“นี่เหรอคะคุณพินแพรที่เป็นเลขาของพี่ราม”
พินแพรมองหญิงสาวที่สวยสดงดงามทั้งรูปร่างหน้าตาและอายุ “ค่ะ ดิฉันเอง คุณนิดโตเป็นสาวแล้วนะคะ แล้วก็สวยมากๆ ด้วย”
“ค่ะ นิดได้ยินคุณพ่อเล่าให้ฟังว่าคุณพินแพรช่วยเหลือเราเรื่องงาน..” ก้อนแห่งความเสียใจวิ่งมาจุกอยู่ที่คอหอยจนเธอพูดไม่ออก เธอกลืนก้อนนั้นลงท้องอย่างเจ็บปวด “..งานพี่แก้วเป็นอย่างดี นิดขอบคุณมากๆ เลยค่ะ”
“พี่กับคุณแก้วก็สนิทกันมาก กับพี่รามเราก็เป็นเหมือนครอบครัวเดียวกัน พี่ยินดีค่ะ”
“วันนี้นิดมาแล้วนิดจะจัดการทุกเรื่องต่อเอง คุณพินแพรไม่ต้องเหนื่อยแล้วล่ะค่ะ ขอบคุณนะคะที่ช่วยงานมาตลอดหลายวัน”
“พี่ว่าให้แพรเขาทำต่อไปให้จบก็ดีนะหนูนิด หนูนิดมาเหนื่อยๆ ควรพักผ่อนออมแรงเอาไว้พรุ่งนี้ดีกว่า”
“นิดทนได้ค่ะพี่ราม พรุ่งนี้นิดจะได้ส่งพี่แก้วขึ้นสวรรค์แล้ว แค่วันเดียวเท่านั้นนิดทนได้สบายมาก”
“ปล่อยให้หนูนิดเขาจัดการต่อเถอะคุณราม ให้เธอได้ทำให้พี่สาวของเธอเป็นครั้งสุดท้ายเถอะนะ” ดวงดาวพูดแทนลูกสาวเพราะรู้ว่าเธอรักพี่สาวของเธอมาก
“ก็ได้ครับคุณแม่”
หลังจากเสร็จจากการสวดศพและเตรียมความพร้อมสำหรับวันใหม่เรียบร้อยทุกอย่างแล้ว สิริญ่าก็เดินไปหาพี่เขยที่นั่งอยู่หน้าโลงศพของพี่สาวเพื่อชวนเขากลับบ้านตามที่ได้คุยกันเอาไว้ แต่เท้าของเธอก็ต้องชะงักค้างพร้อมกับสายตาที่ไม่พอใจ เมื่อเห็นพินแพรเดินเข้าไปนั่งลงใกล้ๆ ชายหนุ่มแล้ววางมือบนแผ่นหลังพร้อมกับยื่นหน้าไปพูดที่ข้างหูของเขา
“ทุเรศสิ้นดี ต่อหน้าพี่แก้วแท้ๆ ยังกล้าทำถึงขนาดนี้ หน้าด้านกันทั้งคู่ พี่รามคะ” ด่าทออย่างไม่พอใจแล้วจึงเรียกชายหนุ่มด้วยเสียงที่ดังขึ้นก่อนจะก้าวเท้าเข้าไปหา “นิดเสร็จแล้วค่ะ เราจะกลับกันได้หรือยัง”
“กลับสิจ๊ะ” รามยืนขึ้น “แพรก็ควรจะกลับได้แล้วนะ เรื่องงานเอาไว้ค่อยคุยกันหลังจากพรุ่งนี้นะ”
“แต่เรื่องนี้สำคัญนะคะพี่ราม”
“จะมีอะไรสำคัญไปกว่างานของเมียอีกคะคุณพินแพร พรุ่งนี้เราจะส่งพี่แก้วไปสู่สุขคติแล้ว คุณน่าจะรู้กาลเทศะบ้างนะคะ” สิริญ่าไม่พอใจเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงไม่คิดที่จะรักษาน้ำใจฝ่ายตรงข้ามสักนิด
“แต่งานเผาศพจะมีตอนเย็นนะคะคุณนิด ตอนเช้าแพรอยากให้พี่รามปลีกตัวไปสักชั่วโมงเท่านั้น”
“ไม่ว่าตอนไหนพรุ่งนี้ก็คือวันสุดท้ายที่เราจะได้ส่งพี่แก้ว ฉันไม่เห็นอะไรสำคัญไปกว่านี้แล้วค่ะ”
“แต่”
“ทำตามที่หนูนิดพูดนะแพร” รามไม่อยากให้เรื่องราวบานปลายไปมากกว่านี้จึงพูดแทรกขึ้นมาตามความคิดของตัวเอง “เธอไปส่งคุณไฮน์แทนพี่ทีก็แล้วกัน บอกเหตุผลเขาไปว่าทำไมพี่ถึงไปส่งด้วยตัวเองไม่ได้ พี่เชื่อว่าเขาจะต้องเข้าใจ”
“แล้วถ้าเขาไม่เข้าใจล่ะพี่ราม เราไม่ต้องสูญเสียผลประโยชน์ร้อยกว่าล้านไปฟรีๆ เหรอ คิดดูให้ดีๆ นะคะพี่ราม” พินแพรพยายามหว่านล้อม
“ถ้าเขาไม่เข้าใจพี่ก็ยอมเสีย พรุ่งนี้พี่จะต้องพาลูกมาส่งแม่ของเขาเป็นครั้งสุดท้าย พี่ไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น เรากลับกันเถอะหนูนิด” กล่าวจบก็เอ่ยชวนน้องเมียและเดินนำไปที่รถอย่างไม่ลังเล ทิ้งให้เลขาคนสนิทยืนอยู่กลางศาลาวัดเพียงลำพัง
พินแพรสะดุ้งสุดตัวเมื่ออยู่ดีๆ ไฟภายในศาลาวัดก็ดับลง เกือบจะพร้อมๆ กันนั้นหูของเธอก็ได้ยินเสียงกุกกักแว่วมาจากโลงศพ จึงรีบวิ่งไปที่รถพร้อมกับขนกายที่ลุกซู่ด้วยความกลัว
“ไอ้แหวงมึงจะรีบปิดไฟไปไหนวะ ไม่เห็นหรือไงว่าข้ายังเก็บของอยู่” สัปเหร่อเดินออกมาจากด้านหลังโลงศพและต่อว่าต่อขานเด็กวัดรุ่นใกล้เคียงกัน
“ข้าจะไปเห็นได้ยังไงวะ ข้าเมา”
“เจริญนะมึง อยู่กับวัดแท้ๆ แต่รักษาศีลห้ายังไม่ได้เลย ปิดไฟปิดประตูให้หมดเลยนะ ข้าไปละ”
“เออ”
ภายในรถเก๋งคันหรู สิริญ่าเหลือบมองพี่เขยของตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า เรื่องที่ค้างคาอยู่ในใจทำให้เธออยากจะเอ่ยปากถามออกไป แต่เพราะมีคนขับรถนั่งอยู่ด้วยเธอจึงปิดปากเงียบ
“หนูนิดมีอะไรจะถามพี่ก็ถามมาได้เลยนะ” รามไม่ได้หันไปมองน้องเมียแต่เอ่ยปากถามเธอ เพราะรู้ตัวว่าถูกมองด้วยความสงสัยมาสักพักใหญ่ๆ แล้ว
สิริญ่าเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยที่ถูกถาม แต่ในเมื่อเขาเปิดโอกาสให้แบบนี้จะรอช้าอยู่ทำไม “นิดอยากรู้ว่าทำไมพี่แก้ว... ถึงทิ้งพี่รามกับน้องกายไปแบบนี้คะ”
รามมองหญิงสาวที่ถามตนด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ แววตาเหนื่อยล้าและไร้ชีวิตชีวาของเขาประสานกับอีกฝ่ายท่ามกลางความมืดสลัว
“พี่ก็อยากรู้เหมือนกันว่าทำไมแก้วถึงจากพี่ไปแบบนี้”
“พี่แก้วจับได้ว่าพี่รามมีผู้หญิงคนอื่นหรือเปล่าคะ”
“พี่ไม่เคยมีใครนอกจากแก้ว”
“จริงเหรอคะ”
น้ำเสียงที่ฟังดูคล้ายจะเย้ยหยันของเธอทำให้เขาข้องใจจนต้องขยับท่านั่งให้มั่นคงขึ้น และจ้องตาเธอไม่กะพริบ
“แก้วเล่าอะไรให้หนูนิดฟังเหรอ”
“ถ้าพี่แก้วเล่าให้นิดฟังก็ดีสิคะ นิดจะได้รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร แล้วนิดนี่แหละจะตามไปเล่นงานหล่อนแทนพี่แก้วเอง” แล้วน้ำตาของเธอก็ไหลออกมา
“มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดของแก้วทั้งนั้น พี่ไม่เคยมีใครจริงๆ นะหนูนิด พี่รักแก้วคนเดียวเท่านั้น แล้วเราสองคนก็คุยกันรู้เรื่องแล้ว แต่พี่ก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น” เขาคุยกับเธอเรื่องพินแพรจบไปแล้วตั้งแต่ก่อนเกิดเรื่องมากกว่าหนึ่งอาทิตย์ หลังจากนั้นเธอก็ยิ้มแย้มแจ่มใสขึ้นมากจนเขาตายใจ แต่แล้วทำไมเธอถึง... เขาหลับตาลงด้วยความรู้สึกสับสนระคนเจ็บปวด
“แล้วมันเรื่องอะไรกันแน่คะ พี่รามเล่ามาให้หมดสิ”
“หนูนิด มันเป็นเรื่องภายในครอบครัวของพี่นะ พี่ไม่จำเป็นต้องเล่าให้ใครฟัง หนูนิดแค่รู้ว่าพี่ไม่ได้นอกใจแก้วเท่านั้นก็พอแล้ว” ถ้าเขาเล่าให้เธอฟัง เรื่องมันก็คงไม่จบ เพราะผู้หญิงที่ทำให้เขากับเมียรักทะเลาะกันนั้นอยู่ใกล้ตัวเหลือเกิน ให้ทุกอย่างจบลงแค่นี้ถือว่าดีกับทุกฝ่ายแล้ว
“นิดจะบอกกับตำรวจเท่าที่นิดรู้ พี่รามควรจะรู้เอาไว้”
“เรื่องนั้นพี่ไม่มีปัญหา นิดอยากพูดอะไรก็เชิญ แค่อย่าโกหกตำรวจก็พอ”
“ถ้าพี่รามพูดแบบนี้แสดงว่าพี่รามยังไม่รู้จักนิดดีพอ” เธอเชิดหน้าใส่เขา มองด้วยสายตาเอาเรื่อง “นิดไม่ใช่ผู้หญิงตอแหลหรือชอบเสแสร้งแกล้งทำเป็นคนดีหรอกนะคะใจรู้สึกยังไงใบหน้าก็แสดงออกแบบนั้น ปากว่าตาขยิบไม่ใช่นิสัยของนิดรู้เอาไว้ด้วย”
“พี่รู้ และก็รู้ด้วยว่าตอนนี้หนูนิดกำลังโมโหพี่มากแค่ไหน”
“รู้ก็ดีแล้วค่ะ เพราะพี่รามจะต้องเห็นแบบนี้ไปอีกนานแน่ๆ”
“ไม่เป็นไรหรอก แค่อาทิตย์สองอาทิตย์พี่ทนได้อยู่แล้ว เพราะถ้าพี่เป็นหนูนิดพี่ก็คงจะโกรธมากเหมือนกันกับเรื่องที่เกิดขึ้น” รามกล่าวอย่างใจกว้าง รู้สึกเจ็บปวดที่หัวใจเหลือเกิน
“พี่กลับมาก่อน ปล่อยให้ราชเขารับผิดชอบส่วนที่เหลือต่อ”“อ้าว! นิดนึกว่ากลับมาพร้อมกันซะอีก” ตอนที่เขาโทรหาเธอเมื่อช่วงกลางวัน เธอก็ถามถึงราช แต่เขาก็ไม่บอกว่าไม่ได้กลับมาด้วยกัน“ไม่ได้กลับมาหรอกจ้ะ ลูกค้าชวนให้อยู่ฉลองวันเกิดเขาด้วยกันเย็นนี้ พี่ก็เลยให้ราชเขาอยู่ต่อน่ะ”“แล้วทำไมพี่รามถึงไม่อยู่ด้วยล่ะคะ”เขาเหลือบไปมองเธอ ก่อนจะหันไปมองถนนอีกครั้ง “อยากให้พี่อยู่นักเหรอ”“พี่รามก็สมควรจะอยู่ไม่ใช่เหรอคะ”“ก็ใช่ แต่ที่นั่นไม่มีหนูนิด พี่ก็เลยไม่อยากอยู่”คำตอบของเขา ทำให้กลีบปากบางถึงกับคลี่กว้างอย่างห้ามไม่อยู่ ก่อนจะรีบเม้มเข้าหากันอย่างฝืนความรู้สึก.. ถ้าเป็นผู้หญิงที่อ่อนไหวง่ายก็คงถามไปแล้วว่า ไม่มีตัวเองอยู่หรือเพราะไม่มีเลขาคนสวยอยู่กันแน่ แต่บังเอิญว่ามันไม่ใช่นิสัยของตน“แต่นิดชอบนะคะที่ไม่มีพี่รามอยู่ใกล้ ๆ เพราะมันทำให้นิดนอนหลับสบายทั้งคืนเลยค่ะ”เธอหลับสบายจริงเหรอ ขนาดเขายังนอนไม่ค่อยจะหลับเพราะไร้ไออุ่นจากเธอ
“ก็ได้ค่ะ นิดเลิกเรียนตอนห้าโมงนะคะ”(โอเค เดี๋ยวตอนเย็นเจอกันนะครับ)“ค่ะ บาย”(หนูนิด..)“ขา”(...พี่ ..พี่คิดถึงหนูนิดนะครับ)หัวใจของหญิงสาวถึงกับเต้นรัวด้วยความรู้สึกตื่นเต้น เมื่อได้ยินคำพูดที่ฟังดูคล้ายขัดเขินจากปลายสาย เขาคงเขินมากสินะถึงได้ตัดสายทิ้งทันทีที่พูดจบแบบนั้นวิคเห็นอาการยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ของสิริญ่า ก็ยิ่งสงสัยหนักกว่าเดิม สรุปแล้วคนที่โทรมาสายแรกกับสายที่สอง ใครคืนคนพิเศษของเธอกันแน่ หัวใจของเธอยังว่างพอจะให้เขาเข้าไปจับจองได้บ้างไหม เขาอยากรู้จริง ๆ “ยิ้มแก้มปริเลยนะ ใครโทรมาล่ะ”คนที่ยิ้มเพลิน ๆ หุบยิ้มลงไปเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองคนที่ด้านข้าง เพราะมัวแต่ปลื้มปริ่ม จึงลืมไปเลยว่ายังนั่งอยู่ในรถกับเขา“ไปนั่งรอคนอื่นในห้องดีกว่า” เธอบอกกับเขาแล้วเปิดประตูลงจากรถ เก็บความสุขเอาไว้ในใจ แล้วชวนเพื่อนคุยเรื่องอื่นขณะเดินไปที่ห้องเรียนเมื่อเข้าห้องเรียนได้สักพัก อาจารย์คนใหม่ก็เดินเข้ามาทักทายก่อนจะเริ่มทำการสอน และบอกเหตุผลกั
หญิงสาวรีบทำตัวให้สำรวมเมื่อบิดาของวิคเดินเข้ามาหา ยกมือไหว้โดยไม่รอให้เพื่อนแนะนำ“สวัสดีค่ะคุณอา”“เพื่อนผมเองครับป๋า ชื่อนิด” วิคแนะนำหลังจากที่ท่านรับไหว้เธอแล้วบิดาของวิคพยักหน้ารับ แล้วขยับเข้าไปใกล้หญิงสาวอีกนิด เพ่งมองเธออย่างพินิจพิเคราะห์“ป๋าครับ” วิคเรียกบิดา เมื่อเห็นว่าการกระทำของท่านนั้นดูไม่ค่อยเหมาะสม และสร้างความอึดอัดใจให้กับหญิงสาว“รู้ตัวหรือเปล่าว่าหนูเป็นคนที่สวยสง่ามาก เคยประกวดนางงามบ้างหรือยัง” บุรุษวัยเลขสี่ปลาย ๆ ถอยห่างออกไป แล้วตั้งคำถามอย่างตรงไปตรงมาการกระทำของบิดาเพื่อนทำให้เธอตกใจไปเล็กน้อย แต่ก็กลับมาเป็นปกติเมื่อรู้เหตุผล “ไม่เคยหรอกค่ะคุณอา” ตอบกลับไปพร้อมรอยยิ้ม“สนใจอยากประกวดไหมล่ะ ป๋ามีเพื่อนอยู่ในวงการนี้ด้วยนะ”“ไม่เอาดีกว่าค่ะ นิดอยากอยู่อย่างสงบมากกว่า” เธอคลี่ยิ้มพร้อมตอบคำถาม“เฮ้อ เสียดายจัง ป๋าก็อยากจะเป็นป๋าดันกับเขาสักครั้งในชีวิต แต่ก็ถูกปฏิเสธซะแล้ว” บิดาของวิคทำหน้า
“เราคิดถึงพี่รามมากขนาดนี้เชียวเหรอ” ถามตัวเองและคิดตริตรองหาคำตอบ ทบทวนถึงวันเก่า ๆ ที่ผ่านมา.. แรก ๆ ความรู้สึกของเธอไม่ได้เป็นแบบนี้แน่ ๆ แล้วทำไมตอนนี้มันถึงเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงได้ล่ะ... หรือว่าเธอรักเขา.. เธอรักเขาจริง ๆ หรือนี่ บ้าไปแล้วหนูนิด! เธอเผลอใจไปรักเขาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ทำไมถึงรวดเร็วอย่างนี้แล้วที่เธอเมินคำพูดของพินแพร เพราะอยากเอาคืนหล่อน หรือเพราะไม่อยากเสียเขาให้หล่อนกันแน่...คิดวนไปวนมาจนเคลิ้มหลับไป ไม่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงเตือนข้อความเข้าของโทรศัพท์“นิด” เสียงใสทุ้มหูของชายหนุ่มผู้หนึ่ง ตะโกนเรียกหญิงสาวที่กำลังจะก้าวขึ้นบันไดอาคารเรียน พร้อมกับวิ่งตามไปสมทบ “กู๊ดมอร์นิ่งจ้ะนิด”“กู๊ดมอร์นิ่งวิค กลับมาจากจีนตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วอาม่าเป็นยังไงบ้าง” สิริญ่าทักทายเพื่อนร่วมคณะ ที่เป็นหนุ่มลูกผสมไทย จีน อเมริกัน ซึ่งเป็นเพื่อนใหม่ที่สนิทที่สุดเลยก็ว่าได้“กลับมาเมื่อคืนนี้เอง พออาม่าออกจากโรงพยาบาลวิคกับพ่อก็กลับมาก่อน แต่หม่ามี๊กับน้องสาววิคยังอยู่ต่ออีกสอ
พินแพรเดินตามเข้าไป มองร่างระหงโปร่งเพรียวที่อยู่ในชุดนอนแนบเนื้อ แล้วถึงกับเกิดอาการริษยา ไม่ว่าจะเป็นด้านหน้าหรือด้านหลัง หล่อนก็ดูดีไร้ที่ติจริง ๆ เพราะแบบนี้สินะ รามถึงได้รักและหลงหล่อนนัก ไม่ว่าจะจากหรือเจอ ก็ต้องรั้งเธอมากอดจูบอย่างไม่อายสายตาคนอื่นแต่จะว่าไปแล้ว เรื่องนี้โทษผู้ชายฝ่ายเดียวก็คงไม่ได้ เพราะอีผู้หญิงก็ใช่ย่อย ไม่ว่าจะจากหรือเจอ หล่อนก็ต้องกางแขนยื่นหน้าให้ท่าเขาตลอดสิริญ่าเดินไปที่มุมพักผ่อน ซึ่งเป็นมุมที่เขาและเธอใช้เวลาอ่านหนังสือ เล่นอินเทอร์เน็ต ดูทีวี เล่นกับลูก หรือแม้แต่เรื่องอย่างว่า.. เขาก็เคยทำกับเธอมาแล้ว ร่างกายของเธอรู้สึกวาบหวิวขึ้นมา เมื่อนึกถึงบทรักอันร้อนแรงของเขาเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา ณ ที่ตรงนี้“เชิญนั่งค่ะ” เธอสลัดความรู้สึกวาบหวามนั้นทิ้งไปแล้วนั่งลง มองหน้าอีกฝ่าย รอฟังโดยไม่ถามเหตุผลที่หล่อนมาขอพบ เพราะรู้อยู่เต็มอกว่ามีเพียงเรื่องเดียวเท่านั้น คือเรื่องของราม“ฉันมาทวงสัญญาค่ะคุณนิด” พินแพรเริ่มต้นด้วยคำพูดอ่อนโยนตามสไตล์ของเธอ “เรื่องพี่รามค่ะ”“หลังจากวันนั้นฉ
(อย่าโทษเขาเลยค่ะ ฉันยอมทำทุกอย่างก็เพราะรักเขามาก ฉันเชื่อว่าพี่รามจะไม่ว่าอะไร ถ้าฉันเก็บลูกของเราไว้ ทั้งหมดเป็นการตัดสินใจของฉันคนเดียวเท่านั้น.. คุณนิดคะ ฉันอยากจะขอให้คุณคิดเรื่องนี้อีกสักครั้งได้ไหม)“คิดเรื่องอะไรเหรอคะ”(เรื่องพี่รามกับคุณ.. ฉันอยากให้คุณหลีกทางให้เรา ถึงแม้เขาจะรักฉันน้อยกว่าที่ฉันรักเขา ถึงแม้พี่รามจะบอกฉันว่า ระหว่างเรามันเป็นไปไม่ได้ก็ตาม เขาให้ฉันอยู่แบบนี้ต่อไป เขาจะไม่ทอดทิ้งฉัน แต่ฉันต้องอยู่อย่างเจียมตัว และเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับตลอดไป ถ้าเรื่องของฉันกับเขารู้ถึงหูคุณ เขาจะไม่รับผิดชอบฉันและไล่ฉันออกจากงาน ฉันจึงอยากจะขอให้เรื่องที่เราคุยกันวันนี้เป็นความลับระหว่างเราได้ไหมคะ)หึ! ลูกไม้ตื้น ๆ ของคุณ เหมือนในละครไทยน้ำเน่าที่แม่ฉันดูไม่มีผิด นึกว่าเด็กนอกอย่างฉันจะไม่รู้ทันคุณหรือไง“ได้สิคะ เพราะถ้าฉันพูดไป ฉันก็คงจับผิดพี่รามไม่ได้เหมือนกัน”(ไม่ต้องไปจับผิดหรอกค่ะ ที่ฉันพูดมาทั้งหมดคือเรื่องจริง แม้กระทั่งเรื่องท้องของฉันคุณก็รู้แล้วนี่คะ คืนพี่รามให้ฉันเถอะนะคะคุณนิด คุณยังสา