เมื่อกลับถึงในห้องก็เปิดจดหมายออกมาอ่านด้วยความสนใจใคร่รู้ว่าพี่สาวเขียนมาหาตนเรื่องอะไร
‘หนูนิด... พี่จะทำอย่างไรดี พี่ทุกข์ใจเหลือเกินตอนนี้ พี่รามไม่รักพี่แล้ว พี่ถามพี่รามว่าหลอกพี่ทำไม ไม่รักพี่แล้วมาแต่งงานกับพี่ทำไม แต่เขาก็ยังโกหกว่ารักพี่ แต่พอพี่บอกให้ไล่คุณแพรออกเขาก็ไม่ยอม เขาหาว่าพี่คิดมาก เขากับคุณแพรเป็นเพื่อนกันมาก่อนที่จะรู้จักกับพี่ด้วยซ้ำ เขารักเธอเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง บอกให้พี่เลิกระแวงเขากับคุณแพรซะ เพราะเขารักพี่และลูกเท่านั้น
แต่พี่รู้สึกได้ว่ามันไม่ใช่แบบนั้น ทุกวันนี้คุณแพรเข้าออกบ้านของเราเหมือนเป็นบ้านของเธอเองก็ว่าได้ ถึงแม้พี่รามจะมองว่าผู้หญิงคนนี้คือคนดี แต่สำหรับพี่แล้วเธอคือนางมารในรูปโฉมของนางฟ้า ทุกคำพูดที่อ่อนโยนพี่รู้สึกได้ว่าไม่ใช่คำพูดที่จริงใจ เหมือนเธอต้องการบอกให้พี่รู้ว่าเธอกับพี่รามนั้นมีความรู้สึกลึกซึ้งต่อกันมากกว่าพี่น้องคำพูดหลายๆ คำของเธอมันทำให้ใจของพี่คิดมาก
พี่ทุกข์ใจเหลือเกินหนูนิด พี่อยากจะเลิกกับพี่รามแล้วกลับไปอยู่ที่บริสเบน แต่พี่จะทำอย่างนั้นได้อย่างไรในเมื่อพี่ยังมีน้องกายอีกคน พี่ยอมให้น้องกายขาดพ่อและสูญเสียทุกอย่างที่จะเป็นของเขาไม่ได้เด็ดขาด พี่จะอดทนให้ถึงที่สุดเพื่อลูก ช่วยเป็นกำลังใจให้พี่สาวที่อ่อนแอคนนี้ด้วยนะ รักและคิดถึงหนูนิดมากที่สุดพี่แก้ว’
สิริญ่าขมวดคิ้วมุ่นกับการเขียนที่สับสน และคราบน้ำตาที่เปื้อนลงบนหน้ากระดาษและรอยหมึกของพี่สาว แล้วหยิบโทรศัพท์ต่อสายไปหาอีกฝ่ายทันทีด้วยความหวั่นใจ
“ทำไมไม่รับโทรศัพท์นะ” เธอกล่าวเสียงเครียดและตัดสินใจโทรหามารดาแทน
(ลูกรัก)
“พี่แก้วอยู่ที่นั่นไหมคะคุณพ่อ.. คุณพ่อได้ยินหนูไหมคะ” เธอถามย้ำเมื่อปลายสายจากเมืองไทยไม่ยอมพูดอะไร
(ได้ยินแล้วลูก)
“แล้วพี่แก้วอยู่ที่นั่นไหมคะ”
(อยู่ลูก)
“แล้วทำไมพี่แก้วไม่รับโทรศัพท์ของนิดคะ คุณพ่อช่วยส่งโทรศัพท์ให้พี่แก้วหน่อยสิคะ”
กรุงเทพประเทศไทย
บิลเม้มปากแน่นขณะมองไปที่โลงศพ ไม่รู้จะปลุกเธอให้ลุกมารับสายของลูกสาวได้อย่างไร
“พี่เขารับสายของหนูไม่ได้แล้วลูก พี่เขาจากเราไปแล้ว” เขาตัดสินใจบอกความจริงกลับไปเสียงแผ่วเบาโอบกอดภรรยาที่ซบหน้าร้องไห้อยู่กับอกหนักกว่าเดิมเมื่อได้ยินคำพูดของตน
(... ไม่จริง ไม่จริง นิดไม่เชื่อ คุณพ่อโกหก)
“มันเป็นเรื่องจริงลูก พี่แก้วเขาจากโลกนี้ไปแล้วลูกรัก”
(ไม่จริง นิดไม่เชื่อ นิดจะไปดูให้เห็นกับตา)
ผู้เป็นบิดาสงสารลูกสาวเหลือเกิน ขนาดเขาเป็นแค่พ่อเลี้ยงเขายังรู้สึกเสียใจ แล้วพวกเธอเป็นพี่น้องร่วมมารดาเดียวกัน อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เล็กจนโต ความผูกพันมันลึกซึ้งยิ่งกว่าเขาเป็นไหนๆ เธอคงเสียใจจนยากที่จะหาคำใดมาเปรียบ
“ลูกกำลังจะเดินทางมานะที่รัก” เขาบอกกับภรรยาที่ยังร้องไห้ซบอยู่กับอกเบาๆ
“คุณพ่อคุณแม่คะ ทานข้าวสักหน่อยนะคะ กับข้าวตั้งโต๊ะรอเรียบร้อยแล้วค่ะ” พินแพรเดินเข้ามาบอกสองสามีภรรยาที่เป็นบุพการีของภรรยาผู้ล่วงลับไปแล้วของเจ้านาย
“แม่กินไม่ลงหรอกหนูแพร”
“ทานสักนิดเถอะนะคะคุณแม่ กว่าจะเสร็จงานอีกหลายวัน ถ้าคุณแม่ไม่ยอมทานอะไรแบบนี้จะล้มป่วยไปอีกคนนะคะ”
“ทานข้าวกันเถอะที่รัก ผมหิวมากเลยตอนนี้” บิลพอจะเข้าใจภาษาไทยอยู่บ้าง จึงแกล้งบอกภรรยาเพราะอยากให้เธอได้กินอาหารสักมื้อละสี่ห้าคำก็ยังดี
ดวงดาวไม่มีความอยากสักนิดเดียว แต่นางรู้ว่าสามีจะไม่ยอมแตะต้องอาหารแม้แต่คำเดียวถ้าตนไม่ยอมกินด้วย จึงพยักหน้ารับและลุกขึ้นเดินไปที่โต๊ะอาหารภายในโรงครัวของวัด
“แพรขอตัวไปดูแลงานก่อนนะคะ” เมื่อส่งทั้งสองท่านถึงโต๊ะอาหารแล้วพินแพรก็บอกลา
“แล้วคุณรามล่ะหนูแพร”
“พี่รามพาน้องกายไปฉีดวัคซีนค่ะคุณแม่ ตอนแรกหนูจะพาไปแต่พี่รามเขาไม่ยอม เขาบอกให้แพรมาช่วยดูแลที่นี่แทน”
“โธ่เอ๊ยตาหนูของยาย” ดวงดาวปาดน้ำตาที่ไหลออกมาเพราะความสงสารหลานชายวัยสามเดือนที่ต้องขาดแม่
“คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ แพรจะช่วยดูแลตากายอย่างดีที่สุดค่ะ”
สตรีวัยห้าสิบเศษชะงักไปเล็กน้อยกับคำพูดทะแม่งๆ ของหญิงสาว นางเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายและเห็นรอยยิ้มอ่อนโยนของเธอ
“ขอบใจหนูแพรมากนะ” นางคงคิดมากไปเอง เธอเป็นเลขาของลูกเขย รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก พวกเขาคงไม่มีความรู้สึกแบบนั้นต่อกันหรอก
“แพรขอตัวก่อนนะคะ” พินแพรผู้สง่างามในวัยสามสิบห้าคลี่ยิ้มหวานละมุนก่อนจะเดินจากไป
สนามบินสุวรณภูมิ
รามมองเห็นหญิงสาวรูปร่างสูงโปร่งได้สัดส่วนและหน้าตางดงามจนเป็นที่สะดุดตาของใครๆ กำลังลากกระเป๋าเดินทางใบย่อมออกมาก็ยกมือขึ้นโบก เมื่อเห็นเธอยกมือทักทายตอบจึงลดมือลง รอจนเข้ามาใกล้จึงเข้าไปทักทาย
“สวัสดีหนูนิด” เขาไม่ได้ตั้งใจมารับเธอ แต่เพราะต้องมาส่งลูกค้าวีไอพีของบริษัทด้วยตนเองพอดี จึงรับอาสาแทนพ่อตาแม่ยาย
สิริญ่าถอดแว่นตาดำแล้วพนมมือระดับอก “สวัสดีค่ะพี่ราม”
ชายหนุ่มมองหญิงสาววัยยี่สิบเศษๆ แล้วรู้สึกปวดหัวใจตามไปด้วย ดวงตาของเธอบวมช้ำจากการร้องไห้อย่างชัดเจน
“พี่ขอโทษนะหนูนิด ที่พี่..”
“อย่าเพิ่งพูดเลยค่ะ นิดอยากเจอพี่แก้ว พานิดไปหาพี่แก้วหน่อยสิคะ” เธอโกรธเขาเพราะเธอเชื่อเนื้อความในจดหมายของพี่สาว แต่หลังจากที่นั่งร้องไห้มาตลอดการเดินทางเกือบสิบห้าชั่วโมง ก็ทำให้เธอคิดได้ว่าเธอต้องมีหลักฐานให้มากกว่านี้ ใครถูกใครผิด ใครเลวกว่าใครเธอต้องรู้ความจริงให้ได้ก่อนจะเล่นงานพวกเขา เธอจึงอดทนอดกลั้นไม่แสดงความรู้สึกให้พวกเขารู้ตัว แต่คนที่เธอหมายหัวเอาไว้จริงๆ กลับไม่ใช่เขา
เย็นวันเดียวกันนั้นก่อนที่จะถึงเวลาอาหารเล็กน้อย ประตูห้องนอนของสิริญ่าก็ถูกเคาะเบาๆ ก่อนจะมีสาวใช้เปิดประตูเข้ามา“ป้าศรีให้มาบอกว่าอาหารเย็นจะเลื่อนช้าออกไปสักหนึ่งชั่วโมงนะคะคุณนิด”“ทำไมถึงต้องเลื่อนล่ะ ป้าศรีทำอาหารยังไม่เสร็จเหรอ” ถามด้วยความสงสัย“ไม่ใช่ค่ะ แต่คุณรามโทรมาบอกให้เลื่อนเพราะคุณราชจะแวะมาทานข้าวเย็นด้วย”“โอเคจ้ะ” นึกถึงชายหนุ่มที่ชื่อราชที่อายุมากกว่าเธอสามปี และเป็นคนที่ค่อนข้างจะคุยกันถูกคอ “ถ้าพี่ราชมาถึงแล้วขึ้นมาตามฉันด้วยนะส้ม”“ค่ะคุณนิด”หลังจากนั้นเกือบหนึ่งชั่วโมงส้มก็มาเคาะประตู เพื่อบอกว่าแขกมาถึงแล้วตามคำสั่งราชลุกขึ้นจากโซฟารับแขก ส่งยิ้มให้สาวสวยหุ่นดีที่มีความสูงน่าจะประมาณหนึ่งร้อยแปดสิบเกือบเท่าตนอย่างเป็นมิตร“สวัสดีครับหนูนิด” เขารีบยกมือรับไหว้เธอที่กำลังเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม“นิดเพิ่งรู้ว่าพี่ราชจะมาทานข้าวด้วย แล้วมาคนเดียวเหรอคะ คุณพ่อกับคุณแม่ไม่มาด้วยเหรอ”“คุณพ่อกับคุณแม่ไปงานเลี้ยงวันเกิดท่านรัฐมนตรีครับ พี่ไม่อยากกินข้าวคนเดียวก็เลยขอพี่รามมาฝากท้องด้วยสักมื้อ”“แล้วพี่ราชไม่ได้มาพร้อมพี่รามเหรอคะ”“พี่รามไปงานนอกกับพี่แพร ส่วนพี่ตรง
“อย่าฝันหวานไปหน่อยเลยค่ะ” แล้วค่อยๆ คลี่ยิ้มยียวนทั้งคราบน้ำตา “นิดรู้ว่านิดไม่มีสิทธิ์พรากน้องกายไปจากพี่ราม ดังนั้นนิดจะปักหลักอยู่บ้านพี่รามจนกว่าน้องกายจะบรรลุนิติภาวะในฐานะคุณน้า” นอกจากนี้แล้วยังจะปักหลักพิทักษ์พี่เขย จากอีพวกรอคอยความหวังด้วย เธอคิดต่อในใจไม่ให้เขาได้ยิน “นิดคงต้องขออาศัยใบบุญพี่รามอย่างน้อยก็สักยี่สิบปีนะคะ ไม่ใช่แค่อาทิตย์สองอาทิตย์อย่างที่เข้าใจ”“เอาไว้ค่อยคุยกันอีกทีหลังเสร็จงานก็แล้วกันนะหนูนิด” เขาอยากจะพูดมากกว่านี้ แต่เธอกำลังโกรธ พูดไปก็มีแต่ปะทะคารมกันเปล่าๆ“ก็ดีเหมือนกันค่ะ” เธอยอมตัดบทแล้วสะบัดหน้าไปมองนอกรถอีกด้านหนึ่ง ที่ไม่มีเขาขวางลูกตางานศพผ่านไปอย่างราบรื่นท่ามกลางความโศกเศร้าของหลายๆ คน หนึ่งอาทิตย์ต่อมาหลังจากงานศพ ทางตำรวจก็เรียกตัวสามีของผู้ตาย และทุกคนในบ้านไปสอบปากคำเพิ่มเติมรามยอมให้ความร่วมมือกับตำรวจเป็นอย่างดี เมื่อเสร็จเรื่องแล้วก็เดินทางเข้าบริษัททันทีเพื่อสะสางงานที่คั่งค้างให้จบแต่ขณะที่ชายหนุ่มกำลังยุ่งอยู่กับงาน สิริญ่ากลับกำลังมีความสุขอยู่กับหลานชายตัวน้อยวัยสามเดือน เธอโอบอุ้มหลานชายเดินไปรอบๆ บ้าน หอมแล้วหอมเล่าเพื่อถ
“นี่เหรอคะคุณพินแพรที่เป็นเลขาของพี่ราม”พินแพรมองหญิงสาวที่สวยสดงดงามทั้งรูปร่างหน้าตาและอายุ “ค่ะ ดิฉันเอง คุณนิดโตเป็นสาวแล้วนะคะ แล้วก็สวยมากๆ ด้วย”“ค่ะ นิดได้ยินคุณพ่อเล่าให้ฟังว่าคุณพินแพรช่วยเหลือเราเรื่องงาน..” ก้อนแห่งความเสียใจวิ่งมาจุกอยู่ที่คอหอยจนเธอพูดไม่ออก เธอกลืนก้อนนั้นลงท้องอย่างเจ็บปวด “..งานพี่แก้วเป็นอย่างดี นิดขอบคุณมากๆ เลยค่ะ”“พี่กับคุณแก้วก็สนิทกันมาก กับพี่รามเราก็เป็นเหมือนครอบครัวเดียวกัน พี่ยินดีค่ะ”“วันนี้นิดมาแล้วนิดจะจัดการทุกเรื่องต่อเอง คุณพินแพรไม่ต้องเหนื่อยแล้วล่ะค่ะ ขอบคุณนะคะที่ช่วยงานมาตลอดหลายวัน”“พี่ว่าให้แพรเขาทำต่อไปให้จบก็ดีนะหนูนิด หนูนิดมาเหนื่อยๆ ควรพักผ่อนออมแรงเอาไว้พรุ่งนี้ดีกว่า”“นิดทนได้ค่ะพี่ราม พรุ่งนี้นิดจะได้ส่งพี่แก้วขึ้นสวรรค์แล้ว แค่วันเดียวเท่านั้นนิดทนได้สบายมาก”“ปล่อยให้หนูนิดเขาจัดการต่อเถอะคุณราม ให้เธอได้ทำให้พี่สาวของเธอเป็นครั้งสุดท้ายเถอะนะ” ดวงดาวพูดแทนลูกสาวเพราะรู้ว่าเธอรักพี่สาวของเธอมาก“ก็ได้ครับคุณแม่”หลังจากเสร็จจากการสวดศพและเตรียมความพร้อมสำหรับวันใหม่เรียบร้อยทุกอย่างแล้ว สิริญ่าก็เดินไปหาพี่เขยที่
เมื่อกลับถึงในห้องก็เปิดจดหมายออกมาอ่านด้วยความสนใจใคร่รู้ว่าพี่สาวเขียนมาหาตนเรื่องอะไร‘หนูนิด... พี่จะทำอย่างไรดี พี่ทุกข์ใจเหลือเกินตอนนี้ พี่รามไม่รักพี่แล้ว พี่ถามพี่รามว่าหลอกพี่ทำไม ไม่รักพี่แล้วมาแต่งงานกับพี่ทำไม แต่เขาก็ยังโกหกว่ารักพี่ แต่พอพี่บอกให้ไล่คุณแพรออกเขาก็ไม่ยอม เขาหาว่าพี่คิดมาก เขากับคุณแพรเป็นเพื่อนกันมาก่อนที่จะรู้จักกับพี่ด้วยซ้ำ เขารักเธอเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง บอกให้พี่เลิกระแวงเขากับคุณแพรซะ เพราะเขารักพี่และลูกเท่านั้นแต่พี่รู้สึกได้ว่ามันไม่ใช่แบบนั้น ทุกวันนี้คุณแพรเข้าออกบ้านของเราเหมือนเป็นบ้านของเธอเองก็ว่าได้ ถึงแม้พี่รามจะมองว่าผู้หญิงคนนี้คือคนดี แต่สำหรับพี่แล้วเธอคือนางมารในรูปโฉมของนางฟ้า ทุกคำพูดที่อ่อนโยนพี่รู้สึกได้ว่าไม่ใช่คำพูดที่จริงใจ เหมือนเธอต้องการบอกให้พี่รู้ว่าเธอกับพี่รามนั้นมีความรู้สึกลึกซึ้งต่อกันมากกว่าพี่น้องคำพูดหลายๆ คำของเธอมันทำให้ใจของพี่คิดมากพี่ทุกข์ใจเหลือเกินหนูนิด พี่อยากจะเลิกกับพี่รามแล้วกลับไปอยู่ที่บริสเบน แต่พี่จะทำอย่างนั้นได้อย่างไรในเมื่อพี่ยังมีน้องกายอีกคน พี่ยอมให้น้องกายขาดพ่อและสูญเสียทุกอย่างที่จะเป็นข
“เมียฉันเป็นยังไงบ้างเบิ้ม ปลอดภัยแล้วใช่ไหม”คุณหมอหนุ่มวัยสามสิบแปดมองหน้าเพื่อนสนิทที่เคยเรียนด้วยกันมาตั้งแต่อนุบาลยันมัธยมปลาย ก่อนจะแยกย้ายไปศึกษาต่อตามสาขาที่ใจตัวเองปรารถนามองใบหน้าคมเข้มหล่อเหลาที่บัดนี้มีแต่ความคร่ำเครียดนั้นอย่างเห็นใจ“ยาที่เมียนายกินออกฤทธิ์ทำลายการทำงานของระบบประสาทและร่างกายจนหมดแล้ว...”“แล้วยังไง นายช่วยแก้วได้ใช่ไหมเบิ้ม” เสียงทุ้มหูสั่นเครือด้วยความรู้สึกกลัวจับใจ“เสียใจด้วยนะราม ฉันช่วยเมียนายไม่ทันจริงๆ นายมาถึงช้าไป” ถึงแม้จะเห็นใจแต่เขาก็จำเป็นต้องพูดความจริงออกไป และยังสงสัยอยู่ว่าทำไมคนที่จิตใจดี อารมณ์ดีอย่างสิรินดาถึงได้คิดฆ่าตัวตาย “เข้าไปดูเมียนายได้นะราม”“อย่าเพิ่งไป ช่วยเมียฉันให้ฟื้นก่อนเบิ้ม ได้โปรด” รามขวางทางเพื่อนสนิทไม่ให้เดินหนี น้ำตาลูกผู้ชายไหลรินออกมาอย่างไม่อาย“สงบสติอารมณ์แล้วเข้าไปดูคุณแก้วอีกสักครั้งนะราม เผื่อนายมีเรื่องที่อยากจะพูดอะไรกับเธอ” อติพลเห็นใจเพื่อนรักเหลือเกิน แต่เขาจะช่วยอะไรได้มากกว่านี้อีกล่ะในตอนนี้“ได้โปรดเถอะเบิ้ม ช่วยเมียฉันด้วย เอาชีวิตฉันไปแทนก็ได้ แต่ได้โปรดให้เธอกลับมา ลูกของฉันเพิ่งจะสามเดือนเท