต่างหากที่ทำให้นางตาย!""เจ้าหุบปาก!" เซียวเหิงโกรธจนสุดขีด เข้าตะลุมบอนกับหลินเย่ว์ทั้งสองมิได้ชักดาบออกมา และไม่ใช้ท่วงท่าวรยุทธ์ด้วยเช่นกันก็ราวกับเด็กสามขวบคนหนึ่ง เจ้าต่อยหนึ่งหมัด ข้าต่อยหนึ่งหมัด ไม่มีใครเอาชนะใครได้เสียทีไม่รู้ว่าต่อสู้กันไปนานแค่ไหน ในที่สุดทั้งสองก็ล้มลงนอนอยู่บนพื้นบนใบหน้าต่างมีรอยฟกช้ำ บวมเป่ง หน้าดำหน้าเขียวดวงตาของหลินเย่ว์เหม่อมองฟ้าอย่างไร้จิตวิญญาณ แต่ในหัวกลับเต็มไปด้วยภาพของเนี่ยนเนี่ยนสิ่งที่เซียวเหิงด่าก็ถูกแล้ว เขาซึ่งเป็นพี่ใหญ่คนนี้ ทำไมถึงจดจำนางไม่ได้?เขาน่ะหรือ คู่ควรจะเป็นพี่ใหญ่ของนาง?ส่วนเซียวเหิงก็มองท้องฟ้าอย่างเหม่อลอย
ไม่นานนัก ท่านโหวหลินและฮูหยินหลินก็จากไปเซียวเหอก็พาคนลากโลงศพออกไปหลินเย่ว์หันกลับมามองคนของตน แล้วเอ่ยว่า "ตามหาต่อไป"แม้ในความคิดของเขา ศพนั้นน่าจะเป็นเนี่ยนเนี่ยนมากที่สุดแต่ในเมื่อยังมีโอกาสที่จะไม่ใช่ ก็ต้องตามหากันต่อเอ่ยจบกำลังจะจากไป กลับนึกไม่ถึงว่าจะถูกเซียวเหิงเรียกไว้"หมอตำแยแซ่เฉานี่อย่างไร?" เสียงของเซียวเหิงแผ่วเบา คำพูดของฮูหยินหลินเมื่อครู่ ดึงดูดความสนใจของเขาเขาเองก็รู้เรื่องที่จวนโหวรับหลินยวนกลับมาเมื่อหลายปีก่อนหมอตำแยที่ทำคลอดให้ฮูหยินหลินสับเปลี่ยนเนี่ยนเนี่ยนกับหลินยวนแล้วทำไมบัดนี้ถึงมีหมอตำแยแซ่เฉาโผล่มาอีกคนหลินเย่ว์มองเซียวเหิงด้วยสายตาเย็นชา ไม่คิดจะตอบเขา และกำลังจะหันหลังเดินจากไปแต่เดินออกไปได้แค่สองก้าว ความชั่วร้ายในใจก็ครอบงำเขาเขาค่อยๆ หันกลับมามองเซียวเหิง มุมปากยิ้มเยาะ "เมื่อครึ่งเดือนก่อน ก็คือวันที่สองหลังจากเนี่ยนเนี่ยนตกแม่น้ำฉางหยาง หมอตำแยแซ่เฉามาที่จวนโหว นางบอกว่าเนี่ยนเนี่ยนต่างหากที่เป็นลูกสาวแท้ๆ ของจวนโหว"ทันทีที่คำพูดจบลง หลินเย่ว์ก็มองเห็นดวงตาลึกล้ำของเซียวเหิงค่อยๆ เผยความตกใจออกมาจากนั้น เขาก็พุ่งเข้
ทันทีที่โลงศพเปิดออก กลิ่นเหม็นเน่ารุนแรงก็โชยออกมาท่านโหวหลินแทบจะอาเจียนออกมาในทันที และเมื่อเห็นร่างในโลงศพ เขาก็ตกใจจนถอยหลังไปหลายก้าวครึ่งเดือน ร่างกายก็เริ่มบวมเน่าแล้วใบหน้าของหญิงสาวไม่สามารถระบุลักษณะได้อีกต่อไป แม้แต่สีผิวก็เปลี่ยนไปแล้วทว่าแม้ท่านโหวหลินจะมองเพียงแวบเดียว เขาก็มั่นใจอย่างประหลาดใจว่า "นี่ไม่ใช่เนี่ยนเนี่ยน!"เมื่อได้ยินเช่นนี้ เซียวเหิงราวกับถูกสะกดจิตก็เงยหน้าขึ้นมองท่านโหวหลินทันทีดวงตาของเขาราวกับเต็มไปด้วยความหวังหลินเย่ว์ก็ประหลาดใจเช่นกัน เขาคิดว่าหากท่านโหวหลินมั่นใจเช่นนี้ บางทีอาจไม่ใช่นางจริงๆเซียวเหอเหลือบมองเซียวเหิงที่อยู่ไม่ไกลโดยไม่รู้ตัว จากนั้นจึงถามว่า "ท่านโหวพูดเช่นนี้ได้อย่างไร?"เสียงของท่านโหวหลินสั่นเครือ น้ำตาคลอเบ้า "พวกเจ้าเลอะเลือนไปแล้วหรือ? เนี่ยนเนี่ยนมีรอยแผลเต็มตัว! หรือตกลงไปในน้ำ รอยแผลจะหายไป?"ร่างของหญิงสาวนี้ไม่มีรอยแผลเป็นเลย!นี่คือสิ่งที่เซียวเหิงและเซียวเหอกำลังสงสัยเซียวเหอมองไปยังเซียวเหิงที่อยู่ไม่ไกล จากนั้นจึงเอ่ยว่า "เหิงเอ๋อร์บอกว่า ก่อนหน้านี้เขาเคยมอบยาทาแผลเป็นให้เนี่ยนเนี่ยน ฉะนั้นเนี
ทำไมถึงแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยแบบนี้...ดวงตาของเฉียวเนี่ยนเปียกชื้นในทันทีกำไลนี้เป็นตัวแทนการยอมรับของตระกูลจิ่งที่มีต่อนาง เป็นเครื่องยืนยันความสัมพันธ์ของนางกับจิ่งเหยียน นางทะนุถนอมมันมาโดยตลอด แต่ในที่สุดก็แตกสลายอยู่ดีความรู้สึกเจ็บปวดในอกแผ่ซ่าน เฉียวเนี่ยนก้มหน้าลง ไม่ต้องการให้ไป๋อวี่เห็นความผิดปกติของนาง จึงเอ่ยเพียงเสียงทุ้มต่ำว่า "ขอบคุณพี่ไป๋มาก"เอ่ยจบก็หันหลังเดินกลับบ้าน กระโดดไปข้างหน้าและข้างหลังโดยจับผนังไว้ทว่าไป๋อวี่เห็นน้ำตาหยดนั้นที่หยดลงบนกำไลหยกในเวลานี้ เมืองหลวงที่อยู่ห่างออกไปสามร้อยลี้ข่าวการค้นพบเฉียวเนี่ยนแพร่กระจายออกไป ทำให้ท่านโหวหลินและฮูหยินหลินรีบเร่งออกจากเมืองหลวงตลอดทางฮูหยินหลินรู้สึกกระวนกระวายใจอย่างมาก แม้ว่าท่านโหวหลินจะจับมือนางไว้ตลอดเวลา มือของนางก็ยังคงเย็นเฉียบเมื่อพวกเขาลงจากรถม้าที่ชานเมืองหลวงและเห็นโลงศพขนาดใหญ่ ขาของฮูหยินหลินก็อ่อนแรงทันที แทบล้มลงกับพื้นไม่ใช่ว่าพวกเขาพบคนแล้วหรือ?ทำไมถึงเป็นโลงศพ?ดวงตาของหลินเย่ว์เต็มไปด้วยความเศร้าหมอง เมื่อเห็นท่านโหวหลินและฮูหยินหลินเดินเข้ามา เขาก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค
ฝ่ามือหยาบกร้านเต็มไปด้วยรอยแผลหนาแข็งแต่ความอบอุ่นนั้นกลับไม่ได้ถูกขัดขวางแม้แต่น้อย ค่อยๆ ส่งผ่านเข้าไปในใจของเฉียวเนี่ยนทีละนิด "เด็กน้อย ลำบากมามากแล้ว"เสียงถอนหายใจแผ่วเบา อาชุนเองก็ไม่คาดคิดว่าน้ำตาจะไหลออกมาโดยไม่รู้ตัวแต่ก็โทษนางไม่ได้จริงๆ เพราะรอยแผลเป็นบนตัวเด็กสาวน่าตกใจเหลือเกินไป๋อวี่บอกว่าเสื้อผ้าที่นางใส่วันนั้นเหมือนสาวใช้ของตระกูลร่ำรวยแต่ตระกูลร่ำรวยก็เกินไปจริงๆ ทำไมถึงตีสาวใช้ขนาดนี้?ชีวิตของสาวใช้ ไม่ใช่ชีวิตหรืออย่างไร?หากพ่อแม่ของเด็กคนนี้มาเห็นเข้า คงจะเสียใจมากเพียงใด!คำพูดเหล่านี้ อาชุนไม่ได้พูดออกไป กลัวว่าจะทำให้เฉียวเนี่ยนเสียใจแต่พอมองน้ำตาของอาชุน เฉียวเนี่ยนก็อดน้ำตาคลอเบ้าไม่ได้ "อาชุนอย่าร้องเลย ข้าไม่เป็นอะไรแล้ว"ยามนี้นางได้หนีห่างจากเมืองหลวง หนีห่างจากคนพวกนั้นทุกอย่างได้ผ่านไปแล้วคนพวกนั้นในเมืองหลวง หากหานางไม่เจอภายในสองสามวัน คงคิดว่านางตายไปแล้วแน่นอนว่าเด็กสาวหนิงซวงต้องเสียใจมากแน่ๆทว่ามีจี้เยว่คอยดูแลอยู่ หนิงซวงไม่น่าจะเป็นอะไรเซียวเหอก็จะคอยดูแลหนิงซวงให้นางอย่างแน่นอนฉะนั้นนางจึงไม่ต้องกังวลและเป็นห่วงอะไ
ฉู่จืออี้ไม่เคยคาดคิดเลยว่า ของที่เขาแกะสลักด้วยมือเมื่อหลายปีก่อน จะปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาอีกครั้งในวันนี้หยกผิงอันขนาดเล็กราวกับกุญแจที่เปิดความทรงจำที่ถูกฝังไว้เมื่อหลายปีก่อนของเขาสงครามนองเลือด ซากศพเกลื่อนกลาด...ล้วนทำให้เขาตกใจยิ่ง"ขอบคุณพี่ไป๋มาก"เสียงหวานใสที่ดังขึ้น เรียกสติของฉู่จืออี้กลับคืนมาสายตาของเขาจึงละจากหยกผิงอัน มองไปที่เฉียวเนี่ยน พยักหน้านิดๆ แล้วหันหลังเดินจากไปโดยไม่ได้พูดอะไรสักคำหญิงวัยกลางคนคุ้นเคยกับนิสัยของเขาดี จึงยิ้มให้เฉียวเนี่ยน "ไม่ต้องกลัว เขาเป็นคนแบบนี้ ไม่ชอบพูด แต่เป็นคนดีมาก! ยามนั้นหากไม่ได้เขา หมู่บ้านของเราคงถูกหมาป่าบนเขาทำลายไปแล้ว!"หญิงผู้นั้นพูดราวกับเปิดกล่องความทรงจำ กำลังจะเล่าเรื่องราวในอดีตให้เฉียวเนี่ยนฟังแต่เฉียวเนี่ยนมีเรื่องอื่นในใจ จึงอดขัดจังหวะหญิงผู้นั้นไม่ได้ แล้วถามว่า "ขอถามท่านอาสะใภ้สักหน่อย ที่นี่ห่างจากเมืองหลวงไกลแค่ไหนหรือ?""เมืองหลวง?!" หญิงผู้นั้นอุทาน ทำให้ฉู่จืออี้ที่กำลังผ่าฟืนอยู่ในลานบ้านถึงกับชะงักพอได้ยินเช่นนี้ หญิงผู้นั้นก็ร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ "แม่นาง เจ้ามาจากเมืองหลวงหรือ? ลอย
“เจ้าค่ะ!” สาวใช้รีบตอบรับ จากนั้นก็เข้าไปลากตัวหลินยวนออกไปด้านนอกหลินยวนยังคงร้องขอความเห็นใจ “ท่านพ่อ ข้าเป็นลูกสาวของท่านจริงๆ ท่านพ่อ! ท่านอย่าไปเชื่อคำพูดโกหกของคนอื่น!”ทว่าท่านโหวหลินไม่ได้มองนางอีกเลยครึ่งเดือนต่อมาเฉียวเนี่ยนค่อยๆ ลืมตาขึ้น สิ่งที่เห็นคือคานบ้านเก่าๆนางอยู่ที่ไหนกัน?ความทรงจำมากมายหลั่งไหลเข้ามาในสมองเฉียวเนี่ยนจำได้ว่าตัวเองตกลงไปในแม่น้ำฉางหยาง หัวใจของนางก็เต้นแรงขึ้นด้วยความหวาดผวานางคิดว่าแม่น้ำฉางหยางไหลเอื่อย แม้จะตกน้ำก็คงปีนขึ้นมาได้ไม่ยากกลับนึกไม่ถึงว่าใต้น้ำจะไหลเชี่ยวเพียงนี้นางถูกกระแสน้ำพัดลงไปก้นแม่น้ำในทันที พยายามดิ้นรนหลายครั้ง แต่ด้วยพลังมหาศาลนั้น นางก็เหมือนใบไม้ ไร้ซึ่งพลังต้านทาน สติสัมปชัญญะของนางก็ดับวูบไปอย่างรวดเร็วแล้วยามนี้ นางอยู่ที่ไหนกัน?เฉียวเนี่ยนพยายามพยุงตัวลุกขึ้น แต่ขาซ้ายของนางก็เจ็บปวดอย่างรุนแรงนางสูดลมหายใจเข้าอย่างเย็นเยียบ จากนั้นก็เปิดผ้าห่มออก และเห็นว่าขาซ้ายของนางถูกตรึงด้วยไม้กระดานหลายแผ่นหักแล้วหรือ?ขณะที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้น ประตูก็เปิดออก หญิงวัยกลางคนสวมเสื้อผ้าธรรมดา ถือชาม
“เจ้าพูดว่าอะไรนะ!” ท่านโหวหลินตกใจมาก ลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วฮูหยินหลินเองก็เบิกตากว้างอย่างกะทันหัน มองหลินเย่ว์ด้วยความไม่เชื่อหลินยวนก็ตกใจมากเช่นกัน ทันใดนั้นก็เข้าใจว่าทำไมหลินเย่ว์ถึงทำตัวผิดปกติเช่นนี้ก่อนหน้านี้ที่แท้ก็เพราะเรื่องนี้หรือ?เพราะเฉียวเนี่ยนตายแล้วรึ?แต่ในขณะนี้ หลินยวนไม่รู้สึกดีใจเลยแม้แต่น้อยสิ่งที่เหลืออยู่มีเพียงความตื่นตระหนกเท่านั้นเฉียวเนี่ยนตาย แล้วนางจะปัดความรับผิดชอบเรื่องของย่าเฉาได้อย่างไร?นางจะโยนความผิดให้ใคร?ทำเช่นไรดี?หลินยวนรู้สึกหวาดกลัวถึงขีดสุดแต่ไม่คิดว่าหลินเย่ว์จะพุ่งเข้ามาจับคอเสื้อของนาง “เจ้าเป็นใครกันแน่? พูดมา!”หลินยวนตกใจกลัวนางไม่เคยเห็นหลินเย่ว์ดุร้ายเช่นนี้มาก่อนน้ำตาไหลพรากออกมาไม่หยุด แต่ก็ยืนกรานว่าตัวเองเป็นบุตรสาวสายตรงแห่งจวนโหว“พี่ใหญ่ อย่าขู่ข้าเลย... ข้าเป็นน้องสาวของพี่นะ!”“หมอตำแยพูดเองกับปากว่า ข้าถูกนางสลับตัว! นางพูดเองกับปาก!”“ข้าหน้าเหมือนแม่มากเลยนะ พี่ใหญ่ ดูข้าสิ! ข้าจะไม่ใช่ลูกของแม่ได้อย่างไร!”นางปฏิเสธไม่ได้ว่าตัวเองไม่ใช่!มิเช่นนั้น ด้วยสภาพของคนในตระกูลหลินยามนี้ พวกเขาจ