Share

บทที่ 668

Penulis: โม่เสียวชี่
ดวงตาคู่นั้นของเฉียวเนี่ยนเต็มไปด้วยความเย็นชา นางชินชากับความผูกพันฉันพี่น้องระหว่างหลินยวนกับหลินเย่ว์มานานแล้ว จึงไม่ใส่ใจว่าหลังจากนี้ทั้งสองคนจะเล่นละครตบตากันเช่นไร

สิ่งที่นางใส่ใจในตอนนี้ คือบาดแผลบนลำคอของฮูหยินหลิน

แม้นางจะไม่อยากเรียกฮูหยินหลินว่า ‘แม่’ อีกต่อไป แต่อย่างไรท่านก็คือคนที่ให้กำเนิดและเลี้ยงดูนางมาสิบห้าปี

ดั่งที่หลินเย่ว์เคยพูดไว้ ฮูหยินหลินเสียเลือดเสียเนื้อไปครึ่งชีวิตเพื่อให้กำเนิดนาง

แม้นางจะเกลียด จะโกรธแค้นเพียงใด ก็ไม่อาจยอมให้ผู้อื่นมาทารุณนางได้เด็ดขาด!

ยิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นตัวปลอมที่แย่งชิงตำแหน่งนางไปถึงสามปี!

หลินยวนไม่เคยนึกเลยว่า มุมที่เฉียวเนี่ยนยืนอยู่นั้นจะมองเห็นบาดแผลใต้ปกคอเสื้อของฮูหยินหลินได้พอดี นางจึงอดตกใจไม่ได้

หลินเย่ว์ก็นึกขึ้นได้เช่นกัน รีบเข้าไปประคองฮูหยินหลินทันที ยื่นมือออกไปอย่างระมัดระวัง แหวกคอเสื้อของฮูหยินหลินออก ก็เห็นรอยฟกช้ำเขียวคล้ำชัดเจน

ทันใดนั้น ไฟโทสะก็พุ่งถึงขีดสุด

เขาหันขวับไปมองหลินยวน แต่ยังคงพยายามข่มความโกรธเอาไว้ “เจ้า! อธิบายเรื่องนี้ให้ข้าฟังอีกทีซิ!”

หลินยวนเบิกตากว้าง รีบคุกเข่าต่อหน้าหลินเย่ว์
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Bab Terkunci
Komen (4)
goodnovel comment avatar
Sajeenun Ruangchai
ก็จะรอดดูว่าหลินเยว่ยังจะโง่ต่อไปมั้ย
goodnovel comment avatar
LiYi Tk
หลิวเย่ว์ก็โง่เง่าเกิน
goodnovel comment avatar
LiYi Tk
จัดการหลินยวนสักทีเถอะ
LIHAT SEMUA KOMENTAR

Bab terbaru

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่1464

    ในขณะเดียวกัน ณ แดนต้องห้ามตระกูลมู่กลิ่นคาวเลือดอันเข้มข้นผสมปนเปกับกลิ่นสมุนไพรเก่าเก็บที่โชยออกมาจากส่วนลึกของแดนต้องห้าม อบอวลอยู่ในอากาศที่หนาวเหน็บมู่ซ่างเสวี่ย มู่หงเสวี่ย และท่านปู่ห้ามู่เจิ้นไห่ นำทัพยอดฝีมือที่ตระกูลมู่ชุบเลี้ยงไว้กว่าสิบชีวิต ฝ่าความมืดมิดแห่งรัตติกาลมาจนถึงปากทางเข้าแดนต้องห้ามด้วยอาการหอบหายใจกลิ่นคาวเลือดรุนแรงปะทะเข้าที่ใบหน้า พรากเอาลมหายใจของทุกคนไปในชั่วพริบตา!ทว่าเท่าที่สายตามองเห็น นอกเหนือจากกองเลือดสด ๆ แล้ว กลับไม่พบร่างไร้วิญญาณแม้แต่คนเดียวสีหน้าของพวกเขากลายเป็นสีเขียวคล้ำในทันที ลางสังหรณ์อัปมงคลแล่นปราดจากปลายกระดูกสันหลังขึ้นสู่สมอง ต่างพากันเงยหน้าขึ้นมองเข้าไปภายในบานประตูศิลานั้นพลันพบว่า ประตูของเรือนเล็กหลังนั้น บัดนี้กลับเปิดอ้าอยู่ภายในนั้นมืดสนิทประหนึ่งสัตว์ร้ายจากขุมนรกบรรพกาลที่กำลังซุ่มซ่อน มันอ้าปากกว้างอันมืดมิดไร้ก้นบึ้งอย่างเงียบเชียบ รอคอยให้เหยื่อเดินเข้าไปติดกับดักด้วยตนเองเจ้าคนบ้าคลั่งที่บังอาจบุกรุกแดนต้องห้ามตระกูลมู่... เป็นไปได้สูงว่ามันยังคงซ่อนตัวอยู่ข้างใน!“ข้าจะเข้าไปก่อน!” ใบหน้าชราภาพที่ยังคงค

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่1463

    ผู้คนทั้งมวลต่างตกตะลึงจนมิอาจเอื้อนเอ่ยวาจาใด“สะ... เซียวเหอสองคนหรือเจ้าคะ?” หนิงซวงเป็นคนแรกที่ได้สติ ใบหน้าเล็กซีดเผือด น้ำเสียงสั่นเครือด้วยความไม่อยากจะเชื่อ “คุณหนู... นะ... นี่มันจะเป็นไปได้อย่างไรเจ้าคะ? บ่าว... บ่าวไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่าท่านรุ่ยอ๋องมีพี่น้องฝาแฝด…”เฉียวเนี่ยนเอนกายพิงหัวเตียง ใบหน้ายังคงขาวซีดไร้สีเลือด นางทอดสายตามองท่าทีตื่นตระหนกของหนิงซวงแล้วอดไม่ได้ที่จะหลุดยิ้มออกมาบางเบาทว่าแววตาของนางกลับยังคงกระจ่างใสและคมกริบ นางส่ายหน้าช้า ๆ น้ำเสียงเยียบเย็น: “มิใช่พี่น้องฝาแฝด... แต่เป็นวิชาจำแลงกายต่างหาก”“วิชาจำแลงกายหรือ?” เกอซูอวิ๋นเองก็อดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาเบา ๆ“ถูกต้อง” เฉียวเนี่ยนพยักหน้าช้า ๆ ทว่าจังหวะนั้นความเจ็บปวดระลอกหนึ่งกลับแล่นปราดขึ้นมาจากหน้าท้อง ทำให้นางเผลอขมวดคิ้วมุ่นด้วยความทรมานเมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนั้น ฉู่จืออี้จึงรีบรับช่วงพูดต่อทันที เขาอธิบายด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “ก่อนหน้านี้ตอนที่ข้ากับเนี่ยนเนี่ยนอยู่ที่เมืองจี๋เสียง เคยพานพบผู้เฒ่าขายยาคนหนึ่ง เดิมทีนึกว่าเป็นคนที่หนีออกมาจากสำนักราชาโอสถ แต่ภายหลังกลับพิสูจน์ได้ว่า

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่1462

    นางไม่มีวันเชื่อเป็นอันขาดว่าสามีของตนจะปั้นน้ำเป็นตัวในเรื่องนี้องครักษ์เงาผู้นั้นสัมผัสได้ถึงความเคลือบแคลงในแววตาของทุกคน หัวใจพลันบีบรัด จึงรีบเงยหน้าขึ้นมองเฉียวเนี่ยน แววตาฉายชัดถึงความมุ่งมั่น: “ท่านเจ้าสำนักโปรดเมตตา! ที่ข้าน้อยกล่าวมาล้วนเป็นความจริงทุกประการ หาได้กล้าบังอาจโป้ปดมดเท็จแม้แตนครึ่งคำ!”แม้แต่อิ๋งชีที่ยืนอยู่ด้านข้างยังเอ่ยเสริมขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “องครักษ์เงาได้รับการฝึกฝนมาแต่เยาว์วัย กฎเหล็กข้อแรกคือความจงรักภักดีต่อสำนักราชาโอสถ มอบกายถวายชีวิตเพื่อปกป้องท่านเจ้าสำนัก!” เขาไม่เพียงย้ำเตือนถึงสัตยาบันของเหล่าองครักษ์เงา หากแต่ยังต้องการปกป้องความบริสุทธิ์ใจของลูกน้องด้วย“ถ้าเช่นนั้น เจ้ากำลังจะบอกว่าสามีข้าโกหกกระนั้นหรือ?” เกอซูอวิ๋นเดือดดาลขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินวาจาที่แฝงนัยปกป้องพวกพ้องของอิ๋งชี ด้วยใจที่มุ่งปกป้องสามี นางจึงก้าวพรวดออกมาข้างหน้า มือข้างหนึ่งยกขึ้นป้องหน้าท้องที่ยังคงแบนราบโดยไม่รู้ตัว คิ้วขมวดมุ่น ยืนขวางหน้าเซียวเหอด้วยท่าทีแข็งกร้าว ราวกับแม่เสือดาวที่กำลังเกรี้ยวกราดเซียวเหอมองท่าทางปกป้องเขาที่เป็นไปโดยสัญชาตญาณของนาง หัวใจพ

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 1461

    สิ้นเสียงนั้น ภายในห้องพลันเงียบกริบราวกับป่าช้ามีเพียงเปลวเทียนที่ไหววูบอย่างน่าหวั่นใจ ส่งเสียงปะทุ “เปรี๊ยะ” เบา ๆ ราวกับเสียงกลองที่รัวนับถอยหลัง กระแทกกระทั้นลงกลางใจของทุกคนบรรยากาศรอบด้านคล้ายจับตัวเป็นก้อน แผ่กลิ่นอายกดดันหนักอึ้งจนแทบหายใจไม่ออกอิ๋งชีมิได้เอ่ยสิ่งใด ทั้งยังมิได้ละสายตาไปทางอื่น เขาเพียงจ้องมองเฉียวเนี่ยนผ่านหน้ากากโลหะอันเย็นเยียบอยู่อย่างนั้น ปล่อยให้เวลาไหลผ่านไปอย่างเชื่องช้าท่ามกลางความเงียบงันผ่านไปครู่ใหญ่ เป็นหนิงซวงที่ทนต่อบรรยากาศอันน่าอึดอัดนี้มิไหว นางเอ่ยปากขึ้นด้วยน้ำเสียงร้อนรนเจือแววแก้ต่างให้อีกฝ่าย “แต่ว่าคุณหนูเจ้าคะ อิ๋งชีอุตส่าห์เสี่ยงชีวิตเพื่อชิงศิลาจันทรามาให้ท่านจนถูกพิษร้ายแทบเอาชีวิตไม่รอด เขาไม่น่าจะ...”วาจายังมิทันจบประโยค ก็จำต้องกลืนลงคอเมื่อปะทะเข้ากับสายตาคมกริบดุดันของเฉียวเนี่ยนหนิงซวงตระหนกจนรีบหุบปาก ใบหน้าเล็กมุ่ยลงด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจทว่าอิ๋งชีกลับชะงักงันเพราะการออกหน้าปกป้องอย่างกะทันหันของหนิงซวง เขาเผลอหันไปมองนางโดยมิรู้ตัว สายตาภายใต้หน้ากากจับจ้องไปที่ใบหน้าเล็กจิ้มลิ้ม ซึ่งฉายแววห่วงใยและร้อนใจแทนเข

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 1460

    ฉู่จืออี้อ่านความหมายในสายตานางออกในชั่วพริบตา!ความหนาวเหน็บระลอกหนึ่งแล่นพล่านขึ้นมาจากปลายสันหลัง เขาขมวดคิ้วมุ่น นัยน์ตาลึกล้ำฉายแววเย็นเยียบจับขั้วหัวใจ ริมฝีปากบางขยับเอื้อนเอ่ยนามหนึ่งออกมาอย่างเชื่องช้า “อิ๋งชี”เฉียวเนี่ยนเผลอสูดลมหายใจหนาวเหน็บเข้าปอดโดยไม่รู้ตัว อากาศเย็นเยียบที่สำลักเข้าไปส่งผลให้บาดแผลเจ็บแปลบขึ้นมาวูบหนึ่งการคาดเดาของฉู่จืออี้มิใช่ไร้มูลความจริงนางจำได้แม่นยำว่าหลังจากผู้อาวุโสซุนรักษาอาการให้แล้ว ศิลาจันทราก็ยังคงอยู่กับตัวนางต่อมาเมื่อหนิงซวงช่วยนางผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ นางก็เป็นคนสอดมันไว้ใต้หมอนด้วยมือตนเองหลายวันมานี้อาการบาดเจ็บสาหัสของนางยังไม่หายดี แทบจะไม่ได้ก้าวออกจากเรือนนี้แม้แต่ครึ่งก้าว กระทั่งลงจากเตียงยังนับครั้งได้นอกจากอิ๋งชีแล้ว นางคิดไม่ออกจริง ๆ ว่าจะมีผู้ใดสามารถขโมยหินจันทราไปจากใต้หมอนของนางได้อย่างไร้ร่องรอยเช่นนี้!เฉียวเนี่ยนขมวดคิ้วแน่น สะกดกลั้นคลื่นอารมณ์ที่โหมซัดสาดในอก น้ำเสียงเจือความเหนื่อยล้าที่ยากจะสังเกตเห็น “ให้พวกเขาเข้ามากันให้หมดเถิด”ฉู่จืออี้พยักหน้า หันกายไปเรียกทุกคนที่อยู่หน้าประตูและภายในห้องให้เข้า

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 1459

    คนตระกูลมู่ต่างตื่นตระหนกน้ำเสียงของมู่เจิ้นไห่สั่นเครืออย่างไม่อาจระงับ “ผู้ที่เฝ้ายามแดนต้องห้ามในคืนนี้ คือยอดฝีมือที่เก่งกาจที่สุดในจวนถึงสองคน!”มู่ซ่างเซวี่ยได้ยินดังนั้น พลันนึกถึงบางสิ่งได้ ร่างกายก็หมุนขวับ หันไปจ้องมองใบหน้าอันซีดเผือดทว่าสงบเยือกเย็นของเฉียวเนี่ยนอย่างเขม็งเสียงที่เล็ดลอดจากลำคอบิดเบี้ยวแหบพร่าด้วยความตระหนกสุดขีดและโทสะที่พุ่งพล่าน “การจะเปิดแดนต้องห้ามต้องใช้ศิลาจันทรา!”ทุกถ้อยคำราวกับถูกเค้นลอดไรฟันออกมาอย่างยากลำบาก คลุ้งไปด้วยกลิ่นอายคาวเลือดเฉียวเนี่ยนย่อมเข้าใจนัยที่แฝงมาในวาจานั้นนางใช้มือข้างหนึ่งยึดราวจับบันไดอันเย็นเฉียบไว้แน่น ส่วนมืออีกข้างกดทับบาดแผลบริเวณหน้าท้อง พยายามข่มความเจ็บปวดที่แล่นพล่านและความรู้สึกเปียกชื้นเหนอะหนะทว่าแววตาของนางกลับคมกริบดุจคมดาบน้ำแข็งในสระลึก ปราศจากความหวาดหวั่นแม้แต่น้อย จ้องสบสายตาของมู่ซ่างเสวี่ยที่ราวกับจะกลืนกินผู้คนคู่นั้นอย่างไม่ลดละ “ศิลาจันทราอยู่กับข้า มิเคยห่างกาย!” น้ำเสียงของนางมิได้ดังนัก ทว่าชัดเจนทุกถ้อยคำร่างที่เกร็งเขม็งของมู่ซ่างเสวี่ยผ่อนคลายลงเล็กน้อยจนแทบสังเกตไม่เห็นหากไร้ซ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status