วิโมกข์คือชายหนุ่มวัยยี่สิบเจ็ดที่ผิดหวังจากความรักอย่างรุนแรง เขากลายเป็นคนอ่อนแอไร้หลัก หมกมุ่นอยู่กับสุรานานนับเดือน แต่หลังจากนั้นก็ได้สติเพราะคำพูดแทงใจของเด็กสาววัยสิบเจ็ดปีคนหนึ่ง เจ็ดปีต่อมาเขาได้กลายเป็นนายหัวผู้ทรงอิทธิพลในธุรกิจค้าหอยเป๋าฮื้อ และต้องเผชิญหน้ากับอดีตคนรักที่เข้ามาอยู่ในบ้านของเขาอีกครั้ง... ชาร์มมิ่งในวัยยี่สิบสี่ปีเดินทางจากนิวยอร์กสู่สงขลาอีกครั้งหลังจากเจ็ดปีผ่านไป เพราะถูกเพื่อนรักขอร้องให้มาแสดงละครขัดขวางอดีตคนรักของพี่ชาย เธอไม่อยากทำแบบนี้เลยเพราะพอใจที่จะแอบรักเขาไปแบบนี้มากกว่า แต่จะทำไงได้ล่ะ.. ในเมื่อเธอก็ถูกผู้เป็นย่าคอยจับคู่อยู่เรื่อยไป จึงตัดสินใจเลือกในสิ่งที่หัวใจปรารถนา... การแสดงที่มาจากส่วนลึกของจิตใจจริงๆ จึงเริ่มต้นขึ้นนับตั้งแต่วินาทีที่เธอเจอหน้าเขา
Lihat lebih banyakบทที่ 7 ผู้ชายคนนั้นเขาไม่ได้โกรธนายหรอก“ถ้าฉันบอกว่าใช่ล่ะ” หลุยส์ตอบทันที มองเพื่อนทั้งสองคนด้วยสายตาจริงจัง “ครอบครัวของฉันเป็นตระกูลใหญ่ที่คอยแต่ชิงดีชิงเด่นกันเอง ถึงฉันจะไว้ใจพ่อแม่แต่ฉันก็เชื่อใจพวกท่านไม่ได้ เพราะท่านยังมีลูกและหลานอีกหลายคน ถ้าท่านไม่ยอมแบ่งผลประโยชน์ให้ลูกชายฉันอย่างที่ท่านพูดจริงๆ ล่ะ ลูกฉันก็คงไม่ต่างไปจากขอทาน ฉันคิดว่าวิธีนี้ดีที่สุดแล้วโมก ทศ อย่างน้อยลูกฉันก็ยังได้เงินปันผลทุกปี พวกนายช่วยฉันด้วยนะ ฉันเชื่อว่านายสองคนจะไม่โกงลูกฉันหรอก”“ถ้านายไว้ใจฉัน ฉันก็จะยอมช่วยนาย” วิโมกข์รับปากเป็นคนแรกเพราะเห็นแก่เด็กและอยากแก้แค้นอดีตคนรักอยู่ในที“ถ้าโมกมันรับปากฉันก็เอาด้วยคน” บารมีรับปากอย่างกลัดกลุ้ม นึกสงสัยว่าคนรวยมากๆ นี่เขาสุขหรือทุกข์กันแน่ “แล้วพ่อกับแม่นายจะไม่เคืองฉันสองคนเหรอ”“เขาคงจะโกรธฉันจนไม่อยากมองหน้าเลย ลูกชายคนโตของครอบครัวขายหุ้นให้เพื่อนเพื่อแก้แค้นที่ถูกตัดออกจากกองมรดก” หลุยส์ เซียะ กล่าวอย่างขมขื่นในโชคชะตาของตัวเอง “ฉันขอบใจนายสองคนมากนะ ฉันจะรีบไปจัดการเรื่องเอกสารแล้วเราจะนัดเจอกันที่นี่อีกที”หลังจากนั้นหนึ่งอาทิตย์ทุกคนก็กลับมา
บทที่ 6 ทำเพื่อลูกหลายปีผ่านไปหลังจากผิดหวังจากความรัก วิโมกข์ก็ทุ่มเทกับการบริหารสวนยางและฟาร์มหอยเป๋าฮื้อของเขาเต็มที่ ภายในระยะเวลาไม่ถึงห้าปี เขาก็สามารถใช้หนี้เงินกู้ธนาคารหลายร้อยล้านได้หมด กลายเป็นคนหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรงที่ได้รับการยกย่องจากหน่วยงานของภาครัฐและเอกชน แต่เขาก็ไม่ยอมหยุดความร่ำรวยของตัวเองไว้แค่นั้น ยังคงพัฒนาผลิตภัณฑ์ของตัวเองอย่างต่อเนื่องออกสู่ตลาดโลก“ฉันคิดว่าชาตินี้แกจะอยู่แต่ในสวนในไร่ซะอีก” บารมีประชดใส่เพื่อนรักที่มาเยี่ยมถึงหาดใหญ่ สี่ปีที่ผ่านมาเพื่อนของเขาคนนี้เปลี่ยนแปลงไปมาก จากชายหนุ่มที่ร่าเริง ขี้เล่น พูดจาดี กลายเป็นคนเคร่งขรึม ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร พูดจาขวานฝ่าซาก กลายเป็นคนหยิ่งๆ ดิบๆ เถื่อนๆ ไปเลย กอปรกับรูปร่างเหมือนนายแบบ และหน้าตาคมเข้มแบบคนใต้แต่ได้ความขาวแบบคนจีน จึงทำให้รูปลักษณ์เขาดูสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ เพียงแต่.. “ถ้านายยิ้มง่ายกว่านี้อีกสักนิด สาวๆ ทั้งสงขลาคงเสร็จนาย”“หน้าตาไม่มีประโยชน์เท่ากับเงินหรอกไอ้ทศ” วิโมกข์ยิ้มเยาะ หยิบขวดเบียร์กรอกใส่ปาก “ต่อให้มึงขี้เหร่จนหมาเมิน แต่ถ้ามึงมีเงินนางงามยังยอมเป็นเมียน้อยมึงเลย”“มึงอคติกับชีวิตไ
บทที่ 5 คนเดิมฮึ่ม! ชายหนุ่มถึงกับทำหน้าไม่ถูก เมื่อได้ยินเด็กสาววัยละอ่อนพูดออกมาตรงๆ แบบนั้น แต่เมื่อเห็นอาการของเธอก็เข้าใจ จึงก้มตัวลงให้ต่ำกว่าเธอแล้วมองไปยังจุดที่เธอบอกพร้อมกับส่องไฟฉาย“แค่แมงพลัดน่ะคุณ ไม่มีพิษหรอก ไม่ต้องกลัว”“เอามันออกไปที ชาร์มกลัว ฮือๆๆ ฮือๆๆ” เธอขอร้องทั้งน้ำตาเมื่อเขาไม่ยอมทำอะไรกับมันสักทีคำขอของเธอทำเอาเขาหายใจไม่ทั่วท้องเลยทีเดียว เขาจะทำแบบนั้นได้อย่างไร ในเมื่อมันเลือกที่เกาะได้เหมาะเจาะแบบนั้น แล้วเสื้อของเธอก็เป็นแบบพอดีตัว ถ้าเขาจับไป.. สุดท้ายเขาจึงใช้ไฟฉายเขี่ยมันให้หนี แต่เพราะขามันเหนียวหรือเพราะมันชีกอก็ไม่รู้ มันจึงไม่ยอมบินหนีไปจากตรงนั้นเลย“จับมันสิคะ อย่าเขี่ยแบบนั้นเดี๋ยวมันบินใส่ชาร์ม ชาร์มกลัว ฮือๆๆ ฮือๆๆ” เธองอตัวลงต่ำยิ่งกว่าเดิมเมื่อเขาสะกิดมันแบบนั้นความกลัวของเธอทำให้วิโมกข์ตัดสินใจจับแมลงตัวนั้นด้วยมือของเขา พยายามไม่ให้สัมผัสโดนเธอแต่มันก็ยังมีบ้างแผ่ว ๆ เพราะเธออยู่ไม่นิ่งเลย“ผมจับมาแล้ว” เขาบอกกับคนที่ยังหลับหูหลับตาร้องไห้ชาร์มมิ่งค่อย ๆ หยุดร้องแล้วมองไปที่มือของเขา เมื่อเห็นแมลงตัวนั้นถูกจับออกไปแล้วจริง ๆ จึงยืดตั
บทที่ 4 หยุดร้องได้แล้ว!“โมก กลับบ้านเถอะลูก แม่มารับแล้ว” ปราณีเดินเข้าไปหาลูกชายแล้วประคองแขนให้เขาลุกขึ้น “พี่สองคนกลับบ้านไปพักผ่อนเถอะจ้ะ ทางนี้ฉันจัดการเอง ขอบคุณนะ” บอกกับหัวหน้างานทั้งสองที่ยอมสละเวลาพักผ่อนมาช่วยดูแลลูกชายด้วยความซาบซึ้ง“แม่เหรอครับ แม่มาได้ยังไงครับ” เขาพยายามประคองสติ ทำเหมือนไม่เมา “จากบ้านมาที่นี่ตั้งไกลนะครับแม่”“แม่เดินมากับเจ๊หวังแล้วก็เด็กๆ เรารอลูกกินข้าวเย็นด้วยกัน แต่ลูกยังไม่กลับไปสักทีก็เลยมาตามเพราะเป็นห่วง กลับบ้านไปกินข้าวกันนะลูก”“ทำไมถึงมาดื่มอยู่ตรงนี้ล่ะคะคุณหนู กลับไปดื่มที่บ้านดีกว่านะคะ” เจ๊หวังเข้าไปประคองเจ้านายน้อยของนางอีกคน“เหล้าที่บ้านมันเมาช้าครับป้า สู้เหล้าป่าแบบนี้ไม่ได้เมาเร็วดี เมาแล้วก็ลืม ลืมแล้วก็ไม่เจ็บ แล้วอีกไม่นานผมก็จะตาย ผมก็จะลืมเธอได้ตลอดชีวิต”“อย่าพูดเป็นลางแบบนั้นสิลูก แม่กลัวนะ” ปราณีร้องห้ามน้ำตานอง“ลืมเธอซะเถอะค่ะคุณหนู ผู้หญิงคนนั้นไม่เหมาะสมกับคุณหนูของหวังหรอกค่ะ เธอเป็นคนติดการพนันคุณหนูก็รู้อยู่เต็มอก อยู่กันไปก็มีแต่ผลาญ” เจ๊หวังกล่าวอย่างเหลืออดพร้อมเสียงสะอื้น“แต่ผมลืมเธอไม่ได้นี่ครับป้า ป้ารู
บทที่ 3 คู่บ่าวสาว“เจ้าสาวเป็นคนไทยหรือเปล่าหลุยส์” บารมีเริ่มซัก หลังจากรับรู้เพียงว่าเขาจะแต่งงานและถูกชวนให้มาที่นี่ด้วยกัน“อือ เธอน่ารักมากจนฉันรอต่อไปไม่ไหวแล้ว”“แสดงว่านายรู้จักกับเจ้าสาวไม่นานสิ”“เราเพิ่งเจอกันแค่สี่เดือนเองทศ แต่ตอนนี้เธอกำลังตั้งท้องลูกของฉันได้ห้าสัปดาห์แล้ว”“โอ้โฮ มีลูกทันใช้จริงๆ เพื่อนเรา” บารมีปรบมือดังฉาด “แล้วไปเจอกันได้อย่างไรล่ะ ลูกสาวนักธุรกิจด้วยกันเหรอ”“ไม่ใช่หรอกทศ เราเจอกันที่ร้านอาหาร เธอทำงานเป็นเลขา ฉันเจอเธอตอนที่ไปติดต่องานกับเจ้านายของเธอ” หลุยส์ เซียะ พูดถึงคนรักด้วยใบหน้ายิ้มแย้มตลอดเวลา“ฉันดีใจที่เห็นนายมีความสุข แล้วฉันจะไปงานแต่งของนายนะ ไหนล่ะการ์ด”“มันเป็นงานแต่งงานที่มีเฉพาะคนสนิท เราก็เลยไม่ได้ทำการ์ด” หลุยส์ เซียะ บอกวันเวลาและสถานที่แก่เพื่อนทั้งสองคน “หวังว่านายจะไปงานของฉันนะ”“ฉันจะไปแน่นอน ฉันอยากเห็นเจ้าสาวของนายว่าสวยคุ้มค่ากับที่นายยอมสละความโสดที่หวงแหนหรือไม่” วิโมกข์จดรายละเอียดไว้ในสมุดโน้ตประจำตัวเพื่อกันลืม“นายมาบอกเรากระชั้นชิดมากเลยนะหลุยส์ แบบนี้เราก็ตัดสูทไม่ทันล่ะสิ” บารมีแกล้งกระเซ้า“เจ้าสาวฉันใจร้อน
บทที่ 2 แม่ฟาร์มสวนยางปราณีมองสภาพเมาไร้สติของลูกชายด้วยความรู้สึกเจ็บปวดหัวใจเกินจะกล่าว นึกไปถึงตัวเองตอนที่ถูกพ่อของเขานอกใจ ความรู้สึกเจ็บปวดมันคงไม่ต่างกัน แต่ตอนนั้นเธอมีเขาแล้ว เธอจึงไม่กล้าแสดงความอ่อนแอให้เขาได้เห็น เธอทนและทนกับความเจ้าชู้ของพ่อเขาจนเขาอายุได้เจ็ดขวบ ความอดทนของเธอถึงขาดสะบั้น จบชีวิตคู่ด้วยกันเพียงแค่นั้นตอนนั้นเธอไม่ได้เอาเขาไปด้วยเพราะถูกปู่กับย่าของเขา ที่เป็นชาวจีนฮ่องกงที่อพยพเข้ามาทำกินในเมืองไทยขอร้องเอาไว้ เนื่องจากมีลูกชายและหลานชายเพียงคนเดียวที่จะสืบทอดทรัพย์สมบัติที่หลังขดหลังแข็งทำสะสมไว้ของตระกูล เธอจึงจำใจทิ้งลูกชายเอาไว้ แต่เธอยังโชคดีกว่าแม่คนอื่นๆ เพราะมีโอกาสได้พบปะกับลูกชายอยู่เสมอๆ โดยผ่านทางปู่กับย่า และเมื่อเธอได้แต่งงานใหม่กับสามีชาวอเมริกัน สามีใหม่ของเธอก็ยังยินดีที่จะให้เธอไปมาหาสู่กับลูกชาย แม้กระทั่งตอนที่ไปเรียนต่อก็ยังให้เขาไปพักอยู่ด้วยกัน ทำให้ความสัมพันธ์ของลูกๆ และสามีเธอเข้ากันได้ดีมากเมื่อเขาเรียนจบก็กลับมาช่วยงานบิดาและเริ่มศึกษาการทำฟาร์มเลี้ยงหอยเป๋าฮื้อ เริ่มจากทดลองเลี้ยงจนได้ผลเป็นที่น่าพอใจ แล้วจึงเริ่มเลี้ยงจ
Komen